Tuesday, 1 July 2025
POLITICS

กสม. ส่งหนังสือถึงนายกฯ ให้รัฐบาลชะลอเสนอขึ้นทะเบียนป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกก่อน จนกว่าแก้ปมสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์กระเหรี่ยงบางกลอยคลี่คลาย

สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่รัฐบาลจะนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเพื่อรับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 16 – 31 ก.ค. 2564 นั้น กสม. โดย น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกสม.ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ลงวันที่ 12 ก.ค.64 เสนอให้รัฐบาลชะลอการเสนอขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติออกไปก่อน จนกว่าปัญหาสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยจะคลี่คลาย

โดยระบุว่า กสม. เห็นถึงคุณค่าของการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชนกรณีกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน รวมทั้งที่ได้เคยตรวจสอบกรณีดังกล่าว กสม. มีข้อเสนอเพื่อพิจารณาในประเด็นดังนี้ 1. คณะกรรมการมรดกโลกขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้มีข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งในปัจจุบัน ยังปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหากรณีดังกล่าว อาทิ การโต้แย้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิในพื้นที่ดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย

2. แม้ภาครัฐได้พยายามแก้ไขปัญหาโดยการจัดสรรพื้นที่ให้กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยที่ถูกย้ายออกจากพื้นที่ดั้งเดิมแล้ว แต่ในทางปฏิบัติกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยยังประสบปัญหาในการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ได้รับการจัดสรรอย่างจำกัด ไม่ครบถ้วน และสภาพดินไม่สามารถทำกินได้อย่างเพียงพอ ต่อมา เมื่อประมาณต้นปี 64 กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยบางส่วนได้กลับเข้าไปทำกินและอยู่อาศัยในพื้นที่ดั้งเดิม ทำให้ถูกจับกุม และเกิดข้อขัดแย้ง กระทั่งได้มีการแก้ไขปัญหาตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 67/2564 ลงวันที่ 16 มี.ค.64 และมีการตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ด้านขึ้นมา เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผลการดำเนินการและข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม ในขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ซึ่งถูกจับกุมกำลังถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

3. กสม. ขอเสนอให้รัฐบาลชะลอการเสนอขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติออกไปก่อน จนกว่าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เมื่อปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมแล้ว กสม. พร้อมที่จะสนับสนุนการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติต่อไป

โดยกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยมีลักษณะเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ซึ่งควรได้รับการคุ้มครองสิทธิในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของตน รวมทั้งมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามที่รัฐธรรมนูญ60 และหนังสือสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามได้ให้การรับรองไว้

ครม.เว้นค่าธรรมเนียม “สปา-นวด-เสริมงาม”อีก 1ปี ส่วนสถานดูแลผู้สูงอายุ เว้นให้ 2 ปี ลดภาระปชช.ช่วงโควิด

น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี  แก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสปา กิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมความงาม ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 1 ปี  

ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 2564- 17 มี.ค. 2565 และยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการแก่การดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงแก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้มีภาวะพึ่งพิงเป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาลดภาระและบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)และจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับค่าธรรมเนียมกิจการสปาอยู่ที่ปีละ 1,000 บาท กิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเสริมความงามปีละ 500 บาท และกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงโดยมีการพักค้างคืนปีละ 1,000 บาท โดยมีกิจการสปาจำนวน 905 แห่ง กิจการนวดเพื่อสุขภาพและเพื่อเสริมความงาม จำวน  10,934 แห่ง และกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง จำนวน 138 แห่ง ทั้งนี้การเว้นค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ รัฐจะเสียรายได้ 6,640,000 บาท 

ประชุม ครม.ถกยาวมาตรการเยียวยา “บิ๊กตู่” ขอสวมบทเตมีย์ใบ้ ปัดตอบคำถามสื่อประเด็นสังคมเรียกร้องลาออก “โยน” โฆษกฯตอบแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีใช้เวลายาวนาน โดยส่วนใหญ่เป็นการหารือถึงมาตรการเยียวยาผลกระทบต่อจาก โควิด-19 ซึ่งสื่อมวลชนยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ได้รับการแจ้งจากที่สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าการแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ทางทีมโฆษกฯประจำสำนักนายกฯ จะมีการแถลงผลการประชุมผ่านทางเอกสาร

ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ได้ส่งคำถามผ่านคณะทำงานไปเช่นเดิม แต่ได้มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบแทน ซึ่งประเด็นคำถาม แยกเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นทางการเมือง ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความเห็นต่อกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจาก ล้มเหลวในการบริหารงานบริษัทเพราะการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด โควิด-19 รวมทั้งถามว่ามีความหวั่นไหวกับกระแสดังกล่าวหรือไม่ รวมทั้ง การตั้งคำถามว่า จะให้เหตุผลอย่างไร รวมทั้งมีวิธีรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร หากยังคงเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป อีกทั้งจะเรียกความเชื่อมั่นของคนไทยกลับคืนมาอย่างไร

นอกจากนี้ยังได้ตั้งคำถามนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทั้งแผนการส่งมอบวัคซีน ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดหรือไม่ แผนการกระจายวัคซีน การปรับสูตร ยกเลิกซิโนแวค 2 เข็ม การสะท้อนภาพซิโนแวคขาดประสิทธิภาพ
รวมทั้งมาตรการเยียวยาของรัฐบาล จากผลกระทบล็อกดาวน์ล่าสุด

อย่าเยียวยาแบบทรราชย์ ‘วิโรจน์’ กระตุกรัฐบาลเร่งออก 6 มาตรการเยียวยา ชี้ ต้องนั่งในใจประชาชน ไม่ใช่แค่โยนเศษเนื้อข้างเขียงมาให้ ย้ำ เมื่อล็อกดาวน์การหารายได้แล้ว ก็ต้องล็อกดาวน์รายจ่ายให้สอดคล้องกันด้วย

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการบริหารสถานการณ์ของรัฐบาลเกี่ยวกับจัดการการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019 ว่า รัฐบาลต้องยอมรับได้แล้วว่า การที่บ้านเมืองที่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทั้งหมดมาจากการละเลยต่อหน้าที่และมาจากความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดย TDRI ก็ได้สรุปและยืนยันไปในทำนองเดียวกัน ทั้งการไม่กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน การจัดฉีดวัคซีนล่าช้า ประชาชนจำนวนไม่น้อยถูกเลื่อนฉีดลอยแพ การตรวจเชิงรุกที่จำกัด ไม่ยอมเปิดให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจได้อย่างทั่วถึงกว้างขวาง มีประชาชนต้องนอนริมถนนเพื่อรอตรวจ การจัดสรรเตียงให้กับผู้ป่วยที่ตกค้างจนเกิดปัญหา ประชาชนต้องรอคิวตรวจ รอผลตรวจ รอเตียง รอยา

มีประชาชนหลายคน หลายครอบครัว เสียชีวิตคาบ้านระหว่างที่รอเตียง มีเด็กจำนวนไม่น้อยต้องกำพร้า หลายครอบครัวติดเชื้อยกบ้าน กว่าจะถึงมือหมออาการก็หนัก ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันละ 70-90 คน เทียบเท่ากับเหตุเครื่องบินตกที่เกิดขึ้นทุก ๆ 3 วัน

จนในที่สุดรัฐบาล ต้องถูกสถานการณ์ที่ล้มเหลวที่ตนเองสร้างขึ้น บีบให้ตัวเองต้องใช้มาตรการกึ่งล็อกดาวน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาตรการกึ่งล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ได้เป็นมาตรการตามยุทธศาสตร์ ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และคนที่เดือดร้อน ทุกข์ร้อนที่สุด ที่หนีไม่พ้น ก็คือ ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย ทั้งที่หาเช้ากินค่ำ และหาค่ำกินเช้า ตลอดผู้ประกอบการ คนทำมาค้าขายรายเล็กรายน้อย ไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น ผู้ประกอบการหลายราย ต้องหยุดกิจการไปก่อนหน้านี้นานแล้ว นี่คือความเสียหาย 2.5 แสนล้านบาทต่อเดือน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้ดีจากรายงานที่นายอนุทินทำแล้วส่งมาให้ แต่ไม่เคยนำพา ไม่เคยใส่ใจ

“วันนี้จึงต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาประชาชนอย่างเป็นธรรม เยียวยาแบบที่เข้าไปนั่งในหัวใจของประชาชน ไม่ใช่เยียวยาแบบผู้ปกครองทรราชย์ ที่ทำแค่โยนเศษเนื้อข้างเขียงมาให้ แล้วก็พูดว่า "ก็ช่วยไปหมดแล้วจะเอาอะไรอีก" ” วิโรจน์ กล่าว

วิโรจน์ย้ำว่า การเยียวยาประชาชนที่จำเป็นต้องสั่งการ ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด ณ ขณะนี้ มีทั้งสิ้น 6 ข้อ ด้วยกัน คือ

1.) การเยียวยาที่สมเหตุสมผล การระบาดในครั้งนี้ รุนแรงกว่าการระบาดระลอกแรก ดังนั้น การเยียวยา จึงไม่ควรต่ำกว่า กรณี "เราไม่ทิ้งกัน" โดยขอสั่งการให้รัฐบาลเยียวยาให้กับประชาชนทั้งที่เป็นแรงงานในระบบ และแรงงานนอกระบบ ที่เป็นเงินสดแบบถ้วนหน้า ผ่านระบบพร้อมเพย์ เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ในยามที่ประชาชนต้องเผชิญกับมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ของรัฐบาล

2.) มีจุดแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชน เพื่อเก็บตกประชาชนกลุ่มเปราะบาง อย่าให้เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนต้องนำเอาข้าวกล่องไปดูแลกันเอง แล้วยังถูกตำรวจจับดำเนินคดีเกิดขึ้นอีก

3.) พิจารณาจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดย่อม โดยพิจารณาจ่ายเป็นร้อยละของรายได้ในเดือนก่อนที่จะมีการระบาดระลอกที่ 3 เพื่อชดเชยภาระในการแบกรับค่าใช้จ่ายคงที่ อาทิ ค่าเช่า และค่าแรงพนักงาน และต้องพิจารณาจ่ายชดเชยย้อนหลังให้กับผู้ประกอบการ ที่ต้องหยุดการประกอบกิจการ จากคำสั่งของรัฐบาลไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย

4.) รัฐบาลต้องออกมาตรการช่วยเหลือ ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ แก่ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อย

5.) รัฐบาลต้องออกมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องจ่ายชำระหนี้แก่ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน โดยพิจารณาการยกเว้นการจ่ายดอกเบี้ย และพักการชำระหนี้ ในช่วงมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ ที่กระทบกับการทำมาหากินของประชาชน เพราะในเมื่อรัฐบาลล็อกดาวน์การทำมาหากิน การหารายได้ของประชาชน รัฐบาลก็ต้องออกมาตรการในการล็อกดาวน์ค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ที่สอดคล้องกันด้วย

6.) ให้ประชาชน มีสิทธิ์ในการเบิกชุดตรวจ Rapid Antigen Test มาตรวจตัวเอง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในจำนวนหนึ่ง ต่อสัปดาห์ เช่น 1 ชุดต่อสัปดาห์ โดยกำหนดให้ประชาชน ต้องรายงานผลตรวจ ให้กลับ สาธารณสุขทราบ หากพบผู้ติดเชื้อ ก็ให้เข้ารับการรักษาตามมาตรการของรัฐต่อไป สำหรับประชาชนที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ให้สามารถ ซื้อได้ในราคาถูก ราคาชุดละ 300-400 บาท ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนในยามยาก จึงต้องสั่งการให้รัฐบาล แก้ไขในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

“ผมขอให้รัฐบาล เข้าไปนั่งในหัวใจของประชาชนบ้าง ไม่ใช่กดหัวประชาชนไม่ยอมเลิก” วิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ดร.พิมพ์รพี' วอนรัฐ บอกให้ชัด ทำอย่างไรกับ ปชช.ที่ฉีดซิโนแวคแล้วสองเข็ม เติมเข็มที่สามให้ หรือให้ดิ้นรนเอาเอง แนะ รัฐคิดไปข้างหน้าแทนตามแก้ปัญหา เร่งสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว วอน หาเจ้าภาพประสานรับตัวส่งต่อผู้ป่วยกลับบ้านเกิด แนะเสนอหล

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการหลายอย่าง แต่ต้องยอมรับความจริงว่ามักจะช้าไปก้าวหนึ่งเสมอ เช่น โฮมควอรันทีน โลคอลควอรันทีน ซึ่งที่จังหวัดกระบี่ เดินหน้าเรื่อง โลคอลควอรันทีนมานานแล้ว นโยบายที่รัฐออกมาจึงช้ากว่าการจัดการของโลก จึงขอถามไปข้างหน้าถึงจังหวัดท่องเที่ยวที่มีโรงแรมมาก ๆ รวมถึงภูเก็ต ในเรื่องความปลอดภัย เพราะแม้จะมีการฉีดซิโนแวคไปสองเข็มแล้ว แต่ล่าสุดภาครัฐยอมรับการฉีดสองเข็มภูมิยังไม่ขึ้น ต้องมีบูทเข็มสาม และยังจะให้มีการฉีดเอสตร้าเซนนิกาด้วย คำถามคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อจากนี้จะทำอย่างไร คนที่ฉีดวัคซีนไปสองเข็มแล้วจะได้รับเข็มสามจากภาครัฐจัดหาหรือไม่ หรือต้องเข้าสู่โหมดพึ่งตัวเอง  รัฐบาลต้องคิดไปข้างหน้าและให้คำตอบกับประชาชน ก่อนที่ประชาชนจะให้คำถาม ทุกนโยบายที่ออกมาจึงต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน ไม่ใช่ตามแก้ในภายหลัง ซึ่งจะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลลง

“ยังมีปัญหานำผู้ป่วยจากกทม.กลับบ้านในต่างจังหวัด ในส่วนกลางยังไม่มีมาตรการเชื่อมโยงกับจังหวัดต่าง ๆ เลย มีแต่แต่ละจังหวัดต้องดิ้นรนกันเอาเองทั้งสิ้น ถ้ามีการดำเนินการอย่างเป็นระบบประสานจากส่วนกลางสู่จังหวัด จะทำให้การเข้าถึงระบบสาธารณสุขของผู้ป่วยทำได้ง่ายขึ้น และยังช่วยกระจายผู้ป่วยเข้าสู่การรักษาในพื้นที่ที่ยังไม่เกิดวิกฤตสาธารณสุข ผ่อนคลายสถานการณ์ภายในกทม.ได้ด้วย เรื่องเหล่านี้ท่านต้องทำอย่างเป็นระบบ แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็น ปัญหาใหญ่อีกประเด็นหนึ่งคือการส่งผู้ป่วยกลับบ้านเกิดถ้าระยะทางใกล้ความยุ่งยากน้อย แต่ถ้าระยะทางไกลจะเป็นปัญหามาก เนื่องจากรถที่ใช้รับส่งยังไม่มีการกั้นระว่างคนขับกับผู้โดยสารอย่างเป็นมาตรฐาน ใช้แอร์ร่วมกัน ไม่เพียงคนขับเสี่ยง กู้ภัยที่นั่งไปด้วยเป็นเวลากว่าสิบชั่วโมงก็หนีไม่พ้นความเสี่ยงด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้ส.ส.ช่วยประสานกันเต็มที่ แต่รัฐควรมีมาตรการที่เป็นระบบและมีหน่วยงานเจ้าภาพในเรื่องนี้ด้วย” ดร.พิมพ์รพี กล่าว

สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า หลายเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการขณะนี้เป็นเรื่องดี แต่ช้าไป ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร หรือระบบการรักษาทางไกล ให้ผู้ป่วยสีเขียวรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งก็ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บว่าเกิดจากปัญหาอะไร แต่อยากให้เป็นบทเรียนที่ต้องตระหนักว่า การออกนโยบายต้องคิดไปข้างหน้า ไม่ใช่ตามแก้หลังเกิดปัญหา จังหวัดกระบี่ตอนนี้พบการติดเชื้อในโรงเรียนปอเนาะถึงหนึ่งพันคน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักมาก กรมการแพทย์ควรประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งหลักเกณฑ์ปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงเพราะเมื่อเกิดปัญหาแล้วตามแก้ไขยาก เนื่องจากการระบาดไปไกลและยังเป็นภาระงบประมาณด้วย

'ราเมศ' ย้ำ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นไปตามหลัก ปชต ประชาธิปัตย์ ลุย ช่วย ปชช ก่อน 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า หลักการในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล เป็นหน้าที่ที่สำคัญของฝ่ายค้าน ตามระบบประชาธิปไตย เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลก็พร้อมชี้แจง รัฐมนตรีคนใดที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีหน้าที่ต้องชี้แจง ส่วนรัฐมนตรีของพรรค ไม่มีความกังวล เพราะยึดหลักซื่อสัตย์ สุจริต ในการทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งสถานการณ์ขณะนี้ต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ให้สุดความสามารถ มุ่งประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางจะมีรัฐมนตรีคนใดบ้างและยื่นช่วงเวลาใดก็เป็นดุลพินิจของฝ่ายค้าน ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้

ศปฉ.ปชป. ช่วยคนแก่ติดเตียงอายุ 104 ปี ติดโควิด ส่งตัวไปรักษาเร่งด่วน ญาติปลื้มหลังช่วยเหลือทันท่วงที 

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้รับผิดชอบประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.ปชป.) เปิดเผยว่าทีมอาสาของศูนย์ฯ ได้ทำงานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยหาเตียงให้กับผู้ป่วย ล่าสุดได้รับแจ้งจากนายชนินทร์ รุ่งแสง อดีต ส.ส. ของพรรค ว่าได้ให้การช่วยเหลือหาเตียงให้กับผู้ป่วยโควิด-19 อายุ 104 ปี เพื่อส่งตัวต่อไปเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลหลังจากทราบผลการตรวจว่าติดเชื้อ และถือเป็นกลุ่มเสี่ยงหากปล่อยให้รอเตียงหลายวันเนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อคือนางทองหล่อ อินทร์อ่ำ ข้อมูลจากเพจ CWN News Thailand ระบุว่าน่าจะเป็นคนไทยที่มีอายุเกือบมากสุดที่ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากมีอายุตามบัตรประจำตัวประชาชน 99 ปี เกิดเมื่อวันที่ 2 ม.ค.  2465 แต่หลานชายซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันระบุว่าคุณยายทองหล่อมีอายุที่แท้จริงคือ 104 ปีแล้ว แต่ตอนทำบัตรประชาชนไม่ได้แก้ไขให้ถูกต้อง โดยนางทองหล่อเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่บ้าน ซ.สวนผัก 25 ถ.สวนผัก เขตตลิ่งชัน กทม. พร้อมลูกสาว ลูกเขย และหลาน ๆ  ติดรับเชื้อจากลูกเขยที่มาดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ ได้ไปตรวจเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ก.ค. และตรวจครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลกลาง เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ผลการตรวจออกมาเมื่อวันที่ 11 ก.ค. พบว่าติดเชื้อโควิด  และเนื่องจากคุณยายทองหล่อ อายุมากถึง 104 ปีแล้ว หลานชายจึงได้ขอความช่วยเหลือเร่งด่วนในวันเดียวกันไปยังนายชนินทร์ รุ่งแสง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ช่วยดูแลในพื้นที่ นายชนินทร์จึงได้มีการเร่งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำผู้ป่วยส่งไปยังสนามที่ดูแลโดยโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองเป็นผลสำเร็จวานนี้ (12 ก.ค. 64) 

ภายหลังจากนั้นเฟซบุ๊กของ Sirichai Singhajaru ซึ่งเป็นหลานชายของนางทองหล่อ โพสต์ข้อความขอบคุณนายชนินทร์ รุ่งแสงและผู้เกี่ยวข้องที่ช่วยประสานเตียงให้คุณยายด้วยความรวดเร็ว จนถึงมือสถานพยาบาลด้วยความปลอดภัย 

โดยนายชนินทร์ เป็นหนึ่งในทีมอาสาช่วยประสานหาเตียงของพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่การระบาดระลอกใหม่ที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง ที่ผ่านมาได้ช่วยประสานเตียงให้ผู้ป่วยไปแล้วหลายราย รวมถึงการแจกจ่ายข้าวกล่อง และการแจกถุงยังชีพให้กับผู้ที่เดือดร้อนต้องกักตัว 

“การประสานเตียงในช่วงนี้จะทำงานได้ยากจากสถานการณ์วิกฤตเตียงผู้ป่วยโควิด-19 ที่ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับจำนวนเตียงที่จะรองรับ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้มีผู้ป่วยรอเตียงตกค้างอยู่ที่บ้านจำนวนมาก ทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางรายเข้าข่ายสีแดงที่ต้องเร่งหาเตียงให้อย่างรวดเร็ว แต่ทีมอาสาของพรรคฯ ยังมุ่งมั่นทำงานที่จะให้ความช่วยเหลือ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เปิดศูนย์มา มีผู้ร้องขอความช่วยเหลือมามากกว่า 1,000 ราย และช่วยเหลือได้เกิน 80% ถึงแม้ในช่วงนี้บางวันทีมจะหาเตียงให้ได้เพียง 4-5 ราย ก็นับว่าช่วยต่อลมหายใจให้ได้อีกหลายครอบครัว ดีกว่าการอยู่เฉยๆ และไม่ลงมือทำอะไร” นางดรุณวรรณ กล่าว

พท.แนะใช้หอประชุม รร.เป็นที่กักตัวแทนเถียงนา รับช่วย ปชช.จนเงินเดือน ส.ส.หมดทุกเดือน 

นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวคิดเถียงนาโมเดลของ ศบค.ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สถานการณ์จริงหลายพื้นที่ในจ.ขอนแก่น ได้มีประชาชนใช้เถียงนาอยู่อาศัยชั่วคราวหลังพบว่าตนเองติดโควิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะในอ.สีชมพู ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดคลัสเตอร์ฟันน้ำนม เด็กและครูในสถานรับเลี้ยงเด็กติดเชื้อจำนวนมาก ส่งผลให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องกักตัว แต่ด้วยศักยภาพของเถียงนานั้นไม่สามารถที่จะใช้เป็นสถานที่กักตัวได้ เป็นได้เพียงสถานที่แยกตัวเท่านั้น เนื่องจากเถียงนาไม่มีระบบสาธารณูปโภคเพียงพอต่อการใช้ชีวิต เช่น ห้องน้ำ ไฟฟ้าซึ่งจำเป็นมาก จึงได้ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น โดยได้ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันจัดทำถุงกำลังใจ ซึ่งมีอาหารแห้งพร้อมรับประทาน รวมถึงของใช้จำเป็นเบื้องต้น ประสานไปยังอำเภอนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ที่กักตัวและแยกตัวในอ.ภูเวียง อ.เวียงเก่า อ.หนองนาคำ และอ.สีชมพูแล้ว 

นายภาควัต กล่าวต่อว่า เหตุที่จำเป็นต้องเปิดรับบริจาค เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่าได้ใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว ที่เป็นเงินเดือนและค่าตอบแทน ส.ส. ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ติดต่อกันหลายเดือนจนหมดแล้ว แม้เงินเดือน ส.ส.อาจจะน้อยเมื่อเทียบกับเงินเดือนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ ผอ.ศบค.และรัฐมนตรีอีกหลายคนที่สละเงินเดือน 3 เดือน แต่ยืนยันว่าจะทำงานให้คุ้มค่ากับเงินเดือนที่มาจากเงินภาษีของพี่น้องประชาชนที่จ้างมาทำงานให้คุ้มค่าครบทุกบาททุกสตางค์ ทั้งนี้ ประชาชนที่อยู่เถียงนาหลายอำเภอในขอนแก่นค่อนข้างลำบาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลโดย ศบค.จัดโซนนิ่งสถานที่กักตัว โดยใช้สถานที่หอประชุมโรงเรียนที่ปิดการเรียนการสอนมาเป็นสถานที่กักตัว เพราะมีห้องน้ำและเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่าเถียงนา

รัฐบาล เผย ไทย วิจัยยาฟาวิพิราเวียร์ สำเร็จ อย.จ่อขึ้นทะเบียนตำรับยา หวัง ลดนำเข้า-ส่งขายตปท.

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามความคืบหน้าการวิจัยและพัฒนาการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศ สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ BCG (Bio-Circula-Green Economy) ของรัฐบาล โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รายงานว่า ได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่าง สวทช. องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ บริษัท ปตท. เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารตั้งต้น (Active Pharmaceutical Ingredients : API) ของการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ ความเป็นไปได้ในการผลิตเชิงพาณิชย์ เพี่อสร้างความมั่นคงทางยาให้แก่ประเทศไทย โดยความร่วมมือดังกล่าว มีความคืบหน้าอย่างมาก สามารถสังเคราะห์สารตั้งต้นที่มีความบริสุทธิผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และยังเป็นการสังเคราะห์จากสารตั้งต้นที่มีราคาถูกโดยไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันต้องมีการนำเข้ามากถึงร้อยละ 95 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้ ทางองค์การเภสัชกรรมคาดว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ได้วิจัยและพัฒนาขึ้นนั้น จะได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และจากนั้นจะเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 เข้าถึงยาอย่างเพียงพอ เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วง ประเทศไทยจะสามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในราคาที่ถูกกว่านำเข้าอย่างมาก 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สวทช. อภ. และ บริษัท ปตท. ด้วยว่า ครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการ (Laboratory scale) การถ่ายทอดเทคโนโลยีจนถึงระดับอุตสาหกรรม (Industrial scale) ตลอดจนการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (Feasibility Study) ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ จึงถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลความร่วมมือรัฐ-เอกชนในการพัฒนาอุตสาหกรรมยา ขณะเดียวกันการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยนักวิจัยไทยก็มีความก้าวหน้าไปมากเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ระยะยาวนำไปสู่การลดการนำเข้า และยังเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งบุคคลากรมีทั้งความรู้และนำไปต่อยอดเพื่อการผลิตขายต่อไปด้วย

“ณัฏฐ์ชนน” เผย "ภูมิใจไทย" พร้อมสู้ศึกซักฟอก ไม่สนกระแสจี้ถอนตัวพรรคร่วมรบ.  ลั่น ไม่คิดหนีปัญหาวิกฤตโควิด แต่หากทำแบบนั้นปชช.ไม่ให้โอกาสกลับมารอบหน้า วอนนักการเมืองอย่าซ้ำเติมสถานการณ์

ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส. สงขลา และรองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ เป็นการอภิปรายซักฟอกรัฐบาล ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล สิ่งสำคัญของเราคือการทำงาน โดยในพรรคเองได้กำชับส.ส.ให้ลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้าน สิ่งไหนที่ไปซ้ำเติมสถานการณ์เราก็หยุด ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนั้น ทางพรรคภูมิใจไทยก็จะอภิปรายปัญหาในพื้นที่ เช่น ตนก็จะพูดเรื่องการจัดสรรวัคซีน และการเยียวยาประชาชนในเขตพื้นที่ที่ศบค.ยังไม่อนุมัติงบประมาณ ซึ่งท่าทีของพรรคภูมิใจไทยชัดเจนว่าจะอภิปรายปัญหาในพื้นที่เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่เราต้องตระหนักมากที่สุดตอนนี้ คือ ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมพยายามแก้ไขปัญหา  เราอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายคนถามว่าทำไมพรรคภูมิใจไทยไม่ถอนตัวและทำไมไม่ลาออก ถ้าวันนี้หากพรรคภูมิไจไทยถอนตัวจากรัฐบาลก็จะทำให้รัฐบาลยุติการบริหารงาน แต่วันนี้มีสถานการณ์โควิด หากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวแล้วรอบหน้าประชาชนคงไม่ให้โอกาสกลับมา เพราะเวลาที่มีปัญหากลับหนีปัญหาหรือตัดช่องน้อยแต่พอตัว ตนคิดว่านายกฯก็เช่นกัน ท่านก็คงอึดอัดใจคิดจะตัดสินใจหลายอย่าง แต่หากกลับมารอบหน้าจะยากมาก และแทบไม่มีโอกาสได้กลับมา แต่ถ้านายกฯแก้ปัญหาให้หมดโควิด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ตนคิดว่าประชาชนจะตัดสินใจอีกรอบหนึ่ง

เมื่อถามว่าการที่จี้ให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาใช่หรือไม่ นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า เป็นความสะใจของหลายคนที่ถามว่าทำไมไม่ลาออก แต่วันนี้เกิดปัญหา พวกเราเข้ามาแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดปัญหาแล้วจะให้พวกตนลาออกเพื่อให้รัฐบาลล้ม แล้วถามว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะการรณรงค์หาเสียงออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งตอนนี้เป็นไปได้ยาก และเป็นการซ้ำเติมปัญหา ดังนั้นหลังสถานการณ์โควิดค่อยมาประเมินกันใหม่  และพวกตนก็จะประเมินตนเอง

เมื่อถามว่าตอนนี้มีหลายพรรคการเมือง เช่น พรรคไทยสร้างไทย  และพรรคเสรีรวมไทย รวมถึงภาคประชาชนล่ารายชื่อฟ้องนายกฯบริหารจัดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ผิดพลาด และเป็นรัฐบาลฆาตกร นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า เป็นประเด็นทางการเมืองที่เมื่อพรรคเหล่านั้นจะลงสนามเลือกตั้งก็ต้องเปิดประเด็นสิ่งที่เห็นต่างและคิดว่าประชาชนได้ประโยชน์ แต่กระบวนการทั้งหมดในการดำเนินคดี ถ้าทำได้ก็ต้องไปว่ากันตามช่องทางกฎหมาย แต่จะผิดหรือถูก พวกเราเป็นนักการเมืองก็รู้ ซึ่งสิ่งสำคัญไม่อยากให้นักการเมืองไปซ้ำเติมสถานการณ์ วันนี้ทุกคนสับสนหมด ทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหา เรื่องวัคซีน กระบวนการโรงพยาบาลสนามที่ไม่มีความชัดเจน ดังนั้นเราต้องตั้งสติดีๆ และแก้ไขปัญหาไปทีละอย่าง

“บิ๊กตู่” ถก ครม.เตรียนมอนุมัติขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน ตามมติ ศบค.เคาะมาตรการเยียวยาล็อกดาวน์ “จับตา” ชัวร์หรือมั่วนิ่ม แต่งตั้งปลัด มท.ข้ามห้วย หลังมีรายงานชื่อ จตุพร บุรุษพัฒน์ กระโดดมากินตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากบ้านพัก ภายใน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์  (ร.1 รอ. ) ซึ่งเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่ 2 จากบ้านพัก เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ต้องกักตัวหลังสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 โดยวันนี้เป็นวันที่ 9 ของการกักตัว

โดยที่ประชุม ครม.วันเดียวกันนี้ จะมีการพิจารณามาตรการเยียวยาประชาชน ภายหลังมีมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา เริ่ม 12 ก.ค.

นอกจากนี้ ครม.ยังจะอนุมัติขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. – 30 ก.ย. ขณะที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ เตรียมรายงานสหภาพยุโรปเสนอขอแต่งตั้งนายเดวิด เดลี เป็นวิสามัญผู้มีอํานาจเต็มแห่งสหภาพยุโรปประจําประเทศไทย 

ขณะเดียวกัน ในการประชุม ครม.วันเดียวกันนี้ ต้องจับตาว่าจะมีการแต่งตั้ง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตามที่มีรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหาดไทย เตรียมจะเสนอชื่อนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มาดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์ 100 ปีของการก่อตั้งกระทรวงมหาดไทยที่ ไม่ได้เอาลูกหม้อขึ้นมาดำรงตำแหน่งจริงหรือไม่

ทั้งนี้ ในส่วนข้าราชการกระทรวงมหาดไทยปัจจุบัน ผู้อาวุโสสูงสุดเรียงตามลำดับคือคือ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง และนายนิสิต จันทรสมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน สำหรับเหตุผลที่กระทรวงมหาดไทยจะรีบเสนอแต่งตั้งปลัดกระทรวงทั้งที่เหลือระยะเวลาอีก 3 เดือน นั้นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ไม่มีความแน่นอน จึงต้องรีบแต่งตั้งและจัดวางคนลงไป อีกทั้งรวมถึงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน

โฆษกรัฐบาลฯ แจง หน่วยงานราชการไม่ได้เก็บภาษีนำเข้าหรือบวกกำไรวัคซีนทางเลือกที่นำเข้าเพื่อโรงพยาบาลเอกชน “ยัน”ไม่ได้เก็บ VAT ซ้ำซ้อน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าได้รับทราบคำชี้แจงจากองค์การเภสัชกรรม ถึงการกำหนดราคาขายวัคซีนโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกให้กับโรงพยาบาลเอกชนว่า องค์การเภสัชกรรมไม่ได้บวกกำไรหรือบวกภาษีนำเข้าในราคาที่ขายให้กับโรงพยาบาลเอกชนแต่อย่างใด ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมชี้แจงว่าได้คิดราคาขายจากราคาวัคซีนที่ได้รับจากตัวแทนผู้ผลิต ซึ่งในกรณีวัคซีนโมเดอร์นาคือ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด จากนั้นจึงนำมารวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ เช่น ค่าเก็บรักษา ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยรายบุคคลเพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกในกรณีที่อาจมีอาการไม่พึงประสงค์เท่านั้น โดยไม่ได้บวกกำไรหรือบวกภาษีนำเข้าในราคาที่ขายให้กับโรงพยาบาลเอกชนแต่อย่างใด

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้ กรมศุลกากรได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการนำเข้าวัคซีนและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆนั้น ได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าอยู่แล้ว สำหรับของที่นำเข้ามาใช้ในการรักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามรายการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อดูแลและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงเดือน มีนาคม 2565 นั้น จะมีการเก็บเพียงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% จากผู้นำเข้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งในส่วนของภาษีซื้อนี้ บริษัทผู้นำเข้าสามารถขอคืนได้หรือเอาไปหักออกจากภาษีขายได้ด้วย ดังนั้น หากนำเข้ามาแล้วขายต่อโดยไม่คิดกำไร บริษัทผู้นำเข้าก็สามารถขอคืน VAT ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว แต่หากมีการนำเข้ามาแล้วบริษัทผู้นำเข้าขายทำกำไร ก็จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะส่วนต่างกำไรที่เกิดขึ้นเท่านั้น

“ที่มีกระแสข่าวว่าประชาชนต้องแบกรับภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บนั้น กรมสรรพากรได้ชี้แจงว่า การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฏหมายว่าด้วยสถานพยาบาลนั้น จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว ดังนั้น โรงพยาบาลเอกชนจึงได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นกัน จึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการแก่ประชาชนได้อีก แต่หากโรงพยาบาลเอกชนมีกำไรจากการประกอบการก็เป็นหน้าที่ในการเสียภาษีกำไรเช่นเดียวผู้ประกอบการในลักษณะอื่นๆ”โฆษกประจำสำนักนานกรัฐมนตรีกล่าว

“เลขาฯสมช.”ระบุ ไม่เลื่อนฉีดวัคซีนในกทม. โยน สธ.แจงข้อข้องใจ บ.แอสตราฯส่งวัคซีนให้ไทยน้อย ปัดตอบกระแสตั้ง เลขาฯสมช.คนใหม่ 

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด – 19)หรือ ศปก.ศบค. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการเลื่อนฉีดวัคซีนในพื้นที่กทม.ออกไปโดยไม่มีกำหนด ซึ่งสวนทางกับนโนยายการปูพรมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยงสูง หรือสีแดงเข้ม ว่า ขณะนี้การฉีดวัคซีนกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ไม่ได้มีการเลื่อนฉีดวัคซีนแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีข้อสังเกตว่าการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่ผลิตโดยบริษัทสยาม ไบโอไซเอนซ์ ที่ต้องส่งวัคซีนให้ประเทศไทยเดือนละ 10 ล้านโดส แต่มีกระแสข่าวว่าสามารถผลิตได้เพียง 5 ล้านโดสต่อเดือน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขอให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ชี้แจงในกรณีดังกล่าว 

เมื่อถามถึงการเตรียมแต่งตั้งเลขาฯสมช.คนใหม่ แทนพล.อ.ณัฐพล ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย.นี้ โดยมีกระแสข่าวว่าอาจเป็นบุคคลที่ข้ามห้วยมาจากสำนักงานปลัดกลาโหม พล.อ.ณัฐพล กล่าวปฎิเสธว่า”ไม่ทราบถึงกระแสข่าวดังกล่าว”

เสกสกล แช่ง เพื่อไทย มีโฆษกสากกะเบือ อนาคตพรรคถูกยุบแน่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19  พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ว่า ที่ผ่านมานายกฯ กระทรวงสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ และทุกภาคส่วนได้ทำงานแก้ไขปัญหาสถานการณ์อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ทั้งด้านสาธารณสุข การตรวจหาเชื้อเชิงรุก ล่าสุดได้เพิ่มจุดตรวจ และตั้งเป้าตรวจให้ได้วันละหมื่นคน โดยการตรวจหาเชื้อดังกล่าวจะใช้ชุดตรวจแรพิด แอนติเจน เทสต์ ( Rapid Antigen Test) ส่วนการบริหารจัดการวัคซีน นายกฯย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอย่างเต็มที่ ซึ่งวัคซีนการจัดหาวัคซีนโมเดอร์นาเป็นวัคซีนทางเลือกจะทยอยนำเข้ามาในไตรมาสที่ 4  ถึงมกราคม 2565 เช่นเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์ ครม.อนุมัติซื้อ จำนวน 20 ล้านโดส และเร่งนำเข้าในไตรมาส 4 เช่นเดียวกัน

นายเสกสกล กล่าวว่า คนเป็นฝ่ายค้านต่อให้ชี้แจงเรื่องใดไปคงไม่เข้าใจ  เพราะมีหน้าที่ค้านอย่างเดียว คอยแต่จะจ้องกล่าวหา โจมตี นายกฯกับรัฐบาลไม่หยุด เพื่อหวังผลทางการเมืองของตัวเอง การที่นายอนุสรณ์ระบุว่าแทนที่รัฐบาลจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหากลับกลายเป็นภาระ ปกติเสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่ทำงาน ยิ่งต้องมากักตัวยิ่งล้มเหลวและสูญเสียโอกาส ตนเองยืนยันว่านายกฯ ทำงานหนักทุกวันไม่มีวันหยุด การทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ ก่อนที่นายอนุสรณ์ จะตำหนิใครขอให้ย้อนดูตัวเองบ้างว่าทำงานบ้างหรือไม่ อย่าว่าแต่วันหยุดเสาร์ -อาทิตย์เลย วันธรรมดาคนอย่างนายอนุสรณ์ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนบ้างหรือไม่ แต่หากจะทำก็ทำแค่ใช้ปากจ้อเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ ให้ประชาชนเกิดความสับสน คนแบบนี้ตนเองถือว่าไม่มีสมองคิด 

คนที่เขาอยากให้นายกฯทำงานแก้ไขปัญหาก็ยังมีอยู่ นายกฯต้องอยู่แก้ไขปัญหาต่อไป จนครบวาระ โดยไม่จำเป็นต้องทำตามข้อเรียกร้องของนายอนุสรณ์ เพราะการเรียกร้องให้นายกฯลาออกนั้นล้วนแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง วันๆสมองคิดแต่โจมตีใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ พรรคเพื่อไทยใช้คนอย่างนายอนุสรณ์ เป็นโฆษกสากกะเบือแทนพรรค อนาคตต่อไปพรรคเพื่อไทยอาจจะถูกยุบ หรือพบความวิบัติหายนะอย่างตกต่ำ เพราะวาจาสามหาวของนายอนุสรณ์ปากตลาดคนนี้ ตามที่ตนเคยเตือนไว้ ไม่เชื่อคอยดู

“จุรินทร์” สั่งพาณิชย์จังหวัดติดตามราคาสินค้า ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาช่วงล็อกดาวน์ เตรียมปล่อยขบวนรถ Mobile พาณิชย์ จำหน่ายสินค้าราคาถูก 300 คัน ลงพื่นที่ 10 จังหวัด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังจากที่ ศบค.ประกาศมาตรการเตรียมล็อกดาวน์ถึงข้อกังวลในเรื่องราคาสินค้า ว่า ตนได้มีการสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการแล้ว โดยให้พาณิชย์จังหวัดแต่ละจังหวัดติดตามปริมาณและราคาสินค้า หากะบมีใครกระทำผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด เพราะถือเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์และประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด19 แล้วยังจะต้องมาเจอการเอารัดเอาเปรียบจากการจำหน่ายสินค้าเกินราคาซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยประชาชนหากพบเจอก็สามารถร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 ได้ 

นายจุรินทร์ ยังเปิดเผยอีกว่า ภายหลังจากที่มีมติ ศบค.เตรียมล็อกดาวน์ 10 จังหวัด คือ กทม.และปริมณฑล และจังหวัดในชายแดนภาคใต้ ที่จะเริ่มในวันที่ 12 ก.ค.นั้น กระทรวงพาณิชย์จะปล่อยขบวนรถ Mobile พาณิชย์ จำหน่ายสินค้าราคาถูกเป็นกรณีพิเศษจำนวน 300 คัน เพื่อเข้าไปใน 10 จังหวัดทันทีที่เริ่มมาตรการล็อกดาวน์ และจะจำหน่ายต่อเนื่องไปจนจบมาตรการล็อกดาวน์ โดยสินค้าที่นำไปจำหน่ายนอกจากจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปแล้ว ยังจะมีสินค้าสำหรับใช้ในการป้องกันเชื้อโควิด19ด้วย เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และภายในวันนี้จะมีการหารือคำนวณราคาสินค้าอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรให้มีราคาถูกที่สุด เพื่อสามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้มากที่สุดในช่วงล็อกดาวน์ รวมถึงในสัปดาห์หน้าก็เตรียมที่จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าในสถานประกอบการต่างๆอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top