Friday, 29 March 2024
NEWS

ประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิของทัพพาราลิมปิกไทย 'พงศกร แปยอ' ผู้คว้า 3 เหรียญทองจากการแข่งขัน Wheelchair Racing ในโตเกียวพาราลิมปิก 2020

แม้จะอยู่ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทย ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจในโตเกียวพาราลิมปิก 2020 (Paralympic Tokyo 2020) ตั้งแต่ต้นจนจบ 

เริ่มตั้งแต่การผ่านคัดเลือกเข้าไปร่วมแข่งขันมากถึง 74 คนซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าพาราลิมปิกทุกครั้งที่ผ่านมา และยังคว้ามาได้ถึง 18 เหรียญ ดันไทยขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 25 ของตารางสรุปเหรียญ

ถึงกระนั้น มหกรรมกีฬาคนพิการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง 'พาราลิมปิกเกมส์' ที่จัดขึ้นครั้งที่ 16 โตเกียว 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็มักจะทำให้เห็นภาพเดิม ๆ นั่นคือการได้รับความสนใจและชื่นชมจากคนไทยและสื่อไทยน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่พวกเขาสามารถสร้างทั้งความภูมิใจในตนเอง ให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่า รวมถึงสามารถเป็นตัวแทนประเทศไทยไปสร้างชื่อเสียงได้ในระดับโลก ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย

ดังนั้น การที่ 'พงศกร แปยอ' ได้กลายเป็นนักกีฬาคนแรกของไทยที่คว้า 3 เหรียญทองรวดจาก Wheelchair Racing ระยะ 100, 400 และ 800 เมตร พร้อมทำลายสถิติสำคัญของโลกได้หมดทั้ง 3 รายการ จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา และไม่ควรเป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมไทยจะเพิกเฉย 

ต่อจากนี้ไป การหันมามองและให้ความสำคัญแก่พวกเขาที่มิใช่เพียงแค่ พงศกร แต่ยังรวมถึงฮีโร่พาราลิมปิกไทยทุกคนนั้น ควรมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่านี้

สำหรับประวัติพอสังเขปของ 'กร' พงศกร แปยอ เป็นเด็กหนุ่มจากจังหวัดขอนแก่น เกิดวันที่ 1 ธันวาคม 2539 วัย 24 ปี โดยเจ้าตัวเป็นโปลิโอขาทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด และเริ่มเล่นกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งตั้งแต่อายุได้ 13 ปี จากนั้นอาจารย์ สากล ทัพสมบัติ ที่สนิทกันชักชวนให้ไปแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 30 "นครสุโขทัยเกมส์" เมื่อปี 2552 และประเดิมด้วยการคว้า 2 เหรียญทองแดงรายการ 100 ม. กับ 400 ม. ทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มคัดติดเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติหลังจากนั้น

ส่วนจุดเริ่มต้นบนเส้นทางทีมชาติชุดใหญ่ของ พงศกร นั้นเกิดขึ้นจากการที่ ประวัติ วะโฮรัมย์, เรวัฒน์ ต๋านะ และ อำไพ เสือเหลือง สามนักวีลแชร์เรซซิ่งดีกรีทีมชาติไทยเห็นแววความสามารถและรูปร่างของหนุ่มน้อยที่ตอนนั้นอายุเพียงน้อยนิด จึงตัดสินใจไปขอพ่อแม่ของ พงศกร เพื่อนำมาดูแลสนับสนุนในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล่นกีฬาหรือการกินอยู่ พร้อมทั้งสัญญากับทางบ้านของพงศกรว่าจะพยายามปลุกปั้นให้พัฒนาความสามารถจนประสบความสำเร็จให้ได้ 

อีกทั้ง ประวัติ วะโฮรัมย์ เจ้าของ 2 เหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ปี 2016 ยังได้มอบรถวีลแชร์ที่เคยใช้ และสภาพยังดีอยู่ให้ พงศกร เพื่อเข้าแข่งขันรายการต่าง ๆ จนประสบความสำเร็จในช่วงแรก นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ พงศกร จะเริ่มพัฒนาตัวเองหลังจากนั้นและกลายเป็นเบอร์ 1 ของโลกในทุกวันนี้

#ParalympicsTokyo2020


ที่มา : https://www.siamsport.co.th/other/other/view/250086

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=388822782611381&id=100044509866439

https://www.bbc.com/thai/58430656

‘ศรีสุวรรณ’ ร้องเอาผิด 2 พระสงฆ์ไลฟ์ไม่เหมาะ ชี้!! ย่ำยีศาสนา ทำให้เป็นเรื่องตลกขบขัน

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำคำร้องส่งไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) ผ่าน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อขอให้มีบัญชาสอบสวนเอาผิดภิกษุอลัชชี (ผู้ไม่ละอาย) ที่ชอบเล่นโชเขียลมีเดียโดยไลฟ์สดเอาธรรมะมาสอนเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอมีคนสนใจเข้ามาดูมาก ๆ รวมทั้งมีเพจที่มาคอมเมนท์ขายสินค้า มาโปรโมทแบรนด์ตัวเอง กลับมาทวงถามให้จ่ายค่ามาใช้พื้นที่เพจของตนในขณะไลฟ์สดนั้น

พฤติกรรมดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า พส. ดังกล่าวมิใช่วัตรปฎิบัติของภิกษุ ที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มุ่งแสวงหาปรมัติอันเป็นทางหลุดพ้นจากกิเลสสงสาร เพื่อถึงการดับทุกข์ โดยมีพระวินัยบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ภิกษุทุก ๆ รูปที่บวชมาในพระศาสนาต้องปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยบัญญัติทุกรูป ถ้าทำไม่ได้ก็จะเป็นเพียงคนโกนหัวแล้วเอาผ้ามาห่มตนให้ดูเหลืองคล้ายดั่งพระภิกษุ ที่ไม่สังวรณ์ว่าตนต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพเป็นอาจิณ หาใช่มาแสวงหาเงินทองความร่ำรวยจากการบวชเป็นพระ ที่บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อเหมือนประชาชนทั่วไปเท่านั้น

ข้ออ้างของการไลฟ์สดเพื่อต้องการเผยแพร่ธรรมะให้เท่าทันยุคสมัยโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่จะได้เข้าถึงธรรมะได้นั้น เห็นว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่ไร้น้ำหนักของเหล่าพระสงฆ์พวกนี้เท่านั้น เพราะคนจะซาบซึ้งในธรรมะต้องมาจากระบบการสั่งสอนอบรมมาตั้งแต่ครอบครัว วัด โรงเรียนร่วมกัน มิใช่มาจากภิกษุที่ทำตนเป็นคณะตลกที่เปลี่ยนหน้าจากหม่ำ เท่ง โหน่ง มาเป็น 2 พระสงฆ์กลุ่มนี้แต่อย่างใด และเชื่อว่าไม่มีใครซาบซึ้งจากข้อธรรมะ ที่นำมาพูดให้ขบขันได้ แต่กลับเป็นการทำให้ศาสนามัวหมองถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์จากเหล่าพระสงฆ์ดังกล่าว โดยสังเกตดูได้จากการโพสต์ทวงเพจต่าง ๆ ที่มาโปรโมทแบรนด์ของตนในขณะที่พระสงฆ์ไลฟ์โดยให้เบอร์พร้อมเพย์ อย่างไม่ละอายต่อพระธรรมวินัย

ตามพระวินัยปิฎก ได้ระบุเอาไว้ในพระมหาวิภังค์ ว่า “อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์” อันถือเป็นอาบัติ เป็นโลกวัชชะ หรือการกระทำที่ทำให้ขาวโลกติเตียนได้ และการเผยแพร่ธรรมะด้วยวิธีตลกขบขัน ไม่ปรากฎในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้เหล่าพระสงฆ์พวกนี้ก็เคยมีปัญหาจากข้อขัดแย้งเกี่ยวกับค่าตัวที่ไปเป็นวิทยากรในเวทีต่าง ๆ มาแล้ว หรือบางรูปก็ไปช่วยไลฟ์โฆษณาสินค้าต่าง ๆ ด้วย ซึ่งก็เข้าข่ายต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งตามหลักพระธรรมวินัยนั้นหากต้องอาบัติลักษณะนี้บ่อยครั้งต้องหลุดจากความเป็นพระดั่งโทษปาราชิกเลยทีเดียว

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจปล่อยให้ภิกษุอลัชชีเหล่านี้กระทำการย่ำยีพุทธศาสนาได้อีกต่อไป จึงส่งคำร้องไปยังมหาเถรสมาคมผ่านสำนักพุทธฯ เพื่อให้มีบัญชาวางกฎเหล็กห้ามภิกษุใด ๆ กระทำเยี่ยงนี้อีกและให้สอบสวนเอาผิดพระสงฆ์ที่ต้องอาบัติซ้ำดังกล่าวเพื่อลงโทษขั้นเด็ดขาด

เมื่อครั้งในหลวง ร.9 ทรงพระราชทานที่ดินทำกินเพื่อเกษตรกร | MEET THE STATES TIMES EP.18

???? “นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ดและชวนขุดบ่อ” เมื่อครั้งในหลวง ร.9 พระราชทานที่ดินและทรงปฏิรูปที่ดินทำกินเพื่อเกษตรกร
???? สะท้อนพระอัจฉริยภาพ! ในหลวงรัชกาลที่ 9 สานต่อพระราชปณิธานปฏิรูปที่ดินเกษตรกรไทย ให้มีที่ดินทำกินตลอดไป

???? ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

???? เวลา 2 ทุ่มตรง รับชมไปพร้อมกัน !!

???? ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

IO​ Rangers ปฏิบัติการ​ 'หน่วยจู่โจม'​ โซเชียล ใครบอกไม่มี​ ตอ...ชัด ๆ​​​|MEET THE STATES TIMES EP.17

????IO​ Rangers ปฏิบัติการ​ 'หน่วยจู่โจม'​ โซเชียล ใครบอกไม่มี​ ตอ...ชัดๆ​​!!
????มีหรือไม่ ใช่หรือมั่ว?! คุยตรง ๆ ‘IO’ เมืองไทยมีจริงไหมมาหาคำตอบกัน!!

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยกTHE STATES TIMES

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

เปิดแล้ว...สายคาเฟ่ห้ามพลาด!! ชิมกาแฟ แนบชิดธรรมชาติ ‘ร้านเบลลินี่ เบค แอนด์ บรู’ สาขาระยอง ริเวอร์ไซด์ ได้แล้ววันนี้!

เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ร้อยตรี พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง / นางนิลวรรณ เหมะรักษ์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดระยอง / พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง / นายชรัส ลิขิตคุณวงศ์ ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมแสดงความยินดีและเปิดร้านเบลลินี่ เบค แอนด์ บรู สาขาระยองริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำระยอง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง อย่างเป็นทางการ

โดยมี นายวัชรินทร์ นางรัตนา นายวสินธ์ และนายธนภัทร ล่องดุริยางค์ ผู้บริหารเบลลินี่ เบค แอนด์ บรูสาขาระยอง ริเวอร์ไซด์ ให้การต้อนรับ พร้อมได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในจังหวัดระยอง อาทิ นายอินทรีย์ เกิดมณี ปลัดจังหวัดระยอง คุณดารณี เกิดมณี รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดระยอง นายวรฉัตร ทีงาม อดีต ปลัดจังหวัดระยอง คุณมะลิวัลย์ ทีงาม ประชมรมแม่ดีเด่นจังหวัดระยอง พันตำรวจเอก วรวุฒิ ชัยเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง นายกิตติ เกียรติมนตรี รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง นายวิชิต ศรีชลา นายกเทศมนตรีนครระยอง ดร.อนุชิดา ชินศิรประภา ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดระยอง คุณประชิด ชินราช ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดระยอง ดร.จารุณี ตันติเวชวุฒิกุล นายกสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนระยองวิทยา คุณพิศมัย ศุภนันตฤกษ์ กรรมการผู้บริหารโรงแรมโนโวเทล สตาร์ คอนเวนชั่นระยอง นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ นายอำเภอเมืองระยอง พ.ต.ท.อธิวัฒน์ อภิวุฒิชัยกิตติ์ สว.จร.สภ.เมืองระยอง ฯลฯ

Bellinee’s Bake & Brew (เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู) ร้านเบเกอรี่ เฮ้าส์ ระดับพรีเมียม เอาใจสายคาเฟ่เมืองระยองเปิดร้านเบลลินี่ เบค แอนด์ บรู แห่งล่าสุด  สาขาระยองริเวอร์ไซด์ พร้อมเสิร์ฟเบเกอรี่อบสดใหม่ทุกวัน พร้อมอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ริมแม่น้ำระยอง สุดชิลล์

นายชรัส ลิขิตคุณวงศ์ ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวถึงแนวคิดและจุดเด่นของ ร้าน เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู (Bellinee’s Bake & Brew) ว่า “เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู เป็นร้านเบเกอรี่เฮ้าส์ระดับพรีเมียม ที่มีความโดดเด่นด้านเบเกอรี่อบสดและอาหาร ผ่านการคิดค้นและสร้างสรรค์เมนู อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีครัวซองเฮอริเทจที่นำเข้าจากฝรั่งเศสมาอบเสิร์ฟทุกวัน รวมถึงเครื่องดื่ม กาแฟสดระดับพรีเมียม ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการถ่ายทอดมาจากแรงบันดาลใจสู่ความอร่อยและคุณภาพที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับชื่อนักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลียน ‘Vincenzo Bellini’ ผู้ถ่ายทอดเพลงบรรเลงด้วยหัวใจ และส่งมอบความสุขให้กับผู้ฟังในทุกช่วงเวลาและเพื่อเป็นการมอบประสบการณ์แห่งความสุขและเพื่อมอบสุนทรียภาพในการรับประทานเบเกอรีและเครื่องดื่มระดับพรีเมียมให้กับพี่น้องชาวไทย”

ล่าสุด Bellinee’s Bake & Brew (เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู) ได้เตรียมเปิดสาขาแห่งใหม่ ระยองริเวอร์ไซด์ เปิดจำหน่ายเบเกอรี่อบสด พร้อมเครื่องดื่มระดับพรีเมียม โดยเฉพาะครัวซองต์ที่ได้นำเข้าจากฝรั่งเศสมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แป้งบางกรอบ หอม ฉ่ำเนย สไตล์ต้นตำรับแท้ ๆ ที่มีความแตกต่างและโดดเด่นในราคาที่จับต้องได้ เพื่อเอาใจนักชิม สายคาเฟ่ ชาวเมืองระยอง

นายชรัส เพิ่มเติมว่า “เช่นกัน…ความสุขของเรา คือ ความสุขที่ได้ใส่ใจในสินค้าและการบริการ พร้อมส่งต่อความสุขที่แท้จริงให้กับลูกค้า  และความสุขของลูกค้า คือ ความอร่อยจากสินค้าที่มีคุณภาพ เราจึงคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รังสรรค์เมนูใหม่โดยเชฟและบาริสต้ามืออาชีพ พร้อมทั้งออกแบบให้ร้านมีบรรยากาศสไตล์ยุโรปร่วมสมัย(Contemporary European)ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง ดั่งคอนเซ็ปต์ที่ว่า “Happiness Brings Us Together”

ด้านนายวสินธ์  ล่องดุริยางค์ ผู้บริหารร้าน Bellinee’s Bake & Brew (เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู) สาขา ระยองริเวอไซด์ กล่าวว่า เรามีความตั้งใจนำเสนอประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานเบเกอรี่และกาแฟระดับพรีเมี่ยมให้กับพี่น้องชาวจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียง ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ เพื่อรังสรรค์ให้เป็นเบเกอรี่แสนอร่อยอบสดใหม่ทุกวัน บริการพร้อมเครื่องดื่มมีทั้งกาแฟ และเมนูหลากหลาย

สำหรับร้านเบลินี่ฯ สาขาระยองริเวอร์ไซด์ ได้เลือกทำเลสุดพิเศษ มอบเป็นความสุขที่จับต้องได้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำระยอง เพื่อให้ลูกค้าได้จิบกาแฟท่ามกลางธรรมชาติในบรรยากาศสบาย ๆ มีให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor พร้อมมุมถ่ายภาพไม่ซ้ำใคร

ร้าน เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู สาขา ระยองริเวอร์ไซด์ แห่งนี้ พร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00 - 20.00 น. และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของภาครัฐในการลดความเสี่ยงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางร้านจึงได้เปิดบริการให้นั่งรับประทานในร้าน หากเป็น Indoor (ห้องปรับอากาศ)เปิดให้นั่งได้ 50% ของที่นั่ง และ ภายนอก Outdoor เปิดให้นั่งได้ 75% ของที่นั่ง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความสนใจและสร้างความประทับใจให้กับพี่น้องชาวระยอง นายวสินธ์ ล่องดุริยางค์ กล่าวทิ้งท้าย


ภาพ/ข่าว  ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ผบก.ตม.1 ห่วงใยการต่อวีซ่า! ตามกำหนดไว้ของชาวต่างชาติ ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้มีการให้เปิดทำการนอกเวลาราชการในวันเสาร์เป็นกรณีพิเศษ เริ่มเสาร์ที่ 4 ก.ย. นี้! พร้อมรับมือต่างชาติขออยู่ต่อช่วงโควิด

3 ก.ย. 2564  พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 เปิดเผยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 แจ้งเปิดให้บริการเพิ่มเติมในทุกวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โดยจะเปิดให้บริการวันแรก ในวันเสาร์ที่ 4 ก.ย.2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง ณ บก.ตม.1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ และจุดบริการชั่วคราวของ บก.ตม.1  ณ “ศูนย์เมืองทองธานี”  ร่วมด้วย  พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผกก.ฝท.บก.ตม.4 รรท. ผกก. 2 บก.ตม. 1 และเจ้าหน้าที่ของ บก.ตม.1 พร้อมให้บริการเสริมเพิ่มเติมช่วงวันหยุดในทุกวันเสาร์

  

ประกอบกับมาตรการผ่อนผันการอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งยื่นคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเพื่อเหตุผลความจำเป็นและมีระยะเวลาอนุญาตถึงวันที่ 31 ต.ค. 64  มีเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกคนต่างด้าวที่ประสงค์จะยื่นคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ก่อนระยะเวลาการอนุญาตสิ้นสุด 45 วัน อันเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อลดความแออัดในการมารับบริการ  บก.ตม.1 จึงขอประชาสัมพันธ์การเปิดให้บริการเพิ่มเติม ดังนี้

1. คนต่างด้าวสามารถติดต่อขอรับบริการขออยู่ต่อฯ ทุกประเภท ได้ก่อนวันอนุญาตสิ้นสุด 45 วัน โดยสามารถติดต่อขอรับบริการที่เคาน์เตอร์ L, M, N, J ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

 - ขออยู่ต่อระยะยาว (เคาน์เตอร์ L, M, N) ประเภท Non-Immigrant Visa อาทิเช่น NON-O, NON-B, NON-ED ประกอบด้วยเหตุผล เกษียณอายุ, เยี่ยมคู่สมรส/เยี่ยมบุตร, สามีไทย/ภรรยาไทย/อุปการะบุตร, ธุรกิจ, ครู/นักเรียน, องค์การระหว่างประเทศ มูลนิธิ สมาคม

 - ขออยู่ต่อระยะสั้น (เคาน์เตอร์ J) ประเภท Tourist Visa (TR-60) และ เคาน์เตอร์ K ที่ทำการชั่วคราวเมืองทองธานี

 - ขออยู่ต่อระยะสั้น ประเภทคนเดินทางผ่าน ไม่มีวีซ่า  Visa on Arrival และประเภทอื่น ๆ รวมถึงการแก้ไข ย้ายตราประทับ และหนังสือเดินทางสูญหาย

ในวันและเวลาราชการ และให้บริการเพิ่มเติมในวันเสาร์ (ทุกวันเสาร์ จนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง) ทั้งนี้ ตั้งแต่ 4 ก.ย.2564 เป็นต้นไป

2. การรายงานตัว 90 วัน และการแจ้งที่พัก สามารถติดต่อขอรับบริการที่เคาน์เตอร์ A, B ที่ทำการชั่วคราวเมืองทองธานี ในวันและเวลาราชการ และให้บริการเพิ่มเติมในวันเสาร์ (ทุกวันเสาร์ จนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง) ทั้งนี้ ตั้งแต่ 4 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป

พล.ต.ต.ปิติ กล่าวเพิ่มเติมว่าการเปิดให้บริการเสริมช่วงวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ เป็นการดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการของ  พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์  เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม. ที่ได้อนุมัติให้มีการเปิดให้บริการเสริมในวันหยุดราชการวันเสาร์เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีความห่วงใยชาวต่างชาติที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศและประสงค์ยื่นคำร้องขอยู่ต่อในราชอาณาจักรสืบเนื่องมากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19  รวมถึงมาตรการผ่อนผันการอนุญาตให้อยู่ในราชการอาณาจักร  และคนต่างด้าวที่ยื่นคำร้องขออยู่ต่อมีระยะเวลาการอนุญาตสิ้นสุดถึงวันที่ 31 ต.ค.64  ซึ่งจะให้กลุ่มชาวต่างชาติมาติดต่อขอรับบริการเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการกำหนดมาตรการเพิ่มช่องทางการเปิดรับบริการในวันหยุดราชการวันเสาร์เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือกลุ่มชาวต่างชาติ รวมถึงเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกในการรับบริการให้ดียิ่งขึ้น

ทางด้าน พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/โฆษก ตม.1  ขอประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติโปรดศึกษาข้อมูลการให้บริการอย่างละเอียด และจัดเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อที่จะสามารถไปรับบริการได้อย่างถูกต้อง ทางช่องทาง Website http://bangkok.immigration.go.th  และทางช่องทาง Facebook: https://www.facebook.com/immigrationdivision1 และโปรดช่วยแจ้งข่าวและเผยแพร่ตามสื่อแขนงต่างๆ และช่องทางต่าง ๆ ช่วยกันกระจายข่าวให้กับชาวต่างชาติให้ทราบโดยด่วนว่า สามารถไปติดต่อขอรับบริการได้ที่ บก.ตม.1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และจุดบริการชั่วคราวของ บก.ตม.1  ณ ที่ทำการชั่วคราวเมืองทองธานี ได้ในวันเสาร์ที่ 4 ก.ย. 64 ที่จะถึงนี้

'3 ปัจจัย' สำคัญที่ทำให้ประเทศ 'เวียดนาม' ก้าวกระโดด

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (เอ้) อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง เวียดนาม (จะ) ชนะไทย? โดยมีเนื้อหาดังนี้

...พี่เอ้สารภาพ คิดอยู่หลายคืน ว่าจะเขียนเรื่องเวียดนามกับไทยดีไหม ขอออกตัวก่อนว่า เขียนให้คิด ให้สู้ ให้เกิดพลัง ให้ฮึกเหิม มิใช่เขียนบ่นหรือเขียนให้ท้อ หรือไม่เขียนเพื่อโทษใคร...

เอาล่ะครับ พร้อมอ่านหรือยัง

ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กมลา แฮริส เยือนอาเซียนอย่างเป็นทางการ ลงเครื่องพบผู้นำสิงค์โปร์ 3 วัน เพื่อกระชับความร่วมมือ สนับสนุนสิงคโปร์เป็นศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับโลก ก่อนบิน (ข้ามประเทศไทย) ไปคุยกับผู้นำเวียดนามอีก 2 วัน แล้วบินกลับกรุงวอชิงตัน

ไม่มาประเทศไทย...

ครั้งนี้ สิงคโปร์ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ ได้ทั้งความเชื่อมั่นในการเมืองระหว่างประเทศ ว่าคือ "ศูนย์กลาง หรือ ผู้นำชาติอาเซียน" ได้ทั้งกำลังการลงทุน และได้ทั้งกำลังมันสมอง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของชาติ ไม่ว่ากัน เพราะสิงคโปร์กับอเมริกา ผูกพันกันต่อเนื่อง ยาวนาน

แต่...เวียดนาม ประเทศสังคมนิยม เคยทำสงครามกับสหรัฐ วันนี้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐ และกำลังก้าวขึ้นเป็น "จีน 2"  ในเอเชีย

ทำไมเวียดนามถึงก้าวกระโดด? (ข้ามประเทศไทย) พี่เอ้ตอบตรง ๆ เพราะเขามีปัจจัยหลัก ดังนี้

1.) มีปริมาณ "กำลังคน" ประชากรมากกว่าไทย มีคน 100 ล้าน และไม่ใช่แค่คนระดับใช้แรงงาน แต่ยังมีคนระดับชั้นมันสมองเพิ่มมากขึ้น จากการพัฒนาการศึกษา "เชิงคุณภาพ" ต่อเนื่อง อย่างจริงจัง ขณะที่ไทย...

ลองพิสูจน์จากเด็กเวียดนามที่ได้รับทุน (ของไทย) มาเรียนปริญญาโท-เอก ที่คณะวิศวะลาดกระบัง ทุกคนทั้งเก่งคณิตศาสตร์ (มากกว่าเด็กไทย) ภาษาอังกฤษก็เข้มแข็งกว่า และยังขยันสุด ๆ น่ากลัวมาก แต่อาจารย์ไทยชอบมาก เพราะทำงานวิจัยได้ยอด รับผิดชอบสูง น่าประทับใจ

นี่แค่ เด็กเวียดนามระดับกลาง ๆ เพราะระดับตัวท๊อป จะไปเรียนต่อที่อเมริกา ซึ่งวันนี้มีมากกว่า 24,000 คน!!! ซึ่งเน้นด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่มีเด็กไทยเรียนอยู่ในอเมริกาเพียง 6,000 คน น้อยกว่าเวียดนาม 4 เท่า!!!!

หมายความว่า เวียดนามกำลังมี "คนระดับมันสมอง" โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งคือรากฐานของการยกระดับประเทศ มากกว่าไทย (หลายเท่า)

2.) มีเงิน มีงบประมาณ เพราะเศรษฐกิจเวียดนามปีที่ผ่านมา เติบโตที่สุดของโลก! ขณะที่ประเทศอื่น รวมทั้งไทย ติดลบ! และแค่ครึ่งปีนี้ โตไปมากกว่า 5% แล้ว และจะร้อนแรงยิ่งขึ้น...

เพราะเกิดการลงทุนจากต่างประเทศมหาศาล (มากกว่าลงทุนในไทยไปนานหลายปีแล้ว) เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก มีบริษัทเกาหลีมาลงทุน 4,000 กว่าบริษัท ขณะที่มาไทย 400 บริษัท และมีบริษัทชั้นนำของโลกทุกแขนงกำลังมุ่งสู่เวียดนาม

ทำให้เกิดการส่งออกสินค้ามูลค่าเพิ่มมหาศาล ซึ่งตอนนี้เวียดนามส่งออกมากกว่าไทยไปแล้วครับ และกำลังจะทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ หากเราไม่คิดสู้!

3.) มีความรักชาติ เป็นชาตินิยมสูง ถือเป็นจุดแข็งของเวียดนาม เด็กเวียดนามทุกคนเรียนรู้ "ประวัติศาสตร์ชาติ" รู้จัก "การต่อสู้ของลุงโฮ" ท่านโฮจิมินห์ บิดาของชาติ (เคยมาอยู่เมืองไทย) รู้เรื่องราว การต่อสู้ ด้วยความทรหด อดทน ไม่ยอมแพ้ ให้ทั้งชีวิตเพื่อสร้างชาติ

ทั้งคนเวียดนาม ปลูกฝังค่านิยม การรักการอ่าน การขยันเรียนแบบสุด ๆ โรงเรียนเวียดนาม แม้ไม่ใหญ่ ไม่สวย เหมือนโรงเรียนไทย แต่คุณภาพไม่แพ้ใครในโลก ลองดูคะแนนมาตรฐาน PISA Score เด็กเวียดนามทำได้คะแนนสูงสุดในอาเซียน เกือบเท่าเด็กสิงคโปร์!

คนอเมริกันเชื้อสายเวียดนามในสหรัฐ ก็เรียนเก่ง (ที่ MIT ที่พี่เอ้เรียนจบมา ก็มีเด็กอเมริกันเวียดนามเยอะมาก) ประสบความสำเร็จสูงมาก แม้แต่คุณหมอ พญ. ดร. พริสซิลลา ชาน ภรรยาคนสวยของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค ผู้ก่อตั้งเฟชบุ๊ค ก็เป็นคนเชื้อสายเวียดนาม คนเหล่านี้ยังสนับสนุนประเทศเวียดนามทุกรูปแบบ เต็มที่

พี่เอ้ไม่อยากให้คนไทยมองข้ามเรื่องนี้ รุ่นพ่อแม่เราเกิดมา ก็ไม่แพ้เกาหลี วันนี้เกาหลีเป็นประเทศชั้นนำของโลกไปแล้ว รุ่นพี่เอ้เกิดมาก็ไม่แพ้สิงคโปร์ ไม่แพ้มาเลเซีย วันนี้เขากระโดดไปไกลแล้ว

และวันนี้ พี่เอ้ยอมรับว่า "ทำใจไม่ได้" ที่เรากำลังเป็นรองเวียดนาม

แม้เราไม่ได้อิจฉาเวียดนาม และก็ไม่ได้ชื่นชมว่าจะดีเก่งกว่าไทยไปซะทุกเรื่อง เพียงแต่อยากให้ คนไทยเรียนรู้ข้อเท็จจริง เพื่อนำมาวางแผนสู้ พัฒนาชาติไทย ต้องไม่ยอมแพ้!!!
เพราะพี่เอ้ยังมั่นใจ #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก และ #จะทำก็ทำได้

ขอเป็นกำลังใจ ให้คนไทยทุกคนครับ สู้ ๆ

'ดร.สันต์' ชี้!! หากไทยติด 5-6 ล้าน ค่าเฉลี่ยตายต้อง 5% แต่กดได้ 1% สะท้อนความจริงคือคนไทยต่างร่วมมือ

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าภายในประเทศ ระบุว่า... 

Covid-19 : บทเรียนจากชัยชนะของไต้หวัน 'สัจพจน์' ที่เราได้จากตัวเลขที่นั่น เพื่อพิสูจน์ความจริงและความลวงในบ้านเรา 

>> เรื่องราวของไต้หวัน:
ไต้หวันเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการระบาดของ Alpha อย่างหนักหน่วง และสามารถเอาชนะมันได้แบบลงสู่ Zero New Case ด้วยมาตรการในแบบฉบับ Lockdown ล้วน ๆ ยาวนาน 3 เดือน โดยแทบไม่มีวัคซีนช่วยเลย 

ไม่เคยมีใครทำได้ ประเทศที่สามารถคุม Alpha ได้สำเร็จ คือ คุมไม่ให้ระบาดหนักแต่แรก ในประเทศอื่น ๆ ที่ระบาดหนักแล้วกดลงได้ ก็ไม่เคยกดลงจนเป็นศูนย์ได้เลย 

ข้อมูลที่ไต้หวันมีความสำคัญและเที่ยงตรงมากเพราะ ไต้หวันมีการตรวจเชื้อมหาศาล ในระดับที่เพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าไม่มีตกหล่น 

ไต้หวัน Test ไปถึง 5 ล้านครั้งในระดับผู้ติดเชื้อ 16,000 คิดเป็น %Positive แค่ 0.32% เทียบกับไทยเราที่ติดเชื้อไป 1.2 ล้าน เพิ่งตรวจไปได้แค่ 8 ล้านกว่าคนเท่านั้น 

กราฟชัยชนะของไต้หวันจึงเป็น Sample ของ Full Wave ของ Alpha ที่สมบูรณ์และมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะทำให้เราทราบคุณสมบัติต่าง ๆ ของไวรัสครบถ้วน  

>> สัจพจน์:
1.) การลงสู่ Zero New Case เป็นไปได้สำหรับ Alpha ใช้เวลาไม่นานและคุ้มค่าแก่การรอคอย ไต้หวันทำได้ใน 3 เดือนด้วย Lockdown Level 3 โดยที่ยังไม่ได้ใช้ระดับสูงสุดคือ Level 4 เลยด้วย  

2.) ถ้าระบาดวงกว้างแล้วคุมไม่ทัน อัตราการตายจะสูงมากระดับ 5% ไต้หวันล้มเหลวในการคุมการระบาดช่วง 20 วันแรกที่ไม่ยอม Lockdown ทำให้การแพร่ระบาดเป็นวงกว้างไม่ทันตั้งตัว โดยการติดเชื้อตั้งแต่ พ.ค. ประมาณ 15,000 เสียชีวิตถึง 825 คน คิดเป็น 5.5% อัตราการเสียชีวิตสูงมากสำหรับประเทศที่มั่งคั่งแบบไต้หวัน ในขณะที่ Wave ก่อนหน้าที่คุมได้เร็ว ติดเชื้อแค่ 1,130 คน เสียชีวิต 12 คน คิดเป็นแค่ 1% 

3.) Time Constant ของกราฟ %Increase ในการลงสู่ Zero New Case คือ 9.1 เท่ากับที่จีนและไทยเคยทำไว้ใน Wave ของไวรัสอู่ฮั่น หมายถึงการ Lockdown จริงจังยังมีประสิทธิภาพมากกับ Alpha 

บทพิสูจน์ความจริงความลวงในประเทศไทย:
ประเทศไทย ประชากรอายุ 15-64 ปี มี 70.7% ส่วนไต้หวัน ประชากรอายุ 15-64 ปี มี 71.96 % มีโครงสร้างประชากรคล้ายกัน

ปัญหาที่ 1.) ตัวเลขรายงานผู้ติดเชื้อต่ำกว่าความจริงมาก? ของจริงน่าจะติดเชื้อระดับ 5-6 ล้านคนแล้ว?  
>> เฉลย: ถ้ามีการติดเชื้อที่ Undetected ขนาดนั้น ก็จะเป็นการระบาดไปทั่วที่ไม่ได้ควบคุม จะมีอัตราการตายที่มากกว่า 5% คือมีคนตายระดับมากกว่า 300,000 คนภายใน 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเห็นชัด ๆ ว่าคงไม่ใช่ เพราะคงเก็บศพไม่ทันแน่นอน จะต้องเป็นภาพของศพเกลี่อนทุกมุมถนน 

ปัญหาที่ 2.) เราอาจจะเข้าใกล้ Herd Immunity แล้วคือติดเชื้อ 30 ล้านคนภายในปีนี้? และที่เหลือก็คือด้วยวัคซีน เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ตัวอื่น ๆ 
>> เฉลย: ถ้าติดเชื้อ 30 ล้านคนภายใน 3-4 เดือน ก็คือจะตายกัน 1,500,000 คนขึ้นไป ซึ่งเห็นชัด ๆ ว่าเกิดขึ้นไม่ไหวแน่ และไม่มีไข้หวัดใหญ่ธรรมดาใด ๆ จะฆ่าเราได้เกลื่อนขนาดนี้ 

ปัญหาที่ 3.) ตายด้วยอุบัติเหตุมากกว่า คนจะอดตาย ฆ่าตัวตายมากกว่า จะกลัวโควิดกันมากเกินไปมั้ย เปิดเศรษฐกิจไปเลย Herd Immunity ไปเลยไม่ต้องรอวัคซีน?
>> เฉลย: ต้องจำไว้ว่าอัตราการตายจะคือ 5% โดยที่เกิดจากการใช้ชีวิตปกติ คุณอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้ออกไปขับรถซิ่งคุณก็ตายได้ คุณไปกินข้าวในร้านอาหารคุณก็ตายได้ คุณไปทำงาน ไปเดินห้างก็ตายได้ ไวรัสเลือกคุณให้ตายไม่ใช่คุณเลือกที่จะเสี่ยงหรือจะจบชีวิตตัวเอง และจะตายกันมากกว่าเยอะถ้าเล่น Herd Immunity แบบไม่ใช้วัคซีน

บทสรุป
ปัญหาที่ 4.) บุคลากรสาธารณสุขไทย และระบบสุขภาพของไทยเอาไม่อยู่?

>> ต้องบอกตามตรงว่า ประเทศที่ตัวเลขการระบาดมาถึงจุดนี้แล้วและมาเร็วขนาดนี้ แต่ยังสามารถรักษาอัตราการเสียชีวิตไว้ที่ระดับ ต่ำกว่า 1% ได้นี่คือหายากมาก 

เรามีอัตราการเสียชีวิตต่ำมากทั้ง ๆ ที่การระบาดเกิดขึ้นเฉียบพลันภายใน 2-3 เดือน ขณะที่ไต้หวันซึ่งมีคุณสมบัติทางสังคมหลาย ๆ อย่างคล้ายเรา มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 5.5% ทั้งที่การระบาดไม่มากเท่าเรา 

เราต้องรับรู้จริง ๆ นะครับว่า ถ้าบุคลากรสาธารณสุขไทย ไม่ทุ่มเทสุดตัวขนาดนี้ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปไม่มากขนาดนี้ ไม่มีทางที่เราจะช่วยผู้คนเอาไว้ได้มากมายหลายหมื่นชีวิตแบบนี้แน่นอน 

ไม่มีข้อเฉลยใดที่จะสำคัญไปกว่าข้อที่ 4 นี้อีกแล้วครับ มันสำคัญมากที่เราต้องรู้ และต้องขอบคุณพวกเขาจริง ๆ ครับ ซึ่งพวกเขายังไม่ได้พักกันเลยตลอด 4 เดือนแล้ว 

>> และคำขอบคุณที่ดีที่สุด คือ อย่าเพิ่งรีบออกจากบ้านไปเสี่ยงรับเชื้อเพราะอดใจไม่ไหวแล้ว

>> ขอให้อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่าครับ อีกไม่นานเกินรอครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/100000921874426/posts/6379240792116587/

‘สส.ยงยุทธ’ จับมือ ‘นายก อรัญญา’ ผนึกกำลังทีมแพทย์ ลงพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้ป่วยติดเตียง

ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ  พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายเมธากุล สุวรรณบุตร สจ.สมุทรปราการ เขต 14  มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงพร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ  สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ลงพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ในชุมชนเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา

โดยมี นายศรายุทธ์ ไชยกอง ปลัดอาวุโส อำเภอเมืองสมุทรปราการ นายคำรณ มั่งมี สาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ร่วมลงพื้นที่ฉีดวัคซีนให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ภายในหมู่บ้านพฤกษา 28/2  อ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมทั้งให้คำแนะนำหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน

อีกทั้งในวันนี้ ทางเทศบาลตำบลแพรกษา โดยนาง อรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา ประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง จึงได้ประสานความร่วมมือไปยังสาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรปราการ ศูนย์สุขภาพชุมชนมังกรทอง นำคณะเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน (เฉพาะกลุ่มเสี่ยง) Walk in จำนวน 400 คน พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ ATK แก่กลุ่มเสี่ยง (สัมผัสผู้ป่วย) จำนวน 300 คน ภายในอาคาร ชั้น 1 เทศบาลตำบลแพรกษา อีกทั้งยังได้นำคณะเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ร่วมลงพื้นที่ภายในชุมชนนำวัคซีนโควิด-19  ไปฉีดให้กับผู้ป่วยติดเตียง  ผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถออกจากบ้านพักได้รวมถึงฉีดวัคซีนให้กับผู้ดูแลผู้ป่วยอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

'หมอยง' แนะ เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง-ตั้งครรภ์ เผยเริ่มคิดสูตรเข้ม 3 สู้เชื้อกลายพันธุ์

นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Yong Poovorawan' ระบุว่า... 

จากการระบาดของสายพันธุ์ Delta กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว 

ประเทศที่ฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก 80 เปอร์เซ็นต์ในผู้ใหญ่แล้วเช่น อิสราเอล ซึ่งมีประชากรเพียง 9 ล้านคน ก็มีผู้ป่วยต่อวันเป็นพันและเข้าสู่หลักหมื่นแล้ว เมื่อเปรียบเทียบต่อประชากรแล้ว มากกว่าประเทศไทยเสียอีก 

ในอเมริกาเอง ก็มากกว่าแสนต่อวันแล้ว อัตราการเสียชีวิตลดลง ก็ยังวันละประมาณ 1,000 จากข้อมูล CDC’s COVID Data Tracker วันที่ 2 กันยายน มีผู้ป่วยใหม่ 153,728 คน เสียชีวิต 1,209 ราย

ประเทศไทยเองก็เป็นสายพันธุ์ไวรัส Delta เกือบทั้งหมด มาเป็นเดือนแล้ว 

วัคซีนที่ใช้อยู่ในโลกนี้ จะลดประสิทธิภาพในการป้องกันลง แต่ยังสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ และลดอัตราการเสียชีวิต

ขณะนี้ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เราจึงต้องรีบให้วัคซีนในกลุ่มเสี่ยง และสตรีตั้งครรภ์

เรายังมีความหวังว่า ถ้าอัตราการให้วัคซีนเป็นอย่างขณะนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราก็สามารถที่จะลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ 

ทีมของเรายังมุ่งมั่นในการทำการศึกษาวิจัย การใช้วัคซีนตามทรัพยากรที่เรามีอยู่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

การศึกษาวิจัยขณะนี้ กำลังศึกษาว่าจะให้เข็มที่ 3 อย่างไร จึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้ทรัพยากรที่น้อยที่สุด ที่จะป้องกันสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไป 

เพื่อเตรียมรองรับการให้วัคซีนเข็มที่ 3 ที่จะต้องใช้ในอนาคตอย่างแน่นอน

ขอโทษด้วยที่หายไปนาน เพราะไปมัวเก็บขยะอยู่

#หมอยง


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=6228387063870525&id=100000978797641

'สี จิ้นผิง' เตรียมกวาดล้าง 'ปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรม' เพื่อพลิกโฉมสังคมจีน

กระแสความสนใจคำว่า 'เปี้ยนเก๋อ' หรือ การปฏิวัติสังคมในจีน มันจะปฏิวัติอะไร จะเกิดเมื่อไร และความคิดสีจิ้นผิง คืออะไร 

ปฏิบัติการ 'เปี้ยนเก๋อ' ถูกเร่งขึ้นอย่างจริงจัง หลังจากการประชุมลับที่ Beidaihe ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และถึงเวลาที่สุกงอมมากพอแล้ว right timing ที่จะ 'เปี้ยนเก๋อ' เพื่อปฏิวัติ ให้ถึงแก่นพลิกโฉมสังคมจีน Social Transformation 

#จีนกวาดบ้าน ล้างบาง ชำระล้าง กวาดล้างในวงการต่าง ๆ ที่จีนเคย #ปิดตาข้างเดียว ปล่อยให้ตักตวงประโยชน์มานาน และ #ปัญหาที่เคยซุกไว้ใต้พรม ด้วยการทำ Social Governance ตามแนวทาง 14 ด้าน Xi Jinping Thought 

#ความคิดสีจิ้นผิง คืออะไร สำคัญถึงขั้นที่มีการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญจีน ตั้งแต่ปี 2018 และจีนได้ผ่านกฎหมายสำคัญหลายฉบับเพื่อติดอาวุธให้กับหน่วยงาน regulator มือฉมังทั้งหลาย ในการทำปฏิบัติการปฏิวัติเปลี่ยนโฉมสังคมจีน #จีนเปี้ยนเก๋อ ได้หรือไม่ อย่างไร ส่องเลยค่ะ 

Note: นี่คือส่วนหนึ่งของ my Talk #อ่านเกมสีจิ้นผิง เพื่อทำความเข้าใจทิศทางจีน และผลกระทบที่สั่นสะเทือนแผ่นดินจีนอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งจะมีแรงต้านหรือไม่อย่างไร หาคำตอบเพิ่มเติมได้​ที่นี่ >> https://www.facebook.com/1037140385/posts/10223885692543683/?d=n


ที่มา : รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช. https://www.facebook.com/1037140385/posts/10223885692543683/?d=n

‘เฉลิมชัย’ แจงสภาฯ เคลียร์ปมระบายยาง บริสุทธิ์ - โปร่งใส - สุจริตไม่ผิดกฎหมาย!!

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564  ที่รัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงเรื่องยางพาราและการระบายยางว่า การประชุมทุกครั้งจะต้องมีองค์ประชุมครบถึงจะดำเนินการได้ จะต้องเป็นมติของที่ประชุม การยางแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจจัดตั้งตามพระราชบัญญัติการยาง 2558 โดยมีบอร์ดการยางเป็นผู้ออกนโยบายกำกับดูแล อนุมัติในกิจกรรมของการยางแห่งประเทศไทย รวม 14 ท่าน จะมีมติได้ที่ประชุมส่วนใหญ่ถือเป็นเอกฉันท์ เป็นความรับผิดชอบร่วม การยางแห่งประเทศไทยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจในการควบคุมกำกับของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อวันเดือนกรกฎาคมปี 2562 และรัฐบาลแถลงนโยบายประกันรายได้ราคาพืชผลการเกษตร 5 ชนิด ยางพาราเป็น 1 ในสินค้า 5 ชนิด ที่รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับการประกันว่าจะมีการรายได้ขั้นต่ำที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เพราะพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ถ้าเกษตรกรมีความเข้มแข็งประเทศชาติก็มีความเข้มแข็งด้วย ถ้ามีรายได้ที่มั่นคงประเทศชาติก็จะมั่นคงด้วย

“เชื่อว่า วันที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศนโยบายประกันรายได้ เกษตรกรมีความสุขและยิ้มทั้งประเทศ เป็นครั้งเดียวที่ได้มีโอกาสได้รับการดูแลภาคการเกษตรจากรัฐบาลอย่างจริงจัง และไม่ใช่ว่าเมื่อประกันรายได้แล้วจะไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้ราคายางเป็นไปตามยถากรรม เราทำทุกวิถีทางเพราะเราเข้าใจว่าเกษตรกรไทยคือหัวใจของชาติ จนราคายางพารารัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชยส่วนต่างจนเรามาประสบวิกฤติโควิดซึ่งภาวะวิกฤตนี้มีผลกระทบไปทั่วโลก ทุกประเทศ ทุกสาขาอาชีพ ภาคการเกษตรก็ไม่เว้น แต่เรามีการบูรณาการการทำงานในทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงต่างประเทศ บูรณาการร่วมกัน” นายเฉลิมชัย กล่าว

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า วันที่ตนเข้ามากำกับดูแลการยางแห่งประเทศไทยมีหน้าที่กำกับมอบนโยบายไม่มีหน้าที่เซ็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ให้นโยบายต้องทำงานอย่างสุจริตไม่ผิดกฎหมาย และกำชับอีกว่าถ้าท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องตนจะปกป้องท่าน แต่ถ้าท่านทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตนจะดำเนินการกับท่านโดยเด็ดขาด  เรื่องของยางพารา 104,000 ตัน มียางพาราอยู่ในสต๊อก 104,000 ตันเศษ ซึ่งอย่างที่เก็บไว้เสียค่าเช่าโกดังค่าประกันภัยจะได้รับการชดเชยโดยสัญญาทุกปีจะสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี และเริ่มต้นมิถุนายน การยางแห่งประเทศไทยทำสัญญาเช่าเริ่มตั้งแต่ปี 2555 โครงการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง

โดยการซื้อยางเข้าสู่สต๊อก เพื่อให้ยางในตลาดมีปริมาณน้อยลง เพื่อรักษาเสถียรภาพ เพราะขณะนั้นราคายางตกมาก จาก กิโลกรัมละ 180 บาทเหลือ 90 บาท เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555 จึงรับซื้อยางเข้ามา ปริมาณทั้งหมด 213,492 ตันในราคาเฉลี่ย 98.96 บาทต่อกิโลกรัม งบประมาณ 22,782 ล้านบาท และในปี 2557 มีโครงการมูลพันธ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพาราเพื่อให้ยางในตลาดขณะนั้นมีราคาไม่ต่ำจนเกษตรกรไม่มีจะกิน  ที่ซื้อยางเข้าสต๊อกทั้ง 2 ครั้ง ปี 2555 กับ 2557 เพื่อตัดปริมาณยางในตลาดรักษาสถานภาพราคายางเมื่อมีการนำยางเข้ามาในสต๊อก มีการระบายยางโดยครั้งแรกในปี 2557 มีการลงนามสัญญา 278,000 ตัน เมื่อทำสัญญาแล้วราคายางตกลงอย่างมากบริษัทรับยางเพียง 37,602 ตัน เนื่องจากราคาตกมากจึงไม่ได้รับครบจึงเป็นไปสู่การกำหนด TOR ในการประมูล

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า การประมูลครั้งที่ 2 ประมูลในรอบปี 2559-2560 ซึ่งเป็นการประมูลแบบคละเหมาคุณภาพแยกโกดัง ให้พ่อค้าเข้าไปตรวจสอบคุณภาพหากพอใจโกดังไหนที่ประมูลโกดังนั้น พ่อค้าก็เลือกยางดีดีไปหมด การประมูลครั้งที่ 2 เหลือยางในสต๊อกจนถึงปัจจุบัน 104,000 ตันเศษ 9 ปีเต็ม เป็นยางที่ถูกคัดเลือกของดีไปเรียบร้อยแล้ว ยางในสต๊อกนี้คือฝันร้ายของพี่น้องเกษตรกร ตนมาช่วยคลายล็อกให้พี่น้องเกษตรกรไม่ต้องฝันร้ายต่อไปอีก จะได้ไม่ถูกยางในสต๊อกเป็นข้ออ้างของพ่อค้าบางกลุ่มกดราคา อ้างว่ายางไม่ขาดมีในสต๊อก ทั้งที่ยางในสต๊อกไม่มีสภาพที่พร้อมใช้แล้ว  ยางแผ่นดิบปกติเก็บ 6 เดือนสีก็เปลี่ยน ระหว่างปี 2555-2559 ค่าใช้จ่ายในการซื้อยางเข้ามาในสต๊อก ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัยยางพาราใช้เงินทั้งสิ้น 2,317 ล้านบาท และปี 2559 ถึงปี 2564 ยาง ค่าใช้จ่ายรวมกัน 925 ล้านบาท โดยเป็นเงินงบรายจ่ายการยางแห่งประเทศไทยจากเงินกองทุนพัฒนายางพาราซึ่งใช้ดูแลพี่น้องชาวเกษตรกร จึงเป็นฝันร้ายที่ 2 ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง

"คณะกรรมการการยางธรรมชาติจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ให้ระบายยางในสต๊อกนี้ให้หมดโดยเร็ว และนำเข้า ครม.วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 การระบายต้องดูจังหวะที่เหมาะสมและไม่กระทบกับราคายางในตลาดมากนักเมื่อ ครม.ได้รับทราบ ตนในฐานะกำกับดูแลการยางแห่งประเทศไทย ให้นโยบายการยางแห่งประเทศไทยในการระบายอย่างสต๊อก 1.ให้การยางแห่งประเทศไทยดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระบายเพื่อไม่ให้กระทบราคายางในตลาด

2.พี่น้องเกษตรกรต้องได้รับประโยชน์

3.ต้องรักษาผลประโยชน์ภาครัฐเพราะเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน

4.ต้องทำโดยสุจริตโปร่งใสตรวจสอบได้ และถูกต้องตามระเบียบ

ที่เน้นย้ำที่สุดคือห้ามทุจริตคอรัปชั่นโดยเด็ดขาด ถ้าเขาทำทุจริตผิดกฎหมายผมไม่ละเว้นอยู่แล้วและนอกจากผมไม่ละเว้นแล้วยังมีหน่วยงานมากมายที่รอการตรวจสอบท่านสามารถฟ้องได้เลย เพราะถ้าไม่ถูกต้องผมก็ไม่ชอบ อยู่ประเทศไทยทำร้ายประเทศผมก็ไม่เอา " นายเฉลิมชัย กล่าว

อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางและ “น้องเทนนิส” ส่งกำลังใจผ่านโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19”

“โครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” โดยโลตัส (lotus’s) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรกว่า 100 องค์กร อาทิ สำนักข่าวบางกอกทูเดย์ นำอาหารกล่องมอบให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เขตจตุจักร เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานช่วงโควิด ตลอดจนชุมชนต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ประกอบด้วย ชุมชนร่มเย็น คลองสามวา, ชุมชนเลิศอุบล พระยาสุเรนทร์ 44, ชุมชนศาลเจ้ากวนอูหลอแหล ,  ชุมชนเสรีไทย 73 (สน.บึงกุ่ม),  ชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ,  ชุมชนเคซีสุขาภิบาล 5 และแคมป์คนงานเคซี และ  ชุมชนพรรณี วิภาวดีรังสิต ซอย 17 โดยมี ดร.ปัณฑิพาณ์  ธาราภิบาล และทีมงาน เป็นผู้แทนเดินทางไปส่งมอบอาหารกล่อง 

ในโอกาสนี้ นางอโนชา ชีวิตโสภณ  อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้กล่าวขอบคุณโครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19 ที่เป็นพลังสำคัญต่อการมีส่วนร่วมช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้ผู้คนในสังคมผ่านพ้นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นน้ำใจของคนไทยไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือรุนแรงครั้งใด น้ำใจของคนไทยช่วยเหลือคนไทยด้วยกันไม่เคยเหือดแห้งและขอส่งกำลังใจให้กับทุก ๆ คน ทุก ๆ ฝ่ายในการฝ่าฟันวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ 

“ในฐานะที่ทำงานด้านดูแลเด็กและเยาวชน ขอแสดงความห่วงใยกับอนาคตของชาติทุกคน ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น การรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากผู้อื่น แม้ว่าผู้นั้นจะไม่ได้ป่วยก็ตาม การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่ปิดหรือเว้นระยะห่างไม่ได้ หลีกเลี่ยงพื้นที่ปิด ใช้สบู่ และน้ำหรือเจลล้างมือที่มีส่วนผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์ เมื่อรู้สึกไม่สบายรีบแจ้งผู้ใหญ่และปรึกษาแพทย์ก่อนอาการรุนแรง อย่างไรก็ตามขอให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ  เพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่ะ”

น้องเทนนิส-เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 และ Brand Endorser ของโลตัส กล่าวว่า ในขณะนี้นี้สถานการณ์โควิด-19 ยังคงรุนแรงอยู่ มีผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ต้องทำการกักตัวอยู่ที่บ้านเพิ่มขึ้นทุกวัน อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองและคนรอบข้าง นอกจากสุขภาพกายที่ต้องดูแลแล้ว สุขภาพของจิตใจ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ต้องดูแล ในฐานะที่ตนเองเป็นนักกีฬาเข้าใจว่าสุขภาพใจนั้นสำคัญไม่ต่างจากสุขภาพกาย เทนนิสคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือ การให้กำลังใจกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ หมอและพยาบาล มูลนิธิและจิตอาสา หรือผู้ป่วยและคนที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน เทนนิสคิดว่าทุกคนต้องการกำลังใจในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายนี้ จึงอยากขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับคนไทยทุกคน เพื่อที่เราจะผ่านวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ

สำหรับ “โครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” เป็นความร่วมมือระหว่าง โลตัส (lotus’s) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรกว่า 100 องค์กร โดยมีเป้าหมายมอบอาหารกล่อง 2,000,000 กล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้าน โดยอาหาร 1,000,000 กล่องมาจากการสนับสนุนร้านอาหารรายย่อยในการผลิตและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ส่วนอาหารอีก 1,000,000 กล่องได้รับการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์

สตม. มอบอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม 500 ชุด ให้แก่ชุมชนย่าน ถ.เอกชัย ตามโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้

วันนี้ (3 ก.ย.64) เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ท.พรชัย ขันตี ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. ปฏิบัติราชการ สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 ร่วมกับ พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ร่วมกับ สน.บางขุนเทียน โดย พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน และ คุณประสิทธิ์ เจริญจิตมั่น ประธาน กต.ตร.สน.บางขุนเทียน มอบอาหารกล่อง,น้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด

โดยทั้งหมดได้ร่วมกันมอบสิ่งของดังกล่าวให้แก่ ชุมชนวัดมะเกลือ, ชุมชนหนทางใหม่ปิ่นทอง 35 หมู่ 3, ชุมชนกำนันแม้น13, ชุมชนสวนผัก ที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ.เอกชัย เขตจอมทอง กทม. โดยมีคุณสมาน อารีย์ศีลพิทักษ์ ตัวแทนชุมชนมาเป็นผู้รับมอบ ซึ่งจะนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ท.พรชัยฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจนครบาล9 และ สน.บางขุนเทียน ร่วมกันให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เน้นย้ำให้ประชาชนตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์นี้และปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้กำลังใจเพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

'ภูเก็ต' ยอดติดเชื้อพุ่งวันละกว่า 200 คน เร่งสกัดเชื้อก่อนกระทบแซนด์บ็อกซ์

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในภูเก็ตยังน่าเป็นห่วง จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ล่าสุด วันเดียว 235 ราย จากคลัสเตอร์ใหญ่ในกลุ่มชาวไทยใหม่ เร่งสกัดเชื้อ ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ก่อนกระทบแซนด์บ็อกซ์

สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ภูเก็ต ยังอยู่ในขาขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวันวันละ 200 กว่าคน ตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รายงานสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มอีก 235 ราย ทั้งหมดเป็นการติดเชื้อในพื้นที่ภูเก็ต

แม้ว่าขณะนี้สำนักงานสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสกัดการแพร่เชื้อ ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง พื้นที่เสี่ยง ชุมชนแออัด และตามรอยผู้ที่ติดเชื้อ แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น การติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ ละ 200 กว่าคน ทั้งนี้เนื่องจากการติดเชื้อที่เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่เริ่มจากกลุ่มแรงงานต่างด้าวได้แพร่กระจายสู่ชุมชน โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยใหม่ ทั้งแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ หาดราไวย์ บ้านสะปำ และไม้ขาว ตรวจพบเชื้อเป็นจำนวนมากในแต่ละชุมชน และขณะนี้เชื้อได้กระจายไปทุกพื้นที่ของภูเก็ตแล้ว

รวมไปถึงจังหวัดภูเก็ตได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อสกัดเชื้อ ทั้งมาตรการทางสาธารณสุขและมาตรการทางสังคม แต่ยังไม่สามารถหยุดเชื้อโควิด-19 ลงได้ในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องเร่งสกัดเชื้อต่อไปเพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มอยู่แบบนี้ อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรืออาจจะต้องมีการปรับลดกิจกรรมในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top