Monday, 7 July 2025
NEWS

'วราวุธ' ขึ้นกล่าวถ้อยแถลง บนเวที COP27 ตอกย้ำประชาคมโลก 'ไทยพูดจริง ทำจริง' โชว์ความก้าวหน้าการรับมือด้านสภาพภูมิอากาศ

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ณ Sharm El Sheikh International Convention Center สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม COP27 ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงแสดงวิสัยทัศน์และความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ต่อที่ประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP27) โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) พร้อมด้วย นายพุทธพร อิ้วตกส้าน เอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เข้าร่วม

นายวราวุธ ได้กล่าวบนเวที COP27 ว่า “ประเทศไทยได้ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ในการประชุม COP26 ด้วยการจัดส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ ฉบับปรับปรุง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 รวมทั้ง เพิ่มเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC) ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2030 หากได้รับการสนับสนุนระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทย ยังได้ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแนวทางสำคัญในการจัดทำแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับประชาชน ตลอดจนส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG อย่างจริงจัง และในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปีนี้ เชื่อว่า เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว จะเป็นผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมผู้นำ APEC เพื่อช่วยบูรณาการความร่วมมือไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการของเสีย”

'วราวุธ' หารือ อเมริกา ถกประเด็นลดก๊าซมีเทน ต้นเหตุสำคัญปัญหา Climate Change ระดับโลก

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ณ Sharm El Sheikh International Convention Center สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม COP27 พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) และคณะ หารือร่วมกับผู้แทนสหรัฐอเมริกา MR.John Kerry ผู้แทนพิเศษว่าด้วยประเด็นสภาพภูมิอากาศ (Special Presidential Envoy for Climate) และคณะ ถึงแนวทางความร่วมมือในการลดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายหลังการขึ้นกล่าวถ้อยแถลง บนเวทีการประชุมระดับสูงของ COP27

โดยในการหารือ นายวราวุธ ได้กล่าวถึงเจตนารมณ์และเป้าหมายของประเทศไทย ในการลดก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด หรือ NDC ที่จะลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2030 รวมถึงการวางยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญในการจัดทำแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน ทั้งยังส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model อย่างจริงจัง 

ผบ.ตร. วางระบบ CCTV 22,848 ตัว ครอบคลุมทุกพื้นที่ คุมเข้มความปลอดภัยประชุม APEC 2022 มั่นใจ!! เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ห่วงกลุ่มผู้ชุมนุมขวางการประชุม เตรียมแผนพร้อมรองรับไว้แล้ว

(17 พ.ย. 65) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร./รอง ผอ.กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ การประชุม APEC 2022 เป็นประธานประชุมขับเคลื่อน กอ.ร่วมฯ ติดตามสถานการณ์ด้านการข่าว สภาพภูมิอากาศ และแผนการปฏิบัติรักษาความปลอดภัยและการจราจรประจำวัน บูรณาการทุกภาคส่วน รวมกว่า 30 หน่วยงาน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมการปฏิบัติมีความพร้อมทุกภาคส่วน และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การจราจรยังคล่องตัวดี เนื่องจากรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราการ มีการติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวทั้งในและนอกพื้นที่ กทม. อย่างใกล้ชิด

ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV เขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 17,848 ตัว และส่วนภูมิภาคในจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ อีกจำนวน 5,000 ตัว รวมทั้งสิ้น 22,848 ตัว มั่นใจว่าครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อการรักษาความปลอดภัย หากมีใครเข้ามาก่อเหตุ จะถูกตรวจจับด้วยกล้องทันที

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งจุดตรวจเป็นใยแมงมุม ครอบคลุมทุกเส้นทาง โดยเฉพาะสถานที่ประชุม ที่พักผู้นำ เส้นทาง และสถานที่สำคัญต่าง ๆ โดยใช้เจ้าหน้าที่กว่า 35,000 นาย พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้สำหรับการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจง กรณี จนท.ตำรวจ มีการควบคุมตัวนักศึกษา

ตามที่ปรากฏข้อมูลตามสื่อต่าง ๆ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวนักศึกษา จำนวน 3 คน นั้น
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.สส.บก.น.4) ได้รับการแจ้งเบาะแสว่าสถานที่ดังกล่าวจะมีการมั่วสุมและมีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจจะมีการกระทำความผิดกฎหมายในทางอาญา จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และได้นำหมายค้น ศาลอาญา ที่ ค.1314/2565 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เข้าทำการปิดล้อม-ตรวจค้น บ้านเช่าไม่มีเลขที่ฯ ย่านซอยรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ในการเข้าตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่เพื่อความบริสุทธ์ใจและโดยความยินยอมของผู้ถูกตรวจค้น จำนวน 3 ราย (อายุ 27 ปี 2 คน อายุ 23 ปี 1 คน) เจ้าหน้าที่ จึงได้พานักศึกษาดังกล่าวไปบันทึกถ้อยคำและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล ๔ ว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นแล้วจึงได้ปล่อยตัวไป โดยไม่มีการควบคุมตัวหรือจับกุมแต่อย่างใด

ชาวเน็ตแห่แซะ ‘ป๋าเทพ’ หลังประกาศขายไร่ จ.ราชบุรี ฟาก ‘สันติสุข’ ฉะกลับ!! แค่ย้ายทำเล จะไปแซะทำไม

เมื่อวานนี้ (16 พ.ย. 65) เฟซบุ๊กเพจ ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’ ของ ‘ป๋าเทพ โพธิ์งาม’ ตลกอาวุโส ได้โพสต์ภาพประกาศขาย ‘ไร่ป๋าเทพ’ ใน ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เนื้อที่ 13 ไร่ โดยระบุข้อความว่า…

“ขาย!! ไร่ป๋าเทพ 13 ไร่กว่า ที่สวย บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้เยอะที่สุดในแถบนี้ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง สนใจติดต่อ Inbox ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ หรือ ติดต่อเบอร์โทร 085-3954415/ 094-4161555 ครับ #ไร่ป๋าเทพ #เทพโพธิ์งาม”

หลังทางเพจโพสต์ประกาศขายออกไป ก็มีแฟนๆ ของป๋าเทพ เข้ามาสอบถามจำนวนมากถึงสาเหตุที่ต้องขายไร่ โดยทางแอดมินผู้ดูแลเพจก็เข้ามาตอบว่า…

รัฐบาล ปลื้ม ผอ.สำนักเลขาเอเปคชมไทย จัดประชุมได้อย่างยอดเยี่ยมระดับโลก

รัฐบาล ปลื้ม ผอ.สำนักเลขาฯเอเปค ชมไทย จัดเอเปค ‘เวิลด์คลาส’ โชว์ภาพลักษณ์-ศักยภาพประเทศระดับโลก ชี้ ดึงอีเวนท์ใหญ่นานาชาติจัดที่ไทย กระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ทุกภาคส่วน

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค กล่าวในการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ว่า ชื่นชมการเป็นเจ้าภาพงานประชุมเอเปค 2022 ของไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ผู้นำจากเขตเศรษฐกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกลับมาประชุมแบบพบหน้ากัน ในแง่โลจิสติกส์ สถานที่ของไทยถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาสและจัดการได้เยี่ยมยอด เป็นการจัดเตรียมงานที่เป็นเลิศ เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัย ทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่สารัตถะการประชุม สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค

มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA)

(16 พ.ย.65) ที่ห้องการะเกด มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) กับมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์พิภัทรา สิมะโรจนา รองอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์ /นายสมเกียรติ อู่เงิน ผู้อำนวยการและทีมสถาบันพัฒนาบุคลากร สาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ /นายเมธี พรมศิลา คณะบดีคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม /นายพิษณุพงษ์ พุ่มมะรินทร์ นักวิชาการพัฒนาฝีมือแรงงานชำนาญการ ร่วมลงนาม

ทั้งนี้จากที่คณะเทคโนโลยอุตสาหกรรม ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) กับ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้หารือร่วมมือในการยกระดับศักยภาพบุคลากรและนักศึกษา ซึ่งทั้งนี้คณะฯ ได้มีหลักสูตรทางด้านวิศวกรรมอุตสาหกรรมที่รองรับในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การพัฒนาศักยภาพ บุคลากร และนักศึกษาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง Upskill/ Reskill ให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน 

การจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตรระยะสั้น เพื่อทบทวนทักษะ (Re-Skill) ยกระดับทักษะ (Up-skill) สนับสนุนการฝึกอบรม สนับสนุนบุคลากรและอุปกรณ์ ที่ใช้ในการอบรม สนับสนุนให้ศึกษา วิจัย ในด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และสมองกลชั้นสูง (AI) พร้อมออกใบรับรองให้ผู้ผ่านการฝึกอบรมในนามของสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์

เปิด 7 วิธี ปรับธุรกิจรอรับ ‘นทท.แดนมังกร’ หลังทางการจีน จ่อปลดล็อกนโยบาย Zero Covid

การจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ปี 2565 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย เพราะอย่าลืมว่า ก่อนที่จะมีโควิดระบาด คนจีน คือ นักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทย

แม้ขณะนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าประเทศจีนจะผ่อนคลายให้คนเดินทางออกนอกประเทศ ตามนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ (Zero Covid ) ซึ่งก่อนหน้านี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ออกมายอมรับว่า จากการประเมินในสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เห็นแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก  

แต่ทว่า การที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเอเปคในครั้งนี้ จึงคาดหวังว่าจะมีการหารือแบบทวิภาคี ระหว่าง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ของไทย โดยการเจรจาคาดว่าจะเน้นไปในทิศทางให้ทางการจีนพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเข้าออกพรมแดนในบางมณฑล เพื่อเปิดทางให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยอีกครั้ง

ซึ่งหากจีนมีการผ่อนคลายมาตรการเข้าออกพรมแดน ธุรกิจไทยควรเตรียมตัวอย่างไรบ้างตั้งแต่เนิ่น ๆ วันนี้ทีมข่าว The States Times จะสรุปให้อ่านกัน

จากผลสำรวจล่าสุดจาก Hotels.com™ ได้ศึกษาถึงพฤติกรรมที่มีผลต่อการท่องเที่ยวชาวจีนยุคใหม่ได้น่าสนใจ ดังนี้

- นักท่องเที่ยวชาวจีนยุคใหม่ หรือยุคมิลเลนเนียม (ผู้ที่เกิดหลังปี 2533 เป็นต้นไป) ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัดระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

- ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนดีที่สุดเป็นอันดับสอง เป็นรองแค่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องมาจากความคล่องตัวในการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ครอบคลุมสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารที่รองรับภาษาจีน เช่น ป้ายข้อมูลบอกทางต่าง ๆ เป็นต้น

- นักท่องเที่ยวชาวจีนรุ่นใหม่คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย (ร้อยละ 61) ในขณะที่อาหารท้องถิ่นก็มีความสำคัญไม่แตกต่างกัน 

- สิ่งที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจออกเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ได้แก่ ทีวี ภาพยนตร์ และโซเชียลมีเดีย 

- นักท่องเที่ยวจีนชอบการเข้าพักในที่พักไฮเทค และชอบการลองทำกิจกรรมสุดแปลกแหวกแนว ชื่นชอบการสัมผัสประสบการณ์จริง 

- นักท่องเที่ยวชาวจีนรุ่นใหม่นิยมใช้จ่ายเงินไปกับการรับประทานอาหารเป็นส่วนใหญ่ โดยเลือกชิมอาหาร
ท้องถิ่นที่ไม่สามารถหารับประทานที่ไหนได้ (ร้อยละ 69) และเลือกเดินตามท้องถนนเพื่อชิมอาหารท้องถิ่นแท้ ๆ (ร้อยละ 43) มากกว่าการเลือกซื้อสินค้าราคาแพง (ร้อยละ 38) 

- นักท่องเที่ยวชาวจีนชื่นชอบผลิตภัณฑ์ และงานฝีมือที่มีชื่อเสียง (ร้อยละ 56) ส่วนมากจะซื้อไปเป็นของฝาก

นี่ชี้ให้เห็นแล้วว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนเป็นแบบไหน แล้วธุรกิจไทยควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

1. ผู้ประกอบการ SME ไทยในด้านโรงแรมและที่พัก และธุรกิจร้านค้าต่าง ๆ ควรจัดหาสิ่ง
อำนวยความสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ่ายเงินที่สะดวกรวดเร็วด้วยมือถือ หรือแอปพลิเคชัน WeChat เช่น ปริ้นต์ QR Code การจ่ายเงินผ่านการสแกนติดไว้หน้าร้าน หรือเคาน์เตอร์จ่ายเงิน

2. ติดป้ายบอกข้อมูลบอกทาง หรือข้อมูลสินค้าต่าง ๆ สินค้านั้นควรมีเรื่องราวดึงดูดหรือน่าสนใจ ให้นักท่องเที่ยวจีนเห็นแล้วอยากซื้อ

รองต่อศักดิ์ลงพื้นที่ จ.ประจวบฯ-ชุมพร ตรวจเยี่ยมด่าน ตรวจความมั่นคง เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มความเข้มในการปฎิบัติหน้าที่ช่วงการประชุมเอเปค 2022

เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 16 พ.ย.2565 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ( ปป.) พล.ต.ต. ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รองผบช.ก. เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพล จุดตรวจมั่นคงห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีพล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมารอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธุ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รองผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.นนท์ ภักดีพันธ์ ผกก.สภ.ห้วยยาง พ.อ.พรรณศักดิ์ เพรียวพานิช รอง ผบ.ฉก.จงอางศึก และ น.ส.วิยะรัตน์ หนูเอกปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.ทับสะแก ให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปภารกิจ โดยด่านตรวจแห่งนี้เป็นหนึ่งในหลายๆด่านตรวจถาวร ที่เป็นเส้นทางคมนาคมสายหลัก โดยมีการปฏิบัติร่วมกันหลายหน่วยงานทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองร่วมปฎิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2565 จนถึง 20 พ.ย. 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ด่านตรวจแห่งนี้ได้เพิ่มมาตรการในการตรวจค้น และเฝ้าระวังกลุ่มบุคคนที่เป็นเป้าหมายด้านความมั่นคงมากขึ้นเป็นพิเศษ

ผบ.ตร.มอบรางวัลให้พลเมืองดี และตำรวจนาจอมเทียน ช่วยเหลือเด็กหญิงสาวถูกลักพาตัว รวมถึง สวป.มักกะสัน เจรจาต่อรองหนุ่มพม่า จะกระโดดสะพาน ในโครงการ 'ทำดี มีรางวัล'

(16 พ.ย. 65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบรางวัลโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' 2 ราย รายแรกเป็นกรณี พลเมืองดี และตำรวจ เข้าช่วยเหลือ ด.ญ.วัย 13 ปี จากการถูกลุงแท้ ๆ กำลังพาไปกระทำอนาจาร ส่วนอีกราย สวป.มักกะสัน เกลี่ยกล่อมหนุ่มชาวเมียนมาที่พยายามจะกระโดดสะพานยกระดับฆ่าตัวตาย 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า กรณีปรากฎคลิป 2 เหตุการณ์ จนมีกระแสชื่นชมการปฏิบัติงานของตำรวจ และพลเมืองดีในสื่อสังคมออนไลน์นั้น 

กรณีแรก เมื่อวันที่ 12 พ.ย.65 เวลาประมาณ 15.00 น. นายสุขุม ผาติเสนะ อายุ 25 ปี พลเมืองดี ขณะขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาประสบเหตุเด็กหญิงวัย 13 ปี ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มีชายสูงวัยอายุราว 50 ปี เป็นผู้ขับขี่ เด็กหญิงได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” บริเวณถนนชุมชนยายร้า อ.บ้านฉาง จว.ระยอง จึงได้โทรศัพท์แจ้งเหตุ 191 พร้อมกับขับขี่รถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จากนั้นได้มี ส.ต.ต.พีรพัฒน์ เอี่ยวศิริ และ ส.ต.ต.สุรศักดิ์ ชัยชุมพร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาจอมเทียน สายตรวจรถจักรยานยนต์ สภ.นาจอมเทียน จว.ชลบุรี เข้าระงับเหตุติดตามสกัดจับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว และขับขี่ประกบกับคนร้ายได้ รวมระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร โดยขณะคนร้ายลดความเร็วเพื่อกลับรถหลบหนี เด็กหญิงจึงใช้จังหวะดังกล่าวกระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ แล้ววิ่งหลบไปพักอยู่ในรถกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้ขับไล่ติดตามคนร้ายต่อไป และพยายามจะสกัดรถของคนร้าย จนเฉี่ยวชนกันทำให้รถจักรยานยนต์สายตรวจเสียหลักคว่ำไป เป็นเหตุให้ตำรวจสายตรวจทั้ง 2 นาย ได้รับบาดเจ็บแต่คนร้ายสามารถประคองรถ แล้วขับหลบหนีต่อไปได้  ปัจจุบันเด็กหญิงได้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว จว.ระยอง ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

จากเหตุการณ์ดังกล่าว สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของนายสุขุม ผาติเสนะ พลเมืองดี ส.ต.ต.พีรพัฒน์ เอี่ยวศิริ  และ ส.ต.ต.สุรศักดิ์ ชัยชุมพร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาจอมเทียน สมควรได้รับการเชิดชูเกียรติ ยกย่องสรรเสริญ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการตำรวจและสังคม

'บช.น.' แจ้งหลีกเลี่ยงเส้นทางในการประชุมเอเปค วันที่ 17 พ.ย.2565 เวลา 18.00 น. – 20.00 น.และ เวลา 21.00 น. – 23.00 น.


​​

​​พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ 
รอง ผบช.น./รอง โฆษก บช.น. ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ประชาชนทราบ ตามที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเอเปค ครั้งที่ 29 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบภารกิจการรักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรให้แก่ผู้นำประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติในการจัดการจราจรดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องปิดการจราจร ในวันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. 2565 เวลา 18.00 น. – 20.00 น. และ เวลา 21.00 น. – 23.00 น. ในบางเส้นทาง และบางช่วงบางเวลา จึงอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชน จึงแจ้งมาเพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมและวางแผนการเดินทาง ดังนี้ 
1. เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ  
1.1) เส้นทาง (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนพระราม 4-2
1) ถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ - แยกเพลินจิต )
2) ถ.สุขุมวิท (แยกเพลินจิต – ซอยสุขุมวิท 22 )
3) ถ.ราชดำริ (แยกราชประสงค์ – แยกศาลาแดง)
​4) ถ.วิทยุ (แยกเพลินจิต - แยกวิทยุ)
​5) ถ.รัชดาฯ (แยกอโศกมนตรี – แยกพระราม4)
6) ถ.พระราม4  (แยกศาลาแดง - แยกพระราม 4)
7) ถ.สาทร (แยกวิทยุ - แยกนรินธร )
1.2)  เส้นทางที่ได้รับผลกระทบ (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนยมราช
1) ถ.เพชรบุรี (แยกอุรุพงษ์  - แยกยมราช )
2) ถ.พิษณุโลก (แยกยมราช – แยกสวนมิสกวัน )
3) ถ.ราชดำเนินนอก (แยกสวนมิสกวัน – แยกจปร.)
4) ถ.วิสุทธิกษัตริย์​
​5) ถ.อรุณอัมรินทร์ (ตลอดสาย)
6) สะพานพระราม 8

1.3) เส้นทางทางด่วน
​1) ทางขึ้นด่วนสุรวงศ์ ​​​5) ต่างระดับพญาไท – ต่างระดับมักกะสัน
 ​2) ทางลงด่วนสีลม ​​​6) ทางขึ้น/ลงด่วนเพลินจิต
 ​​3) ทางลงด่วนอุรุพงษ์ ​​​7) ทางขึ้น/ลงด่วนพระราม 4/2
​​4) ทางขึ้น/ลงด่วนยมราช

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากสถาบันวิทยสิริเมธี และโรงเรียนกำเนิดวิทย์

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี และโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประจำปีการศึกษา 2564

เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.65) - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี ประจำปี 2564 จำนวน 30 คน โดยแบ่งเป็นระดับปริญญาเอก จำนวน 26 ราย และระดับปริญญาโท จำนวน 4 ราย และพระราชทานทุนการศึกษา ‘ศรีเมธี’ ให้กับนิสิตที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมจากสถาบันฯ จำนวน 4 ราย รวมทั้งพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 5 โดยนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดีสถาบันวิทยสิริเมธี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมกับคณะผู้บริหารและพนักงาน กลุ่ม ปตท. เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดพระเนตรผลงานทางวิชาการและงานวิจัยของสถาบันวิทยสิริเมธี ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ งานวิจัยทางด้านระบบปัญญาและหุ่นยนต์ (Al and Robotic) งานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน การพัฒนาแบตเตอรี่และวัสดุคุณภาพสูง (Energy Materials & Environment) และงานวิจัยพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการเพิ่มมูลค่าขยะอินทรีย์ อนึ่ง สถาบันวิทยสิริเมธี ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อร่วมกันสร้างนักวิจัย พัฒนางานวิจัยที่มีศักยภาพไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และสร้างคุณค่าให้แก่สังคม อันเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของสถาบันฯ 

ต่อมาทรงเป็นประธานในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สถาบันวิทยสิริเมธี และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจากการดำเนินโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) พื้นที่ประมาณ 88 ไร่

เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ให้เป็นเครื่องมือที่มีพลานุภาพ เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์มากมายมหาศาลต่องานวิจัยทางด้านการแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และด้านอื่น ๆ โดยเครื่องกำเนิดแสงที่จะจัดสร้างนี้ มีค่าระดับพลังงาน 3 GeV และใช้เทคโนโลยี Double Triple Bend Achromat (DTBA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้แสงซินโครตรอนมีความสว่างจ้ามากกว่าเดิม 1 ล้านเท่า และรองรับระบบลำเลียงแสงได้สูงถึง 22 ระบบ จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านงานวิจัยได้หลากหลาย

จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารปฏิบัติการวิศวกรรม (Fabrication Center) ซึ่งเป็นห้องทดลองสำหรับนักเรียนในการสืบค้นข้อมูลและพัฒนาต้นแบบสิ่งประดิษฐ์ตามแนวคิดของตนเอง พร้อมทรงติดตามความก้าวหน้าและความยั่นยืนของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ โดยมี 

รองศาสตราจารย์ ดร.บุญโชติ เผ่าสวัสดิ์ยรรยง ผู้อำนวยการโรงเรียนกำเนิดวิทย์ กราบบังคมทูลรายงาน ต่อมาเสด็จพระราชดำเนินไปยัง ‘ศูนย์เรียนรู้เกษตรนวัต สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา’ ซึ่งเป็นแหล่งการเรียนรู้สำคัญในการพัฒนาภาพลักษณ์ของเกษตรกรไทยยุคใหม่ ให้เป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจและยั่งยืน โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. และ นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที ดิจิทัล โซลูชั่น จำกัด ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือและแพลตฟอร์ม ‘สวนสมรม’ ที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบการเกษตร

ต่อมาทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนลานใจบ้าน สถาบันวิทยสิริเมธี โดยมีนายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ และนำเสนอนิทรรศการโครงการด้านนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม ผลงานของ ปตท.สผ. ร่วมกับพันธมิตร ที่จะช่วยสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านแนวคิด EP Net Zero 2050 ของ ปตท.สผ.

อบจ.สุโขทัย ร่วมกับ สปสช. สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องช่วยทางการแพทย์ ให้ รพ.สุโขทัย พร้อมดูแลผู้ป่วย-ผู้พิการ-ผู้สูงอายุ ในพื้นที่

นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย และประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.สุโขทัย เป็นประธานในพิธีโครงการจัดหาอุปกรณ์และจัดบริการยืม-คืนอุปกรณ์ เครื่องช่วยความพิการ โรงพยาบาลสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อให้ผู้ป่วยระยะกึ่งเฉียบพลัน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ได้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพตนเอง ลดปัญหาการพึ่งพิง ลดภาวะแทรกซ้อน ที่สำคัญส่งเสริมให้ผู้ป่วยเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

ทั้งนี้ อบจ.สุโขทัย ร่วมกับ สปสช. ในนามกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดสุโขทัย สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 660,200 บาท ให้แก่โรงพยาบาลสุโขทัย จัดหาอุปกรณ์เครื่องช่วยทางการแพทย์ เช่นรถนั่งผู้พิการชนิดพับได้ ที่นอนลม เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องช่วยฝึกเดิน เตียงผู้ป่วยพร้อมเบาะ และเสาน้ำเกลือ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ให้ผู้ที่มีปัญหาการพึ่งพิง ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นกำลังใจและสร้างความมั่นใจในการดำรงชีวิต

'กองทัพเรือ' แถลงข่าวเตรียมกิจกรรมครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ 'องค์บิดาของทหารเรือไทย'

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น. กองทัพเรือจัดงานแถลงข่าว เตรียมจัดกิจกรรมครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในการแถลงข่าว ร่วมด้วย นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร, หม่อมราชวงศ์ จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร , พลเรือเอก จุมพล ลุมพิกานนท์ ประธานมูลนิธิกรมหลวงชุมพรหาดทรายรี และ พลเรือโท ชาติชาย ทองสะอาด รองเสนาธิการทหารเรือ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา ถ.อรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 

ด้วยวันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กองทัพเรือได้เทิดพระเกียรติและขนานนามพระองค์เป็น 'องค์บิดาของทหารเรือไทย' และกำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น 'วันอาภากร' โดยในวันที่19 พฤษภาคม 2566 นี้ จะเป็นวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี กองทัพเรือ จึงกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านในส่วนของกองทัพเรือ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2565 ถึง 19 พฤษภาคม 2566 ประกอบด้วย

1. กิจกรรมร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์นำเข้าสู่การจัดกิจกรรม 100 ปี วันสิ้นพระชนม์ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยมีการจัดพิธีเปลี่ยนธงราชนาวี เปลี่ยนธงพระยศ การติดตราสัญลักษณ์ '100 ปี วันสิ้นพระชนม์ฯ' กิจกรรมแปรขบวน และถ่ายภาพกำลังทางเรือ และกิจกรรมร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์ ในพื้นที่หลัก ณ เขาแหลมปู่เจ้า อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ร่วมกับพื้นที่อื่น ๆ ของ ทร. และพื้นที่ ศรชล.จังหวัดทั้ง 23 จังหวัด พื้นที่ที่มีศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ ตั้งอยู่ 

2. กิจกรรมเทิดพระเกียรติวันคล้ายวันประสูติ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยมีการทำบุญตักบาตร กิจกรรมจิตอาสาบูรณะศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ กิจกรรมบริจาคโลหิต กิจกรรมบริการประชาชน กิจกรรมหน่วยแพทย์หมอพรเคลื่อนที่ กิจกรรมแสดงดนตรี กิจกรรมแสดงแสงสีเสียง โดยจัดขึ้น ณ บริเวณหนองตะเคียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

3. กิจกรรมกองทัพเรือเพื่อประชาชน (CSR) ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ จำนวน 5 ครั้ง ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ ทัพเรือภาคที่ 1 ทัพเรือภาคที่ 2 ทัพเรือภาคที่ 3 กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง โดยจัดหน่วยแพทย์หมอพรเคลื่อนที่ทั้งทางบกและทางน้ำ การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารเรือ และการจัดนิทรรศการแสดงพระประวัติฯ 

4. การปรับปรุงบูรณะศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เปลี่ยนธงราชนาวี และธงพระยศ 270 ศาล ทั่วประเทศ

'พระเกจิสายกรรมฐาน' ร่วมพิธีตรึงหมุดมณฑป ครอบครัว 'จิรรัตน์จรัสธร' ร่วมสร้างถวายอดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเชียงใหม่ 'หลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ'

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ผู้บริหาร บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กสเตนเลส ตั้งอยู่ภายในซอย ส.มณีรัตน์ ถนนเทพารักษ์ กม.11 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดย นายขจรศักดิ์ จิรรัตน์จรัสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด และ กรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย ครอบครัวจิรรัตน์จรัสธร และ พนักงานบริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างมณฑปขนาดใหญ่ เพื่อน้อมถวายสรีระหลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ พระอริยเจ้าแห่งวัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เป็นถาวรวัตถุและสมบัติของพระพุทธศาสนา และเพื่อความเป็นสิริมงคลสืบไป

ซึ่งภายในพิธี ได้รับความเมตตาจากพระเถรานุเถระ โดย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์สายกรรมฐาน จากวัดต่างๆ จำนวนกว่า 30 รูป ที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อาทิ พระราชวชิรกิจโสภณ (หลวงปู่บุญจันทร์ สีลคุโณ) เจ้าอาวาสวัดป่ามณีโคตมวงศ์ จ.อุดรธานี ได้เมตตามาเป็นประธานในพิธีสงฆ์ พร้อมด้วย พระครูวิโรจน์ธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพุมุด จ.กาญจนบุรี พระวิมลศีลาจาร เจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร กทม. พระอาจารย์สามเรือน ปุญญสโก เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ และ พระราชวชิรธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นต้น นอกจากนี้ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จากวัดต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 31 รูป ได้เมตตาออกเดินรับบิณฑบาตโปรดญาติโยม ภายใน บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกด้วย

โดยในพิธี การจัดสร้างมณฑป ในครั้งนี้ โดยนายขจรศักดิ์ จิรรัตน์จรัสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด และ กรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ ได้เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างมณฑป พร้อมทั้ง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมี นายมนต์ชัย จิรรัตน์จรัสธร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ นายสุดใจ จิรยาภากร ประธานที่ปรึกษา กต.ตร.จ.สมุทรปราการ นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ และ คณะกรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ คณะ กต.ตร.สภ.บางพลี ครอบครัวจิรรัตน์จรัสธร และ พนักงานบริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติและผู้มีจิตศรัทธาร่วมในพิธีครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top