Wednesday, 9 July 2025
POLITICS

ไขข้อสงสัย!! แชร์ ‘บิ๊กตู่’ อ่านกระดาษเปล่า ที่แท้เป็นเอกสารระดับสูง ไม่พิมพ์ 2 ด้าน

ภายหลังโลกโซเชียลมีการจับผิดการเยือนญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ซึ่งออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุม International Conference on the Future of Asia (Nikkei Forum) ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤษภาคม 2565 โดยปรากฏภาพนายกฯ นั่งอ่านแต่หน้ากระดาษเปล่าๆ เพื่อสร้างภาพว่าขยันทำงานนั้น

ล่าสุด เฟซบุ๊ก 'Pat Sangtum' ได้โพสต์ข้อความไขข้อข้องใจถึงกรณีดังกล่าวที่มีการวิจารณ์ ‘บิ๊กตู่’ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า...

เว้ยเฮ้ย ลุงตู่อ่านเอกสารเข้าเล่ม กระบืออวดเก่ง จับผิดว่ากระดาษเปล่า 5555 ไอ้ฟราย อายเป็นไหม

เป็นกระบือ อย่าปรือตา แหกตาดูซะว่า นายกฯ กำลังอ่านแฟ้ม ซึ่งเป็นเอกสารเย็บเข้าเล่ม

ในการทำงานระดับบริหาร ไม่มีใครจะสั่งพิมพ์กระดาษ 2 ด้าน หน้า-หลัง

อีกทั้งด้านหลังที่ว่าง ใช้เขียนโน๊ต หรือ remarks ต่างๆ ได้

แยกไม่ออกระหว่าง แฟ้มรายงานกับ บ้านและสวน

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามหลักความเหมาะสม การถ่ายภาพที่ติดข้อความโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความจากเอกสารทางราชการที่มีความสำคัญนั้น ไม่ควรถ่ายภาพให้เห็นหรือติดข้อความใดๆ เลยด้วยซ้ำ


ที่มา: เฟซบุ๊ก Pat Sangtum

หนองบัวฯ คึกคัก ร่วม "คิด" ร่วม "สร้างอนาคตไทย" ปักธงเมืองหลวงของอีสานตอนบน

“พรรคสร้างอนาคตไทย” บุกอีสานปักธงจังหวัดแรกที่หนองบัวลำภู พร้อมเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส. บรรยากาศสุดคึกคัก ประชาชนแห่ต้อนรับอย่างอบอุ่นกว่า 400 คน

วันนี้ (26 พ.ค.) เวลา 10.00 น. พรรคสร้างอนาคตไทยนำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคฯ พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคฯ นายสุพล ฟองงาม ประธานภาคอีสาน และกรรมการบริหารพรรค นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคฯ และผู้อำนวยการพรรคฯ นายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรคฯ นายวัชระ กรรณิการ์ ประธานภาคกลาง และรองเลขาธิการพรรคฯ และผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส. ภาคอีสานกว่า 20 คน ลงพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ณ โรงแรมณัฐพงษ์แกรนด์ เพื่อพบปะประชาชน และเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรค คือนางศรัญยา สุวรรณพงษ์ เขต 1 และนายอภิรัฐ มุกขะกัง เขต 3 ท่ามกลางบรรยากาศการต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายอุตตม กล่าวว่า พรรคสร้างอนาคตไทยยืนยันความชัดเจนที่เข้ามาอาสาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งเรื่องต้นทุนค่าครองชีพ และรายได้ที่ตกต่ำลง รวมทั้งปัญหาหนี้สินที่สั่งสมมายาวนาน

“ประเทศไทยเผชิญมรสุมเศรษฐกิจติดต่อกันมาหลายปี วันนี้นอกจากปัญหาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รายได้ที่ลดลงแล้ว ยังมีปัญหาหนี้สินที่พอกพูนขึ้นมาอีก กลายเป็นหลุมลึกที่ทำให้คนไทยไม่สามารถหลุดออกจากวงจรความยากจนได้”

พรรคสร้างอนาคตไทย ชูนโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะของพี่น้องเกษตรกร และผู้ประกอบการฐานราก ซึ่งเป็นปัญหาหมักหมมมาเนิ่นนาน ทั้งนี้ พรรคมีแนวคิดใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนแล้ว พร้อมจะประกาศเป็นนโยบายในเร็วๆ นี้

‘หริรักษ์’ ชี้ อาจได้เห็นสงครามกลางเมือง! หากเลือกตั้งใหญ่แลนด์สไลด์ เหตุไม่เชื่อจะมีรบ.ดีกว่าเดิม

'รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร' แนะให้สังคมยอมรับเสียที ว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบเดิมไม่ใช่วิธีได้รัฐบาลที่มีคุณภาพสูง ชี้เลือกตั้งครั้งหน้าหากแลนด์สไลด์จริง สงครามกลางเมืองอาจเกิดขึ้น!

26 พ.ค.2565 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหา ว่าบังเอิญไปเปิดดูรายการย้อนหลังรายการหนึ่ง มีนักวิชาการชื่อดังท่านหนึ่งแสดงความเห็นอย่างมั่นใจกรณีที่ รศ.ดร.ชัชชาติ ได้คะแนนเสียงอย่างถล่มทลายว่า คะแนนเสียงส่วนหนึ่งได้มาจากกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐประหารแต่เมื่อภายหลังจึงได้เห็นว่า การรัฐประหารทำให้ได้รัฐบาลแบบนี้ จึงเปลี่ยนใจมาลงคะแนนให้คุณชัชชาติ

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ออกไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ภายใต้การกำกับดูแลและสั่งการของคุณทักษิณ ตั้งแต่ที่สามเสน มาที่ราชดำเนิน ศูนย์ราชการ ปทุมวัน และสวนลุมพินี พวกเราส่วนใหญ่ที่ไปร่วมชุมนุม ไม่มีใครสนับสนุนการทำรัฐประหาร แต่ที่ไม่มีใครเคลื่อนไหวคัดค้านเมื่อเกิดรัฐประหาร ก็เนื่องจากเรามองไม่เห็นทางออกทางอื่น เพราะรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะอยู่เป็นรัฐบาลต่อไป ซึ่งก็เชื่อได้ว่า นั่นไม่ใช่การตัดสินใจของคุณยิ่งลักษณ์เอง

สะพัด!! ส.ก.ก้าวไกล -วัฒนา ถูกอดีตลูกจ้างสาวสองแฉ เคยพูดจาคุกคามทางเพศ นั่งอ้าขาเอามือลูบเป้าโชว์

ส.ก.ก้าวไกล เขตวัฒนา ถูกอดีตลูกจ้างสาวสองร้องเรียนถูกพูดจาคุกคามทางเพศตลอดเวลาที่ร่วมงานด้วย ครั้งหนึ่งถึงขั้นนั่งอ้าขาเอามือลูบเป้าโชว์

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2565 นาดา ไชยจิตต์  นักกิจกรรมสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กชื่อ "Nada Chaiyajit"  ระบุว่า ... #ไม่เอาสมาชิกสภากรุงเทพฯ ที่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการและสมาชิกสภากรุงเทพฯ ครั้งประวัติศาสตร์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว เราได้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ คนใหม่ และสมาชิกสภากรุงเทพฯ ที่กำลังรอให้ ก.ก.ต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ชาวกรุงเทพฯ กำลังเฉลิมฉลองค่ำคืนแห่งชัยชนะของผู้สมัคร ส.ก.ท่านหนึ่งประจำเขตวัฒนา นาดาได้รับข้อความจากน้องคนหนึ่งชื่อ อลิส (นามสมมติ) เธอเป็นหญิงข้ามเพศ ที่เคยเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของว่าที่ ส.ก.ท่านนี้ เมื่อครั้งสมัยทำงานเพื่อสังคมในนามกลุ่มเส้นด้ายเพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปพร้อมๆ กับการลงพื้นที่ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคก้าวไกล โดยนาดารับเรื่องราวร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือของเธอไว้พร้อมๆ กับที่เธอขอรับคำปรึกษาจากคณะผู้ก่อตั้ง Trans For Career Thailand ซึ่งในขณะนั้นมีคุณซารีน่า Nijshanaaj Sudlarphaar ภายหลังจากที่เราปรึกษา เราเห็นแล้วว่าข้อความที่ปรากฏในแชตไลน์เป็นข้อความที่ไม่เหมาะสมที่นายจ้างจะใช้เป็นบทสนทนาทั่วไประหว่าง #ผู้ที่มีฐานอำนาจมากกว่าในฐานะนายจ้าง และ #ผู้มีแหล่งอำนาจน้อยกว่าในฐานะลูกจ้าง มันคือการคุกคามทางเพศหรือก่อให้เกิดความรำคาญทางเพศใช่หรือไม่ ยังไม่นับเหตุการณ์ที่เธอถูกเรียกเข้าห้องทำงานส่วนตัวแล้วเจอกับ...ตามที่เธอเขียนมาเล่าให้นาดารับทราบด้านล่างนี้

“วันที่ 14 ก.ย. 2564 ฉันได้ทักข้อความไปสมัครงานในตำแหน่งธุรการทั่วไปของบริษัท.... ซึ่งเป็นบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่าที่พัก โดยมีการนัดสัมภาษณ์งานในวันที่ 22 ก.ย. 2564 เวลา 09.00 น. ได้สัมภาษณ์กับ HR ของบริษัท และ HR ได้ทำการถ่ายรูปของฉันส่งไปให้กับทางเจ้าของ หลังจากนั้นเจ้าของได้เดินทางเข้ามาสัมภาษณ์ฉันด้วยตัวเอง มีถามคำถามฉันด้วยว่าแปลงเพศหรือยัง ในวันนั้นฉันได้ทดลองงานจนถึง 18.00 น. ในระหว่างวันของการทดลองงาน ช่วงบ่ายทางเจ้าของได้ให้ฉันเดินทางไปดูงานที่ศูนย์เส้นด้ายวัฒนาซึ่งอยู่ในซอยปรีดีพนมยงค์ 25 เขาพาฉันเดินดูรอบๆ ศูนย์ รวมถึงพาเข้าห้องทำงาน ซึ่งมาทราบทีหลังว่าปกติจะห้ามคนเข้าไป ฉันไม่รู้วัตถุประสงค์ว่าเพราะอะไร

‘ก้าวไกล’ ร้องสภาทบทวน ตัดสโมสรหรูในรัฐสภา ชี้!! ส.ส.ไม่ควรสำราญในขณะที่ประชาชนลำบาก

‘ปดิพัทธ์ - ก้าวไกล’ ขอสภาทบทวนฟังก์ชันสโมสรรัฐสภา ย้ำชัด ส.ส.ไม่ควรสบายในขณะที่ประชาชนลำบากท่ามกลางวิกฤติประเทศ ควรใช้เป็นสถานที่ทำงานในฐานะตัวแทนราษฎร มากกว่าสุขสบายบนภาษีราษฎร 

ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.จังหวัดพิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล แถลงข่าวขอให้รัฐสภาทบทวนการใช้งานสโมสรของรัฐสภา ที่จะมีห้องสันทนาการ, สปา, ลู่วิ่ง, ห้องซ้อมลีลาศ, ห้องซ้อมร้องเพลง, ห้องนวดฝ่าเท้า, นวดแผนโบราณ และห้องตีกอล์ฟ ว่า ได้หารือเรื่องนี้ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเช้า เพื่อชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่ต้องทบทวนทั้งด้านความจำเป็นและความเหมาะสมในการใช้งบประมาณก่อสร้างสโมสรรัฐสภาทั้งหมด 

ทั้งนี้ ปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมและสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมและกิจกรรมนันทนาการวุฒิสภา ได้นำสื่อมวลชนชมสโมสรรัฐสภา ซึ่งมีสมาชิกวุฒิสภาหลายท่านร่วมชมด้วย ปรากฏว่าเป็นที่น่าตกใจ เนื่องจากมีห้องต่างๆที่ต้องบอกว่าเกินจำเป็น ซึ่งพวกตนไม่ได้เป็นผู้ติดตามแผนโครงการนี้แต่แรก แต่คิดว่าสื่อมวลชนและประชาชนคงเห็นกันอยู่ว่า ตลอดเวลาที่เปิดใช้รัฐสภาแห่งนี้มา พื้นที่สำหรับคนทำงานมันน้อยเหลือเกิน เจ้าหน้าที่รัฐสภาแทบไม่ใช่พื้นที่ในการทำงาน เอกสารกองไม่เป็นที่ สื่อมวลชนต้องอยู่ภายในพื้นที่ที่จำกัด มีน้ำรั่วจากฝนตกทุกครั้ง 

‘พล.อ.วิชญ์’ เปิดปมร้าว ‘ธรรมนัส’ ลั่น ไม่ให้เกียรติ เห็นเป็นแค่หุ่นเชิด

‘พล.อ.วิชญ์’ ลั่น ผมเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่หุ่นเชิด หวังเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง กลับไม่ให้เกียรติ ไม่ฟังมติพรรค ก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ แฉ เป้าหมาย ‘ธรรมนัส’ มาเพื่อไปต่อ

25 พ.ค.2565 พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงปัญหาภายในพรรคเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะกับกลุ่มก๊วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย จนเป็นที่มาของการลาออกจากหัวหน้าพรรค และ 15 กรรมการบริหารพรรคว่า ตนไม่ได้มีอะไรกับใคร เพียงแต่ว่า ตนกับ ร.อ.ธรรมนัส  มีความไม่เข้าใจที่เป็นไปในทิศทางเดียว กันต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ซึ่งตนก็คิดว่ามันก็ไปด้วยกันลำบาก

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถ้าเรารับฟังทั้งสองฝ่ายก็คงจะไปได้ แต่ไปเชื่อบุคคลที่ 3 บ้าง อะไรบ้าง เราควรจะมานั่งคุยกัน  ซึ่งตนก็เห็นคนอื่นที่เพิ่งเข้ามาในพรรค เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานเพื่อบ้านเมือง พอมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ทุกคนก็ผิดหวังกับสิ่งที่เขาได้ตั้งใจที่จะมาทำ

"เราเหมือนเป็นหุ่น ที่วางไว้เฉยๆจะหยิบไปวางตรงไหนก็ได้ มาสั่งการ มาทำอะไร ผมไม่ใช่หุ่น ผมเป็นคน และอยากทำงานให้ดี และพยายามฟังทุกคนที่เขามีข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะที่ดีแต่กลับกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างเขาไม่เอา และจะไม่ทำตาม คือสิ่งที่ผมคิดอยู่ ว่าผมไม่ใช่หุ่นเชิด แต่มานั่งทำงาน และมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าพรรค แต่ไม่ใช่บ้าตำแหน่ง หรือจะมามีอำนาจหรืออะไรทั้งสิ้น"

นายกฯ สั่งเร่งแก้หนี้ครัวเรือนทุกกลุ่มเป้าหมาย


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งผลักดันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการการทำงานเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนในทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับถึงการสร้างความรับรู้แก่ประชาชนเพื่อรับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่ 

จากข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีที่กำหนดให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยเพื่อพิจารณาขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขสถานการณ์หนี้ครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม พบว่ากลุ่มปัญหาหนี้ครัวเรือนมี 6 กลุ่ม ได้แก่
 
1. กลุ่มหนี้นักเรียนหรือหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 
2. กลุ่มหนี้จากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 
3. กลุ่มหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล
 4. กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ 
5. กลุ่มหนี้นอกระบบ 
และ 6. กลุ่มลูกหนี้ทั่วไป 

สศช. ดันดันระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค คาดดึงเงินลงทุนสะพัด 3 แสนล้าน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. ได้มีการศึกษาแนวทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ภายใต้โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทและขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ โดยผลักดันการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาคทั่วประเทศ ซึ่งจะดูศักยภาพและโอกาสของพื้นที่ การวางยุทธศาสตร์การพัฒนา และการออกแบบฉากทัศน์เศรษฐกิจเชิงพื้นที่ของจังหวัดในระเบียงเศรษฐกิจ ตามจุดเด่นของแต่ละภาค 

สำหรับผลักดันการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาคทั่วประเทศ ซึ่งจะดำเนินการในช่วงปี 2565 - 2575 คาดว่าจะช่วยให้เกิดการลงทุนในพื้นที่รวมประมาณ 3.1 แสนล้านบาท โดยหากทำสำเร็จคาดว่าจะส่งผลให้ GDP ของประเทศเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 5.8% ต่อปี โดยจะเป็นพื้นที่รองรับการลงทุนใหม่ โดยการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ คาดว่าในช่วงเวลา 1-2 ปีจากนี้จะเริ่มมีเอกชนเข้าไปลงทุนในพื้นที่

‘ทิพานัน’ ยกคังคุไบ สวน ‘ทักษิณ’ เรื่องความซื่อสัตย์ ชี้ แค่ความซื่อตรงยังไม่มี อย่าริสอนจริยธรรมคนอื่น

‘ทิพานัน’ ยก ‘คังคุไบ’ ตอกกลับ ‘ทักษิณ’ เรื่องความซื่อสัตย์ จากโสเภณีกลายเป็นนายกกามธิปุระ ส่วน ‘นายกฯ ทักษิน’ กลายเป็น นักโทษหนีอยู่คดีอยู่ดูไบ’ เพราะโกง แนะถอดบทเรียนด่วน กระซิบรีบกลับไทยมารับโทษ ก่อนสอนจริยธรรมคนอื่น

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรียกข้อคิดจากภาพยนตร์อินเดีย ‘คังคุไบ’ สอนการเป็นผู้นำต้องเห็นใจ และเคารพคนอื่นว่า ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนอกจากจะให้ความบันเทิง ยังให้ข้อคิดในหลากหลายมุมมาก หนึ่งในข้อคิดที่อยากจะชวนท่านอดีตนายกรัฐมนตรีได้ขบคิดไปพร้อมๆกันก็คือ  Be Honest ความซื่อสัตย์และจริงใจจะทำให้คุณเป็นคนที่ดีกว่าเดิม  ในประโยคที่คังคุไบพูดในภาพยนตร์ว่า ‘..คนจะคิดว่าเราไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่เป็นไร แต่จงทำงานสกปรกด้วยความซื่อสัตย์ด้วยความจริงใจอย่างที่สุด…’ ซึ่งถ้าเปรียบประโยคนี้ กับสุภาษิตของไทย ใกล้เคียงกับสุภาษิตที่ว่า ‘ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน’ แล้วทำไมคังคุไบถึงพูดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าใครจะไม่เห็นว่าเธอซื่อตรงกับตัวเองและเต็มที่กับงานแค่ไหน ถึงแม้ว่างานของเธอจะไม่ถูกยอมรับในสังคมแค่ไหน  แต่คนที่จะเห็นและรับรู้ได้ก็คือตัวเธอของคังคุไบเอง และเธอคนที่จะเห็นจุดอ่อน-จุดแข็ง เปลี่ยนความกลัวและข้อบกพร่องทั้งหมดจนพัฒนาให้เป็นความกล้าและพลังเพื่อให้เป็นเธอในเวอร์ชันที่ดีขึ้นๆ ได้ จนเปลี่ยนจาก ‘โสเภณี’ กลายเป็น ‘นายกของกามธิปุระ’ ได้ในที่สุด
 

‘ไอติม’ แนะ ‘ประยุทธ์’ ดูกรุงเทพฯ เป็นตัวอย่าง ผู้บริหารสูงสุดทุกจังหวัด ควรมาจากการเลือกตั้ง

‘ไอติม’ แนะ ‘ประยุทธ์’ ต่อยอดจากเลือกตั้งผู้ว่า กทม. โดยการขานรับข้อเสนอการกระจายอำนาจของคณะก้าวหน้า เพื่อให้ผู้บริหารสูงสุดของทุกจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง 

พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล กล่าวถึง คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่แสดงความเห็นว่า ผลการเลือกตั้งใน กทม. ไม่สะท้อนกระแสนิยมของรัฐบาล เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งในจังหวัดเดียว ว่าเป็นคำพูดที่ชวนให้ตั้งคำถามต่อ ว่าทำไม กทม. จึงเป็นเพียงจังหวัดเดียว ที่มีผู้บริหารสูงสุดที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนในพื้นที่

เพราะแม้จังหวัดอื่นทั่วประเทศ มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่สังกัดราชการส่วนท้องถิ่น แต่อำนาจส่วนใหญ่ในการบริหารจัดการจังหวัด กลับตกอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากการแต่งตั้งโดยราชการส่วนกลาง ในขณะที่ส่วนท้องถิ่นยังต้องเจอกับข้อจำกัดเกี่ยวกับงบประมาณ ซึ่งทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนในแต่ละจังหวัดได้เท่าที่ควร

นอกจาก กทม. จะผูกขาดอำนาจ มูลค่าทางเศรษฐกิจ และบริการสาธารณะที่มีคุณภาพไว้แล้ว ความแตกต่างในเชิงโครงสร้างการบริหารจังหวัด ยังเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่าง กทม. และ จังหวัดอื่นๆ ที่เรื้อรังมายาวนาน

‘หริรักษ์’ ไขคำตอบ ทำไมโพล Top News ตีสวน หลังทุกโพลยก ‘ชัชชาติ’ นำโด่งนั่งตำแหน่งผู้ว่าฯ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีโพลที่มีผลลัพธ์แตกต่างกัน โดยเฉพาะจาก Top News ว่า…

ที่เห็นในภาพเป็นการโพสต์ของ เพจๆ หนึ่งใน face book ที่จงใจทำให้ผู้ที่เห็นเชื่อว่า Top News เป็นสื่อที่ใช้ไม่ได้ เชื่อถือไม่ได้ โดยเอาผลโพลของสำนักต่างๆมาแสดงเทียบกับผลสำรวจของ Top News ทั้งที่รู้ว่ามันเทียบกันไม่ได้เพราะ Top News เขาให้ผู้ชมของเขาโหวตเข้ามา 

ผลที่ออกมาจึงไม่ได้มากจากกลุ่มตัวอย่างที่สุ่มโดยใช้หลักสถิติ เรียกว่า Random Sampling เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างเป็นตัวแทนของประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด แต่ของ Top News ไม่ได้เป็นกลุ่มตัวอย่างอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงกลุ่มที่กำลังดูรายการข่าวอยู่เท่านั้น ผลจึงออกมาอย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

‘เพื่อไทย’ โว!! ผลคะแนนกทม.เชื่อมต่อสนามใหญ่ ชี้!! ปัญหาปากท้องไม่สิ้นสุด เร่งประชาชนไม่ทน

พรรคเพื่อไทย ขอบคุณพี่น้องประชาชน ไว้วางใจเลือก ‘ส.ก.เพื่อไทย’ มารับใช้คนกรุงเทพฯ มุ่งหน้าผลักดันนโยบายให้เป็นจริง คืนความมั่งคั่งและชีวิตที่ดีกว่าให้คนกรุงเทพฯ ชี้ผลเลือกตั้งสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของพี่น้องประชาชน 

พรรคเพื่อไทย นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ( ส.ก.), นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ที่ลงคะแนนเสียงเลือก ส.ก. พรรคเพื่อไทย 

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกผู้ว่าฯ กทม. และเลือก ส.ก.ด้วยเสียงของประชาชน พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะรับใช้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ทุกคน และขอขอบคุณที่พี่น้องที่ร่วมกันลงคะแนนเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ด้วยความหวังร่วมกันที่จะพาประเทศออกจากวิกฤตที่บอบช้ำ และขอแสดงความยินดีกับ ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยยินดีที่จะสนับสนุนการทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน เพื่ออนาคตบ้านเมืองอนาคตลูกหลาน และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กับพรรคเพื่อไทยอีกครั้งในวันนี้

‘พิธา’ ชี้!! ‘คนกรุงเทพ’ สั่งสอนคณะรปห.ผ่านการเลือกตั้ง ตอกย้ำ 8 ปี รัฐประหาร คือ ความล้มเหลว

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯและสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) ว่า วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และ สมาชิกสภากรุงเทพ ยังเป็นวันครบรอบ 8 ปีการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากประชาชน บดขยี้ประชาธิปไตยของพวกเราทุกคน

“8 ปีผ่านไป ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าการรัฐประหารคือความล้มเหลว ถึงแม้ว่าคณะรัฐประหารจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฉุดรั้งสังคมไทยไม่ให้เดินหน้า ทั้งการร่างกติกาที่บิดเบี้ยว การทำลายกลไกประชาธิปไตย และบ่อนทำลายกำลังของภาคประชาชน จาก คสช. มาจนถึงรัฐบาลประยุทธ์ที่รวบรวมนักการเมืองที่ไม่ได้เห็นคุณค่าของประชาธิปไตยมาไว้ด้วยกัน

“ความเลวร้ายของการรัฐประหาร ตลอดจนความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลประยุทธ์และคณะ ได้ทำให้ประเทศไทยถดถอยและล้มเหลวอย่างน่าอับอาย จนประชาชนไม่อาจฝืนใจเลือกตัวแทนที่เป็นซากเดนจากมรดกรัฐประหารได้อีกต่อไป จากที่เห็นกันในการเลือกตั้งครั้งนี้”

'ธันวา' ปลื้ม!! 'ชัชชาติ' ปัดตบมุกเสี้ยมจากนักข่าว ย้ำชัด!! ขอเป็นผู้ว่าฯ ของคนกรุงเทพฯ ทุกคน

นายธันวา ไกรฤกษ์ ทีมโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงท่าทีของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หลังถูกนักข่าวถามเสี้ยม ระบุว่า...

...ได้ฟังคุณชัชชาติให้สัมภาษณ์ที่สวนลุมเมื่อเช้า มีนักข่าวสำนักนึง พยายามถามเสี้ยมประมาณว่า...

"ผลคะแนนที่ออกมาถือเป็นการสั่งสอนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและรัฐบาลรู้ตัวว่าประชาชนไม่ศรัทธาต่อไปแล้ว ควรคืนอำนาจได้แล้วใช่หรือไม่ รวมถึงผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ก. ที่ฝ่ายประชาธิปไตยได้เก้าอี้เป็นจำนวนมากนั้น ก็เป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงดังกล่าวใช่หรือไม่"

คุณชัชชาติ ตอบอย่างชัดเจนว่า "อย่าไปพูดอะไรแบบนั้นเลยครับ อย่าแบ่งคนออกเป็นฝ่ายๆ และอย่าถือว่าใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ผมพยายามเป็นผู้ว่าของคนกรุงเทพทุกคน เพื่อให้เดินหน้าไปด้วยกัน"

'ปานเทพ' วิเคราะห์ผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ 'กทม.-ส.ก.' ชี้!! กรุงเทพฯ เปลี่ยนไปแล้ว

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โพสต์เฟซบุ๊ก วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พร้อมระบุ กรุงเทพเปลี่ยนไปแล้ว ว่า...

1. ฝ่ายอนุรักษ์เดิมมีคะแนนลดลงโดยรวมอย่างมาก รวมทั้งประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ และเชื่อว่าจำนวนของกลุ่มนี้ได้ย้ายข้างไปเลือกชัชชาติมากขึ้นด้วย และถือว่าเป็นยุคตกต่ำที่สุดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในรอบ 11 ปี ส่วนหนึ่งประชากรกลุ่มนี้มีจำนวนลดลง ด้วยเสียชีวิตตามวัย ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากที่เคยสนับสนุนรัฐบาล กลับไม่พอใจการบริหารรัฐบาลในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ฐานเดิมของพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 คะแนนคือ 1,408,971 คน (45.42%) แต่การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. 2565 คะแนนขอคุณชัชชาติ + คุณวิโรจน์ +คุณศิธา รวมกันได้ 1,711,062 คน (63.99%)  โดยรวมแล้วผ่านไป 3 ปี ปีกต่อต้านรัฐบาลมีคะแนนเพิ่มขึ้น 302,091 คะแนน หรือส่วนที่เพิ่มขึ้นมา 18.57%

ในขณะที่ฐานเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 คะแนนคือ 1,266,713 คน (40.84%) แต่การเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. 2565 คะแนนของคุณสุชัชวีร์ + คุณสกลธี + คุณอัศวิน + คุณรสนา รวมกันได้ 777,018 คะแนน (29.08%)  โดยรวมแล้วผ่านไป 3 ปี ปีกฝ่ายรัฐบาลมีคะแนนลดลง 489,695 คะแนน หรือส่วนที่ลดลงไป 11.76%  

ดังนั้นต่อให้มี “ทิศทางโหวตยุทธศาสตร์รวมกัน 4 คน” ก็ยังแพ้คุณชัชชาติคนเดียวอยู่ดี ไม่เกี่ยวกับว่าต้องมีใครสั่งการหรือไม่ แสดงให้เห็นว่านอกจากจะมีเสียงย้ายข้างไปที่คุณชัชชาติแล้ว กลุ่มปีกแดงยังได้แนวร่วมคนกลางๆไปมากขึ้นกว่าเดิมด้วย และถือเป็นความตกต่ำของฐานเสียงที่เคยสนับสนุนรัฐบาล สอดคล้องไปกับโพลคะแนนความนิยมของรัฐบาลตกต่ำลงมาโดยตลอด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top