Tuesday, 8 July 2025
NEWS

โฆษก กอ.ร่วมฯ เผย สถานการณ์ชุมนุมวันนี้ ตำรวจยังควบคุมสถานการณ์ได้ เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีผู้ชุมนุมที่ละเมิดกฎหมาย วอนคำนึงถึงภาพลักษณ์ประเทศ

(17 พ.ย.65) เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค 2565 กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องในช่วงการประชุมเอเปคว่า “ ในวันนี้ (17 พ.ย. 65) มีสถานการณ์การชุมนุม 2 กลุ่ม คือ 

กลุ่มที่ 1 กลุ่มราษฎรหยุด Apec 2022 ที่ปักหลัก พักค้างชุมนุม ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม.  ยอดผู้ชุมนุมประมาณ 120 คน มีการชุมนุมค้างแรม และจัดปราศรัย ได้แจ้งการชุมนุมที่ สน.สำราญราษฎร์ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. - 18 พ.ย. 65 แต่มวลชนบางกลุ่มแยกไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ด้วยการติดป้ายข้อความบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปห้ามปราม ตามหลักยุทธวิธี แต่มีการกระทบกระทั่งเล็กน้อย จนแยกย้ายกันไป จากนั้นกลุ่มได้กระจายตามสถานที่ต่างๆ 5 จุด และยุติกิจกรรม เมื่อเวลา 12.45 น.

กลุ่มที่ 2 กลุ่มราษฎร 63 บริเวณแยกอโศก ยอดผู้ชุมนุมประมาณ 30 คน มีการชูป้าย แต่งกายชุดไดโนเสาร์ และรวมกลุ่มทำกิจกรรมบริเวณแยกอโศก ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 น. และยุติการชุมนุมเวลาประมาณ 14.30 น. มีบางช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม และเกิดการโต้เถียงกระทบกระทั่งกัน ตามที่ปรากฎตามข่าว แต่ไม่ได้มีความรุนแรง ทุกอย่างดำเนินการตามหลักยุทธวิธี หลักความได้สัดส่วน เน้นการเจรจาต่อรอง พูดคุยทำความเข้าใจเป็นหลัก   

บริเวณแยกอโศกนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมบางคนได้สาดสี พ่นสีสเปรย์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัย มีการทำร้ายทรัพย์สิน และขีดเขียนบนถนน ทางสาธารณะที่ใช้สัญจร อีกทั้งการชุมนุมก็มิได้แจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน คลิปที่เกิดเหตุ เพื่อสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีความผิดที่เกิดขึ้น ในความผิดตาม  พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558  พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2552 พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา 

โฆษก กอ.ร่วมฯ กล่าวอีกว่า “ สถานการณ์การชุมนุมในวันนี้ ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วง เจ้าหน้าที่สามารถดูแลภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สร้างความมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยการประชุมเอเปคได้ 

โฆษก กอ.ร่วมฯ เผย ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม ราษฎรหยุด APEC 2022 ที่ฝ่าฝืนละเมิดกฎหมาย ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่

วันนี้ (18 พ.ย. 65) เวลา 10.30 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค 2565 กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องในช่วงการประชุมเอเปคว่า “ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2565 เวลาประมาณ 08.50 น. กลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 ที่ปักหลักชุมนุมลานคนเมือง ยอดผู้ชุมนุมประมาณ 350 คน ได้เคลื่อนขบวนเพื่อเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องต่อการประชุมเอเปค โดยเคลื่อนขบวนฝ่าฝืนข้อกำหนดและเงื่อนไขฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เจรจา แจ้งและประชาสัมพันธ์ผู้ชุมนุมฯ ให้ทราบอย่างต่อเนื่องแล้ว

แต่กลุ่มผู้ชุมนุมฯ ได้ฝ่าฝืนฯ โดยใช้เคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณถนนดินสอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใช้เครื่องเสียงประกาศ เจรจา และแจ้งเตือน กับกลุ่มผู้ชุมนุม ปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม ฝ่าฝืนกฎหมาย และได้ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ขว้างปาก้อนหิน และสิ่งของ ทำลายรถยนต์กระบะของ   ทางราชการเสียหาย มีการใช้กำลังทำร้ายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน

โดยเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ สถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ได้มีคำสั่งที่ 115/2565 ลง 17 พ.ย.65 กำหนดเงื่อน คำสั่ง ในการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมฯ โดยมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้มีหนังสือแจ้งการปฏิบัติในการชุมนุมสาธารณะให้ ตัวแทนทราบตามประกาศดังกล่าวแล้ว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมปฏิบัติตาม ตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องใช้กำลังป้องกันตนเองและทำการจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 10 ราย ที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขฯ และกระทำความผิดตามกฎหมายอาญาอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 นาย ทรัพย์สินเสียหายจำนวนหลายรายการ

ผลบวกเน้นๆ 'กระตุ้นศก. - หนุน Soft Power' โอกาสที่ไทยจะได้จากการประชุมเอเปคหนนี้

(18 พ.ย. 65) The World Echo ได้เผยข้อมูลประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับผ่านการประชุมเอเปคครั้งนี้ ว่า…

หลายคนอาจสงสัยในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพ จัดงานเลี้ยงอย่างใหญ่โตด้วยเงินภาษีของประชาชน แล้วประชาชนอย่างเรา ๆ จะได้ประโยชน์อะไรจากงานนี้ ขอสรุปเป็นข้อ ๆ...

ข้อแรก-การจัดงานจะส่งผลช่วยเศรษฐกิจไทย ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ หลังการระบาดของโควิด 19  เรื่องนี้นับเป็นประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับทั่วหน้า โดยเฉพาะด้านธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ข้อสอง-นี่คือช่องทางให้ไทยได้แสดงศักยภาพและความพร้อม ในการจัดการประชุมระดับโลก หลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งโลกอยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นการประชุมแบบพบปะกัน ไม่ใช่เป็นการประชุมแบบออนไลน์

'บิ๊กตู่' พร้อม!! ภารกิจสำคัญเพื่อชาติใน APEC 2022 คิวแน่นเช้ายันค่ำ 'หารือ-ถก-ต้อนรับ' เหล่าผู้นำสำคัญ

กำหนดการ #APEC2022THAILAND 
18 พ.ย. 65 

เวลา 08.03 น.  นายกรัฐมนตรี ต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 29 ณ ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 

เวลา 09.15 น.  นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเขตผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 (Retreat ช่วงที่ 1) ภายใต้หัวข้อ 'การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุมและยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)'

เวลา 11.15 น.  นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษ (APEC Leaders’ Informal Dialogue with Guests) 

เวลา 12.30 น.  นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับ นางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Ms. Kristalina Georgieva) กรรมการจัดการกองทุนเงินระหว่างประเทศ (IMF) 

ยก ‘ลุงป้อม’ คีย์แมนสำคัญปิดดีลบอลโลก ให้คนไทยได้ดูสดครบทุกแมตช์ทางฟรีทีวี

แฟนบอลชาวไทย ปรบมือดังๆ ‘ลุงป้อม’ ทำได้  คนไทยได้ชมฟุตบอลโลกสด ครบทุกแมตช์ช่องฟรีทีวี  ยอมรับภาวะผู้นำ แก้ปัญหา/ประสานงาน รวดเร็วได้ผล เข้าถึงความรู้สึกประชาชน

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับทราบกระแสแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศ มีความรู้สึกพอใจ และดีใจอย่างยิ่ง ที่จะได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ณ ประเทศกาตาร์ ครบทั้ง 64 นัด ได้ทันเวลา ผ่านฟรีทีวี ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.-18 ธ.ค.65 นี้ พร้อมกับแฟนบอลประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี /ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้มอบนโยบายให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. (ดร.ก้องศักด ยอดมณี  ผู้ว่าฯ กกท.) ประสานงาน กับตัวแทนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า (FIFA) จนได้ข้อยุติแล้ว โดยใช้งบประมาณสำหรับลิขสิทธิ์ เพียง 1,400  ล้านบาท ภายหลังจากการเจรจาต่อรอง สามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 200 ล้านบาท (จากเดิมลิขสิทธิ์ 1,600 ล้านบาท) ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสทช.และมีภาคเอกชนของไทย ให้การสนับสนุนร่วมด้วย ตามที่ กกท.ได้เสนอข่าวไปแล้ว

ก้าวสำคัญ!! มิตรภาพ ‘ไทย-ซาอุดีอาระเบีย’ เปิดประตูเชื่อมหลากประเทศในโลกมุสลิม

การเสด็จเยือนประเทศไทยของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย และแขกพิเศษการประชุมผู้นำเอเปคครั้งที่ 29 ในวาระเดียวกัน เป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อไทยที่เพิ่งฟื้นคืนเป็นปกติ และมองอนาคตร่วมกันอย่างมีนัยสำคัญ 

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียที่คืบหน้านี้ ทาง ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นกับ THE STATES TIMES ไว้ว่า…

“ความสัมพันธ์มีความคืบหน้าไปมากหลังจากรัฐบาลไทย ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ ทำให้มีความคืบหน้าด้านการทูต และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้เดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย ผมคิดว่าได้ประโยชน์ในการสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนทางการค้า การลงทุนในหลายเรื่อง ที่สำคัญและโดดเด่น คือการขอให้ซาอุดีอาระเบียช่วยสนับสนุนไทยทำความตกลงทางการค้า FTA กับกลุ่มประเทศร่ำรวยน้ำมัน ได้แก่ โอมาน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงคูเวต เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันซึ่ง FTA (Free Trade Area) หรือ เขตการค้าเสรี ในปัจจุบันประเทศไทยมี FTA กับกลุ่มประเทศในอาเซียน แต่ไม่มีในตะวันออกกลาง ผมคิดว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนทางการค้าระหว่างกันซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

ส่วนของตลาดแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบีย หลังจากฟื้นฟูความสัมพันธ์ ดร.ศราวุฒิ ให้ความเห็นว่า “ตลาดแรงงานของซาอุดีอาระเบียได้เปลี่ยนแปลงไป เราต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า เมื่อ 30 - 40 ปีที่แล้ว ประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่เจริญเติบโตจากการขายน้ำมันและมีภูมิประเทศเป็นทะเลทราย ซึ่งเขาต้องการพัฒนาประเทศให้อยู่ดีกินดี สร้างความทันสมัย เจริญก้าวหน้า เพราะฉะนั้นแรงงานที่ไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียในอดีต คือ แรงงานที่ไปสร้างวัตถุปัจจัยต่าง ๆ แต่ในวันนี้ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศร่ำรวย ประชาชนมีสวัสดิการดี บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าทันสมัยไปเรียบร้อยแล้ว รูปแบบของตลาดแรงงานวันนี้จึงกลายเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน ภายใต้วิสัยทัศน์ 2030 โดยต้องอาศัยการลงทุนขนาดใหญ่ การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ความต้องการแรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะแรงงานฝีมือ และรวมถึงการเปิดรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้กลายเป็นการเปิดกว้างแก่แรงงานและนักลงทุนทั่วโลก ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้วิสัยทัศน์ 2030 กลายเป็นจริง” 

ในด้านการท่องเที่ยวและความมั่นคงทางอาหาร ก็เป็นอีกประเด็นที่ซาอุดีอาระเบียมุ่งเน้นผลักดันไม่แพ้กัน ซึ่ง ดร.ศราวุฒิ เห็นว่า “ประเทศซาอุดีอาระเบียพยายามผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว ปัจจุบันซาอุฯ เป็นศูนย์กลางศาสนสถานของโลกมุสลิม และมีผู้ศรัทธาไปแสวงบุญ ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ทำให้มีรายได้เข้าประเทศ นอกจากนี้ยังพยายามขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ท่องเที่ยวย่านที่ติดทะเลแดง มีโบราณสถานหลายแห่ง ที่เป็น Unseen ของโลก ตรงนี้ผมคิดว่าประเทศไทยสามารถที่จะเข้าไปประสานความร่วมมือและมีอะไรที่สนับสนุนกันได้ นอกจากนี้ยังมองเห็นปัญหาทางด้านความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลัง ประสบปัญหาราคาอาหารสูงขึ้นและกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียต้องนำเข้าอาหารจากโลกเยอะมาก และประเทศไทยได้ร่วมสนับสนุนซาอุดีอาระเบียเรื่องของไก่และเรื่องของอาหารฮาลาล จึงเป็นความร่วมมือที่ประเทศไทยอาจได้ประโยชน์ในเรื่องของความมั่นคงทางอาหาร ส่วนความร่วมมือทางการเกษตรก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทางซาอุดีอาระเบียมีศักยภาพในการผลิตปุ๋ยได้ในราคาถูก และประเทศไทยก็มีความต้องการให้บริษัทผู้ผลิตปุ๋ยในประเทศซาอุดีอาระเบียส่งออกปุ๋ยให้กับประเทศไทยในราคาสมเหตุสมผล”

คนรักทะเลเฮ! ‘แม่เต่ามะเฟือง’ วางไข่รังแรกของฤดู ที่หาดบางขวัญ-พังงา

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 (เวลา 06.00 น.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวว่า ทันทีที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้รับแจ้งจากกำนันตำบลโคกกลอย พบรอยการเดินขึ้นวางไข่ของเต่ามะเฟืองบริเวณหาดบางขวัญ หมู่ที่ 8 ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ตนจึงได้มอบหมายให้ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน ลงตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบมีรอยเดินขึ้นและลงของเต่าทะเล ขนาดความกว้างขาคู่หน้า 220 เซนติเมตร ความกว้างรอยบริเวณหน้าอก 110 เซนติเมตร จากการตรวจสอบสามารถยืนยันได้ว่าเป็นเต่ามะเฟือง พบหลุมวางไข่เต่ามีความลึก 78 ซม. กว้าง 302 ซม. จากการสำรวจพบว่าหลุมวางไข่เต่านั้นมีความไม่เหมาะสมกับพื้นที่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวนั้นน้ำทะเลท่วมถึงอาจทำให้ไข่เน่าหมดได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการย้ายไปยังพื้นที่เหมาะสม ทั้งนี้ไข่เต่ามะเฟืองรังดังกล่าวนับได้ทั้งสิ้น 118 ฟอง มีไข่ดี 102 เป็นไข่ลม 12 ฟอง ก่อนจะทำการกันคอกเพื่อป้องกันสัตว์มากินไข่พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิชนิด 2 หัว เพื่อคำนวนวันฟักจากอุณหภูมิไว้ที่หลุมไข่ พร้อมสั่งการให้จัดเวรยามเฝ้าตลอด 24 ชั้วโมง

ทั้งนี้การวางไข่ครั้งนี้เป็นการวางไข่ครั้งที่ 1 ของฤดูกาลวางไข่ 2565/2566 ซึ่งโดยปกติเต่ามะเฟืองจะขึ้นมาวางไข่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของจังหวัดพังงาและภูเก็ตเป็นประจำทุกปี ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม โดยสถิติวางไข่ที่ผ่านมาพบว่า ระหว่างปีพ.ศ. 2561/2562 พบเต่ามะเฟืองวางไข่ 3 รัง ปีพ.ศ.2562/2563 มีเต่ามะเฟืองวางไข่ 16 รัง และปี พ.ศ. 2563/2564 พบเต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ 18 รัง

กองทัพเรือ จัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก 'WORLD DIABETES DAY' บริการฟรี พร้อมมอบรางวัลผู้ป่วยคุมน้ำตาลได้ดี เป็นขวัญกำลังใจสู้เบาหวาน

วันที่ 17 พ.ย.65 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ วันเบาหวานโลก "WORLD DIABETES DAY" ในกิจกรรม "Good home & Good health" ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่าง กองเรือยุทธการ และ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ณ พุทธสถานเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี ประธานชมรมภริยาฯ คณะผู้บังคับบัญชาฯ และกำลังพล จากกองเรือยุทธการ พลเรือตรี กิตตินันท์ งามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พร้อมด้วยข้าราชการ แพทย์ พยาบาล รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ให้การต้อนรับและร่วมในพิธี 

น.อ.หญิง รุจิเรข ธรรมเจริญ หัวหน้าห้องตรวจโรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิกฯ กล่าวรายงานถึงความเป็นมาว่า ตามที่ คลินิกเบาหวาน กลุ่มงานอายุรเวชกรรม ร่วมกับคณะกรรมการโรคเบาหวาน (DM Care 1eam) รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้จัดกิจกรรมโครงการวันเบาหวานโลก เป็นประจำทุกปีนั้น โดยในปีนี้ 2565 ใช้ชื่อกิจกรรมว่า "พรุ่งนี้ไม่สายถ้าเรารู้ทันเบาหวาน" "Education to Protect Tomorrow" โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่ กำลังพลกองเรือยุทธการ (กร.) ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน คนไข้เบาหวานที่เป็นกำลังพล กร. รวมถึงครอบครัว และประชาชนในพื้นที่ข้างเคียง นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้เข้าถึงการรับบริการที่ดีจากแพทย์และทีมงานเฉพาะทางที่ดูแลรักษาโรคเบาหวานจาก รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และได้รับการส่งต่อผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยเบาหวานครั้งแรก จากการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ใกล้เคียง และ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ต่อไป 

รูปแบบของการจัดกิจกรรมงานเบาหวานโลกในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่จัดนอกพื้นที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของโรคเบาหวาน รวมทั้งโรคซ่อนเร้นที่มากับโรคเบาหวาน ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในกำลังพล ทร. ได้แก่ โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง ภาวะรอบเอวเกินหรือโรคอ้วน ดังนั้น การให้ความรู้และการตรวจติดตามที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญในกลุ่มเสี่ยงของกำลังพล ทร. เพื่อให้ได้รับวินิจฉัยโรคเบาหวานได้ทันท่วงทีในระยะแรกของโรค รวมทั้งได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติตัวและการดูแลตนเองหากต้องเป็นผู้ป่วยเบาหวาน ดังคำขวัญของงานในวันนี้ที่ว่า "รู้ทันเบาหวาน เบาหวานป้องกันได้ ให้เบาหวานเป็นเรื่องที่ต้องรู้" 
โดยผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ, ผอ.โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ ได้มอบรางวัลแก่ผู้ป่วยเบาหวาน รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่คุมน้ำตาลได้ดีและเป็นตัวอย่างในการดูแลตนเอง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดูแลตัวเองและต่อสู้กับโรคเบาหวานในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย

ปิดดีล 1,400 ล้าน ลิขสิทธิ์บอลโลก คนไทยได้ดูถ่ายทอดสด ครบ 64 แมตช์

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผย ไทยบรรลุข้อตกลงการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จำนวน 64 แมตช์ เรียบร้อยในมูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท

(17 พ.ย. 65) ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า กกท. ได้บรรลุข้อตกลงการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จำนวน 64 แมตช์ เรียบร้อยแล้วในมูลค่า 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยต้องขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ประสานงานภาคเอกชนจนสำเร็จดังกล่าว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเซ็นสัญญากับฟีฟ่า และดำเนินการเรื่องการเตรียมการถ่ายทอดสด

หลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ระหว่างวันที่ 20 พ.ย.-18 ธ.ค.65 ในกรอบวงเงิน 600 ล้านบาท จากจำนวนเต็ม ที่ กกท. เสนอขอรับการสนับสนุนไป 1,600 ล้านบาท ทำให้ กกท. ต้องหาภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนอีก 1,000 ล้านบาท โดยเวลานี้มีภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ 3  บริษัท สนับสนุนเงินราว 400 ล้านบาท

‘สี จิ้นผิง’ พบ ‘คิชิดะ’ ประชุมทวิภาคีครั้งสำคัญ ในวาระครบรอบ 50 ปีการทูต ‘จีน-ญี่ปุ่น’

นับว่ามีประเด็นมากมายที่ต้องจับตามอง สำหรับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ระหว่างวันที่ 14 - 19 พ.ย. 65 ทั้งในประความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ประเด็นความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประเด็นทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 

โดยอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ต้องจับตามอง คือการประชุมทวิภาคีครั้งสำคัญระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดแห่งจีน และนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการประชุมนอกรอบระหว่างการจัดการประชุมเอเปค ซึ่งเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกของผู้นำทั้งสองในรอบ 3 ปี ด้วยเป้าหมายด้านความสัมพันธ์ในเชิงสร้างสรรค์และมีเสถียรภาพ เนื่องจากปีนี้ ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งผู้นำทั้งสองได้ให้สำคัญของการมีความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดี ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากกันและกัน

ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความตึงเครียด ด้วยความบาดหมางในอดีตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นทุนเดิม ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก, การทดลองยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ รวมทั้งการที่กองทัพจีนยิงขีปนาวุธตกในน่านน้ำของญี่ปุ่นในการซ้อมรบเพื่อตอบโต้ต่อการเดินทางเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และการแข่งขันแย่งชิงบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาค

โดยทั้งผู้นำจากทั้งสองฝั่ง ต่างแสดงเจตจำนงในการการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศทั้งสอง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมขยายผลจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม กรณีคนร้ายเขียนใบปลิวเรียกค่าคุ้มครองสวนทุเรียน

จากกรณีสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 65 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้มีคนร้ายได้ใช้ของมีคมปอกเปลือกของลำต้นทุเรียนหมอนทอง จำนวน 9 ต้น และราดน้ำกรดฆ่ายางบริเวณดินใต้ต้นทุเรียน ทำให้ได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าประมาณ 20,000 บาทต่อต้น ซึ่งปลูกไว้บนพื้นที่กว่า 22 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ม.8 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จว.พัทลุง และมีการเขียนข้อความด้วยปากกาลงในกระดาษลักษณะข่มขู่ บรรจุในถุงพลาสติกใสผูกติดไว้ที่ต้นทุเรียน ข้อความว่า “พวกเราจะขอความช่วยเหลือ ถ้าหากไม่ได้ตัวอย่างมีให้เห็น ไว้แล้วที่ต้นทุเรียน ถ้าไม่อยาก ให้ต้นทุเรียนตายหมดทั้งสวน ให้คุณไปติดต่อที่ลูกพี่กูด้ายเลย กูให้เวลาพวกมึงไม่เกิน 7 วัน เน้นไม่เกิน 7 วัน” นั้นพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ควบคุมดูแลการสืบสวนติดตามและจับกุมคนร้ายในคดีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนรู้สึกหวาดกลัว และ ไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีการขู่กรรโชกทรัพย์จากประชาชน จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.วัลลพ จำนงค์อาษา รอง ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.สส.ภ.9, พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จงหวัง ผกก.สภ.ป่าพะยอม และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามกลุ่มคนร้ายทันที

ประชุมจัดงานหนองใหญ่มินิมาราธอน เดิน -วิ่งการกุศล ครั้งที่3/2565

(17 พ.ย. 65) เวลา 13.30 น. จัดการประชุมคณะกรรมการจัดงานหนองใหญ่มินิมาราธอนเดินวิ่งการกุศลครั้งที่ 3 / 2565 ว่าที่ร้อยเอกสันติพงศ์ บุบนเลิศ เป็นประธานจัดการประชุมร่วมกับ สมาคมชาวจังหวัดชุมพรและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชุมพรเข้าร่วมกิจกรรมการประชุมในวันนี้

การประชุมในครั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมของทุกทุกฝ่ายในการร่วมกิจกรรมการเดินวิ่งเทิดพระเกียรติ  ในงานหนองใหญ่มินิมาราธอนเดินวิ่งการกุศลครั้งที่หนึ่งของจังหวัดชุมพร

อย.จ่อเอาผิดสเปรย์พ่นจมูก อ้างกันโควิด - หวัดใหญ่ ชี้ ทำคนเข้าใจผิด - ด้านเวชศาสตร์ฯ มหิดล ยันไม่เกี่ยวข้อง

อย. จ่อเอาผิดสเปรย์พ่นจมูก ‘เบซูโตะ เคลียร์’ แอบอ้างโฆษณาเกินจริง หลังอ้าง ยับยั้งเชื้อโควิด หวัดใหญ่ และ RSV ชี้แค่วิจัยสารสกัดในแล็บ ยังไม่ศึกษาในคน ด้านคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหิดล แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผลิต จัดจำหน่าย

(17 พ.ย. 65) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เบซูโตะ เคลียร์ นาเซิล สเปรย์ (Besuto Qlears nasal spray) ได้รับการจดแจ้งเครื่องมือแพทย์ เลขที่ 65-1-3-2-0000818 มีวัตถุประสงค์การใช้งานและข้อบ่งใช้ คือ สำหรับพ่นจมูก ใช้เมื่อเริ่มมีอาการเป็นหวัดหรือมีอาการคล้ายหวัด เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูกเนื่องจากอากาศแห้ง ช่วยลดและบรรเทาอาการคัดจมูก ซึ่งภายหลังปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ว่ามีการแถลงผลการทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในสูตรส่วนประกอบ ควบคู่กับการแอบแฝงโฆษณาผลิตภัณฑ์ ทำให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถยับยั้งหรือฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสโคโรนา 2019 และไวรัสอาร์เอสวี ต้านการอักเสบ ฯลฯ ได้ ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับผู้บริโภค

"ผลการทดสอบฤทธิ์ดังกล่าว เป็นเพียงผลการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดในห้องปฏิบัติการเบื้องต้นเท่านั้น ยังคงต้องทำการศึกษาวิจัยในมนุษย์เพิ่มเติมเพื่อยืนยันฤทธิ์ดังกล่าว แล้วจึงนำผลการศึกษา ยื่นขอขึ้นทะเบียนกับ อย.ในสรรพคุณใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป" นพ.สุรโชคกล่าว

นพ.สุรโชคกล่าวว่า ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ร่วมกันลดปัญหาการโฆษณาแฝงผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ทางการค้า ผ่านการแถลงผลงานวิจัยหรือผลการทดสอบต่าง ๆ เพราะนอกจากจะสร้างความเข้าใจผิดให้ผู้บริโภคแล้ว ยังเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยในขณะนี้ อย. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในกรณีข้างต้นแล้ว ส่วนการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการอนุมัติสรรพคุณจาก อย. ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และการโฆษณาต้องผ่านการอนุมัติจาก อย. เช่นกัน นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เช่น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในสถานที่ผู้คนแออัดหรือพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท การล้างมือ การเว้นระยะห่างต่อไป

บ.จัดหางานบ๊อสส์ดีไล้ท์ รุกเปิดตลาด ส่งช่างไทยบินไปทำงานอู่ต่อเรือล็อตแรกที่เกาหลีใต้

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 นางสาวอรัญญา สกุลโกศล กรรมการผู้จัดการบริษัท จัดหางานบ๊อสส์ดีไล้ท์ แมนพาวเวอร์ จำกัด พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมพบปะให้กำลังใจคนงานไทยก่อนที่จะส่งไปทำงานประเภทอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือในประเทศเกาหลีใต้ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ

น.ส.อรัญญา กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันและคณะได้มาเยี่ยมพบปะให้กำลังใจคนงานไทยสาขาช่างเชื่อมที่จะเดินทางไปทำงานในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งวันนี้มีคนงานสาขาช่างเชื่อมไทย จำนวน 10 คนเป็นชุดแรกที่จะเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ จากจำนวนความต้องการสาขาช่างเชื่อมทั้งหมด 1,000 อัตรา ช่างสีพ่นทราย 200 อัตรา และช่างไฟฟ้า 100 อัตรา รวมทั้งสิ้น 1,300 อัตรา ที่ได้สมัครงานไว้กับบริษัทในเครือ ฮุนได เฮฟวี่ อินดัสทรี่ รวมทั้งได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือคัดเลือกช่างเชื่อมแล้ว และพร้อมที่จะเดินทางไปทำงานในประเภทอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือในประเทศเกาหลีใต้ การจัดส่งแรงงานไทยสาขาช่างไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จที่ภาคเอกชนได้ร่วมจัดส่งแรงงานไทยในสาขาช่างฝีมือ ดิฉันในนามบริษัทจัดหางานงานบ๊อสส์ดีไล้ท์ แมนพาวเวอร์ จำกัด ต้องขอบคุณท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานทุกท่านที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการให้ภาคเอกชนได้ร่วมดำเนินการในจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานทักษะฝีมือ (วีซ่า E-7) ในประเทศเกาหลีใต้ครั้งนี้ ที่สำคัญต้องขอบคุณรัฐบาล โดยท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ท่านได้มีนโยบายให้กระทรวงแรงงานนำร่องเปิดตลาดแรงงานในประเทศต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้แรงงานไทยได้มีโอกาสไปทำงานนำเงินกลับมาเลี้ยงครอบครัวและพัฒาประเทศ และการจัดส่งคนงานสาขาช่างครัง้งนี้ ถือเป็นครั้งนี้ที่ทางบริษัทจัดหางานงานบ๊อสส์ดีไล้ท์ แมนพาวเวอร์ ได้ร่วมมือกับบริษัทฮุนไ เฮฟวี่ อินดัสทรี่ จัดส่งคนงานเพื่อนำร่องเปิดตลาดให้แรงงานไทยได้เข้าไปทำงานในเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ แรงงานไทยที่ไปจะได้รับการดูแลสิทธิประโยชน์ค่าจ้างและสวัสดิการจากการทำงานเทียบเท่ากับคนเกาหลีเช่นกัน

‘สี จิ้นผิง’ เยือนไทยครั้งแรกในหมวกผู้นำสูงสุดของจีน ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ร่วมต้อนรับประชุม APEC สมเกียรติ

(17 พ.ย. 65) สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมศาสตราจารย์ เผิง ลี่หยวน ภริยา เดินทางมาถึงประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 14.20 น. โดยมี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยาให้การต้อนรับ ก่อนจะเดินทางไปยังเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยกำหนดการเดินทางเยือนประเทศไทยของ สี จิ้นผิง มีขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 19  พ.ย. 65 ซึ่งเป็นกำหนดการต่อเนื่องภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย 

นับว่าเป็นการเดินทางเยือนราชอาณาจักรไทยครั้งแรกของประธานสี ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนมาเป็นระยะเวลา 10 ปี และนับเป็นครั้งที่ 2 ของการเดินทางมายังประเทศไทย โดยครั้งแรกของประธานสี เคยเดินทางมาเยือนไทยในฐานะรองประธานาธิบดีจีนเมื่อ 22 - 24 ธันวาคม 2554


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top