Friday, 29 March 2024
NEWS

สมาคมหาบเร่แผงลอย เข้ายื่นหนังสือขอบคุณให้กำลังใจนายก พล.อ.ประวิตร รมว.สุชาติ ที่รัฐสภา ที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาจากผลกระทบโควิด-19 

กลุ่มผู้นำแรงงาน นำโดย นางญาดา พรเพชรรัมภา นายกชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร นำสมาชิกหาบเร่แผงลอย ได้เข้ายื่นหนังสือขอบคุณและให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยมี นายสมพงษ์ โสภณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระแก้ว นายวัชระ ยาวอหะซัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส และพันตำรวจโทฐนภัทร กิตติวงศา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี เข้าร่วมในครั้งนี้ ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) 


 นางญาดา พรเพชรรัมภา นายกชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้ดิฉันในนามชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานครและสมาชิกได้นำหนังสือขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีมายื่นที่อาคารรัฐสภา เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยมีท่านสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้ลงมารับหนังสือด้วยตนเอง เราในฐานะกลุ่มรากหญ้า กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเราได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการปันน้ำใจร้านค้าสู่แรงงานเพื่อจัดทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงาน เราได้รับการทำข้าวกล่องเฟสแรก 200,000 กล่อง ระหว่างวันที่ 12-27 ก.ค.64 และเฟสสองอีก 80,000 กล่อง ระหว่างวันที่ 21-31 ส.ค.64 การได้รับจัดสรรการทำข้าวกล่องตรงนี้เป็นการช่วยต่อลมหายใจให้สมาชิกหาบเร่แผงลอย ที่เราเป็นผู้บอบบางของเมือง แต่เป็นผู้ขับเคลื่อนเมือง วันนี้ผู้ค้ามาด้วยใจ ตั้งใจมาบอก ส.ส.ว่าเราได้รับความช่วยเหลือรวมแล้วเกือบ 5,000 คน รวมทั้งได้สมัครมาตรา 40 ได้เงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน จึงมาเป็นกำลังใจและมาขอบคุณนายกรัฐมนตรี เราเห็นการทำงานของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานที่เข้าถึงกลุ่มเราในช่วงโควิด-19 พวกเราไม่มีรายได้ เราจึงอยากแสดงให้สาธารณชนรับรู้ว่า วันนี้เรามาให้กำลังใจและปกป้องคนดีที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ 


 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า ผมได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ลงมารับหนังสือขอบคุณจากพี่น้องกลุ่มผู้นำแรงงานด้วยตนเอง ที่เดินทางมาให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเองและท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะที่ท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในด้านเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ท่านได้สั่งการให้ทุกกระทรวงทำงานบูรณาการร่วมกัน และยังได้ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องแรงงานทุกคน ทุกกลุ่ม ผ่านผมในฐานะรัฐมนตรีแรงงานให้ได้ช่วยเหลือเยียวยาดูแลพี่น้องแรงงานอย่างทั่วถึง เพื่อให้ภาคแรงงานเดินได้ ธุรกิจเดินได้ ไปพร้อม ๆ กันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นับเป็นการช่วยประเทศชาติให้ก้าวพ้นวิกฤตโควิดในครั้งนี้ไปด้วยกัน

‘โมเดอร์นา’ พบเหล็กกล้าปนเปื้อนวัคซีนในญี่ปุ่น เรียกคืน 3 ล็อตปัญหาหลังฉีดไปแล้ว 5 แสนคน

โมเดอร์นา อิงค์ และ ทาเกดะ ฟาร์มาซูติคัล เปิดเผยเมื่อวันพุธ (1 ก.ย.) กำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น ในการเรียกคืนวัคซีนโควิด-19 ของทางบริษัท จำนวน 3 ล็อต หลังพบปนเปื้อนเหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel) ในบางขวด

เจ้าหน้าที่ระงับใช้วัคซีนโมเดอร์นาล็อตเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งสิ้น 1.63 ล้านโดส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับปัญหาปนเปื้อน

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุในวันพุธ (1 ก.ย.) ว่าตามข้อมูลที่ได้รับจากการสืบสวนของทั้งสองบริษัท พวกเขาไม่เชื่อว่าอนุภาคของโลหะผสมจะก่อความเสี่ยงทางสุขภาพใด ๆ เพิ่มเติม ส่วนโมเดอร์นา เผยว่าปัญหาปนเปื้อนเหล็กกล้าไร้สนิม บางทีอาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต

ทาเกดะ ฟาร์มาซูติคัล รับผิดชอบจำหน่ายและกระจายวัคซีนโมเดอร์นาในญี่ปุ่น

โมเดอร์นา ระบุในถ้อยแลงร่วมกับทาเกดะ มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ต้นตอของการปนเปื้อนจะเกี่ยวข้องกับเหตุเสียดสีกันของเหล็ก 2 ชิ้นในเครื่องจักรที่ใช้สำหรับวางฝาจุกปิดขวดวัคซีน พร้อมยืนยันว่าวัตถุแปลกปลอมดังกล่าวได้แก่เหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel)

ทางโมเดอร์นา ได้ดำเนินการสืบสวนในเรื่องนี้ร่วมกับพันธมิตรอย่าง ทาเกดะ และ โรวี บริษัทสัญชาติสเปน เจ้าของโรงงานที่เหตุปนเปื้อนเกิดขึ้น

"เหล็กกล้าไร้สนิม มักถูกใช้ในลิ้นหัวใจ ข้อต่อเทียม ไหมโลหะและลวดเย็บ ด้วยเหตุนี้จึงไม่คาดหมายว่าการฉีดอนุภาคที่พบในล็อตเหล่านี้ในญี่ปุ่น จะก่อความเสี่ยงทางการแพทย์ใด ๆ เพิ่มเติม" ทาเกดะและโมเดอร์นาระบุในถ้อยแถลงร่วม

หุ้นของโมเดอร์นา ขยับขึ้น 2.6% หลังคำแถลง ส่วนหุ้นของโรวี ดีดตัวถึง 4.5% หลังจากก่อนหน้านี้ร่วงลงมากกว่า 10% จากข่าวระงับใช้วัคซีน ขณะที่ ทาเกดะ ก็ปรับขึ้นประมาณ 2%

ญี่ปุ่นระงับฉีดวัคซีนโมเดอร์นาจากทั้ง 3 ล็อต หลังพบวัตถุแปลกปลอมปนเปื้อนในวัคซีน 39 ขวด ซึ่งทั้งหมดมาจากล็อตเดียวกัน แต่ได้มีการสั่งระงับใช้วัคซีนล็อตอื่น ๆ เพิ่มเติม 2 ล็อต เนื่องจากมันผลิตที่โรงงานเดียวกันของบริษัทโรวี ส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันไว้ก่อน

ถ้อยแถลงร่วมยืนยันว่ามีวัคซีนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านการผลิตเพียงแค่ 3 ล็อตดังกล่าว และทาง โรวี ได้ทำการตรวจสอบโรงงานผลิตอย่างเต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้ใช้กระบวนการด้านการผลิตใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยในอนาคต

วัคซีนโมเดอร์นาล็อตอื่น ๆ ก็ถูกระงับใช้ชั่วคราวใน 3 จังหวัดของญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ในบางกรณี พบสารแปลกปลอมในขวดวัคซีนที่ยังไม่ได้ใช้งาน ส่วนอื่น ๆ ดูเหมือนจะเป็นผลจากการแทงเข็มฉีดยาอย่างไม่ถูกต้อง เป็นเหตุให้ฝาจุกปิดขวดวัคซีนแตก

ประเด็นพบการปนเปื้อนนี้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น หลังจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุุ่นเปิดเผยในวันเสาร์ (28 ส.ค.) ว่าชาย 2 คน อายุ 38 และ 30 ปี เสียชีวิตในเดือนสิงหาคม ภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากเข้ารับวัคซีนโมเดอร์นาเข็ม 2 ซึ่งทั้งคู่ล้วนฉีดวัคซีนล็อตที่ถูกระงับ

อย่างไรก็ตามสาเหตุุการเสียชีวิตของทั้ง 2 คนยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

โมเดอร์นาและทาเกดะ ระบุในถ้อยแถลงว่าไม่พบหลักฐานว่าเหตุเสียชีวิตดังกล่าวมีต้นตอจากวัคซีน "เวลานี้เรามองว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นเรื่องบังเอิญ" ทั้งสองบริษัทระบุในถ้อยแถลง 

ทาโร โคโน รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโครงการฉีดวัคซีน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.) ว่ามีประชาชนชาวญี่ปุ่นราว ๆ 500,000 คน ที่ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา ใน 3 ล็อตที่ถูกระงับใช้ ส่วนทางโมเดอร์นาระบุไม่สามารถยืนยันว่าวัคซีนล็อตดังกล่าวถูกจ่ายไปมากน้อยแค่ไหน


(ที่มา:รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000086726
ภาพ : The Japan Time


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ก.แรงงาน ดึง ก.ล.ต. ฝึกแรงงานเพิ่มทักษะบริหารเงิน ต่อยอดการลงทุน

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ลงนามออนไลน์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  เสริมความรู้การเงินการลงทุนให้แก่แรงงานทั่วประเทศ  

ศาสตราจารย์ นฤมล  ภิญโญสินวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่าด้วยการส่งเสริมความรู้เรื่องการเงินการลงทุนสำหรับแรงงาน ระหว่าง นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กับ นางสาวรื่นวดี  สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมี นางสาวจิราภรณ์  ปุญญฤทธิ์  รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และนางสิริวิภา  สุพรรณธเนศ  รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นพยานในการลงนาม ผ่านระบบประชุมทางไกลเพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีความรู้ ทักษะการบริหารจัดการด้านการเงินและต่อยอดสู่การลงทุนได้อย่างเหมาะสม

ศาสตราจารย์ นฤมล  ภิญโญสินวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และเน้นย้ำการทำงานในรูปแบบประชารัฐ บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับฝีมือแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่มในการบริหารจัดการการเงินซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่จำเป็น และต่อยอดสู่การลงทุนได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงเป็นการดำเนินงานตามแนวนโยบายของนายกฯ ที่มุ่งเน้นพัฒนาแรงงานด้านการจัดการลงทุนอย่างตรงจุด 

นายธวัช เบญจาทิกุล  อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กล่าวว่า ปี 2564 กพร.ร่วมกับ ก.ล.ต. จัด CSR สร้างโอกาสคนพิการในรูปแบบการเสวนา เพื่อขับเคลื่อนให้คนพิการมีทักษะ ประสบการณ์ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ และร่วมจัดสัมมนา “ให้กลไกตลาดทุนเกื้อหนุนผู้พิการสร้างงานสร้างอาชีพ” เพื่อสนับสนุนให้เพิ่มการจ้างงานคนพิการ เพิ่มการจัดสัมปทาน และเพิ่มกิจกรรมทางสังคม โดยในปี 2564 – 2569 กพร.จะร่วมพัฒนาหลักสูตรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเงินการลงทุนเพื่อเพิ่มทักษะและองค์ความรู้เสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการการเงินและการลงทุนอย่างถูกวิธี และจัดเตรียมกลุ่มผู้รับการฝึกอบรม อาทิ คุณสมบัติการส่งเสริมทักษะการเงินการลงทุนให้แก่ผู้รับการฝึกฯ โดยออกแบบชุดความรู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน จัดฝึกอบรม และติดตามประเมินผลผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ มอบหมายหน่วยงานในสังกัด กพร. ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) จัดฝึกอบรมให้แก่แรงงานอย่างครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2565 ต่อไป

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสในความร่วมมือครั้งนี้ เนื่องจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับกลุ่มแรงงานทั่วประเทศ สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะเริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินการลงทุนเป็นกลุ่มแรก ๆ คือ แรงงานที่เข้ารับการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเน้นไปที่แรงงานกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้พิการ เพื่อให้มีความรู้ด้านนี้ด้วย โดย ก.ล.ต. จะสนับสนุนเนื้อหาและสื่อความรู้ที่ใช้ในการฝึกอบรม รวมถึงวิทยากรที่จะให้ความรู้ ทั้งความรู้เชิงทฤษฎีและการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อสร้างทักษะผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ก.ล.ต. จะนำรูปแบบการให้ความรู้ผ่าน trainer หรือ train the trainer ซึ่งประสบผลสำเร็จด้วยดีจากหลายโครงการที่ผ่านมา มาประยุกต์ใช้ โดย trainer เป็นผู้ที่ใกล้ชิดและมีความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี จึงสามารถสื่อสารและส่งต่อความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะช่วยขยายผลการส่งต่อความรู้ไปในวงกว้างและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ดียิ่งขึ้น

DSI จับผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับในคดีพิเศษเกี่ยวกับการบุกรุกป่าเขาดวงนก เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้ดำเนินการแกะรอย ติดตาม และจับกุมตัวนายสุเทพ วังส์ด่าน ผู้ต้องหาในคดีพิเศษ ที่ 2/2564 ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1093/2564 ในความผิดฐาน “ยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น” ได้ที่ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี นำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดี

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548 ต่อเนื่องถึง ปี พ.ศ. 2550 นายสุเทพ ผู้ต้องหากับพวก ได้เข้าทำการยึดถือครอบครองพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณเขาดวงนก หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นที่เขาและมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์มาโดยตลอด เนื้อที่ประมาณ 96 ไร่ และแผ้วถางและทำลายสภาพป่าในพื้นที่ มีการนำรถแบคโฮและคนงานเข้าไปปรับสภาพพื้นที่ ทำถนนรอบแปลงที่ดิน และมีการใช้หลักฐานการแจ้งการครอบครอง (สค.1) ของที่ดินแปลงอื่น จำนวน 4 ฉบับ เนื้อที่รวม 26–3–20 ไร่ มาแสดงเป็นหลักฐานของที่ดินที่กระทำความผิด และยังได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย ใช้ ส.ค.1 ทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวเป็นหลักฐานในการออกโฉนดที่ดิน เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 26493 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 96–3–84 ไร่ โดยมิชอบ และยังได้ร่วมกับพวก จดทะเบียนตั้งบริษัทฯ เพื่อมาถือครองที่ดินดังกล่าวในนามนิติบุคคล ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนความผิดของเจ้าหน้าที่ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ในการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ และได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องเจ้าหน้าที่


ที่กระทำความผิดแล้ว ส่วนความผิดที่เกี่ยวกับการยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 2/2564 และศาลอาญาได้ออกหมายจับนายสุเทพฯ ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1093/2564 ในความผิดฐาน “ยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น” และจับกุมตัวได้ ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาแล้ว โดยในส่วนของเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยมิชอบนั้น กรมที่ดินได้ดำเนินการตรวจสอบและได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน เลขที่ 26493 ตำบลบ่อผุดฯ ดังกล่าวแล้ว ตามคำสั่งกรมที่ดินที่ 1264/2550 ลงวันที่ 5 เมษายน 2550

การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เป็นไปตามภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนโยบายของผู้บริหาร
ที่เน้นการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของรัฐ โดยมุ่งมั่นในการทุ่มเทสรรพกำลัง
เพื่อรักษาความมั่นคงของทรัพยากรธรรมชาติ และให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ เพื่อทวงคืนผืนป่าซึ่งเป็นของแผ่นดิน ที่มีการนำไปยึดถือครอบครองเป็นของส่วนตัว กลับมาเป็นสมบัติของประเทศชาติ ตลอดจนเพื่อปกป้องดูแลทรัพยากรป่าไม้และที่ดินอันเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ เพื่อคนรุ่นหลังต่อไป

‘ตม.สุราษฎร์ธานี’ บุกรวบ! รัสเซียค้ายาเสพติดคาเกาะสมุย พบยาเสพติดหลายรายการ

2 กันยายน 2564  เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศลผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  ได้แถลงผลจับกุมยาเสพติด พร้อมของกลางหลายรายการ โดย ตม.จว. สุราษฎร์ธานี  นำโดย ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิงคะรัตน์ ซ้ายขวัญ รอง ผกก.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี  ร.ต.อ.อรุณ มูสิกิ้ม รอง สว.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี  ร.ต.ต.กรีฑา ชูสังข์ รอง สว.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี และชุดสืบสวน ได้สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฏร์ธานี ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 ที่ผ่านมา สามารถร่วมกันจับกุม Mr.konstantin  savosin อายุ 47 ปี สัญชาติ รัสเซีย  ที่อยู่ บ้านเลขที่ 42/121 หมู่บ้านท็อปปิคอน วินล่าอีเกิลเน็ต ม.6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ  ดังนี้

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซี) น้ำหนัก 3.29 กรัม

2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนัก 12.37 กรัม

3. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) น้ำหนัก 21.77 กรัม

4. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) น้ำหนัก 119.68 กรัม

5. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน น้ำหนัก 52 กรัม

6. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนัก 11.31 กรัม

7. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2  (เคตามีน) น้ำหนัก 8.60 กรัม

8. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2(เคตามีน) น้ำหนัก 4.80 กรัม

9. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(แมตแอมเฟตามีน) น้ำหนัก 4.24 กรัม

10. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(แมตแอมเฟตามีน) น้ำหนัก 10.68 กรัม

11. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) น้ำหนัก 48.73 กรัม

12. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) น้ำหนัก 18.89 กรัม

13. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีเทา จำนวน 4 เม็ด

14. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีเขียว จำนวน 5 เม็ด

15. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีฟ้า จำนวน 7 เม็ด

16. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาอี,เอ็กตาซี) ลักษณะเม็ดสีแดง จำนวน 5 เม็ด

17. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาอี,เอ็กตาซี) ลักษณะเม็ดสีเทารูปหัวกระโหลก จำนวน 45 เม็ด

18. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2(โคเคน) ลักษณะเม็ดสีขาว จำนวน 10 เม็ด

19. เครื่องชั่งดิจิตอล  จำนวน 1 เครื่อง

20. ถุงพลาสติกแบบซิปใส (ถุงแบ่ง) สำหรับบรรจุยาเสพติด จำนวน 50 ถุง

21.แผ่นซีดี วิดีโอ ประกอบการจับกุม

โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 42/121 หมู่บ้านท็อปปิคอน วินล่าอีเกิลเน็ต ม.6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และกล่าวหาว่า  “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1,2 (เมทแอมเฟตามีน,โคเคน,เคตามีน,เอ็กตาซี,MD) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และนำตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าการจับกุมดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายและมาตรการในการป้องกันปราบปรามของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 ที่ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินการสืบสวน ปราบปราม และเข้มงวดกวดขัน จับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามากระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  ซึ่ง สตม. มีหน้าที่ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร  หากประชาชนพบเห็น หรือต้องการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดในพื้นที่ จว.สุราษฎร์ธานีให้แจ้งได้ที่ สายด่วน สตม. 1178 หรือที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ทุกจุดทันที

‘พิพิธภัณฑ์หัวโขน สวนนงนุชพัทยา’ แห่งแรกของโลก! ที่รวบรวมหัวโขนไว้มากที่สุด 506 เศียร

ตามปณิธานของ คุณนงนุช ตันสัจจา ที่ได้ตั้งใจไว้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบทอดงานศิลปกรรมไทย เพื่อเป็นมรดกของแผ่นดินไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษา ต่อมาคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา จึงได้ทำการรวบรวมงานศิลปกรรมไทยไว้ที่สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี อีกหนึ่งแขนงคือหัวโขน โดยจัดสร้างพิพิธภัณฑ์หัวโขนขึ้น ซึ่งภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย ห้องโถงจัดแสดง เป็นที่ตั้งของตู้หัวโขน จำนวน 121 ตู้ ห้องสาธิตงานผลิตหัวโขน, ห้องเขียนลาย และตกแต่งหัวโขน, โดยเริ่มดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน

สวนนงนุชพัทยา สร้างพิพิธภัณฑ์หัวโขนขึ้น เพื่อแสดงงานศิลปกรรมไทยชั้นสูง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของโลก ที่มีการรวบรวมหัวโขนไว้มากที่สุด จำนวน 506 เศียร โดยได้แบ่ง ออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

1.หัวโขนชุดอนุรักษ์แบบโบราณ   จำนวน 24  เศียร 

2.หัวโขนบรมครู ฤษี  จำนวน 108 พระองค์

3. หัวโขนรามเกียรติ์   จำนวน 374  เศียร

ซึ่งหัวโขนทั้งหมด จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ เพื่อรอให้นักเรียน,นักศึกษา,นักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจ ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและได้รับอนุญาตให้เปิดบริการตามปกติ 

ทั้งนี้ เมื่อโครงการจัดทำหัวโขนแล้วเสร็จ โครงการต่อไปทางสวนนงนุชพัทยา จะทำหุ่นกระบอกไทย ตามเรื่องในพระราชนิพนธ์,วรรณคดีไทย และนิทานพื้นบ้าน สำหรับในงานหุ่นกระบอกนี้ จะใช้ทักษะของงานหัวโขน แต่มีขนาดเล็กและส่วนประกอบที่สำคัญคือ งานปักสะดึงกลึงไหม ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของหุ่น มาเป็นจุดขาย


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

สหรัฐฯ ทุ่มงบสร้างอาคารหลังใหม่บนพื้นที่สถานทูตฯ สหรัฐฯ ในไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนภารกิจอาเซียน

ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมานี้ สหรัฐอเมริกาได้เริ่มก่อสร้างอาคารแห่งใหม่บนพื้นที่เดิมของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โดยอาคารดังกล่าวจะส่งเสริมการเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไทย ทั้งทางการทูต ความมั่นคง และการพาณิชย์ ตลอดจนสานสัมพันธไมตรีระหว่างชาวสหรัฐฯ และชาวไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตามคำแถลงของสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย

อาคารหลังนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 โดยจะพัฒนาพื้นที่สำหรับบริการด้านกงสุลและภารกิจทางการทูตให้ทันสมัย รวมถึงสะท้อนความสำคัญของพันธมิตรอันยาวนานระหว่างสหรัฐอเมริกากับราชอาณาจักรไทย ด้วยมิตรภาพกว่า 2 ศตวรรษ สหรัฐฯ และไทยได้กระชับความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ตั้งแต่การค้าระดับทวิภาคี ไปจนถึงการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และการสาธารณสุข 

โดยอาคารหลังใหม่จะเป็นที่ทำการของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในหลากหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และรวมการปฏิบัติงานของสหรัฐฯ เข้ามาที่ศูนย์กลาง เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีต่อไป

เนื่องจากประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านการเงิน, สื่อ, โลจิสติกส์ และการคมนาคม อีกทั้งกรุงเทพฯ ยังเป็นที่ตั้งขององค์การระหว่างประเทศหลายแห่ง สหรัฐฯ จึงได้ใช้สถานเอกอัครราชทูตที่นี่เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานระดับภูมิภาคมาเป็นเวลานาน 

มากกว่าครึ่งของพนักงานสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยมีหน้าที่รับผิดชอบงานระดับภูมิภาค ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ

การสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประสานงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนการระดมเงินทุนภาคเอกชนเพื่อช่วยแก้ไขความท้าทายด้านการพัฒนาที่สำคัญ ๆ

อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต ไมเคิล ฮีธ กล่าวว่า “อาคารใหม่ของสถานทูตที่ออกแบบอย่างทันสมัยแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ร่วมมือกับประเทศไทยและอาเซียนเพื่อยกระดับประเด็นสำคัญของภูมิภาค รวมทั้งการปรับปรุงด้านสาธารณสุข การจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม และการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ”

“อาคารนี้ออกแบบให้สะท้อนถึงสถาปัตยกรรมแบบไทยเดิม และผมหวังว่าอาคารหลังใหม่นี้จะเป็นสัญลักษณ์และศูนย์กลางของมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อย่างยืนยาวในอนาคต”

การก่อสร้างอาคารหลังนี้ สหรัฐฯ จะใช้งบประมาณ 625 ล้านเหรียญ (20,000 ล้านบาท) ในโครงการดังกล่าว และว่าจ้างคนงานไทยประมาณ 2,000 คนตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง

การออกแบบร่วมสมัยของอาคารได้รับแรงบันดาลใจมาจากมรดกทางสถาปัตยกรรมไทย โดยคำนึงถึงสภาพอากาศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นการผสมผสานขนบไทยเข้ากับสถาปัตยกรรม การออกแบบ วิศวกรรม เทคโนโลยี และการก่อสร้างชั้นเลิศของอเมริกา 

โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะก่อสร้างอาคารให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมระดับ Silver ภายใต้มาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) และมีองค์ประกอบมากมายที่ออกแบบมาเพื่อให้อาคารมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น


ที่มา: https://th.usembassy.gov/th/u-s-embassy-begins-construction-of-new-annex-th/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง เปิดกิจกรรม “สื่อสร้างสรรค์เล่าเรื่องดี ๆ ที่บ้านฉัน” Street Art Phatthalung ภายใต้โครงการสร้างความเข้าใจทั้งในและนอกจังหวัดชายแดนใต้ ปี 2564

ที่บริเวณหลังสถานีรถไฟพัทลุง  นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิดกิจกรรม “สื่อสร้างสรรค์เล่าเรื่องดี ๆ ที่บ้านฉัน” Street Art

สำหรับกิจกรรม “สื่อสร้างสรรค์เล่าเรื่องดีๆ  ที่บ้านฉัน” Street Art Phatthalung ภายใต้โครงการสร้างความเข้าใจทั้งในและนอกจังหวัดชายแดนใต้ ปี 2564 เพื่อสร้างการรับรู้ ในเชิงบวกต่อสังคมไทย และผู้เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในทุกระดับ  เพิ่มช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรม การรับสื่อในปัจจุบัน และเพื่อให้การดำเนินงานเกิดผลสัมฤทธิ์บรรลุวัตถุประสงค์ ตามเป้าหมายภารกิจในงานด้านการสร้างความเข้าใจ

ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง ได้จัดขึ้นในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง โดยได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและเยาวชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างงานศิลปะในสถานที่ต่าง ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 7 จุด ประกอบด้วยบริเวณสถานีรถไฟพัทลุง 3 จุด ร้านสหกรณ์พัทลุง ร้านเพื่อนเกษตร ฟาร์ม ร้านแสนสวย และร้านคุณจินตนา โพธิ์ดารา (ตรงข้ามร้านเพื่อนเกษตร)  ออกแบบและวาดภาพโดยนายลิขิต นิสีทนาการ กลุ่มศิลปิน "แลศิลป์ถิ่นเมืองลุง" ได้ใช้แนวคิดที่เกี่ยวกับวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุง

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนและประชาชน เกิดจิตสำนึกรักบ้านเกิด และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาตนเองในด้านการประกอบอาชีพ และเพื่อสร้างจุดเช็คอินแห่งใหม่ในจังหวัดพัทลุง ให้สังคมน่าอยู่อย่างยั่งยืน จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชม และถ่ายภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

ทร. แจง อาวุธปืนขนาด 40 มม. ที่สหรัฐมอบให้ปี 14 สูญหาย มีอายุกว่า 50 ปี ระบุ เป็นอาวุธปืนสำรองคลังพร้อมตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง

พล.ร.อ.เชษฐา  ใจเปี่ยม  โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณรที่มีการนำเสนอข่าว เหตุอาวุธปืนกลขนาด 40 มิลลิเมตร ที่สหรัฐอเมริกามอบให้กองทัพเรือสูญหายไปจากคลังปืนใหญ่ กรมสรรพาวุธทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 2 กระบอก มูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท นั้น  จากการตรวจสอบ พบว่าอาวุธปืนที่สูญหายดังกล่าวเป็น อาวุธปืนประเภท ปืนยิงลูกระเบิดกล ขนาด 40  มิลลิเมตร รุ่น มาร์ค 20 ม็อด 0 ซึ่งเป็นอาวุธประจำเรือที่ติดตั้งกับเรือตรวจการณ์ลำน้ำของกองทัพเรือ โดยกองทัพเรือได้รับการช่วยเหลือทางทหารจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตามโครงการความช่วยเหลือทางทหารเมื่อปี พ.ศ.2514 ซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวได้ใช้ราชการมานานถึง 50 ปี   

ทั้งนี้ อาวุธปืนดังกล่าวข้างต้นทั้ง 2 กระบอก ได้ถูกถอดถอนมาเก็บรักษาไว้ที่คลังของ กรมสรรพาวุธทหารเรือ ตั้งแต่ปี 2530 และ 2552 ตามลำดับ  เนื่องจากเรือตรวจการณ์ลำน้ำที่ติดตั้งอาวุธปืนดังกล่าวปลดระวางประจำการ  โดยอาวุธปืนดังกล่าวมีราคากระบอกละ 1,600 บาท (ราคาในปีที่กองทัพเรือได้รับมอบจากสหรัฐฯ)
      
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า กองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน แม้ว่าอาวุธปืนที่สูญหายจะไม่ได้ใช้ในราชการแล้ว  แต่หากพบว่ามีข้าราชการนายใดที่เกี่ยวข้องกับการสูญหายของอาวุธปืน กองทัพเรือจะดำเนินการลงโทษทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป

‘หลักสูตรเสริมสร้างสันติสุข สถาบันพระปกเกล้า’ ห่วงใยคนเมืองกรุง...จับมือพันธมิตรจิตอาสา ปันน้ำใจสร้างรอยยิ้มสู่ “ชุมชนประเสริฐเปรมประชา” ก้าวผ่านวิกฤติโควิดไปด้วย

พันธมิตรจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือต่อเนื่อง วันที่ 1 กันยายน ที่ชุมชนประเสริฐเปรมประชา เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร นายนัธที พีรวัส ประธานชุมชน พร้อมกรรมการ และชาวบ้าน ร่วมรับมอบข้าวกล่องพร้อมทานจาก "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" พร้อมเครื่องตรวจออกซิเจนจากปลายนิ้ว และน้ำดื่ม เพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19

โดยมี นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายสุมิตร หิรัญวงศ์ ประธานสภาเทศบาลตำบลบางตะบูน และนางสาวพรทิพย์ เตชะสมบูรณากิจ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทในเครือ เวิลด์เมดิคอลซัพพลาย จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร เสริมสร้างสันติสุข (สสสส.) รุ่น 11-12 และหลักสูตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม.)รุ่น 1 (ปสม.1) สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับพันธมิตรจิตอาสาจากองค์กรต่าง ๆ ประกอบด้วย มูลนิธิสหชาติ สำนักข่าว News Online Thailand เว็ปไซต์ข่าวจั่นเจา Canchaonews.com หนังสือพิมพ์ดีดีโพสต์ นิวส์ นำอาหาร และสิ่งของบรรเทาทุกข์ ส่งมอบถึงมือได้ปันอิ่มสร้างรอยยิ้มในยามวิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา

นายสมชาย จรรยา เปิดเผยว่า การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด ที่ส่งผลให้หลายครัวเรือนไม่สามารถออกไปทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว และยังรอคอย ความช่วยเหลืออย่างมีความหวัง จากทุกภาคส่วนในสังคมไทย พันธมิตรจิตอาสาเป็นกลุ่มคนเล็ก ๆ ที่อาสาตัวเข้ามาเป็นสะพานบุญ รับมอบเพื่อส่งต่อข้าวกล่องพร้อมทานโครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" ของบริษัทในเครือซีพี  และ น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ร่วมส่งกำลังใจถึงพี่น้องประชาชนผ่าน “ข้าวกล่องปันอิ่ม” และจากพันธมิตรจิตอาสา รวบรวมนไปำส่งมอบตามชุมชนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดเชื้อโควิด เพื่อช่วยเหลือให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน

ด้านนายนัธที พีรวัส กล่าวว่า สภาพโดยทั่วไปชุมชนของเราอาศัยอยู่ตามแนวชายคลองเปรมประชากร กึ่งในน้ำและกึ่งบนบก ส่วนมากชาวชุมชนแห่งนี้จะมีอาชีพรับจ้าง และยากจนยากไร้เป็นส่วนมาก และเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่แออัด ในสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา มีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 5 หลังคาเรือน ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว 10 คน และกลับมากักตัวอยู่ที่ชุมชนเพื่อทำการกักตัว 12 คนและไม่ติดโควิดแต่ยังอยู่กับผู้ป่วยอีก 10 คนรวมแล้วอยู่ในชุมชนประมาณ 30 คนที่เราดูแลกันอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดต่อไป และขอขอบคุณพันธมิตรจิตอาสาที่รวมกันหลายองค์กร โดยเฉพาะเครือซีพี ที่สนับสนุนข้าวพร้อมทานมามอบให้ได้ปันอิ่ม

องค์การอนามัยโลกกำลังจับตา Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่า 'มิว' ซึ่งเสี่ยงที่จะดื้อวัคซีน

จดหมายข่าวรายสัปดาห์เกี่ยวกับการระบาดของ Covid-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังเฝ้าจับตาเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า ‘มิว (Mu)’ หรือสายพันธุ์ B.1.621 ซึ่งพบครั้งแรกในประเทศโคลอมเบียเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

องค์การอนามัยโลกระบุว่า สายพันธุ์มิวซึ่งถูกจัดให้อยู่ในสายพันธุ์ที่น่าจับตามอง (variant of interest) มีการกลายพันธุ์ที่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงที่จะดื้อต่อวัคซีน และย้ำว่ายังต้องศึกษาสายพันธุ์นี้เพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจ

‘สายพันธุ์มิวมีกลุ่มของการกลายพันธุ์ที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่จะมีคุณสมบัติในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน’ จดหมายข่าวระบุ

ขณะนี้มีความกังวลอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ ๆ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยมีสายพันธุ์เดลตาซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายเป็นสายพันธุ์หลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และในภูมิภาคที่มีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด

ไวรัสทุกชนิด รวมทั้งเชื้อโคโรนาไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโรค Covid-19 กลายพันธุ์ตลอดเวลา และการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่มีผลกระทบเล็กน้อยหรือไม่มีเลยกับคุณสมบัติของไวรัส

ทว่า การกลายพันธุ์บางอย่างส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติของไวรัสและมีอิทธิพลกับความยากง่ายของการแพร่กระจาย ความรุนแรงของโรค และการดื้อต่อวัคซีน ยา หรือมาตรการรับมืออื่น

ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกระบุให้ 4 สายพันธุ์ รวมทั้งอัลฟาซึ่งพบใน 193 ประเทศ และเดลตาซึ่งพบใน 170 ประเทศเป็นสายพันธุ์ที่น่ากัวล (variant of concern) และอีก 5 สายพันธุ์ รวมทั้งมิวเป็นสายพันธุ์ที่น่าจับตามอง

ทั้งนี้ หลังจากพบครั้งแรกในประเทศโคลอมเบีย มีการพบสายพันธุ์มิวแพร่ระบาดในอเมริกาใต้และยุโรป โดยมีอัตราความชุกของโรคทั่วโลกลดลงต่ำกว่า 0.1% ในจำนวนเคสที่ทำการตรวจสอบพันธุกรรม อย่างไรก็ดีในโคลอมเบียมีความชุกอยู่ที่ 39%


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

'นพ.มนูญ' โพสต์ข้อความ ชี้ ผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 มีโอกาสผมร่วงวันละ 300 เส้น นาน 6 เดือน

วันนี้ (1 ก.ย. 64)  นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับผู้ป่วยโควิด ทำให้ผมร่วงได้ โดยระบุว่า 

ผู้ป่วยโรคโควิด-19 หลาย ๆ คนมีปัญหาผมร่วงหลังจากที่หายป่วยไปแล้ว 2-3 เดือน ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากไวรัสโดยตรง แต่เป็นผลพวงจากการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับร่างกายจากเชื้อไวรัส เช่น ไข้สูง ความเครียด ความวิดกกังวล ที่เป็นอาการที่พบได้จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยปกติแล้วเส้นผมคนเราจะร่วงวันละประมาณ 100 เส้น หลังจากหายป่วยจากโรคโควิด 2-3 เดือน ผมอาจร่วงได้ถึงวันละ 300 เส้น ตลอดระยะเวลา 6 เดือนเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ผมที่ร่วงไปก็จะค่อย ๆ งอกกลับมาใหม่อีกครั้ง และกลับมามีผมเหมือนก่อนป่วยในเวลา 6-9 เดือน

ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 65 ปี ป่วยเป็นโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 มีไข้สูง ไอ เหนื่อย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะนี้หายดีเป็นปกติ ไม่ไอ ไม่เหนื่อย ผมเริ่มร่วงหลังจากหายป่วย 2 เดือนครึ่ง เวลาหวีผม ผมหลุดออกมาเป็นกระจุกหลายร้อยเส้นต่อวัน ผมร่วงต่อเนื่อง 2 เดือนผมบางลงมากทั้งศีรษะ ลูกสาวที่ป่วยพร้อมกัน ผมก็ร่วงเหมือนกันแต่น้อยกว่า

แนะนำผู้ป่วยไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องวิตกกังวล อีกประมาณ 4 เดือนผมก็จะหยุดร่วงและจะงอกขึ้นมาใหม่เหมือนเดิม


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

อิสราเอลเจอเดลตาแผลงฤทธิ์ ยอดติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งสูง ทั้งที่ฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่แล้ว 80%

อิสราเอลเมื่อวันอังคาร (31 ส.ค.) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่รายวันเกือบ 11,000 คน สูงสุดนับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางระลอกการแพร่ระบาดที่มีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์เดลตา หนึ่งวันหลังจากยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วประเทศทะลุ 7,000 ราย

สถิติพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม คราวนั้นพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 10,118 คน

แม้เคสผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในวันอังคาร (31 ส.ค.) จะสูงถึง 10,947 ราย แต่อิสราเอลยังคงเดินหน้าแผนกลับมาเปิดระบบการศึกษาเต็มรูปแบบในวันพุธ (1 ก.ย.) ขณะเดียวกัน ก็พยายามยกระดับอัตราการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน

นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ยืนกรานว่าสามารถควบคุมระลอกการแพร่ระบาดได้ผ่านการฉีดวัคซีนและมาตรการป้องกันต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงสวมหน้ากาก หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลของเขาสนับสนุนให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป เข้ารับวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค เข็มที่ 3

จากประชากรทั้งหมด 9.3 ล้านคนของอิสราเอล จนถึงตอนนี้มีผู้เข้ารับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว คิดเป็นราว ๆ 60% แต่หากนับเฉพาะประชากรวัยผู้ใหญ่ จะมีอัตราส่วนผู้ฉีดวัคซีนสูงถึง 80%

ในเดือนธันวาคมปีก่อน อิสราเอลเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของโลกที่เริ่มโครงการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ช่วยฉุดให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างมาก และเปิดทางให้พวกเขายกเลิกข้อจำกัดสกัดโรคระบาดใหญ่เกือบทั้งหมดในเดือนมิถุนายน

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นั้น อิสราเอลได้กลับมาบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ หลายมาตรการอีกรอบ ในนั้นรวมถึงบังคับสวมหน้ากากยามอยู่ในร่ม จำกัดการรวมตัวทางสังคม และจำเป็นต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหากต้องการเข้าไปในสถานที่สาธารณะบางแห่ง

เบนเนตต์ ระบุว่า โครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกำลังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการสกัดไม่ให้มีผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น

กระนั้นก็ตามหนึ่งวันก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขเผยแพร่รายงานระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิด-19 ในอิสราเอล พุ่งเกิน 7,000 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลักหมายอันน่าเศร้าท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกแล้วระลอกเล่าของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

จากข้อมูลจนถึงวันจันทร์ (30 ส.ค.) ระบุว่ามีชาวอิสราเอลเสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 7,043 รายนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น โดยอิสราเอลพบผู้เสียชีวิตรายแรกของประเทศในเดือนมีนาคม 2020 และจากนั้นหนึ่งปีต่อมา ยอดผู้เสียชีวิตสะสมแตะระดับ 6,000 คน

อิสราเอลเคยมีหลายสัปดาห์ที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เลยในช่วงเดือนพฤษภาคม หลังวัคซีนช่วยยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อ แต่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้เสียชีวิตกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง มีคนเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 550 รายในเดือนสิงหาคม ในนั้น 100 คนเกิดขึ้นในช่วง 5 วันหลังสุด

รวมแล้วค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ราว ๆ 18 คนต่อวัน สวนทางกับตลอดทั้งเดือนมิถุนายน ซึ่งพบผู้เสียชีวิตแค่เพียง 7 รายเท่านั้น


(ที่มา : เอเอฟพี/ไทม์สออฟอิสราเอล)
https://mgronline.com/around/detail/9640000086336


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

'หมอยง' โพสต์ข้อความ ยก 'คำสาบานของแพทย์จบใหม่' เน้นคุณธรรม จริยธรรม ที่อยู่สูงกว่ากฎหมาย เชื่อ แพทย์ทุกคนเข้าใจในคำสาบาน

นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Yong Poovorawan' ระบุว่า... 

โควิด-19 วัคซีน
ยง ภู่วรวรรณ 1 กันยายน 2564 
Hippocratic Oath คำปฏิญาณหรือคำสาบานของแพทย์ (ที่จบใหม่) ที่จะรักษาจรรยาบรรณแพทย์

แพทย์ทุกคนจะถูกสอนให้เน้นคุณธรรม จริยธรรม ที่อยู่สูงกว่ากฎหมาย และทุกคนจะต้องยึดมั่น สืบเนื่องมาตั้งแต่ 'ฮิปโปเครติส'

แพทย์สภาจะมีการแจกเอกสารดังกล่าว

โดยในคำสาบานนั้น จะเน้นถึงความกตัญญู และเน้นในคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมของแพทย์ ต่อครูบาอาจารย์

ผู้ป่วย การปฏิบัติในการช่วยเหลือผู้ป่วย แต่ในปัจจุบันนี้ เชื่อว่าทุกคนที่เป็นแพทย์จะเข้าใจในคำสาบาน คงไม่ถึงกับต้องใช้กฎหมายกัน


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=6218418824867349&id=100000978797641


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

‘เดลตา’ มหาโหด!! วัคซีนเอาไม่อยู่ ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ = ‘ยิ่งเป็นไปไม่ได้’ | Knowledge Times EP.15

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
 ????‘เดลตา’ มหาโหด!! วัคซีนเอาไม่อยู่ ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ = ‘ยิ่งเป็นไปไม่ได้’

นักจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยฮ่องกง ชี้! วัคซีนโควิด-19 ที่มีในปัจจุบันท่ามกลางการระบาดของสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ทำให้เราไม่สามารถสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่" (Herd Immunity) ได้อีกต่อไป

“หยวนกั๋วหย่ง” นักจุลชีววิทยาและทีมวิจัยมหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หมิงเป้า (Ming Pao) ว่า เกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสายพันธุ์เดลตายังสามารถทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้อยู่ ในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 อยู่ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ภูมิคุ้มกันหมู่สามารถสร้างขึ้นได้หาก 70% ของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ แต่จากการคำนวณล่าสุด ทีมวิจัยพบว่า เกณฑ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 97.4% แล้ว เมื่อเจอกับสายพันธุ์เดลตา

นั่นหมายความว่า ประเทศที่ต้องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ท่ามกลางสายพันธุ์เดลตาด้วยวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ จะต้องฉีดวัคซีนให้ประชากรถึง 97.4% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งตัวเลขนี้ คิดจากกรณีประสิทธิภาพป้องกันต่อสายพันธุ์เดลตาของไฟเซอร์อยู่ที่ 88% แต่ในบางประเทศก็รายงานประสิทธิภาพไฟเซอร์ลดลงเมื่อเจอเดลตา ซึ่งอาจหมายความว่า “ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีในปัจจุบันให้ประชากรกี่คน ก็อาจไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต่อสายพันธุ์เดลตาให้เกิดขึ้นได้”

ขณะเดียวกัน เมื่อคำนวณประสิทธิภาพการใช้วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค ซึ่งมีอัตราประสิทธิภาพประมาณ 60% พบว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่จำเป็นสำหรับสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 142.9% ของจำนวนประชากร ซึ่งเป็นเรื่องที่ “เป็นไปไม่ได้” !! 

เมื่อการฉีดวัคซีนให้ได้มากกว่า 100% เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่กลับกันไวรัสยังคงกลายพันธุ์และแพร่เชื้อได้มากขึ้น จนทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จึงเหมือนการพยายามสร้างปราสาทบนท้องฟ้า และสะท้อนให้เห็นว่าวัคซีนรุ่นแรกไม่ดีพออีกต่อไป 

ฉะนั้น จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการจัดการกับระยะต่าง ๆ ของการระบาด โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเป็น 0 และผลักดันให้เกิดการใช้ชีวิตร่วมกับไวรัส โดยทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีน จากนั้นค่อยมาหารือถึงแนวทางการใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสต่อไป

แต่หากอัตราการฉีดวัคซีนยังต่ำ ก็เป็นเรื่องยากที่จะพูดถึงมาตรการต่อต้านการแพร่ระบาดที่ควรนำมาใช้ในระยะต่อไป

ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้โพสต์ข้อความถึงการศึกษาดังกล่าวว่า “นี่เป็นการคำนวณของทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง เพื่อหาค่าเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับวัคซีนแต่ละชนิด เพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันหมู่ต่อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งภูมิคุ้มกันหมู่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากวัคซีนและไวรัสที่มีอยู่ในปัจจุบัน...วัคซีนช่วยให้เราไม่ป่วยหนัก ส่วนเรื่องการป้องกันการติดเชื้อเราต้องช่วยวัคซีนทำงานด้วยการป้องกันตัวเอง

“หลักการของภูมิคุ้มกันหมู่ คือ ไวรัสจะถูกตัดตอนเมื่อเชื้อเข้าไปสู่คนที่มีภูมิคุ้มกันจากวัคซีน เพราะไม่สามารถแพร่กระจายต่อให้คนอื่นได้สำหรับเดลตาและวัคซีนที่มีอยู่ตอนนี้ คนฉีดวัคซีนติดเชื้อได้และมีปริมาณไวรัสพร้อมส่งต่อให้คนอื่น ๆ ไม่น้อยกว่าไปกว่าคนที่ไม่ได้รับวัคซีน ภูมิคุ้มกันหมู่ในนิยามนี้คงไม่เกิดขึ้น วัคซีนช่วยให้เราต่อสู้กับโควิด-19 ที่รุนแรงได้ แต่คงไม่ช่วยให้เราปลอดจากโควิด-19 ได้”

ดังนั้นต้องเร่งฉีดวัคซีนแก่ประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิต 

แม้วัคซีนสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ แต่ไม่สามารถหยุดการแพร่กระจายของไวรัสได้ ไม่ว่าจะมีอัตราการฉีดวัคซีนกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top