Sunday, 15 September 2024
NEWS FEED

สหรัฐฯ ยึกยัก!! ไม่ปล่อยเงินสำรองคืนให้อัฟกานิสถาน ตราบใดที่รัฐบาลยังเป็นกลุ่มตอลิบาน

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงยืนกรานที่จะยึดเงินสำรองต่างประเทศมูลค่า 7 พันล้านเหรียญของอัฟกานิสถาน ที่ฝากไว้ในธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงหยุดการเจรจากับรัฐบาลตอลิบานเกี่ยวกับการขอคืนเงินสำรองด้วย หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ส่งโดรนพิฆาตลอบสังหารปลิดชีพ อัยมัน อัซเซาะวาฮิรี ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ถึงกลางกรุงคาบูล ในอัฟกานิสถาน

แต่ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยินดีที่จะมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ชาวอัฟกานิสถานอีก 150 ล้านเหรียญผ่านกองทุน USAID (หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ) ซึ่งจากข้อมูลของ USAID แถลงว่า สหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่ให้เงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่อัฟกานิสถานมากที่สุด โดยรายงานตัวเลขที่ 782 ล้านเหรียญ นับตั้งแต่ตุลาคม 2020 เป็นต้นมา แต่ก็จะไม่ยอมคุยเรื่องการคืนเงินสำรองต่างประเทศ 7 พันล้านเหรียญให้แก่อัฟกานิสถานตามที่รัฐบาลตอลิบานร้องขอต่อไป 

เมื่อถามถึงเหตุผล ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้อ้างว่ามีคนในของรัฐบาลตอลิบานให้ที่พักพิงแก่ อัยมัน อัซเซาะวาฮิรี ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ที่ทางสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้าย และต้องการตัว เพราะเชื่อว่า อัยมัน คือ ผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนก่อวินาศกรรม 11 กันยาฯ ที่ตึกเวิล์ดเทรด เซ็นเตอร์ ในปี 2001 เท่ากับว่ารัฐบาลตอลิบาน ยังให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ทางสหรัฐฯ จึงไม่อาจปล่อยเงินสำรองต่างประเทศของอัฟกานิสถานคืนให้ได้

'หนุ่ม' โดนขู่ หลังเปิดปมทหารหญิงรับใช้ ถูกสาวอ้างเป็นเมีย ส.ว.ดังทำร้าย

(18 ส.ค. 65) จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า...เวลา 15.00 น. ผมจะพา ทหารหญิงรับใช้ ถูกเมีย ส.ว.ดัง ซึ่งเป็นเจ้านายทำร้ายทารุณ เข้าแจ้งความพร้อมกับสอบปากคำที่ สภ.เมืองราชบุรี 

ล่าสุด กัน จอมพลัง พาทหารหญิงคนดังกล่าว มาพูดคุยกันในรายการโหนกระแส เล่าเหตุการณ์ถูกทำร้ายทรมาน โดยเธอเล่าว่า รู้จักกับผู้หญิงรายนี้มาก่อน เพราะตัวเองไปเป็นลูกจ้างร้านกาแฟของเขา เขาอ้างว่าตัวเองเป็นตำรวจยศ ส.ต.อ. เป็นภรรยาของ ส.ว. อ้างว่าสามารถฝากให้ตนเข้ารับราชการทหารได้ แต่ต้องสัญญาว่าจะอยู่ดูแลรับใช้เขาไปตลอด ซึ่งเขาก็ฝากให้เข้ารับราชการทหารได้จริง ๆ โดยอ้างว่าจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากในการฝากเข้า

หลังตนฝึกเป็นทหารแล้ว ปัจจุบันยศสิบโท เขาก็ทำเรื่องย้ายตนมารับใช้ที่บ้าน อยู่ปีแรก ๆ ก็ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่อยู่ไปสักพัก เขาเริ่มใช้ความรุนแรง ผู้หญิงรายนี้ยึดเอาเงินเดือนทหารไปทั้งหมด บางเดือนไม่พอก็ต้องขอเงินครอบครัวมาให้  เวลาตนทำอะไรผิด พูดจาไม่มีหางเสียง เขาจะลงโทษสารพัด ตบตี ปรับเงิน 

ที่เคยโดนทำร้ายหนัก ๆ เคยถูกเอาเครื่องหนีบผมไฟฟ้าร้อน ๆ มาหนีบจนมือไหม้ แผลเหวอะ เคยถูกเอาเครื่องช็อตไฟฟ้า มาช็อตตามร่างกาย ตามในร่มผ้า ช็อตศีรษะ ช็อตปาก เขาอ้างว่าตนชอบโกหก ชอบแถ เขายังเคยเอาสเปรย์แอลกอฮอล์มาฉีดผมตน แล้วเอาไฟจุด

ตนทนอยู่แบบนี้มาเกือบ 2 ปี ช่วงหลัง ๆ โดนแทบทุกวัน เจ็บปวดทนไม่ไหวจนคิดจะจบชีวิตตัวเอง ไม่อยากให้คนที่บ้านต้องเดือดร้อน แต่คนที่บ้านเห็นความผิดสังเกต เพราะตนทักไปบอกรักเหมือนร่ำลา แม่จึงมาหาที่บ้านโดยไม่บอกก่อน จึงเห็นสภาพของตนถูกทรมานสารพัด แล้วให้ตำรวจช่วยตนออกมาจากบ้าน

โลกใบที่สอง ค้นพบวิธีผลิตออกซิเจนจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อาจเปลี่ยนดาวอังคารให้เป็นที่อยู่อาศัยได้

ทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีผลิตก๊าซออกซิเจนจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ งานวิจัยนี้อาจเปลี่ยนดาวอังคารให้เป็นสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตจากโลกสามารถอาศัยอยู่ได้ และอาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากมหาวิทยาลัยลิสบอน (University of Lisbon), สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology), มหาวิทยาลัยซอร์บอน (Sorbonne University), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเวน (Eindhoven University of Technology) และสถาบันดัตช์เพื่อการวิจัยพลังงานขั้นพื้นฐาน (Dutch Institute for Fundamental Energy Research) ได้ตีพิมพ์งานวิจัยชื่อ “พลาสมาสำหรับการใช้ทรัพยากรในแหล่งกำเนิดบนดาวอังคาร” ลงบนวารสารเอไอพี พับลิชชิ่ง (AIP Publishing) ซึ่งเป็นวารสารสำหรับงานวิจัยด้านฟิสิกส์

รายงานวิจัยนำเสนอวิธีผลิตก๊าซออกซิเจนจากชั้นบรรยากาศของดาวอังคารด้วยพลาสมา ซึ่งพลาสมาในทางฟิสิกส์นั้นหมายถึงเป็นสภาวะธรรมชาติลำดับที่สี่ของสสาร และประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุอิสระ เช่น อิเล็กตรอนและไอออน โดยนักวิจัยได้ใช้เครื่องให้กำเนิดพลาสมาในการทดลอง เพื่อไปกระทำกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อแยกออกซิเจนออกจากคาร์บอน จึงทำให้ได้ C และ O2 ซึ่ง O2 ก็คือก๊าซออกซิเจน

Thai Smile Bus รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% มอบสิทธิพิเศษ ลดค่าโดยสารให้ "คนพิการ" และ "บุคคลพิเศษ"

"นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท "ไทย สมายล์ บัส จำกัด" หรือ TSB เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า พร้อมแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสมัยใหม่ ภายใต้สโลแกน ”เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” โดยลงทุนในระยะแรกกว่า 2 พันล้านบาท ในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ และจัดซื้อรถบัสโดยสารไฟฟ้าพลังงานบริสุทธิ์ 100% ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ของบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) มาให้บริการประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากถึง 2.72 ล้านคน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ติดตั้งแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของประชาชน โดยเฉพาะสังคมไร้เงินสด เพราะสามารถชำระค่าโดยสารบนรถด้วยบัตรเครดิต และบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของไทยสมายล์บัส หรือสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายค่าโดยสารได้ ช่วยลดการสัมผัส อีกทั้งภายในรถโดยสารทุกคันยังติดตั้งอุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษ เพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคมไทยให้น่าอยู่ "ไทย สมายล์ บัส" ให้ความสำคัญแก่ "คนพิการ" และ "คนพิเศษ "
พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางทุกวันด้วยรอยยิ้ม😊

✅ลดหย่อนค่าโดยสาร ครึ่งราคา เพียงแสดงบัตรประจำตัวคนพิการ (ในกรณีพิการโดยประจักษ์ พนักงานจะไม่เรียกแสดงบัตร)

✅ที่นั่งพิเศษสำหรับคนพิการ และคนพิเศษ

✅แผ่นพับทางลาด ขึ้น - ลง รถโดยสารไฟฟ้า สำหรับวีลแชร์

✅เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก ขึ้น - ลง รถโดยสารไฟฟ้า เพื่อให้เดินทางต่อไปได้อย่างสะดวก

'ไฟไหม้' ภัยใกล้ตัวที่ป้องกันได้

“โจรปล้น 10 ครั้งไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว” คำกล่าวที่ดูแสนคร่ำครึ และถูกนำมาพูดเปรียบเปรยเตือนสติกันมาอย่างยาวนานยังคงความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่าเทคโนโลยีในการป้องกันอัคคีภัย ความปลอดภัยจะก้าวไปไกลขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะความละเลย ความประมาทของมนุษย์ได้ 

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะผู้คนส่วนใหญ่มักคิดว่า “อัคคีภัย” เป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นภัยใกล้ตัวที่มักเกิดขึ้นเสมอ และบ่อยครั้งก็สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างร้ายแรง

ในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ อาคาร 6 ชั้น สีลมซอย 2, ชุมชนบ่อนไก่, ตึกแถวย่านบางบอน, ตึกแถวสี่คูหาย่านสำเพ็ง, ที่เก็บแบตเตอรี่สำหรับรถกอล์ฟ สมุทรปราการ, ผับชลบุรี, ตึก EnCo อาคาร A ล่าสุด สถาบันจัสแมกไทย ถนนสาธร บางเคสมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย 

เหตุการณ์ไม่คาดคิดเหล่านี้อาจไม่สามารถควบคุมได้ แต่หากมีมาตรการป้องกันที่ดี และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ก็จะช่วยบรรเทา ทุเลาความเสียหายในการเกิดเหตุ ประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ควรมีความรู้ และตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกใช้อุปกรณ์และระบบดับเพลิงที่ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยป้องกันและลดการสูญเสียต่อทรัพย์สินและอันตรายต่อชีวิต 

ข้อมูลจาก บริษัท ไฟร์เทรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)  หรือ FTE ผู้ออกแบบระบบดับเพลิง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดับเพลิงครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ระบุว่า การสร้างความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ ที่อยู่อาศัย สถานประกอบการทุกขนาด ทั้งนี้ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 
1. อุปกรณ์และระบบเตือนภัย อาทิ อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ ตรวจจับความร้อน แจ้งเหตุเพลิงไหม้
2. อุปกรณ์และระบบดับเพลิง อาทิ เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ ระบบดับเพลิงด้วยน้ำ, โฟม, สารสะอาด, ก๊าซ เป็นต้น

ม.แม่โจ้ เปิด ห้องปฏิบัติการวิจัยอาหารแห่งอนาคต Future Food Lab (FFL)สนับสนุนผู้ประกอบการ นักศึกษา ต่อยอดเชิงพาณิชน์กลุ่มธุรกิจอาหาร

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม  2565 ผศ. ดร.ณัฐวุฒิ  ดุษฎี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธีเปิด “ห้องปฏิบัติการวิจัยอาหารแห่งอนาคต Future Food Lab (FFL)” เมืองนวัตกรรมอาหารส่วนขยาย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมี อาจารย์ ดร.พนมพร เฉลิมวรรณ์  รก.ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวรายงาน ณ อาคารพัฒนาวิสัยทัศน์ ชั้น 1 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ ดุษฎี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้กล่าวว่า มหาวิทยาลัยได้จัดงานพิธีเปิด “ห้องปฏิบัติการวิจัยอาหารแห่งอนาคต Future Food Lab (FFL)” เมืองนวัตกรรมอาหารส่วนขยาย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (Food Innopolis@MAEJO) ภายใต้ธีมงาน “You are what you eat: better food better life (กินอาหารอย่างไรให้สุขภาพดี)”ในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของผู้ประกอบการธุรกิจ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ต้องการเช่าใช้พื้นเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระยะสั้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต อย่างมีเสถียรภาพ ยั่งยืน และกระจายรายได้สู่สังคมต่อไป

อย่างไรก็ตามเมื่อทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ผลสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วหากปราศจากการนำไปใช้ประโยชน์ ก็คงจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่พวกเราคาดหวังไว้ การจัดงานในวันนี้ จะเป็นเวทีแห่งนี้สร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงกันระหว่างภาครัฐ  ภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพื่อแสดงว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้มีทรัพยากรที่พร้อมและสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการ และนักศึกษาได้เข้าถึงข้อมูลและมีโอกาสนำความรู้ ในมหาวิทยาลัยไปพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง  

อาจารย์ ดร.พนมพร  เฉลิมวรรณ์ รักษาการรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า

“ห้องปฏิบัติการวิจัยอาหารแห่งอนาคต Future Food Lab (FFL)” เมืองนวัตกรรมอาหารส่วนขยาย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ “You are what you eat: better food better (กินอย่างไรให้สุขภาพดี) อยู่ภายใต้โครงการเมืองนวัตกรรมอาหารส่วนขยาย  Food Innopolis@MAEJO  แผนงาน Future Food Lab  ที่อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  ได้ดำเนินการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และนักศึกษาที่ต้องการใช้พื้นที่เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ตลอดจนศึกษารวบรวมส่วนผสมที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารอินทรีย์ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มช่องทางการตลาดในการจำหน่ายสินค้า สร้างโอกาสการเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต อย่างมีเสถียรภาพ ยั่งยืน และกระจายรายได้สู่สังคมต่อไป

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วม กฟผ.จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล เกาะขาม

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานสถานีไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน และโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ และความสมดุลของระบบนิเวศน์ให้เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเลบริเวณอุทยานใต้ทะเลเกาะขาม รวมทั้งสร้างจิตสำนึกและทัศนคติที่ดีในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ร่วมกิจกรรมฯ และเยาวชนในพื้นที่ ที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 100 คน และมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่

ทัพเรือภาคที่ 1 โดย พลเรือตรี ขวัญชัย  อินกว่าง รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นผู้แทนรับมอบเงิน จำนวน 100,000 บาท จากนายพิธาน บุญเที่ยง ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานสถานีไฟฟ้า ผู้แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สนับสนุนให้แก่อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม บรรยายให้ความรู้แก่ผู้ร่วมกิจกรรมฯ เกี่ยวกับการอนุรักษ์และประโยชน์ของปะการัง และหญ้าทะเล รวมถึงให้คำแนะนำการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยไม่ทำลายระบบนิเวศน์ใต้ทะเล ร่วมปล่อยพันธุ์เต่าทะเล จำนวน 12 ตัว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นประธานเปิดอบรม โครงการ Smart Safety Zone 4.0 อบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มีความเชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยี

หลังจากเมื่อวันที่ ๖ ส.ค.๖๕ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการจัดงานประกาศความสำเร็จและพิธีมอบรางวัลสถานีชนะเลิศ ตามโครงการ Smart Safety Zone 4.0 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ณ ลานหน้า สน.ลุมพินี โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีและมอบรางวัลดังกล่าว เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงผลการดำเนินการของโครงการ Smart Safety Zone 4.0 รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการดูแลความเรียบร้อยของสังคม ตามที่ทราบแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (๑๘ ส.ค.๖๕) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 ตามโครงการวิจัยเรื่อง สมาร์ท เซฟตี้ โซน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (Smart Safety Zone for the Safety of People's Lives and Properties) รุ่นที่ 1 ซึ่งจะจัดอบรมระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ ส.ค.๖๕ ณ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี โดยการจัดการฝึกอบรมครั้งนี้ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจนำร่องระยะที่ ๑

ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้แก่ สน.ห้วยขวาง, สน.ลุมพินี และ สน.ภาษีเจริญ รวมทั้งสิ้น ๑๐๕ นาย มาทำการฝึกอบรมทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมของการนำเอาเทคโนโลยีและงานวิจัยต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม รวมทั้งฝึกฝนความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ที่นำเข้ามาติดตั้งภายในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจ เพื่อพัฒนาระบบการทำงานตามแนวคิด Cyber Village

โดยระบบที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น ระบบบริหารจัดการกล้องโทรทัศน์วงจรปิด, ระบบการตรวจจับวัตถุต้องสงสัย, ระบบตรวจจับใบหน้าและทะเบียนรถ, ระบบการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ (S.O.S.), ระบบกระจายเสียงแบบเฉพาะจุดและพื้นที่ (Public Announcement) และ แพลตฟอร์มบริหารจัดการ Application แบบ One stop service เป็นต้น
 

‘นิพนธ์’ รุดติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยา กำชับจัดการแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วมฤดูฝน - มีน้ำใช้ฤดูแล้ง

‘นิพนธ์’ รุดติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยา กำชับ การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-มีน้ำใช้ฤดูแล้ง พร้อม มอบถุงยังชีพ ให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอบางบาล จ.อยุธยา

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 12  อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ จังหวัดชัยนาท ปี 2565 โดยมี นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท หัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอ ร่วมให้การต้อนรับ

โดยนายนิพนธ์  ได้มอบนโยบายสำคัญหลังการรับทราบสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำจังหวัดชัยนาท ปี 2565  ดังนี้ 1. ขอให้มีการบริหารจัดการน้ำให้เหลือน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง  2. การบริหารจัดการกรณีน้ำท่วมให้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชนเป็นสำคัญ 3. ให้มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมกำลังพล เครื่องจักร และดูแลผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง 4. กรณีเกิดสาธารณภัยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจและรายงานให้จังหวัดทราบ เพื่อดำเนินการของบกลางจากรัฐบาล 5. การเยียวยาช่วยเหลือต้องทำอย่างรวดเร็ว อย่าให้ล่าช้า โดยให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายให้ถูกต้อง ซึ่งมีงบประมาณรองรับอยู่แล้ว และ 6. ประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น รมช.มหาดไทย ได้ตรวจสถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยา โดยให้บริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝนที่ตกทางตอนบนอย่างเต็มศักยภาพ และหากมีแนวโน้มปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้นอีก จะมีการแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานราชการเพื่อให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

รอง ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบเหตุรถขนแรงงานพม่า 32 คน พลิกคว่ำ พบอาจเกี่ยวโยงกับกระบวนการขนแรงงานข้ามชาติ

วันนี้ (18 ส.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เปิดเผยกรณีเหตุรถบรรทุกกระบะขนแรงงานเมียนมาร์ 32 คน พลิกคว่ำที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย เหตุเกิดบริเวรถนนเอเชีย 41 ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 ช่วงสาย ที่ผ่านมา 

ความคืบหน้าล่าสุดได้สั่งการให้ ผบช.ภ.8, ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และ ผบช.สตม. ลงไปตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ารถบรรทุกดังกล่าวได้ขนแรงงานชาวเมียนมาร์มาทั้งหมด 32 คน เป็นชาย 28 คน หญิง 4 คน มีนายนิวัฒน์ วัฒวรรร์ อายุ 29 ปี นั่งมาหน้ารถ กับคนไทยอีก 2 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี

สอบถามจาก นายนิวัฒน์ ฯ​ ยังให้การปฏิเสธ อ้างว่าตนแค่นั่งมาเป็นเพื่อนกับคนไทยอีก 2 คน ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกับการขนแรงงานต่างด้าว และรถกระบะคันเกิดเหตุได้เช่ามาจากพรรคพวก ที่ จ.ราชบุรี แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากสอบถามแรงงานงานต่างด้าวที่นั่งมาท้ายรถ ยืนยันว่า นายนิวัฒน์ ฯ ทำหน้าที่ในการติดต่อประสานงานกับคนต่างด้าวทั้งหมดที่อยู่หลังรถ 

สำหรับชาวเมียนมาร์ ทั้งหมดให้การตรงกันว่า พวกตนติดต่อผ่านนายหน้าชาวเมียนมาร์ ให้ช่วยพาข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยตกลงกันว่าจะมีรถมารับช่วงต่อเพื่อส่งไปทำงานยังประเทศมาเลเซีย โดยต้องจ่ายให้กับนายหน้าคนละ 15,000 บาท และเมื่อไปถึงปลายทางต้องจ่ายอีก 15,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท แต่มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน

จากการตรวจสอบคนต่างด้าวทั้ง 32 คน อยู่ในช่วงอายุประมาณ 20-32 ปี ไม่มีหนังสือเดินทาง (passport) แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากจะต้องทำการสอบสวนก่อนว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือไม่ โดยวันนี้ได้มีการเชิญสหวิชาชีพ อัยการจังหวัดทุ่งสง นายอำเภอจุฬาภรณ์ พม.จังหวัดนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  มาร่วมในการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่ สภ.จุฬาภรณ์ เพื่อจะได้สืบสวนขยายผลในทางลึกถึงผู้ร่วมกระบวนการต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top