Wednesday, 9 July 2025
POLITICS

'ชาดา' บุกหา 'ณัฐวุฒิ' หลังถูกกล่าวว่าแซงคิวอภิปรายฯ ด้าน 'อนุทิน' แจงไม่มีเหตุอะไร แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

ควันหลงเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 4 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ วาระแรกในชั้นรับหลักการต่อเป็นวันที่ 3 นั้น บรรยากาศการประชุมตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำการอภิปรายเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเวลา 21.15 น. ภายหลังจากที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายแล้วเสร็จ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ใช้สิทธิลุกขึ้นประท้วง นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม 

โดย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ประธานกำลังทำผิดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 67 เพราะการอภิปรายต้องสลับกัน และผู้อภิปรายสักครู่ (นายชาดา) ไม่มีชื่อมาก่อน ท่านไม่ชอบประชาชนชั้น 2 แต่ท่านมาแซงคิวอย่างนี้ ท่านเป็นประชาชนชั้น 1 เหรอ ท่านประธานถ้าไม่เคารพข้อบังคับและไม่เคารพกติกา มันจะวุ่นวายในสภาแห่งนี้ ท่านประธานในฐานะที่กำกับดูแลข้อบังคับ ท่านต้องสลับให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย”

ทำให้ นายชาดา ลุกขึ้นขอให้สิทธิชี้แจง แต่ นายสุชาติ ระบุว่า นายณัฐวุฒิ ประท้วงตน จากนั้นนายสุชาติได้ชี้แจง นายณัฐวุฒิ ว่า “ท่านลองดูข้อบังคับข้อที่ 68 เพราะก็มีการสลับอยู่แล้วข้างละสองท่าน เป็นอำนาจประธานอยู่แล้ว ไม่ได้ให้ข้างเดียวตลอด ส่วนชื่อ นายชาดา นายณัฐวุฒิ สามารถขึ้นมาดูกับตนได้ว่ามีชื่อนายชาดาหรือไม่ ยืนยันว่า เรียกตามรายชื่อ”

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนมีรายชื่อคนที่เข้าลิสต์อยู่ว่าเป็นใคร ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แล้วอยู่ดีๆ ชื่อนี้โผล่มาเรียกทันที คนที่รอคิวเขาจะนึกอย่างไร ตนเข้าใจว่า ประธานอาจจะไม่ทราบ แต่ประธานต้องเตือนอย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในสภาแห่งนี้ ทำให้นายชาดา พูดสวนขึ้นมาทันที ว่า ตนไปเกี่ยวอะไร นายณัฐวุฒิ มาว่าตนในการอภิปราย ท่านมีปัญหาอะไร จากนั้นนายสุชาติเตือนให้นายชาดาและนายณัฐวุฒินั่งลง เพราะถ้าไม่นั่งลงนายสุชาติจะยืนขึ้น

ต่อมา นายสุชาติ ได้แจงนายณัฐวุฒิ ว่า ขอเคลียร์อีกทีหนึ่งว่า ตนขึ้นมาทำหน้าที่พร้อมกับรายชื่อผู้อภิปราย เพราะฉะนั้นตนทำหน้าที่ตามข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่เป็นอะไร ท่านติงมาก็ดี เรามีอะไรค่อยๆ คุยกัน แก้ไขกัน จากนั้นนายสุชาติได้แก้สถานการณ์โดยพยายามนำเข้าสู่วาระการพิจารณา โดยให้ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท ดำเนินการอภิปรายต่อ

ซึ่งระหว่างนั้น นายชาดา พร้อมกลุ่ม ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จำนวนมาก ได้เดินจากหน้าห้องประชุมไปหลังห้องประชุม เพื่อเดินไปต่อว่ากับนายณัฐวุฒิ ทำให้ ส.ส.คนอื่นที่อยู่ในห้องประชุมตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จากนั้น นายชาดา ได้ตบหน้านายณัฐวุฒิ แต่นายณัฐวุฒิ ยกมือขึ้นมาป้องกัน ท่ามกลางความตกตะลึงของ ส.ส.ที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่ นายณัฐวุฒิ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้นายชาดา ดูว่าไม่มีชื่ออยู่ในลำดับที่จะอภิปราย แต่นายชาดาได้แย่งโทรศัพท์จากมือนายณัฐวุฒิแล้วโยนทิ้ง ก่อนที่ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ และ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา จะเข้าห้ามปรามและนำตัวนายชาดาออกนอกห้องประชุมไปทันที

ต่อมาเวลา 22:15 น. นายณัฐวุฒิ ลุกขึ้นอภิปรายตามลำดับรายชื่อผู้อภิปรายโดยเริ่มกล่าวก่อนว่า “อภัยทานํอามิสฺทานํชินาติ” การให้อภัยย่อมเป็นคุณแก่ผู้ให้อย่างยิ่ง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี, รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวถึงกรณีการกระทบกระทั่งกันระหว่างนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส.ส.อุทัยธานี และนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ในสภาว่า ตนได้ถามนายชาดาแล้วว่าไม่ได้มีเรื่องกระทบกระทั่ง ข่าวเมื่อช่วงค่ำๆ บอกว่า มีการผลักอก จึงได้เชิญนายชาดามานั่งรับประทานข้าวต้มร่วมกัน โดยนายชาดายืนยันว่า ไม่มีการผลักอก แต่นายณัฐวุฒิไม่ทราบว่านายชาดาได้รับการโอนคิวมาจากสมาชิกคนหนึ่ง แต่เอกสารในมือของรองประธานสภา นายสุชาติ ตันเจริญ มีชื่อของนายชาดาอยู่แล้ว ปัญหาดังกล่าวคือไม่มีอะไร

ผ่านฉลุย!! สภาฯ โหวต รับร่าง พ.ร.บ.งบ66 วาระแรก ลุงปลื้ม!! โหวตท่วมท้น โกยเสียง 278 ต่อ 194

สภาฯ โหวต รับร่าง พ.ร.บ.งบ66 วาระแรก ด้วยเสียงข้างมาก 278 ต่อ 194 ด้านนายกฯ ขอบคุณสมาชิกโหวตเสียงท่วมท้น บอกสบายใจขึ้น ขอนำรัฐนาวาเดินหน้าประเทศ

หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลากว่า 3 วัน 3 คืน ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 โดยในที่สุด มีมติเสียงข้างมาก รับหลักการในวาระแรก ด้วยคะแนน  278:194 งดออกเสียง 2 

โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ กล่าวขอบคุณสมาชิกในห้องประชุม พร้อมระบุว่า แม้การจัดสรรงบประมาณปีนี้ จะจัดทำภายใต้งบที่จำกัด แต่เราก็จะให้ความสำคัญ กับพี่น้องประชาชน และประโยชน์สูงสุดของประเทศตลอดจนการพิจารณาสร้างโอกาสสร้างความเสมอภาคให้กับประเทศ พร้อมฝากกรรมาธิการฯ นำสิ่งที่สมาชิกได้อภิปรายข้อเสนอแนะไปพิจารณาอย่างรอบคอบต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 72 คน โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจ คือ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย นายพีรวิทย์ เลื่องลือดลภาค ส.ส. พรรคไทยรักธรรม มาในสัดส่วนของ ครม. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร มาในสัดส่วนพรรคเสรีรวมไทย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ มาในสัดส่วนพรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 30 วัน โดยประชุมนัดแรก ในวันจันทร์ ที่ 6 มิถุนายน เวลา 14.00 น. ก่อนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากกล่าวปิดประชุมเวลา 01:27 น.

ขณะเดียวกัน ภายหลังปิดการประชุม นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงมาให้สัมภาษณ์ บริเวณโถงชั้น 1 ซึ่งเป็นทางออก โดยย้ำถึงการขอบคุณสมาชิกที่ลงมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 278 เสียง ซึ่งเป็นเสียงที่มากกว่า ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่ 269 เสียง พร้อมระบุว่า ผ่านไปแค่เรื่องหนึ่ง หลังจากนี้คงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อนำรัฐนาวาพาประเทศชาติเดินหน้าในทุกเรื่อง ทั้งนี้ ยอมรับว่า รู้สึกสบายใจขึ้น และพร้อมที่จะทบทวนงบประมาณในชั้นกรรมาธิการฯ ตามคำแนะนำของสมาชิก ส่วนการลงมติครั้งนี้ สะท้อนถึงเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าก็ตามนั้น ก่อนที่จะขึ้นรถกลับโดยโบกมือให้กับผู้สื่อข่าว และบอกว่า พรุ่งนี้ให้ไปตักบาตรด้วยกัน

'ก้าวไกล' ขวาง 'ภท' เลื่อน ส.ส.แทน 'สำลี รักสุธี' หวั่นเปิดช่อง ซื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอื่นได้

(2 มิ.ย.65) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ นายสำลี รักสุธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย สิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. แล้วให้เลื่อน ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคการเมืองนั้นขึ้นมา ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุการเลื่อนบัญชีส.ส.บัญชีรายชื่อจากบัญชีใด การที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุให้เลื่อนจากพรรคนั้น อาจตีความได้ว่าเป็นการเลื่อนของพรรคภูมิใจไทย ถ้าเป็นแบบนั้นจริง จะก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมายและปัญหาทางการเมืองตามมา เพราะถ้าเทียบเคียงกรณีศาลมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่พ้นสมาชิกภาพกรณีถือหุ้นสื่อ ศาลวินิจฉัยชัดเจนไม่สามารถเลื่อนบัญชีรายชื่อแทนที่ว่างได้ เพราะพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ กรณีนี้คล้ายกัน แต่ศาลรัฐธรรมนูญเขียนคำวินิจฉัยต่างออกไป

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า และถ้าให้มีการเลื่อนลำดับขึ้นมาได้จะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 เกี่ยวกับเรื่อง ส.ส.พึงมี เพราะหากให้เลื่อนบัญชีของพรรคภูมิใจไทย จะทำให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อเกินกว่า ส.ส.พึงมีของพรรคจากการเลือกตั้ง ทำให้คะแนนของพรรคอนาคตใหม่ถูกโอนไปพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งพึงปรารถนาทางการเมือง เป็นการส่งเสริมให้มีกระบวนการงูเห่า อาจมีการซื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคการเมืองอื่นได้ พรรคก้าวไกลจึงกังวล และขอเรียกร้องไปยัง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ อย่าเพิ่งเลื่อนบัญชีขึ้นมา ให้รอดูคำวินิจฉัยตัวเต็มก่อน และขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจกระทำไปโดยผิดพลาดคลาดเคลื่อน ลืมนึกไปว่านายสำลี มีส.ส.ต้นทางจากพรรคอนาคตใหม่


ที่มา: https://www.thaipost.net/politics-news/153657
 

'สมศักดิ์' ขอบคุณ 'ชัชชาติ' ตอบรับ ก.ยุติธรรม ให้โอกาสผู้ต้องขังชั้นดีลอกท่อช่วยแก้น้ำท่วม

(2 มิ.ย.65) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกระทรวงยุติธรรมประสานกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อส่งผู้ต้องขังชั้นดีไปช่วยลอกท่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม.ว่า ส.ส.กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลายคนได้มาพูดคุยกับตนเองถึงการดูแลคน กทม. เพราะเขาเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่กระทรวงยุติธรรมสามารถจะสนับสนุนได้ 

โดยก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรมก็พยายามทำอยู่แล้วแต่มีเหตุการณ์ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตามขอขอบคุณสื่อมวลชนที่สนใจติดตามที่จะทำให้ประชาชนมีความสุขกับเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ท่ออุดตันต่างๆ คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ทำอยู่ รวมถึงผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษแล้วจะได้มีเงิน มีความสุขบ้างที่จะได้ออกมาดูบรรยากาศข้างนอกชั่วครั้งชั่วคราวถือเป็นประโยชน์หลายมุม

“ขอขอบคุณผู้ว่าฯ กทม.ที่เห็นตรงกัน เข้าใจว่าการลอกท่อจะต้องมีการว่าจ้างบริษัทเอกชนที่รับทำความสะอาด และงบประมาณคงหมด เข้าใจอยู่และไม่ได้ไปกดดันอะไร เพียงแต่เตรียมพร้อมไว้ เพราะปีงบประมาณนี้เหลืออีกเพียง 3 เดือนกว่าเกือบ 4 เดือน”  รมว.ยุติธรรม กล่าว

‘ปธ.วิปฝ่ายค้าน’ พอใจภาพรวมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ชมนายกฯ คุมอารมณ์ดีขึ้น แต่ยังตอบไม่ตรงคำถาม

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ซึ่งเบื้องต้นกำหนดจะยื่นในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ว่า จะมีการประชุมอีกครั้งเพื่อเคาะรายชื่อรัฐมนตรี โดยในปีสุดท้ายของรัฐบาลได้วางไว้ 4-5 คน น้อยกว่าปีที่แล้วที่อภิปรายรัฐมนตรีทั้งหมด 9 คน พร้อมยืนยันว่ามีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แน่นอน ส่วนที่มีรายชื่อหลุดมาว่า มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เศรษฐกิจและสังคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั้น ต้องรอประชุมอีกครั้ง 

พรรคกล้า ชวนทุกพรรค ร่วมหนุน Pride Month ชูยุทธศาสตร์ Rainbow Economy บูมศก.ไทย

พรรคกล้า ชวนทุกพรรค ร่วมสนับสนุน Pride Month ผลักดันสู่สมรสเท่าเทียม “กรณ์” ชูยุทธศาสตร์ Rainbow Economy สร้างเศรษฐกิจไทย 

ตามที่ทั่วโลกยกให้เดือนมิถุนายน เป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ หรือ  Pride Month หรือ Pride Parade โดยใช้ธงสีรุ้งเป็นสัญลักษณ์ของสิทธิและความเท่าเทียมของมนุษย์ทุกคน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 นายเทมส์ ไกรทัศน์ รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า กล่าวว่า ความรักก็คือสิ่งสวยงาม ไม่ว่าคู่รักจะมีเพศภาวะหรือนิยามตัวเองว่ายังไง ควรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเท่าเทียม ประเทศไทยจะต้องเป็นความสุขของทุกคน การสมรสเท่าเทียมเป็นสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งจริงๆไม่ควรต้องมาเรียกร้องกฎหมายที่เป็นธรรมและมีความเสมอภาคจะช่วยสร้างให้เมืองไทย เป็นเมืองแห่งสิทธิเสรีภาพ อิสระ เท่าเทียม เปิดกว้าง และปลอดภัย

“ผมอยากเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมฉลองในเดือนแห่งความพิเศษ เดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQ+ เพียงเปิดใจยอมรับและปรับมุมมอง คุณก็จะเห็นคุณค่าความเท่าเทียมและความน่ารักในความหลากหลาย เพราะทุกคนย่อมได้สิทธิในความภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยมในสิ่งที่ตนเองเป็น โลกเราใช่แค่ หญิง กับ ชาย อย่างที่ทุกคนรู้ หรือแค่ ขาว และ ดำ แต่มีหลายเฉดสี เมืองไทยก็มีความหลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่ในทุกๆส่วนของสังคม มีมิติแห่งความหลากหลายแทรกอยู่ นี่แหละคือความสวยงาม” นายเทมส์ กล่าว 

'ทิพานัน' ตอก 'พท.' ตีบทผู้บริสุทธิ์ใส่ร้ายรัฐบาล สร้างชุดข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อฟอกขาวความผิดตัวเอง

'ทิพานัน' ตอกเพื่อไทยดิ้นฟอกขาว แสลงใจความจริงจำนำข้าว ตีบทผู้บริสุทธิ์ใส่ร้ายรัฐบาลประยุทธ์ ทั้งที่สร้างภาระงบประมาณทิ้งไว้มหาศาล ซัด 'วันนั้นเพื่อไทย' โกงชาวนาเข้ากระเป๋าครอบครัวใคร แต่วันนี้ประกันรายได้เข้ากระเป๋าถึงมือประชาชน   

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาแก้ตัวโดยพยายามบิดเบือนข้อมูลความเสียหายของรัฐจากการทุจริตโกงจำนำข้าวว่า ตลอดระยะเวลารัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อมาใช้หนี้จากการโกงจำนำข้าว อีกทั้งหน่วยงานรัฐต้องเปลืองงบประมาณ ทรัพยากรบุคคลต่างๆ ในการดำเนินการแก้ไข กู้สถานการณ์เรื่องข้าวของไทยกลับคืนสู่สถานะที่ดีขึ้น เป็นไปตามกลไกราคาตลาดที่จะซื้อขายกันได้จริง 

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ข้าวค้างสต็อกในโกดังกว่า 20 ล้านตันจากการโกง เป็นข้าวที่ต้องเปิดขายในราคาอาหารสัตว์ จึงมีรายได้เข้ารัฐต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และที่สำคัญอีกเรื่องคือ ประเทศไทยเสียแชมป์การส่งข้าวออกนอกประเทศให้กับอินเดียตั้งแต่ปี 2555 เพราะการโกงจำนำข้าวมีการสวมสิทธิ์เป็นชาวนาไทยเป็นจำนวนมาก นำข้าวคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมจำนำ จึงเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียแชมป์ส่งออกไปตอนนั้น

4 งานเบาะ ๆ ของ 'ตชด.' ที่ขอให้ ‘เจี๊ยบ ก้าวไกล’ ลอง!! หลังโจมตีงบฯ ‘ตชด.’ แถมแซะ "แทบไม่เหลือภารกิจ"

จากกรณี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 มีเนื้อหาตอนหนึ่งพาดพิงถึงงบประมาณของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และอภิปรายให้ลดบทบาทของหน่วยงาน ตชด. เพราะภารกิจลดลง จำเป็นต้องจัดงบประมาณให้เหมาะสม ตชด.ได้รับงบประมาณปี 2566 จำนวน 2,782 ล้านบาท มากเทียบเท่ากับงบประมาณหน่วยงานตำรวจขนาดใหญ่รวมกันถึง 3 หน่วยงานนั้น

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก 'เสธPlay' โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนี้...

ขออนุญาต Educate ท่าน ส.ส. ผู้ทรงเกียรติเรื่องภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดนหน่อยนะครับ

เผื่อท่านนึกไม่ออกหรือไม่มีความรู้จริงๆ ก็ขอให้ท่านทดลองงาน ตชด. แบบเบาๆ เบื้องต้น ตามรายการพวกนี้ รายการละ 1 สัปดาห์ก็พอ

1. เดินเท้าบุกป่าฝ่าดง ขึ้นเขาลงห้วย ไม่ต้องมาก สัก 1-2 ลูก ไปสอนหนังสือเด็กในที่ห่างไกล

2. ลาดตระเวนตรวจพื้นที่ ตรวจหลักเขตประเทศไทย ว่าไม่มีใครแอบไปเคลื่อนย้ายหรือทำลาย

3. ไปซุ่มในป่า รอจับ สกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติด หรือพวกลักลอบตัดไม้ ซึ่งแน่นอนต้องมีการนอนแรมกลางป่าระหว่างรอ ในป่าไม่มีแอร์ ยุงป่าตัวใหญ่กว่ายุงบ้านประมาณ 2 เท่า แมลงอื่นที่กัดแล้วคันเป็นชั่วโมง ไม่รวมพวกงู ปลิง หรือสัตว์อื่น ๆ

กกต.ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำตามความต้องการของผู้ใด

กกต.ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำตามความต้องการของผู้ใด
 สิ่งที่เราทำทุกอย่างเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย กระแสไม่ได้ทำให้เราละเลยความถูกต้อง

นายแสวง บุญมี 
เลขาธิการ กกต.
กล่าวเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ให้การต้อนรับ และมอบใบรับรองแก่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและ ส.ก. 45 ราย
โดยนายแสวง กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. และส.ก. ท่านได้รับเสียงมหาชน ต้องไปทำหน้าที่ตามที่ได้เสนอต่อประชาชน ขอให้ท่านทำหน้าที่ได้สำเร็จตามที่ได้เสนอไว้ เพราะประชาชนคาดหวังไว้ ขอบคุณท่านและผู้สมัครทุกคนทั้งที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ที่ได้ร่วมกับ กกต. ทำให้การเลือกตั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตั้งแต่เริ่มสมัคร หาเสียง จนประกาศผล การหาเสียงครั้งนี้เป็นไปด้วยความสร้างสรรค์ มีรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้การเลือกตั้งเป็นที่สนใจ และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

NGO ต่างจาก Lobbyist อย่างไร??

เป็นที่ถกเถียงในสังคมมาพักใหญ่ๆ แล้ว เกี่ยวกับ 'พ.ร.บ. ควบคุม NGO' ที่คนบางกลุ่มบางพวกนำมาอ้างว่าจะลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม การรวมกลุ่ม หรือรับเงินจากต่างชาติ จนนำมาซึ่งการประท้วงเพื่อให้พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ถูกนำมาบังคับใช้

อย่างไรก็ตาม หลายประเทศทั่วโลกก็มีกฎหมายแนวๆ นี้ บังคับใช้ โดยเฉพาะประเทศเสรีตะวันตก อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป หรืออีกหลายประเทศ

อย่างในสหรัฐอเมริกา มีกฎหมายที่ชื่อว่า FARA (Foreign Agents Registration Act) ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียองค์กรต่างชาติ องค์กรซึ่งเป็นตัวแทนของต่างชาติ หรือรับเงินต่างชาติเข้ามา ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงล้วนๆ เพราะมีไว้ควบคุมการเข้ามาแทรกแซง หรือครอบงำ หรือมีอิทธิพลของต่างชาติในการเมืองสหรัฐอเมริกา

หากมองลึกเข้าไปถึงแก่นแท้ จะเห็นได้ว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ ต้องการให้ NGO มีความโปร่งใส และเปิดเผยว่า...
1. เอาเงินมาจากไหน?
2. ใช้เงินทำตามวัตถุประสงค์หรือไม่?
3. แสวงหาอำนาจรัฐ หรือเอื้อต่อกลุ่มการเมืองใดหรือไม่?

อีกนัยก็เพื่อเป็นการแยก NGO ที่ดี ออกจากพวกที่มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง 

‘กรุณพล' แจง!! 'งบช้างป่วย' ไม่ใช่การลดบำนาญขรก. แต่ลดรายจ่ายประจำป้อนระบบราชการที่ใหญ่โต

กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ภายหลังจากพรรคก้าวไกลประกาศคว่ำงบ 66 มีความพยายามบิดเบือนคำอภิปรายของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่กล่าวถึง 'งบช้างป่วย' เช่น กรณีของ ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รีบออกมาตีธงตั้งแต่ก่อนการอภิรายว่า พรรคก้าวไกลต้องการของการคว่ำงบประมาณเนื่องมาจากไม่พอใจการจัดสรรงบประมาณแบบเดิมที่ส่วนใหญ่ใช้ไปกับงบบำนาญและสวัสดิการข้าราชการ ต่อมายังมีการกระจายความเข้าใจผิดแบบนี้ส่งต่อกันไปในโซเชี่ยลมีเดียนั้น

กรุณพล กล่าวว่า ต้องยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่มีและไม่เคยมีนโยบายลดเงินเดือนข้าราชการหรือบำนาญ แต่สิ่งที่ พิธา อภิปรายคือการฉายให้เห็นภาพรวมของงบประมาณว่า ส่วนใหญ่ใช้ไปกับอะไร และมี 'งบประจำ' อะไรที่ป้อนระบบราชการใหญ่โตแต่เทอะทะเหมือนช้างป่วยที่สามารถปรับลดได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นงบสัมมนา งบดูงานเมืองนอก งบโครงการที่ทับซ้อนกัน รวมถึงงบกลางที่เป็นเงินสำรองเพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลเอาไปใช้ได้ตามใจชอบ เป็นต้น

‘ยิ่งลักษณ์’ ฉะ ‘บิ๊กตู่’ อ้างหนี้สาธารณะเพิ่ม เพราะรับจำนำข้าวหรือบริหารงานไม่เป็น

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ระบุว่า...

จากที่คุณประยุทธ์ชี้แจงในการอภิปรายงบประมาณปี 2566 และได้มีการพาดพิงรัฐบาลดิฉันว่าต้องใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าวไปแล้วกว่า 7 แสนล้านบาท รู้สึกได้ทันทีว่าเป็นคำกล่าวหาเดียวกันที่เคยใช้มาเมื่อหลายครั้ง ซึ่งดิฉันก็ได้ชี้แจงไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ตามลิงค์นี้ค่ะ https://www.facebook.com/.../a.20100121.../4413336935377394/

ดิฉันจึงอยากขอฝากอะไรไว้ให้เป็นแง่คิดระหว่างพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีว่า แม้รัฐบาลดิฉันถูกโจมตีอย่างหนักว่า “สร้างหนี้” ทั้งๆ ที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่เพียง 45.91% แต่หลังรัฐประหารผ่านไป 8 ปี หนี้ได้พุ่งขึ้นไปที่ 60.58% โดยรัฐบาลคุณประยุทธ์จัดทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้นๆ ทุกปี

หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในช่วง 8 ปีที่ผ่านมามีจำนวนสูงถึง 4.4 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลยังมีแผนการก่อหนี้ไปเรื่อยๆ อย่างไร้ยุทธศาสตร์ของการเพิ่มรายได้ ผิดหลักการที่ต้องใช้เงินกู้เพื่อทำให้เศรษฐกิจขยายตัว และเมื่อขณะนี้ประชาชนไม่มีรายได้เพิ่ม หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้เพียงพอ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณลง 

จับโป๊ะ!! เหตุประท้วง ต้าน ‘พ.ร.บ.เอ็นจีโอ’ อ้างปิดกั้นการชุมนุม ทั้งที่เป็นกม.เผยที่มาเงิน NGO

จากรายการ ‘NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช’ โดย ‘อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์’ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ชวนคิดถึงประเด็นกฎหมายเปิดเผยที่มาของเงินอุดหนุน NGO ในไทย ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่ม NGO ออกมาประท้วงเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่า…

จากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีขบวนการ NGO (เอ็นจีโอ) บางกลุ่ม ออกมาประท้วง ‘ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร’ หรือเรียกสั้นๆ กันว่า ‘พ.ร.บ.เอ็นจีโอ’ โดยอ้างว่าเป็นกฎหมายที่ปิดกั้นเสรีภาพการรวมกลุ่มของประชาชน ซึ่งหลายฝ่ายต่างก็สงสัยว่า ร่าง พรบ.ดังกล่าว ไปเกี่ยวอะไรด้วย

เพราะไม่มีข้อความใดๆ ที่ระบุถึงการปิดกั้นเสรีภาพการรวมกลุ่มของประชาชนในเลย ในขณะที่สาระหลักของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ การตรวจสอบเส้นทางการเงินของ NGO หรือบรรดาองค์กรอิสระที่รับเงินจากองค์กรต่างชาติ เพื่อเข้ามาดำเนินกิจกรรมบางประการในประเทศไทยมากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกฎหมายดังกล่าว ยังนำต้นแบบมาจาก ‘กฎหมายลงทะเบียนองค์กรต่างชาติ’ หรือ The Foreign Agents Registration Act (FARA) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1938 ที่ระบุให้องค์กรที่รับเงินต่างชาติทุกองค์กร ต้องลงทะเบียนและชี้แจงเส้นทางการเงินอย่างเปิดเผยอีกด้วย 

โดย FARA นั้น ถูกวางไว้เพื่อป้องกันต่างชาติที่จะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการใช้องค์กรไม่แสวงหากำไร หรือ NGO มาเป็นเครื่องบังหน้า
 

‘พิธา’ เปรียบงบ 66 เหมือน ‘ช้างป่วยที่เต้นระบำไม่ได้’ ยัน!! ควรทำให้ดี เพื่อชี้ชะตาไทยใน 10 ปีข้างหน้า

(31 พ.ค.65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงินงบประมาณ 3,185,000 ล้านบาท ว่า ครั้งนี้คือ การอภิปรายงบประมาณครั้งสุดท้ายของการจัดสรรงบประมาณ โดยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งงบประมาณคือภาพสะท้อนว่า ประเทศของเราให้ความสำคัญกับอะไร ทุ่มทรัพยากรลงทุนไปกับเรื่องไหน และจากการลงทุนในวันนี้ อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร

“พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณอย่างมาก เรานำเทคโนโลยีมาใช้แปลงเล่มงบประมาณ 2 ลัง 20,000 หน้า ให้กลายเป็นไฟล์ CSV เพื่อง่ายต่อการนำข้อมูลมาใช้ เราใช้การมีส่วนร่วมจากประชาชนมาร่วมกันวิเคราะห์ มีตั้งแต่ข้าราชการไปจนถึงน้อง ม.5 ที่มาช่วยกันถอดงบตั้งแต่ในด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ทำให้พบว่าประเทศไทยนี้เป็นประเทศเจ้ายศเจ้าอย่าง เป็นประเทศแห่งการประชุม หากลองใส่ keyword ลงไปในไฟล์ คำว่า ‘รับรอง’ ขึ้นมา 380 ล้านบาท ใส่คำว่า ‘เบี้ยประชุม’ ขึ้นมา 940 ล้านบาท ใส่คำว่า ‘สัมมนา’ ขึ้นมา 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศไทยยังเป็นรัฐของผู้รับเหมาด้วย ซึ่งสะท้อนจากงบก่อสร้างที่มีอยู่ในงบประมาณหลายแสนล้านบาท”

พิธา ยังย้ำว่า ปีนี้คือจุดตัดสำคัญและเป็นปีแห่งการฟื้นฟู เพราะวิกฤต Covid ทั่วโลกกำลังคลี่คลาย เราเพิ่งมีการเลือกตั้งที่กรุงเทพมหานครที่ทำให้ประชาชนมีความหวังผ่านการเลือกตั้ง และที่สำคัญก็คือกำลังจะครบ 8 ปีการดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจจะทำให้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป การจัดงบประมาณในปีนี้ จึงมีความสำคัญมาก ต้องมียุทธศาสตร์มากกว่าปกติ ต้องสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการฟื้นฟูประเทศ เพราะถ้าเราจัดได้ดีประเทศก็จะไปได้ดีในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ถ้าเราไม่ปรับตัวอีกหลังจากทศวรรษที่สูญหายเพราะการมีผู้นำประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และระบอบ คสช. แล้วยังจัดงบประมาณแบบเดิมๆ ความหายนะที่เกิดขึ้นกับประชาชนจะตามมาและลูกหลานอนาคตก็จะพัฒนาไม่ได้

พิธา กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมของงบประมาณปี 66 เป็นเหมือน ‘ช้างป่วยที่เต้นระบำไม่ได้’ ในขณะที่เรากำลังเจอสถานการณ์รายได้ผันผวน รายจ่ายแข็งตัว การกู้ที่จะมีต้นทุนมากขึ้น ในเรื่องของรายจ่าย ส่วนใหญ่ยังใช้งบไปเพื่อเป็นรายจ่ายบุคลากรที่สูงถึง 40% อีกส่วนเป็นงบที่เอาไว้ชำระหนี้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นงบบุคลากร ใช้หนี้สาธารณะ ใช้หนี้นโยบาย หนี้ ธกส. สุดท้ายเหลือจริงๆ แค่ 1 ใน 3 เพื่อเอาไว้รับมือกับปัญหาปีต่อปีและความท้าทายในอนาคต

ต่อมา เรื่องรายได้ มีปัญหาว่าเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า 2-3 แสนล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเค้าโครงเศรษฐกิจของเราเน้นแต่การท่องเที่ยวในเชิงปริมาณไม่ใช่เชิงคุณภาพ และเน้นอุตสาหกรรมส่งออกรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะมีเศรษฐกิจที่อยู่นอกระบบการเก็บภาษีสูงถึง 40% และระบบภาษีแบบ 1 คนเลี้ยง 9 คน มีจำนวนผู้เสียภาษีเพียง 4 ล้านคนจากแรงงาน 40 ล้านคน

“เมื่อรายได้ผันผวนลดลงได้แต่รายจ่ายแข็งตัว ก็ต้องกู้มากขึ้น ซึ่งในขณะนี้มีวิกฤตเงินเฟ้อทั่วโลก ธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้วต่างขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้รัฐบาลก็ต้องกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น” พิธา ระบุ
 

‘บิ๊กตู่’ ลั่น ประเทศชาติจะหยุดพัฒนาไม่ได้ ยก 10 เป้าหมาย ผลักดันพ.ร.บ.งบฯ ปี 66

‘บิ๊กตู่’ ย้ำพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 66 มุ่งขับเคลื่อนและพลิกโฉมประเทศ วางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้มีผลเป็นรูปธรรม บรรลุวิสัยทัศน์ในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

เพจเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความ ว่า ...

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ

ช่วงวันที่ 31 พ.ค. - 2 มิ.ย.65 นี้ ผมและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน มีภารกิจสำคัญร่วมกัน ในการช่วยกันผลักดัน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งทุกท่านทราบดีว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน แก้ปัญหาต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชน และวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้มีผลเป็นรูปธรรม บรรลุวิสัยทัศน์ในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนให้กับบ้านเมืองของเรา

การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ มุ่งเน้นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ โดยรัฐบาลได้พิจารณาปัจจัยรอบด้านจากภายในและภายนอกประเทศ ทั้งการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง และการบริหารจัดการผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยงบประมาณนี้ จะนำไปขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ในการดูแลพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งผมขอยกตัวอย่างตามกลุ่มเป้าหมาย และกิจกรรมสำคัญ ในปีงบประมาณหน้าได้อย่างน้อย 10 ประการดังนี้

1. กลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ: (1) มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการศึกษา เพื่อรองรับโลกดิจิทัลในศตวรรษที่ 21 (2) ส่งเสริมการเติบโตอย่างสมวัย เช่น การสนับสนุนนม และอาหารกลางวันให้เด็กวัยเรียน 5.04 ล้านคน (3) ลดภาระผู้ปกครอง โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน 9.68 ล้านคน (4) สร้างความเท่าเทียม เช่น ช่วยเหลือเด็กผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส 2.68 ล้านคน ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และ (5) พัฒนานักกีฬาของชาติ ตั้งแต่ระดับเยาวชน เพื่อพัฒนาสู่ความเป็นเลิศด้านกีฬาอาชีพ ไม่น้อยกว่า 30,000 คน เป็นต้น  

2. กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ที่เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง: (1) สนับสนุนเบี้ยเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี 2.5 ล้านคน (2) เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 11.03 ล้านคน (3) เบี้ยยังชีพคนพิการ 2.09 ล้านคน (4) เสริมสร้างทักษะอาชีพเพื่อให้ผู้สูงอายุมีงานทำและมีรายได้ 12,000 คน (5) ส่งเสริมการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสาธารณะสำหรับคนพิการ 20,000 คน (6) พัฒนาศักยภาพคนไร้ที่พึ่งและคนขอทาน 98,930 คน และ (7) สร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เช่น บ้านพอเพียง 25,000 ครัวเรือน บ้านมั่นคง 3,750 ครัวเรือน และอาคารเช่าอีก 1,087 หน่วย 

3. กลุ่มพี่น้องเกษตรกร ที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ: เราจะให้ความสำคัญสูงสุดในการยกระดับภาคเกษตรกรรมสู่ "เกษตรอัจฉริยะ" (Smart Farmer) โดย (1) สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ และส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรให้เข้มแข็ง 7.92 ล้านครัวเรือน (2) การถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่และเกษตรอัจฉริยะใน 40 ชุมชน (3) บริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) จำนวน  71,540 ไร่ (4) ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารเข้าสู่ระบบมาตรฐานความปลอดภัย 240,500 แห่ง (5) ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ 3,023 แปลง 201,000 ไร่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องช่วยแก้ปัญหาพื้นฐานของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย เช่น การมอบสิทธิในที่ดินทำกิน 20,000 ราย และการลดดอกเบี้ยเพื่อการเกษตร 353,400 ราย
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top