(14 ส.ค. 67) อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า…
จากแอ๊ด เล็ก จนมาถึงเอ็ด
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่า เห็นข่าวนี้มาตั้งแต่แรก และไม่อยากมีดราม่าหรือมีส่วนร่วมในดราม่านี้เลย แต่มันเห็นข่าวหรือที่มีคนเอามาแชร์กันซ้ำ ๆ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ที่อยากจะพูดในมุมที่ตัวเองเห็นบ้าง
จากที่เห็นในข่าวหรือที่คนพูดกันสนั่นโซเชียลคือ พี่เล็กโพสต์ข้อความแสดงพฤติกรรมเหมือนพี่แอ๊ดที่เชียร์ก้าวไกลว่าโดนศาลรังแกตัดสินยุบพรรค แต่เท่าที่ผมอ่านจากโพสต์ของพี่เล็ก ซึ่งเป็นต้นเรื่องดรามานี้ ผมว่าไม่น่าจะใช่
ขอเริ่มต้นแบบนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เล็กเชียร์ก้าวไกลหรือไม่ หรือพี่เล็กสนับสนุนการเมืองฝ่ายไหน เพราะยังไม่เคยเห็นพี่เล็กเชียร์ใครหรือด่าใคร แต่จากที่อ่านตามตัวหนังสือจากโพสต์ของพี่เล็ก ผมว่าประเด็นสำคัญเลยคือ “เรื่องที่พี่เล็กทั้งเตือน ทั้งห้าม ทั้งปราบให้พี่แอ๊ดหยุดพูดเรื่องการเมืองเสียที” ก็เท่านั้น
ประโยคนี้ที่พี่เล็กเล่าว่า… “เมื่อวานขณะอยู่บนเวทีพี่แอ๊ดพูดกับผู้ชมว่า "ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว" แล้วแกก็หันมาทางผมพร้อมพูดว่า "เดี๋ยวโดนพี่เล็กว่า พี่เล็กเค้าห้ามไว้"
ตรงนี้มันแสดงให้เห็นผ่านตัวหนังสือว่า “ไม่มีใครกล้าเตือนพี่แอ๊ด และพี่แอ๊ดไม่ฟังใคร แต่พี่แอ๊ดฟังพี่เล็ก และอาจจะมีพี่เล็กคนเดียวที่ทำได้” และทบทวนดูดี ๆ ไอ้คำพูดของพี่แอ๊ดที่ว่า "ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว" ผมว่าเกิดการเตือนมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งพี่แอ๊ดก็ทำซ้ำ แล้วหลังจากนั้นก็พูดซ้ำอีกว่า “ไม่เอาแล้ว ไม่พูดแล้ว” แต่เชื่อเถอะ แกไม่หยุดหรอก มันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำ ๆ ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
บรรทัดต่อมาพี่เล็กเขียนต่อว่า… “ในมุมของผม เห็นว่าพี่แอ๊ดยังทำอะไรเกี่ยวกับการเมืองและประเทศของเราได้อีกมากมาย เช่นเขียนหนังสือเป็นต้น อีกอย่าง พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง“
ตรงนี้ อ่านดูดี ๆ ว่าพี่เล็กไม่ได้พูดถึงพรรคการเมืองหรือนักการเมือง ไม่ได้พูดว่า “ปล่อยให้ก้าวไกลได้แสดงฝีมือบ้าง“
ประโยคนี้… “พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง” ผมเข้าใจว่า พี่เล็กพูดถึงพวกเราประชาชนคนอื่น ๆ พูดว่า ปล่อยให้คนอื่นเค้าพูดเรื่องการเมืองกันไป วิจารณ์การเมืองกันไป เรา พี่แอ๊ด พี่เล็ก เป็น สว. เป็นผู้สูงวัยแล้ว หยุดเถอะแล้วปล่อยให้เด็ก ๆ เขาพูดกันไป ปล่อยให้เด็ก ๆ เค้าวิจารณ์การเมืองไป แต่พี่แอ๊ดควรหยุดพูดได้แล้ว” ไม่ใช่ “ปล่อยให้เด็ก ๆ (พรรคก้าวไกล) เขาแสดงฝีมือกันไป”
ส่วนตรงนี้…. “พี่แอ๊ดเองก็พูดให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่า เด็ก ๆ สมัยนี้เก่ง และมีแนวคิดที่น่าสนใจ แกว่าแกยังชอบฟังพวกเค้าเวลาอภิปรายกันเลย” ตรงนี้ชัดเจนว่า พี่เล็กพูดให้เห็นภาพว่าพี่แอ๊ดเชียร์ก้าวไกล ชอบดูการอภิปรายของก้าวไกลในสภา
ส่วนตอนท้ายซึ่งเป็นเหมือนบทสรุปที่ว่า…“เมื่อเวลาพี่แอ๊ดนิ่ง ๆ และปล่อยวาง แกดูน่าเคารพมาก ๆ เลย”
ตรงนี้แปลว่า “พี่แอ๊ดอยู่นิ่ง ๆ นะดีแล้ว”
“มะม่วงไม่เด็ดก็ร่วงเองถ้ามันสุก” ผมไม่แน่ใจว่าพี่เล็กเปรียบเทียบมะม่วงกับอะไร แต่มันเป็นเรื่องจริงของมะม่วงสุก
สรุปนะ พี่เล็กสนับสนุนการเมืองขั้วไหน ผมไม่รู้ และเอาจริง ๆ ลองทบทวนกันดูได้ว่า พี่แอ๊ดพูดหรือวิจารณ์การเมืองบนเวทีคอนเสิร์ตหรือหน้าเพจโซเชียลมีเดียบ่อย ๆ แล้วเหมือนคนแก่ในครอบครัวเรา ๆ ท่าน ๆ อีกหลาย ๆ คน ที่วันนี้พูดอย่าง วันหน้าทำอีกอย่าง แล้วมักทำอะไรย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ทั้งที่คนรอบข้างทั้งห้าม ทั้งดุ ทั้งบ่น แต่ก็มีพฤติกรรมเหมือนเดิม
คราวก่อนพี่แอ๊ดด่าลุง พูดพาดพิงถึงเบื้องสูง แล้วผ่านไปอีกไม่กี่วันก็คิดได้หรือไม่ก็มีคนไปสะกิด แล้วแกก็ออกมาบริจาคเงิน 50 ล้านแก้เก้อ คืออยู่ดี ๆ ก็เสียเงินเพียงเพราะปากเสียเผลอไปพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด เหมือนคราวนี้ก็เจอกระแส แบนทุกอย่างที่มีชื่อ คาราบาว ตั้งแต่วงดนตรีคาราบาวยันเครื่องดื่มคาราบาวแดง คือ แกพูดความเห็นส่วนตัว แต่เพื่อนร่วมวง ร่วมธุรกิจ ซวยตามกันทั้งยวง
“แต่พี่เล็ก คือ คนที่ไม่วิจารณ์การเมือง ออกอากาศเลย”
พี่เล็กจะชอบขั้วการเมืองไหนผมไม่รู้ และผมว่าไม่สำคัญว่าแกจะเชียร์ใคร เราเลือกที่จะอยู่ในสังคมประชาธิปไตย เราต้องเคารพในความต่างนั้น
เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งซึ่งรักกันมากมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นคนดีมากด้วย แต่เขาชอบทักษิณ พอมีธนาธร เขาก็เปลี่ยนมาชอบธนาธร แต่ถามว่าความเป็นคนมีอัธยาศัย มีมิตรไมตรี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นของเขาเปลี่ยนไปหรือไม่ คำตอบคือไม่เปลี่ยนไปเลย และผมกับเขาก็ยังรักกันฉันเพื่อนสนิทเหมือนเดิม แต่เราจะไม่คุยกันเรื่องการเมือง เพราะเราอยู่คนละขั้ว
ถามว่า เราต้องเลิกคบกันมั้ย ผมว่า ตราบใดที่เราและเขาไม่คิดทำลาย ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันไป
ทัศนคติทางการเมือง อาจไม่ได้เกิดจากการศึกษาหรือความฉลาดที่ต่างกันหรือใครมีมากกว่ากัน เขาไม่ฉลาดหรือโง่กว่าเรา แต่อาจเกิดจากความสามารถในการรับรู้ แยกแยะที่ต่างกัน
คนก๊วนเดียวกับพี่แอ๊ด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือน้อง ๆ ของพี่แอ๊ด ไม่ได้แปลว่า เขาคิดหรือเห็นคล้อยตามพี่แอ๊ดไปหมด
ต่อให้เพื่อนหรือน้อง ๆ คิดเหมือนพี่แอ๊ด ชอบก้าวไกลเหมือนพี่แอ๊ด แต่ตราบใดที่เขาไม่เคยแสดงพฤติกรรมหรือมีคำพูดใด ๆ หลุดปากออกมาเหมือนพี่แอ๊ด ผมว่า ตราบนั้น เขาเหล่านั้น ย่อมไม่ควรได้รับผลกรรม ที่แปลว่า ผลจากการกระทำ เหมือนอย่างพี่แอ๊ด หรือได้รับผลกรรมตามการกระทำของพี่แอ๊ด กรรมที่ใครทำก็เป็นของคนนั้น
เพราะฉะนั้น อย่าไปเหมาว่า คนก๊วนเดียวกับพี่แอ๊ด จะปากเสียเหมือนพี่แอ๊ด (ขออนุญาตใช้คำตรง ๆ) ยี่ห้อ คาราบาว ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีหรือเครื่องหมายการค้าก็เช่นกัน เขาก็อาจจะไม่ได้อยากจะปากเสียจนจะพากันล่มจมตามกันไป
เพราะฉะนั้นผมว่า เราอยู่ในสังคมเสรีประชาธิปไตย เราควรเคารพต่อความต่างของกันและกัน และทุกคนก็ควรมีเสรีภาพที่ไม่ใช่การแห่ตามกัน คือ ใครอยากจะแบนพี่แอ๊ดก็แบนไป ส่วนใครโกรธจนอยากจะแบนทุกอย่างที่มีคำว่าคาราบาวก็ทำไป แต่ใครตั้งสติได้ก็แยกแยะกันหน่อยก็แล้วกัน
สำหรับผมนะ สิ่งที่ผมเห็นจากตัวอักษรในโพสต์นี้ของพี่เล็กคือ “ไม่มีใครกล้าเตือนพี่แอ๊ด และพี่แอ๊ดไม่ฟังใคร แต่พี่แอ๊ดฟังพี่เล็ก และอาจจะมีพี่เล็กคนเดียวที่ทำได้”
และสิ่งที่พี่เล็กทำคือ เตือนพี่แอ๊ดว่า “เพื่อนรักมึงหยุดพูดเรื่องการเมืองเสียที เพราะปากของมึงจะพาเพื่อน ๆ และลูกน้องซวยกันทั้งยวง”
“ไม่ว่าเรื่องอะไรในสังคมจะผิดหรือถูก จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ มึงแก่แล้ว มึงพูดมานานแล้ว ถึงคราวที่ต้องปล่อยให้เด็กเขาพูดแทนมึงได้แล้ว”
ผมแปลความจากตัวหนังสือและจากในใจของพี่เล็กได้แบบนี้
ผมเนี่ยคือแฟนตัวยงของคาราบาวตั้งแต่ยุคบุกเบิก ที่ไม่รู้ว่าจะพูดถึงพี่แอ๊ดยังไงดีเลย ได้แต่เหมือนเห็นภาพญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งในครอบครัวที่แก่ตัวแล้วหลุดโลกพูดให้ตายไปข้างหนึ่งก็พูดไม่รู้เรื่อง วันนี้พูด พรุ่งนี้คิดได้ รุ่งขึ้นกลับมาเหมือนเดิม ผมว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่แอ๊ด พี่เล็ก และอีกหลายพี่ที่เจอลูกบ้าเที่ยวสุดท้ายของแอ๊ดถึกควายทุยตัวจริง
สรุปสุดท้าย ผมคิดว่า พี่เล็กไม่ได้โพสต์เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการบ้านในบ้านคาราบาว และสิ่งที่พี่เล็กทำคือ เตือนพี่แอ๊ดให้หยุดพูดเรื่องการเมือง ไม่ใช่โพสต์เชียร์การเมืองขั้วใดทั้งสิ้น ในโพสต์ของพี่เล็กที่มีคนตามไปด่าพี่แอ๊ดแล้วพี่เล็กจะโดดมาปกป้องเพื่อนผมก็ว่าไม่ผิดปกติอะไร เพราะฉะนั้นหยุดดราม่ากับพี่เล็กดีมั้ย
ใครจะนิยมการเมืองขั้วไหน ยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
คนชั่วคือ นักการเมืองที่มันแหกตาประชาชน ส่วนประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองชั่ว อาจไม่ได้ชั่วตามนักการเมืองชั่ว ๆ เหล่านั้น
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกนี้
คนที่ร้องเพลงต่อต้านนายทุน ร่ำรวยจากบทเพลงงานจนกลายเป็นนายทุน
คนที่ร้องเพลงเพื่อแสดงจุดยืนว่าอยู่เคียงข้างประชาชน สุดท้ายกลับไปยืนเคียงข้างการเมือง
คนที่ร้องเพลงหรือแหกปากถึงประชาธิปไตย นิยมอะไรที่ตรงข้ามกับประชาธิปไตย
คาราบาวแปลว่า ควาย
แต่ใช่ว่าสมาชิกและแฟนเพลงทุกคนจะเป็นควาย
แยกกันดี ๆ เราถึงจะเห็นว่าคนไหนคาราบาว หรือคนไหนควาย หรือคนไหนถึกควายทุย
เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค