คำตอบจากคนในของกรมหม่อนไหม หลัง 'ธนาธร' ตั้งคำถาม ทำไมต้องมีงบฯ ให้กรมหม่อนไหมมากขนาดนี้?

กลายเป็นอีกประเด็นที่มีการพูดถึงไม่น้อยจากกรณีที่เว็บ The Momentum ได้มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกมาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ที่เล่าถึงความ ‘สิ้นหวัง’ แบบขีดสุดจากสถานการณ์โรคระบาดที่รุมเร้า และมองไม่เห็นอนาคต พร้อมเผยถ้าหาก 2 ปีที่แล้ว เขาได้รับเลือกเป็น 'นายกรัฐมนตรี' แทนนายกฯ คนปัจจุบัน อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะทำอะไรในเวลานี้ในฐานะ ‘ผู้นำ’

ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เองได้มุ่งวิจารณ์ถึงการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน โดยข้อความส่วนหนึ่งได้มีการพาดพิงไปยัง ‘กรมหม่อนไหม’ ซึ่งข้อความส่วนนี้เจ้าตัวระบุว่า...

"หากจะแก้ปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณ ผมมองเป็นเรื่องยาก เพราะหลายปัญหา มันคงอยู่ด้วยอำนาจที่ค้ำยันมาอย่างแข็งแรงมาก ผมยกตัวอย่างสนุก ๆ คุณรู้ไหมประเทศไทยมีส่วนราชการที่ชื่อว่า ‘กรมหม่อนไหม’ กรมนี้มีงบประมาณ 560 ล้าน คุณลองคิดแล้วหาคำตอบให้ผมทีว่าทำไมประเทศไทยต้องมีงบฯ ให้กรมหม่อนไหมมากขนาดนี้"

"ถ้าเทียบกับกรมปศุสัตว์ที่ดูแลทั้งหมู ม้า แกะ แพะ วัว นมวัว เนื้อวัว ไก่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน แต่มีงบประมาณเพียง 5,840 ล้าน แต่กรมหม่อนไหม ได้รับงบประมาณมากกว่า 560 ล้านบาท แล้วหากคุณลองไปดูต่อก็จะพบว่ากรมหม่อนไหมนั้นไปส่งเสริมเชิงวัฒนธรรมให้กับคนบางกลุ่มได้ผลประโยชน์ อาจจะไม่ใช่เชิงเศรษฐกิจ แต่ในเชิงของการสร้างอำนาจ กรมนี้จึงคงอยู่และได้งบประมาณสูงขนาดนี้"

แน่นอนว่าเรื่องนี้ ก็ทำให้หลายคนมองว่าอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้นแสดงความเห็นเพื่อต้องการที่จะตีวัวกระทบคราดไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากกรมหม่อนไหมนั้นตั้งขึ้นโดยพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงนั่นเอง

ขณะที่ในเวลาต่อมาที่แฟนเพจ 'ผึ้ง ณ. ขวัญข้าว' ซึ่งระบุว่าตนเองทำงานอยู่ในสังกัด ‘กรมหม่อนไหม' ก็ได้มีการโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้และได้รับการส่งต่อไปในวงกว้าง โดยระบุว่า...

"เมื่อวานได้ข่าวสะเทือนใจคนทำงาน ตอนแรกก็แชร์เพราะรู้สึกอยากระบายอยากให้เข้าใจ แต่พอมาคิดสักพักสิ่งที่เราทำมันเป็นการเพิ่มยอดแชร์ให้คน ๆ นั้น ตัดสินใจลบ... อย่าให้ค่าและราคาเขาอีกเลย (ขีดเส้นใต้ว่าตลอดกาล)

"หน่วยงานเล็ก ๆ ที่มีหน้าที่ดูแลกลุ่มคนที่ไม่มีใครให้ความสนใจโดยเฉพาะจากนักการเมือง ถูกหยิบออกมาสร้างวาทะกรรม เสียดสีหวังให้สะเทือนถึงดวงดาว จนลืมไปว่า...สิ่งที่พูดนั้นมันทำให้เห็นถึงจิตใจที่แท้จริงของผู้พูด”

"หน่วยงานเล็ก ๆ ที่งบประมาณถูกตัดลงทุกปี ๆ มีคำอธิบายว่าต้องการให้เป็นหน่วยงานตัวอย่างที่ใช้งบน้อยแต่สามารถทำงานได้ คนทำงานกัดฟันตั้งใจทำงาน ใช้สรรพกำลังกาย ใจ สมอง ทำงานให้เต็มความสามารถ เพราะเราจะไม่ทอดทิ้งเกษตรกรแม้แต่คนเดียวให้อยู่เพียงลำพัง”

"ไม่ใช่แต่การอนุรักษ์วัฒนธรรม แต่เป็นการรักษาสมบัติภูมิปัญญาของชาติ ที่เกี่ยวพันไปถึงหลากหลายมิติ ให้มีอยู่มีกินมีรายได้ แม่ ๆ ป้า ๆ บอกเราเสมอว่า ที่มีอยู่มีกินมีเงินส่งลูกเรียนสูง ๆ ล้วนมาจากผ้าไหมผืนงามที่ทอขึ้นมา"

"อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ไม่ใช่ได้แค่ผ้าไหม แต่ยังมีทั้งอาหาร ยารักษาโรค เครื่องสำอางประทินผิว และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่นำมาซึ่งรายได้ของคนที่เป็นเกษตรกร ไปจนถึงการสร้างรายได้และสร้างอาชีพให้กับคนในเรือนจำ"

"และเส้นไหมเล็ก ๆ นี่แหล่ะที่ช่วยชีวิตคนในห้องผ่าตัดยื้อชีวิตจากความตาย!"

"หน่วยงานนี้มีมาตั้ง 100 ปี ถูกยุบบ้างพองบ้างตามการเมือง แต่งานก็ยังคงทำอยู่ไม่เคยเกี่ยงงอนใดใด"

"การทำงานท่ามกลางความขาดแคลน ต้องใช้หัวใจและกำลังใจในการทำ หลายครั้งควักไส้ควักพุงควักหัวใจตัวเองด้วยความเต็มใจ ออกไปทำงานออกไปสอนชาวบ้าน แค่อยากให้เขามีความรู้มีชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้น"

"นักการเมืองนักธุรกิจ คงไม่เคยรู้...เบื้องหลังผ้าไหมผืนงามที่สวมใส่ประดับบารมี มีความหวังมีความตั้งใจของหลาย ๆ ชีวิตอยู่ในนั้น ชีวิตเล็ก ๆ ที่มักจะถูกหยิบยกมาสร้างวาทกรรมต่าง ๆ นานา และสัญญาว่าจะทำให้คนรากหญ้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น"

"เราเชื่อว่าเขามีความเก่งมีความสามารถ ถ้าเขาเอามาช่วยพัฒนาให้มันดีขึ้นมันต้องดีอย่างมากมายมหาศาล ดีกว่าการพูดเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์บนความแตกแยก"

"แม้ว่าในใจมีคำพูดเป็นล้าน ๆ คำ แต่ก็ช่างแมร่งมันเถอะ ทำงานของตัวเองไปให้ดีที่สุด และเราเชื่อว่าพี่น้องในกรมของเราก็คิดแบบเดียวกัน"

"กรมที่ฉันอยู่ชื่อ 'กรมหม่อนไหม' เป็นหน่วยงานที่แทบจะไม่มีการเปิดสอนวิชาใดใดที่เกี่ยวข้อง ทุกคนต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง วิจัยและพัฒนาให้มันดีขึ้น นักวิชาการเกษตรที่ต้องปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปรับปรุงพันธุ์ สาวไหม ย้อมสี ทอผ้าและแปรรูปเป็น! ทั้ง ๆ ที่จบเกษตรแต่ต้องมีความรู้ทั้งทางสิ่งทอ อาหาร วิศวกรรม อุตสาหกรรม ไปจนถึงการแพทย์!"

"ผ้าไหมผืนหนึ่งหาใช่แค่ถักทอเส้นใย หากแต่ถักทอชีวิตและความเป็นอยู่ของคนที่เป็นประชาชนเข้าไปด้วย"

สำหรับกรมหม่อนไหมนั้น เดิมเรียกว่า 'กรมช่างไหม' ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2446 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในอดีตให้ความสำคัญเรื่องไหมเป็นอย่างมาก แต่ในระยะต่อมาได้มีการยุบกรมดังกล่าวเข้ารวมเป็นกอง ในสังกัดกรมกสิกรรม

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ จึงได้มีการยกฐานะสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ในขณะนั้นสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดตั้งเป็น 'กรมหม่อนไหม' ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในเรื่องของหม่อนไหมและเส้นใยต่าง ๆ

ทั้งนี้ กรมหม่อนไหม แบ่งการบริหารออกเป็นหน่วยงานในส่วนกลาง 4 สำนัก 2 กลุ่ม หน่วยงานที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคประกอบด้วย สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ 5 สำนัก และศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ 21 ศูนย์ ทั่วประเทศ


ที่มา: https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000068902

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10159558402209166&id=522434165

https://themomentum.co/closeup-thanathorn-juangroongruangkit/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9