Tuesday, 20 May 2025
NEWS

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมขับเคลื่อนการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

เชียงใหม่ - พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติและขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งการบูรณาการความร่วมมือของส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน รวมพลังกันเพื่อทำนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในทุกมิติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยดำเนินโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)” โดยมีเป้าหมาย “เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา ชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน” โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ   

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ในวันนี้ ตนได้เดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อขับเคลื่อนและตรวจติดตามผลการดำเนินการ ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องการดำเนินการตามโครงการฯ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 โดยได้ร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินการร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 ทั้ง 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พร้อมหัวหน้าสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงราย และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการอบรมเครือข่ายประชาชนที่เป็นผู้นำ และผู้มีบทบาทในสังคมทุกสาขาอาชีพ จาก 159 สถานีตำรวจ สถานีตำรวจละ 50 คน รวม 7,950 คน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึงปัจจุบัน ได้รับรายงานปัญหาที่ประชาชนเดือนร้อน จำนวน 640 เรื่อง และได้ติดตามขับเคลื่อนและเร่งรัดให้หน่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว 608 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาด้านสังคม จำนวน 476 เรื่อง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จำนวน 21 เรื่อง ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 80 เรื่อง และปัญหาความขัดแย้ง จำนวน 31 เรื่อง และอยู่ระหว่างหน่วยดำเนินการแก้ไข โดยคาดว่าจะแก้ไขได้ จำนวน 32 เรื่อง

จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย เยี่ยมเยียนและพบปะประชาชนทั้งในพื้นที่และผ่านทางแอปพลิเคชันคลับเฮาส์การมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านโพธนาราม และมอบสิ่งของให้กับประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการฯ สอบถามและรับฟังความคิดเห็น รับทราบสภาพปัญหาและความต้องการ ตลอดจนข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาจากเครือข่ายภาคประชาชนในชุมชนบ้านโพธนารามและชุมชนบ้านสันกอง พร้อมทั้งตรวจติดตามผลการแก้ไขปัญหาของทุกชุมชนใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ผลการปฏิบัติของ สภ.แม่จัน ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตามโครงการฯ ในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่น่าพอใจในห้วงเวลาที่ผ่านมา เช่น...

1.ด้านเศรษฐกิจ ประสานสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอแม่จัน ดำเนินโครงการจัดหาแหล่งน้ำ พร้อมการบริหารจัดการเส้นทางน้ำอย่างยั่งยืน และประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอแม่จัน ดำเนินโครงการขยายไฟฟ้าเพื่อการเกษตรของหมู่บ้านเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต ประสานเกษตรอำเภอแม่จันส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้และกำหนดราคาที่คุ้มทุนได้ ลดการกู้หนี้นอกระบบและลดปัญหาหนี้สิน

2.ด้านสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบ่อยครั้งบนถนนทางการเกษตรและถนนสาธารณะ และจัดชุดจิตอาสา สภ.แม่จัน ร่วมกิจกรรมปรับปรุงเส้นทางร่วมกับชาวบ้านในชุมชนจนแก้ไขปัญหาได้สำเร็จลุล่วง

3.ด้านสังคม ติดตั้งเครื่องหมายและสัญลักษณ์จราจรแจ้งเตือน ประสานเทศบาลตำบลสันทราย เพื่อทาสี ตีเส้นบนผิวทางและเสาไฟฟ้าเพื่อลดอุบัติเหตุ แก้ไขปรับปรุงระบบไฟฟ้าส่องสว่างในชุมชน วางระบบป้องกันภัยหมู่บ้าน และติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดทั่วพื้นที่ชุมชน

4.ด้านความขัดแย้ง ได้ดำเนินโครงการวางท่อระบายน้ำและทำพนังกั้นน้ำ เพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้งเรื่องการใช้น้ำจากแม่น้ำห้วยน้ำขุ่นเพื่อการเกษตร ระหว่างชาวบ้านสันกอง และกลุ่มชาติพันธุ์ได้สำเร็จ

5.จัดตั้งแอปพลิเคชันคลับเฮาส์ของทุกชุมชน เป็นช่องทางในการสื่อสารสภาพปัญหาและความต้องการของเครือข่ายภาคประชาชนกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการเข้าถึงและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งให้ความรู้ทางกฎหมายและแนวทางการระวังป้องกันตนเองในอาชญากรรมรูปแบบใหม่ เช่น แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง 

พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดชุมชนสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ประสานงานเครือข่ายของ 8 จังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 และทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้เร่งประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้รับการคัดเลือก ให้สะท้อนสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อประสานหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เข้าช่วยเหลือและทำการแก้ไข พร้อมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด สำหรับสถานีตำรวจที่ยังมีผลการปฏิบัติน้อย ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงไปตรวจสอบ กำชับและกำกับดูแล ให้มีผลการปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน

‘หมอธีระวัฒน์’ เปิดงานวิจัยมีเซ็กซ์ 21 ครั้ง/เดือน ช่วยท่านชายปลอดมะเร็งต่อมลูกหมาก

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เปิดงานวิจัยจากต่างประเทศ เผยว่ามีเซ็กซ์ 21 ครั้งต่อเดือน ปลอดมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้พบคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยเป็นกลุ่มรักสุขภาพนัก กินเยอะ ดื่มเยอะ

วันนี้ (13 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก ‘ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha’ หรือ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ออกมาโพสต์งานวิจัยจากต่างประเทศ โดยระบุว่า ปั่มปั๊ม 21 ครั้งต่อเดือน ปลอดมะเร็งต่อมลูกหมาก

ชายเราถึงอายุหนึ่งจะมีปัญหาเรื่อง ‘ฉี่’ กล่าวคือ ยืนตั้งนานไม่ออกสักที ออกก็ไม่ค่อยจะพุ่ง เสร็จแล้วก็เหมือนไม่เสร็จ มีปัญหาจนไม่ค่อยอยากจะฉี่ ยอมอดน้ำเลยลุกลามไปจนเลือดข้นหนืด ไปมีปัญหาต่อไต ต่อหัวใจ อัมพฤกษ์ต่อ

สำหรับบุรุษเพศสาเหตุใหญ่สำคัญคือ ต่อมลูกหมากโต และมีเยอะที่เป็นมะเร็ง ถ้ายังไม่เป็นและยังไม่อยากผ่าตัด คว้านต่อม ก็มียาซึ่งเดิมเป็นยาลดความดัน แต่ความที่ทำให้หูรูดในการฉี่บานได้ เลยเอามาใช้ในการนี้ แต่ควรต้องระวังความดันตก หน้ามืด ยาประเภทนี้ออกฤทธิ์ต้าน alpha receptor

ยาอีกกลุ่มทำให้ต่อมลูกหมากเล็กลง ผ่านกระบวนการยับยั้งฮอร์โมน DHT ที่มาจากฮอร์โมนเพศชาย (5-Alpha Reductase Inhibitor) เช่น ยา Finasteride (Proscar) Dutasteride (Avodart) แต่แถมผลข้างเคียง คือ ลดความต้องการทางเพศ ไม่ค่อยแข็งตัว การขับเคลื่อนน้ำกาม (ejaculation) แปรปรวน แต่ที่ต้องระวังเป็นสำคัญคือยากลุ่มหลังนี้ทำให้การตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากที่ชื่อว่า PSA ได้ค่าลดลงจนถึงตรวจไม่เจอ เลยตายใจว่าไม่เป็นมะเร็งทั้ง ๆ ที่เป็น

รายงานในปี 2011 พบว่าแม้ยากลุ่มหลังนี้จะลดการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้บ้าง แต่ถ้าเป็นแล้วยากลุ่มนี้อาจกลับทำให้เป็นมะเร็งแบบชนิดที่มีความรุนแรงลุกลามมากขึ้น อาหารเสริมที่อ้างว่าทำให้ต่อมเล็กลงชื่อ Saw Palmetto สกัดจากผลของ Serenoa Repens พบว่าไม่มีประสิทธิภาพจริงและอาจทำให้การตรวจค่ามะเร็ง PSA ได้ผลลบปลอม

ถึงตอนนี้มาถึงคำโบราณที่พูดกันมาในกลุ่มผู้ชายทั้งหลายว่า หนทางสุขภาพ รวมทั้งกันต่อมลูกหมากโต กันมะเร็ง คือปฏิบัติการ “ล้างท่อบ่อยๆ” (keep the pipes clean!) และเป็นที่มาของการศึกษาฮือฮาทั่วโลก นับแต่มีการเสนอผลงานในที่ประชุมประจำปีของสมาคมระบบทางเดินปัสสาวะของอเมริกา และตีพิมพ์ในวารสาร European Urology (29 มีนาคม 2016)

ผลการศึกษาจากการติดตามโดยคณะศึกษาทางระบาดวิทยามะเร็งที่บอสตัน ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 31,925 คน ตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปี 2010 โดยที่ ณ ปี 1992 อายุเกณฑ์เฉลี่ยอยู่ประมาณที่ 59 ปี ในช่วง 18 ปีของการติดตามมี 3,839 รายเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และ 384 รายรุนแรงถึงชีวิต ขั้นตอนในการวิเคราะห์เจาะลึกตั้งแต่เริ่มต้นในปี 1992 มีการให้รายงานปริมาณจำนวนของการขับเคลื่อนน้ำกาม (แทนในที่นี้ด้วยปั่มปั๊ม) ในช่วงเวลาตั้งแต่อายุ 20-29, 30-39, 40-49 และ 50 เป็นต้นไป ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีส่วนให้เกิดมะเร็ง

ปทุมธานี ฝึกอบรมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำหรับประเทศเพื่อนบ้าน

​เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พลเอก สุวิทย์ เกตุศรี ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง ให้การต้อนรับ พลจัตวา อก เฮือนปิเซีย รองเจ้ากรมพัฒนา กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา 

โดยได้นำกำลังพลจากกองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าเยี่ยมคำนับในโอกาสเข้ารับการฝึกอบรมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากนั้น พลเอก สุวิทย์ เกตุศรี เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำหรับประเทศเพื่อนบ้าน ให้กับคณะนายทหารกองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา รุ่นที่ 5 จำนวน 14 นาย โดยเป็นการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นแนวทางสู่การพัฒนา อย่างยั่งยืนและเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกอบรม 

'โบว์ ณัฏฐา' เตือนสติ ‘ฝ่ายสลิ่ม’ ชี้ไม่ควรผลัก 'ชัชชาติ' ให้เป็นสมบัติคนอีกฝั่ง

โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ว่า

ฝ่าย ‘สลิ่ม’ หลายคน ไม่ควรผลักชัชชาติให้เป็นสมบัติของคนอีกฝั่งนะ ดูให้ละเอียด ๆ คุณต้องรู้ว่าเขาแค่เป็นตัวเอง คนที่เลือกเขาก็ไม่ได้มีฝ่ายเดียว ให้เขาเป็นผู้ว่าของทุกคนตามที่มาของเสียงโหวตที่เขาได้รับนั่นแหละ ขยายพื้นที่ของการใช้เหตุผลให้ทุกคนรับฟังกันได้ต่อไปค่ะ อย่าลากกลับไปที่เดิม

อย่างการพูดถึงการชุมนุมเมื่อวานก็พูดไปตามบทบาทหน้าที่หลักการ ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนความรุนแรงโดยฝั่งใด เพราะเจ้าตัวคงไม่ทราบรายละเอียดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนตัวโบว์สนับสนุนให้ผู้ว่ากทม.ทำหน้าที่ในการรักษาสิทธิของทุกคน อะไรไม่ถูกต้องกล้าพูดไปเลย เชื่อว่าคนกรุงเทพมีเหตุผลพอ


ที่มา : https://twitter.com/NuttaaBow/status/1535888094808854528

รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตรวจเยี่ยมติดตามและมอบนโยบายให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตรวจเยี่ยมติดตามและมอบนโยบายให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกในที่ดินทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือ คทช.ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 902 ราย เครือข่ายองค์กรชุมชนการจัดทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยื่นหนังสือขอคัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม)

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมเข้ารับฟังบรรยายสรุปและพบปะส่วนราชการ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และส่วนราชการ ให้การต้อนรับ จากนั้น พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบปะกับประชาชนที่เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกในที่ดินทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือ คทช. ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 5 ป่า ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ประกอบด้วย 'ป่าแม่สุรินทร์' 'ป่าแม่เงาและป่าแม่สำเพ็ง' 'ป่าสาละวิน' 'ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย (อำเภอขุนยวม)' และ 'ป่าแม่ยวมฝั่งขวา' เนื้อที่  7,762 ไร่ 52 ตารางวา 

พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้กับประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่เงา และป่าแม่สำเร็ง จำนวน 902  ราย ในพื้นที่ตำบลขุนยวม ตำบลแม่อูคอ ตำบลแม่เงา และตำบลแม่กิ๊ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีผู้แทนประชาชน จำนวน 4 ราย เป็นตัวแทนรับมอบ และเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล ตามมาตรการป้องกันไฟป่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งเสริม พัฒนาอาชีพและการตลาดให้กับประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินให้มี คุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

เพื่อไทย มองการเลือกตั้งครั้งหน้าแข่งกันที่นโยบาย หาเสียงว่าตอบโจทย์ประเทศหรือไม่และความเชื่อถือของประชาชนว่าพรรคการเมืองใดพูดแล้วทำได้จริง  เล็งเดินสายพบประชาชนทยอยปล่อยนโยบายสำคัญก่อนเลือกตั้ง

เพื่อไทย มองการเลือกตั้งครั้งหน้าแข่งกันที่นโยบาย หาเสียงว่าตอบโจทย์ประเทศหรือไม่และความเชื่อถือของประชาชนว่าพรรคการเมืองใดพูดแล้วทำได้จริง  เล็งเดินสายพบประชาชนทยอยปล่อยนโยบายสำคัญก่อนเลือกตั้ง

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ปัจจัยสำคัญที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกผู้สมัครและพรรคใด มีอยู่ 2 เรื่องสำคัญคือนโยบายของพรรคที่ตอบโจทย์ประเทศและของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเรื่องที่สองคือความเชื่อใจว่าพรรคการเมืองนั้นทำได้อย่างที่พูด มีผลงาน ซึ่งพรรคเพื่อไทยตระหนักในข้อนี้ และให้ความสำคัญกับนโยบายที่จะตอบโจทย์ประเทศและทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้นให้ได้ ส่วนตัวเห็นว่า

1. ปัญหาสำคัญที่ควรได้รับการแก้ไขเร่งด่วนคือ
1. เรื่องปากท้อง
2. ความยากจน
3. ความเหลื่อมล้ำ
และ 4. ความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งถดถอยลงไปมาก ถ้าไม่เร่งแก้ไข เราจะสู้เพื่อนบ้านไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุนมนุษย์ เสน่ห์ดึงดูดการลงทุน เป็นต้น

สสสส.รุ่น 12 สกัด 5 บทเรียนแก้ปัญหาความขัดแย้งสู่สันติสุขอย่างยั่งยืน ด้านเลขาฯ สถาบันพระปกเกล้า สร้างค่านิยม KPI DNA มุ่งช่วยเหลือสังคม 

วันที่ 12 มิถุนายน ที่หัองประชุม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีซรีสอร์ท หัวหิน ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย
เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานปิดการปัจฉิมนิเทศนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) รุ่นที่ 12 โดยบรรยายพิเศษตอนหนึ่งถึงความคาดหวังให้นักศึกษาซึบซับความเป็นสถาบันพระปกเกล้าที่เรียกว่า KPI DNA ด้วยความผูกพันและตระหนักรู้ เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นเมล็ดพันธุ์ เป็นพลังสมองที่ทรงคุณค่า คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม คิดถึงคนอื่นเสมอ 

สำหรับกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ สสสส.12 ได้ดำเนินการขึ้น ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน มีการนำเสนอผลงานวิชาการของนักศึกษาทั้ง 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 

3 โจรโจ๋ใจทราม กระทั่ง ‘พระธุดงค์’ ก็ไม่เว้น หลังชักมีดขู่ ปล้นเงินพระเกลี้ยงย่าม

3 โจรวัยรุ่นชักมีด ปล้นเงินพระธุดงค์หนุ่ม พระเผยไม่เอาเรื่อง ก่อนไปโจรขอพร จึงให้พรขอให้โชคดี ไม่พอโจรยังเตือนให้ระวังเศษแก้ว หวั่นพระเหยียบบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณตี 2 ของวันที่ 12 มิ.ย. 2565 ขณะที่พระครูวินัยธรธีรวัฒน์ สิริมังคโล วัย 31 ปี เจ้าสำนักอารามดงสามหมื่น ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน กำลังปักกลดจำวัดอยู่ในพื้นที่อำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร ได้ถูก 3 โจรปล้นทรัพย์ จึงขอให้ผู้สื่อข่าวช่วยติดตามดูแล

พระครูวินัยธรธีรวัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะที่กำลังปักกลดอยู่ในเขต อ.โกสัมพีนคร เวลาประมาณตี 2 มีผู้ชายวัยรุ่น 3 คนขับรถขี่รถจักรยานยนต์เข้ามองจอดที่บริเวณที่ปักกลด แล้วหนึ่งในนั้นก็ลงมายกไหว้ พร้อมโชว์มีดให้ดูและบอกว่านี่มีดนะ จากนั้นบอกว่าขอดูย่ามหน่อย เมื่อส่งย่ามให้ซึ่งในย่ามมีเงินสดประมาณ 400 บาทเศษ มีญาติโยมถวายมาเพื่อให้ได้ใช้ทำบุญในระหว่างทางที่เดินธุดงค์ไป คนร้ายจึงได้นำเงินไป พร้อมที่ชาร์จแบตโซล่าเซลล์ และไฟฉาย บอกว่าขอเอาไปนะ

และก่อนที่ทั้ง 3 โจรจะจากไปยังได้ขอให้พระอวยพรให้ด้วย ซึ่งพระก็อวยพรขอให้โชคดีในทางที่เดินไป ก่อนกลับออกไป 3 โจรยังบอกอีกว่าเดินไปอีก 3 เสาไฟฟ้าให้ระวังเศษแก้วที่พวกตนทำแก้วแตกไว้ด้วยนะ ผมเป็นห่วง พระครูเผยว่า ไม่ได้ถือโทษหรือโกรธเคือง เพราะเขามาขอดี ๆ ก็เมตตาให้ไปตามที่ขอ ส่วนผลกรรมที่เขาได้เลือกทำ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น

รัสเซีย โกยเงินขายพลังงานแล้ว 3.4 ล้านลบ. ช่วง 100 วันแรกของสงครามรุกรานยูเครน

รัสเซียทำเงินไปกว่า 93,000 ล้านยูโร (ราว 3.4 ล้านล้านบาท) ในช่วง 100 วันของการทำสงครามรุกรานยูเครน ผ่านการขายเชื้อเพลิงฟอสซิล แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตามรายงานของสกายนิวส์ สื่อมวลชนของอังกฤษในวันจันทร์ (13 มิ.ย.) อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยทางพลังงานแห่งหนึ่ง

รายได้รวมอันมหาศาลนี้มีขึ้นแม้ว่าปริมาณการส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียลดลงอย่างมากในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของประชาคมนานาชาติที่พยายามลดพึ่งพิงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของมอสโก

รายงานของศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ (CREA) พบว่า อียูรับอุปทานเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 61% จากปริมาณการส่งออกทั้งหมดของรัสเซีย

ทั้งนี้ แม้ว่าน้ำมันรัสเซียถูกขายในราคาที่ลดกระหน่ำ สืบเนื่องจากแหล่งที่มาของมัน แต่ด้วยอุปสงค์เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกและราคาพลังงานที่พุ่งสูง มันจึงยังคงก่อรายได้งดงามแก่รัฐบาลประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเป็นการช่วยมอบแหล่งเงินทุนสนับสนุนปฏิบัติการรุกรานยูเครนของผู้นำรายนี้

ลอริ มีลลีเวอร์ตา นักวิเคราะห์ชั้นนำของ CREA พูดถึงมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติที่กำหนดเล่นงานรัสเซียในปัจจุบันว่า "กระบวนการต่างๆ สำหรับมอบแรงสนับสนุนที่จำเป็นเร่งด่วนแก่ยูเครน จนถึงตอนนี้ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า จำเป็นต้องมีความเคลื่อนไหวที่แข็งขันกว่านี้ในการตัดกระแสเงินสดที่ป้อนแก่รัสเซีย"

คนร้ายฆ่าโหดสองผัวเมียในไต้หวัน ส่อรอด ตร.ชี้ไทย-ไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ผู้การสอบสวนกลาง เผย สั่งติดตามคนร้ายฆ่ายัดศพเพื่อนรัก พร้อมเมียท้องลูกแฝด 5 เดือน ยัดรถเก๋งหรูในไต้หวัน ก่อนนั่งเครื่องบินหนีกลับไทย ชี้ เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ประเทศไต้หวันกับประเทศไทย ไม่มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน 

วันนี้ (12 มิ.ย.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.เปิดเผยถึงคดีคนร้ายไทยฆ่าสองสามีภรรยาชาวไทยด้วยกัน ที่กำลังตั้งท้องฝาแฝดได้ 5 เดือน หมกท้ายรถที่ไต้หวัน ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้สั่งให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป.จัดกำลังสืบสวนเรื่องนี้ พร้อมประสานไปยังตำรวจไต้หวัน เพื่อรับทราบข้อมูลต่าง ๆ อยู่

ด้าน พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3.บก.ป.และ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4.บก.ป.ตรวจสอบเบาะแสและทำข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและตัวคนร้ายที่หนีกลับมาประเทศไทยไว้แล้ว แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรประเทศไทย ไม่มีสนธิสัญญาเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งทางตำรวจไต้หวันเอง ยังไม่มีการประสานเรื่องมาให้กับตำรวจไทย ขณะนี้จึงทำได้แค่รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวทางสถานีวิทยุแห่งชาติไต้หวัน (Radio Taiwan International; RTI) รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่่ 10 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. สถานีตำรวจจงลี่ได้รับแจ้งมีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายกลิ่นศพโชยมาจากลานจอดรถหน้าสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน ตำรวจรุดไปที่เกิดเหตุ พบรถสปอร์ตเอสยูวีหรูสีขาว ยี่ห้อ BMW X4 จอดอยู่และมีน้ำเหลืองไหลออกจากท้ายรถ เปิดดูเป็นศพของชายหญิงคู่หนึ่ง โดยสันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน บนศีรษะและตามร่างกายมีรอยถูกตีด้วยของแข็ง สันนิษฐานว่า ผู้ตายทั้งสองถูกทำร้ายจนเสียชีวิตจากที่อื่น จากนั้นผู้ร้ายนำศพยัดใส่ท้ายรถของผู้ตายขับไปจอดทิ้งไว้ในลานจอดรถหน้าสถานีรถไฟความเร็วสูง

ผู้ประกอบการรถเมล์ ยอมรับลดเที่ยววิ่ง หลังผู้โดยสารร้อง หลัง 2 ทุ่ม รถเมล์วิ่งน้อย

เพจ ‘รถเมล์ไทยแฟนคลับ Rotmaethai’ เผยเสียงสะท้อนจากประชนชนผู้ใช้บริการรถเมล์ ร้องหลัง 20.00 น. รถวิ่งน้อยลง ด้าน ขสมก.ยอมรับบรรดาผู้ประกอบการต้องลดเที่ยววิ่ง เหตุราคาน้ำมันพุ่ง แบกรับต้นทุนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เพจ ‘รถเมล์ไทยแฟนคลับ Rotmaethai’ ได้ออกมาโพสต์เสียงสะท้อนจากประชนชนผู้ใช้บริการรถเมล์ ร้องหลัง 20.00 น.รถเมล์หายไปไหนหมด อยากให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยลงมาดู หรือลองมาใช้บริการรถเมล์กลับบ้านอย่างประชาชนดู จะได้รู้ถึงความทุกข์ ความลำบากของประชาชนผู้ใช้บริการ รถมาเต็ม! ขึ้นไม่ได้ วันไหนฝนตก ลำบากสุด ๆ และรถเมล์บางเส้นทาง ขสมก.เคยมีวิ่งกะสว่าง พอขนส่งให้เอกชนมาเดินรถแทน กะสว่างกลับหายไปก็มี เพจรถเมล์ไทยแฟนคลับขอเป็นสื่อส่งเสียงสะท้อนถึงหน่วยงานที่ดูแล และผู้มีอำนาจ ช่วยสั่งการช่วยเหลือประชาชนหน่อยนะครับ เพราะประชาชนผู้ใช้บริการรถเมล์ไม่ได้มีรายได้สูง พอที่จะจ่ายค่าแท็กซี่ได้ทุกวัน ถ้าโพสต์นี้ถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ช่วยประชาชนด้วยครับ

ต่อมา นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย ได้ออกมาชี้แจงว่า ในนามสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางไทยจึงขอเป็นตัวแทนในการกล่าวขอโทษประชาชนผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการรถโดยสารในชีวิตประจำวัน ว่าผู้ประกอบการรถโดยสารจะพยายามยืนหยัดเพื่อเคียงข้างการให้บริการให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถดำเนินการได้ โดยระหว่างที่ยังไม่มีทางออกในการแบกรับต้นทุนนี้ อาจต้องส่งผลให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบในความไม่สะดวกในการใช้บริการ

เนื่องจากบรรดาผู้ประกอบการต้องลดเที่ยววิ่งลงและทยอยหยุดการให้บริการในบางเส้นทาง ซึ่งเป็นทางเลือกทางสุดท้ายก่อนที่อาจต้องปิดกิจการถาวรในที่สุด และขอขอบคุณประชาชนผู้โดยสารทุกท่าน ที่เข้าใจและเป็นกำลังใจในการประกอบการเดินรถโดยสารของไทยมาโดยตลอด

บุกค้นบ้านคนใกล้ชิด ล่าจับ ‘สุนทร วิลาวัลย์’ แต่คว้าน้ำเหลว ลุ้นคดีรุกเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้

บุกค้นบ้านครูโอ๊ะ-สจ.โต้ง ล่าจับนายกฯสุนทร ตร.ปูพรม5จุดปราจีนคว้าน้ำเหลว-ไหวตัวหนี ลุ้นคดีรุกป่าเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 5 จุด ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อตามจับกุมตัว นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล บิดาของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150 ไร่ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี

ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ อยู่ที่บ้านเลขที่ 21/1 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี บ้านพักของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลูกสาวนายสุนทร , บ้านเลขที่ 43 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี สำนักงานของนายสุนทร, โรงแรมบางปะกง เลขที่ 41 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และบ้านพักของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือชื่อเดิมคือ นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช หรือ ส.จ.โต้ง อายุ 46 ปี ผู้กว้างขวางในพื้นที่และมีความใกล้ชิดกับนายสุนทร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นจากการเข้าตรวจค้นและตรวจสอบ ยังไม่พบตัวนายสุนทร คาดว่าไหวตัวทัน ชิงหลบหนีออกจากพื้นที่ไปได้ไม่นาน จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิด ส่วนใหญ่อ้างว่าไม่พบเห็นหรือติดต่อกับนายสุนทรมานานกว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหน้าออกหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ พร้อมกระจายกำลังลงพื้นที่ไล่สืบหาเบาะแสเพื่อแกะรอยติดตามตัวให้ได้ก่อนที่คดีดังจะหมดอายุความลงในวันที่ 13 มิถุนายน

กรมแพทย์ทหารเรือ มอบประกาศนียบัตร ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตร แพทย์ประจำบ้าน 5 สาขา

กรมแพทย์ทหารเรือ พัฒนาศักยภาพด้านการแพทย์อย่างไม่หยุดยั้ง จนได้การรับรองให้เป็นสถาบันผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่มมากขึ้น เพื่อรับใช้สังคมไทย

นาวาโทหญิง ชะรอยบุญ ศาสตรสุข โฆษกกรมแพทย์ทหารเรือ ได้เปิดเผยว่า พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นประธานในพิธี มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน 5 สาขา ประกอบด้วยสาขาศัลยศาสตร์ สาขาอายุรศาสตร์ สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน สาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงเวชศาสตร์ทางทะเล และสาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา รวมทั้งสิ้น 15 นาย ซึ่งเป็นแพทย์ในส่วนของกองทัพเรือ 3 นาย และนอกกองทัพเรือ 12 นาย เมื่อวันที่ 9  มิถุนายน ที่ผ่านมา 

ซึ่งภายหลังสำเร็จการอบรมแล้ว แพทย์ที่ผ่านการอบรมจะต้องออกไปปฎิบัติหน้าที่แพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในและนอกกองทัพเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างจังหวัดได้แก่ จังหวัดเลย, ชัยภูมิ, พิษณุโลก, ราชบุรี, ชลบุรี และตราด

แน่นแฟ้น!! สานสัมพันธ์ 'กองทัพเรือ' และ 'สื่อมวลชน'

กองเรือยุทธการ ร่วมกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ ประจำปี งป.65

(9 มิ.ย.65) พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธาน มีผู้บังคับบัญชา หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ ผู้บังคับบัญชาหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ ในปี งป.65  

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและพัฒนาความสัมพันธ์อันดี ระหว่างผู้บังคับบัญชา ของกองทัพเรือ กับ สื่อมวลชนสาขาต่างๆ ที่ได้ให้ความร่วมมือกับกองเรือยุทธการ และกองทัพเรือ ด้วยดีเสมอมา อันจะทำให้ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน และได้รับความร่วมมือ ในการเผยแพร่การประชาสัมพันธ์ ผลงาน ภารกิจ หน้าที่ และกิจกรรมที่สำคัญของกองเรือยุทธการ และกองทัพเรือ

'อินเดีย-เวียดนาม' ประสานพันธมิตร 2 ฟากทะเล ขยายศักยภาพการป้องกันทางทะเลเพื่อสกัดจีน

เมื่อ 9 มิ.ย. 65 ทางรัฐบาลอินเดียได้ส่งมอบเรือตรวจการณ์ความเร็วสูงจำนวน 12 ลำให้แก่ เวียดนาม หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงเซ็นข้อตกลงร่วมด้านโลจิสติกส์ ที่จะทำให้ทั้งอินเดีย และเวียดนามสามารถใช้ฐานทัพร่วมกันได้ 

โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การขยายศักยภาพในการป้องกันดินแดน และความมั่นคงภายใน ต้านการแผ่อิทธิพลของจีน และข้อตกลงนี้จะมีผลผูกพันไปจนถึงปี 2030 ที่จะทำให้อินเดียเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในเขตทะเลจีนใต้ ไม่ใช่เฉพาะแค่ในฝั่งมหาสมุทรอินเดีย

สำหรับเรือทั้ง 12 ลำใช้งบก่อสร้างราว ๆ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย 5 ลำแรกจะต่อในโรงงานที่อินเดีย ส่วนอีก 7 ลำจะต่อที่อู่ต่อเรือในเมืองฮอยอัน ในเวียดนาม 

ด้านนายรัชนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอินเดีย ซึ่งได้เดินทางมาเวียดนาม เพื่อลงนามในข้อตกลงร่วมทั้ง 2 ประเทศ และส่งมอบเรือตรวจการณ์สัญชาติอินเดียในครั้งนี้ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันภัยและความมั่นคงของอินเดีย ภายใต้สโลแกน 'Make in India, Make for the World' ที่เราจะไม่ได้สร้างยุทโธปกรณ์เพียงเพื่อป้องกันดินแดนของอินเดียเท่านั้น แต่พร้อมจะเสริมกำลังความมั่นคงให้แก่นานาชาติด้วย 

ภายหลังจากการส่งมอบเรือตรวจการณ์ 12 ลำ รวมถึงที่อินเดียเคยให้วงเงินกู้แก่เวียดนาม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ร่วมกันกับอินเดียนั้น ทางด้านเวียดนามก็เล็งที่จะซื้อขีปนาวุธพิสัยกลาง รุ่น BrahMos ที่มีความเร็วเหนือเสียง เป็นการตอบแทนด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top