Friday, 26 April 2024
NEWS FEED

ครม. เคาะ คนละครึ่ง เฟส 4 ได้คนละ 1,200 บาท เริ่มใช้ 1 ก.พ. 65

ที่ประชุม ครม. อนุมัติโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จ่ายคนละ 1,200 บาท เริ่มใช้ 1 ก.พ.-30 เม.ย.

วันที่ 24 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) บนตึกไทยคู่ฟ้า

หนึ่งในวาระที่น่าจับตาคือ การรายงานการใช้เงินกู้ โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ที่มีเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน ลำดับ 3 ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2565 (คกง.)

‘อัษฎางค์’ แนะ!! ดัน ‘กม.-จริยธรรมสังคมไทย’ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่จับต้องได้เสียที

นักวิชาการอิสระ ยกออสเตรเลียเข้มงวดกฎหมายและจริยธรรมทางสังคม ช่วยให้อุบัติเหตุทางถนนน้อย แนะไทยถึงเวลาต้องปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายและจริยธรรมทางสังคมตั้งแต่บัดนี้

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ทางม้าลายและรถพยาบาลฉุกเฉิน” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของออสเตรเลีย ระบุว่า เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ธรรมชาติและพิสูจน์หาความจริงไม่ได้ แต่คนไทยให้ความเคารพเชื่อถือและไม่กล้าแตะต้องหรือกระทำผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ในขณะที่ออสเตรเลียและประเทศตะวันตกหรือประเทศชั้นนำของโลกมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่จับต้องได้ นั้นคือ กฎหมายและจริยธรรมทางสังคม

กฎหมายคือข้อบังคับ และจริยธรรมทางสังคมคือข้อควรปฏิบัติ เป็น 2 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวตะวันตกและประเทศที่พัฒนาแล้ว ทางม้าลายและรถพยาบาลฉุกเฉิน คือตัวอย่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเพราะเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในเรื่องของกฎหมายและจริยธรรมทางสังคมในประเทศที่พัฒนาแล้ว

“ผมอยู่ออสเตรเลียมา 20 ปี ภาพที่เห็นแล้วประหลาดใจและประทับใจนับตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาอยู่จนถึงปัจจุบัน คือรถ ทุกคนพร้อมใจกันหยุดรถทันทีเมื่อมีคนย่างเท้าลงบนทางม้าลาย และรถทุกคันพร้อมใจกันชิดซ้ายทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลฉุกเฉิน ในออสเตรเลีย อาจแทบจะพูดได้ว่า คุณสามารถเดินหลับตาหรือก้มหน้าดูมือถือในขณะที่เดินข้ามถนนบนทางม้าลายได้เลย เพราะรถที่วิ่งมาจะหยุดแบบทันทีทันใดเมื่อมีคนก้าวเท้าลงบนทางม้าลาย ผมไม่ได้บอกว่า ไม่เคยมีข่าวรถชนคนบนทางม้าลาย หรือข่าวรถชนกับรถพยาบาลฉุกเฉินเลย แต่ตลอด 20 ปีผมได้ยินข่าวนั้นเพียง 1 หรือ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งนั้นคืออุบัติเหตุจริงๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการขับรถเร็ว เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ”

ในออสเตรเลีย ถ้าเป็นถนนเล็กหรือเป็นถนนที่การจราจรไม่คับคั่ง จะมีทางม้าลายให้คนใช้ข้ามถนน ซึ่งประชาชนทุกคน ถูกปลูกฝังให้จอดรถทันทีเมื่อมีคนย่างเท้าลงบนทางม้าลาย ถ้าเป็นถนนใหญ่หรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ จะมีไฟสัญญาณเขียว-แดงสำหรับบังคับรถให้จอดเวลามีคนข้ามถนน รถที่วิ่งในเมืองจะใช้ความเร็วได้เพียง 50 กม./ชม. ส่วนในเขตที่เป็นชุมชนหนาแน่น เช่น กลางใจเมืองหรือหน้าโรงเรียนในเวลานักเรียนมาโรงเรียนหรือเลิกเรียน จะวิ่งรถได้เพียง 40 กม./ชม. เท่านั้น ซึ่งเรื่องความเร็วรถนี้คือ ปัจจัยสำคัญสำหรับการป้องกันอุบัติเหตุรถในซิดนีย์วิ่งได้เพียง 40-50 กม./ชม. แต่รถกลับไม่ติดวินาศสันตะโรเหมือนในกรุงเทพ และไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงอย่างสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา เพราะอะไร

ผลวิจัย “บุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงเซ็กส์เสื่อม” ไม่ถูกต้อง เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าโวย ให้ข้อมูลผิด อันตรายยิ่งกว่า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ECST เผยแพทย์ออสซี่ โต้ข้อสรุปว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงเซ็กส์เสื่อมไม่ถูกต้อง ชี้การวิจัยไม่ได้แบ่งกลุ่มผู้ทำการศึกษาว่าเป็นผู้สูบบุหรี่มาก่อนหรือไม่ วอนกลุ่มต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าเลิกให้ข้อมูลที่ผิดๆ กับสังคมหรืออ้างงานวิจัยแค่ฉบับเดียวมาทำข่าว เพราะจะทำให้คนใช้บุหรี่ไฟฟ้าหันกลับไปสูบบุหรี่อีก ซึ่งอันตรายกว่าเดิม แนะนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าไทยควรขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ถูกต้องดีกว่าการสร้างความหวาดกลัว

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ลาขาดควันยาสูบ” หรือ ECST และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน กล่าวว่า “ผลวิจัยที่สรุปว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศไม่ถูกต้อง ซึ่ง ดร.คอลิน เมนเดลซอห์น แพทย์ชาวออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้ป่วยติดบุหรี่ ชี้แจงว่าความจริงแล้วอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ เนื่องจากผู้ที่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่มาก่อน แต่งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้มีการแยกกลุ่มตัวอย่างเป็นคนที่สูบบุหรี่อย่างเดียว คนที่เลิกสูบบุหรี่แล้วเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า และคนที่ใช้แต่บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้การสรุปผลมีความคลาดเคลื่อนได้”

ดร. เมนเดลซอห์น ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างแผนควบคุมบุหรี่แห่งชาติของออสเตรเลีย ยังเสริมว่าการศึกษานี้สอบถามผู้ชายจำนวน 13,700 คนซึ่งมีเพียง 4.8% เท่านั้นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่การศึกษานี้มีข้อที่กังขาหลายประการ อันดับแรก รูปแบบการศึกษาที่เป็น cross sectional study ที่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง ไม่ได้เป็นการทำการทดลองเพื่อหาความสัมพันธ์กัน อีกทั้งไม่มีการเปรียบเทียบอัตราการเกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) ในกลุ่มผู้ใข้บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่เคยสูบบุหรี่ กับผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เคยสูบบุหรี่มาก่อน เพื่อดูว่าแนวโน้มการเกิดอาการ ED ที่มากขึ้น นั้นที่แท้แล้วมาจากการสูบบุหรี่หรือเปล่า และอีกประการคือการศึกษายังพบว่าอัตราการเกิด ED ในผู้ชายที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่มีสัดส่วนที่พอกัน ซึ่งน่าแปลกใจ เพราะเป็นทราบกันดีอยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

‘เอ้ สุชัชวีร์’ เสนอ 3 ทางออก แก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเสนอ 3 แนวทางในการแก้ปัญหาโศกนาฏกรรมบนท้องถนน หลังเกิดเหตุเศร้า ส.ต.ต.ขี่บิ๊กไบค์ชนแพทย์หญิงเสียชีวิต

จากกรณีข่าวสุดสลด เมื่อ ส.ต.ต.ควบจักรยานยนต์ big bike ducati สีแดง ชนขณะที่ พญ.วราลัคน์เดินข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย หน้าสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท เป็นเหตุให้ พญ.วราลัคน์เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ตำรวจนครบาลเผยแจ้ง 5 ข้อหา "ส.ต.ต." ขี่บิ๊กไบค์ชนแพทย์หญิงเสียชีวิต "ขับรถโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย" และข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในข้อหา นำรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทาง, ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย และไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง (ไม่หยุดรถให้คนข้าม) และพ.ร.บ.รถยนต์ฯ ข้อหา ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (23 ม.ค.) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเพจ "เอ้ สุชัชวีร์" เสนอทางแก้ปัญหาเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยได้ระบุข้อความว่า

"แค่เสียใจ คงไม่พอ สามทางแก้ ผมขอเสนอ โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญบนถนนใจกลาง กทม. เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ชนคุณหมอเสียชีวิตขณะข้ามทางม้าลาย”

ผม เอ้ สุชัชวีร์ ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุด ต่อครอบครัวคุณหมอกระต่าย และเพื่อนร่วมงานทุกท่าน แต่แค่เสียใจ คงไม่พอ เมื่อผมอาสามารับใช้ กทม. ก็ต้องมาพร้อมการแก้ปัญหา ไม่ให้ความสูญเสียเกิดขึ้นอีก ในฐานะวิศวกร อดีตนายกวิศวกรรมสถานฯ และอดีตนายกสภาวิศวกร ผมขอเสนอ (อีกครั้ง) ว่า ในประเทศที่อุบัติเหตุบนถนนน้อยมาก เขาทำอย่างไร ทำไมเราต้องเปลี่ยนถนน กทม. ให้ปลอดภัย

1.) "ต้องไม่ยอมให้ผ่านไปเหมือนไฟไหม้ฟาง มีหน่วยงานหาความจริง"

เมื่อมีอุบัติเหตุบนถนน เขาจะตั้งกรรมการผู้เชี่ยวชาญเพื่อถอดบทเรียนจริงจัง ไม่รอข่าวเงียบ เพื่อหาต้นตอปัญหา ไม่ใช่แค่รู้ว่าใครชน คนนั้นรับผิดชอบ เพราะมันอาจเกิดจากปัจจัยอื่นด้วย ดังนี้ "เกิดจากถนน และสิ่งแวดล้อม" หรือ "เกิดจากยานพาหนะ" หรือ "เกิดจากคน ผู้ขับขี่" หรือทุกปัจจัย เพื่อนำไป "แก้ไขที่ต้นเหตุ!!!" ลดความเสี่ยง หยุดการสูญเสียในอนาคต

กทม. จะต้องมีหน่วยงานกลางเพื่อไต่สวนหาสาเหตุที่แท้จริง ถอดบทเรียนเพื่อนำมาดำเนินลดความเสี่ยง หน่วยงานนี้ต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านถนนและวิศวกรรมจราจร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญอิสระภายนอก ดำเนินการเก็บข้อมูลหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถวิเคราะห์สาเหตุได้ถูกต้อง แล้วเสนอทางแก้ไข ทั้งด้วยการเปลี่ยนกายภาพถนน ใช้เทคโนโลยี และใช้กฎหมายเข้มข้น กทม. มีสำนักจราจร มีสำนักโยธา มีสำนักการแพทย์ มีคณะวิศวะ คณะแพทย์ มีคนเก่ง พร้อมครับ ต้องทำ #เราทำได้

โฆษก ทร. เผย กองทัพเรือ จัดเรือหลวงสงขลา เรือหลวงแสมสาร เรือหลวงมันนอก พร้อมสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน กรณีเรือ อับปางกลางอ่าวไทย

พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์   เรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ชื่อ ป. อันดามัน 2 ซึ่งจอดทอดสมอและอับปางลง บริเวณ แลต.10 องศา 35.06 ลิปดา น. ลอง.99 องศา 38.35 ลิปดา อ. (ระยะห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ 24 ไมล์ทะเล) เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา โดยภายในเรือ มีน้ำมันอยู่ประมาณ 5 แสน ลิตร ซึ่งในวันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือได้ประชุมร่วมกับกรมเจ้าท่า ทัพเรือภาคที่ 1 กรมอุทกศาสตร์ กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าของบริษัทเรือได้ข้อสรุปจากการประชุมว่า  จากการประเมินคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากการตรวจสอบพบว่ามีความรุนแรงระดับ 1 น้ำมันรั่วไหลมีขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ตัน ซึ่งกรมเจ้าท่าจะเป็นหน่วยควบคุมและกำกับการปฏิบัติในภาพรวม ทั้งนี้ หากกรณีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มมากขึ้น เป็นขนาดกลาง ตั้งแต่ 20-1,000 ตัน ซึ่งเข้าสู่ความรุนแรงระดับ 2 (Tier 2) จะประสานให้กองทัพเรือจัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการ รับผิดชอบกำหนดแผนและยุทธวิธีในการขจัดคราบน้ำมัน  

สำหรับในส่วนของกรมเจ้าท่า  ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.เดินเรือ มาตรา 121 ออกประกาศ โดยสำนักงานเจ้าท่าจังหวัดชุมพร แจ้งให้เรือต่างๆ ระมัดระวังในการเดินเรือในบริเวณที่มีเรืออับปาง รวมทั้งแจ้งให้บริษัทไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมงจำกัด  ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ป.อันดามัน2 ห้ามใช้เรือและดำเนินการกู้เรืออับปางโดยเร็วโดยจะทำการเก็บกู้น้ำมัน (ดีเซล) เป็นลำดับแรก ภายใน 7 วัน หลังจากนั้นจะให้กู้เรือภายในเวลา 15 วัน รวมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมัน ประกอบด้วย ทุ่นกักเก็บน้ำมัน  (Boom) ความยาว 800 เมตร และสาร Dispersant จำนวน 700 ลิตร  นอกจากนั้น ทางกรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรธรรมชาติและชายฝั่ง ได้มีการเตรียมแผนเผชิญเหตุและเตรียมการรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีคราบน้ำมันรั่วไหลเข้าชายฝั่ง

  โฆษกกองทัพเรือ  กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพเรือได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 จัด    เรือหลวงสงขลา เรือหลวงมันนอก และเรือหลวงแสมสาร  เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือจะสั่งการ พร้อมทั้งจัดเตรียมตู้คอนเทนเนอร์บรรจุอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมัน จำนวน 2 ตู้ กับให้หมู่เรือสำรวจของกองเรือทุนระเบิด กองเรือยุทธการ โดยใช้เรือหลวงบางระจันซึ่งมี ยาน seafox-i ยานล่าทำลายทุ่นระเบิด(mine disposal  vehicle:MDV) มีขีดความสามารถในการค้นหา พิสูจน์ทราบและทำลายทุ่นระเบิด สามารถปรับมาใช้ในภารกิจนี้ได้

 พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย  ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้แสดงความเป็นห่วงพร้อมทั้งสั่งการให้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ เฝ้าติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยืนยันว่า กองทัพเรือ  มีความพร้อมทั้งยุทโธปกรณ์และกำลังพล  ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งได้มีการฝึกซ้อมกันเป็นประจำทุกปี  ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญของกองทัพเรือ  เพื่อพิทักษ์รักษา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องทะเล ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งผลประโยชน์ของชาติที่สำคัญของประเทศ ให้คงไว้อย่างยั่งยืน โดยความคืบหน้า ในส่วนของการจัดการขจัดคราบน้ำมันทางกองทัพเรือจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อสรุปจากการประชุม จากการประเมินคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากการตรวจสอบพบว่ามีความรุนแรงระดับ 1 น้ำมันรั่วไหลมีขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ตัน กรมเจ้าท่าจะเป็นหน่วยควบคุมและกำกับการปฏิบัติในภาพรวม

เคลียร์จบพร้อมรับตรุษจีน !!! ‘รถไฟสายจีน-ลาว’ เที่ยวปฐมฤกษ์ จ่อส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปจีน ดีเดย์ 26 ม.ค. นี้!

“อลงกรณ์” หารือทูตลาวขยายความร่วมมือขนส่งผลไม้รถไฟสายจีน-ลาวพร้อมประชุมสมาคมผลไม้ภาคตะวันออกเร่งเครื่องรับมือผลไม้ฤดูกาลผลิตปี2565

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบเปิดเผยวันนี้(22ม.ค.)ว่า ในวันที่26 มกราคมนี้ ขบวนรถขนส่งสินค้าจากสถานีเวียงจันทน์ใต้จะออกเดินบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาวเข้าจีนที่ด่านรถไฟโมฮ่านในตอนใต้ของมณฑลยูนนานสู่มหานครฉงชิ่งในภาคตะวันตกของจีน

โดยใช้เวลาประมาณ3-4วันเร็วกว่าการขนส่งทางเรือถึง4เท่าตัวนับเป็นขบวนรถสินค้าปฐมฤกษ์ที่ขนส่งสินค้าเกษตรของไทยไปยังประเทศจีนผ่านสปป.ลาวเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดเส้นทางรถไฟสายจีน-ลาวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่3ธันวาคมที่ผ่านมาโดยสินค้าเกษตรล็อตแรกเป็นข้าวเหนียวหัก20ตู้น้ำหนัก500ตันจากบริษัทกล้าทิพย์ที่จังหวัดหนองบัวลำพู

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีรายงานจากหน่วยงานต่างประเทศคลาดเคลื่อนว่า ได้มีการขนส่งไปฉงชิ่งแล้วเมื่อวันที่20มกราคม แต่เมื่อตนตรวจสอบย้อนกลับในวันเดียวกันทราบว่าข้าวล็อตดังกล่าวได้ส่งออกจากประเทศไทยผ่านด่านหนองคายไปฝั่งสปป.ลาวที่ท่าบกท่านาแล้งแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งไปถึงมหานครฉงชิ่งเพราะต้องรอเคลียร์พิธีการทางศุลกากรและไฟเขียวจากกระทรวงกสิกรรมที่นครเวียงจันทน์

จึงได้ประสานกับนายด่านตรวจพืชหนองคาย ผู้ส่งออก บริษัทชิ้ปปิ้งและบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของไทยและจีนจนทราบปัญหาจึงติดต่อให้คุณจันทร สิทธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเวียงจันทน์โลจิสติกส์ปาร์คและท่าบกท่านาแล้งช่วยสนับสนุนจนเรียบร้อยและได้รับแจ้งว่าจะเคลื่อนย้ายตู้สินค้าไปสถานีเวียงจันทน์ใต้ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ก่อนจะยกขึ้นแคร่รถไฟเพื่อพร้อมในการเดินทางในวันพุธที่26มกราคมนี้

สอ.รฝ.ฝึกยิงอาวุธด้วยกระสุนจริงพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน  ภายใต้แนวคิด  'รบอย่างไรฝึกอย่างนั้น'

พล.ร.ต.สรวุท ชวนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ผบ.สอ.รฝ ) และคณะ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธฝั่งทะเลอันดามัน ของ กองพัน ต่อสู้อากาศยานที่ 22 และกองพันรักษาฝั่งที่ 11 ณ สนามฝึกยิงอาวุธ ฝั่งทะเลอันดามัน โดยทำการยิงในพื้นที่ชายทะเลเพื่อฝึกป้องกันภัยทางอากาศ และป้องกันภัยที่จะมาทางทะเลให้กับพื้นที่สำคัญ ทางทหารและทางเศรษฐกิจ ในพื้นที่ จ.พังงา จ.ภูเก็ต ซึ่งการฝึกครั้งนี้ใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติ หาดท้ายเหมือง จ.พังงา ทำการฝึกยิงไปในสนามยิงอาวุธในทะเล โดยการฝึก เป็นไปตามนโยบาย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการดำรงความพร้อมรบของกองทัพเรือ ซึ่งหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งได้ทำการฝึกยิงอาวุธประจำปี 2565 ฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อเตรียมความพร้อมรบ" รบอย่างไรฝึกอย่างนั้น  " เพื่อ เตรียม ส่งมอบกำลังให้กับทัพเรือภาคที่ 3 ในแบบกำลัง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ เมื่อกองทัพเรือสั่งการ
   
สำหรับการปฏิบัติการฝึกยิงอาวุธ ในครั้งนี่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำลังพลปลอดภัย และมีความชำนาญเข้าใจ  ตลอดจนการวางแผนและการแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติการของหน่วยยิงได้เป็นอย่างดียิ่ง 

สคบ. คุมเข้มร้านทองป้องกันเอาเปรียบช่วงตรุษจีน

นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า  สคบ.ได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทองรูปพรรณ ในการจัดทำฉลากของสินค้าประเภททองรูปพรรณให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอต่อการตัดสินใจซื้อทองรูปพรรณและเป็นการเฝ้าระวังการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ หากผู้ประกอบธุรกิจ รายใดไม่แสดงฉลากหรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ได้มีการตรวจสอบร้านจำหน่ายทองรูปพรรณกว่า 30 ร้าน พบว่าผู้ประกอบธุรกิจทั้งหมดได้ดำเนินการจัดทำฉลากทองรูปพรรณถูกต้องครบถ้วนตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก  โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปีประชาชนผู้บริโภคส่วนมากจะนิยมซื้อสินค้าประเภททองรูปพรรณจากร้านทองต่าง ๆ 

กห. ยันเปิดกว้างทุกพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ในหน่วยทหาร ไม่ขวาง "ก้าวไกล" ใช้พื้นที่ ชี้เป็นอำนาจ กกต.จังหวัดประกาศทุกพรรคใช้พื้นที่หน่วยเท่าเทียม ระบุเป็นกลาง-ไม่ชี้นำกำลังพลเลือกใคร  

ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางของเหล่าทัพในการสนับสนุนการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม.(หลักสี่)ว่าเหล่าทัพมีแนวทางที่ชัดเจนที่เขียนไว้ในเรื่องการสนับสนุนการเลือกตั้ง 4 ประเภทด้วยกันคือ สนับสนุนคน สถานที่ ยานพาหนะและการประชาสัมพันธ์ ในกรณีที่มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งขอเข้ามาหาเสียงในหน่วย ทางหน่วยก็ต้องแจ้งไปที่คณะกรรมการเลือกตั้งจังหวัด( กกต.จังหวัด) เพื่อให้ประกาศเชิญชวนให้พรรคการเมืองเข้ามาทำการหาเสียง และจะจัดพื้นที่กลางเพื่อให้ทุกพรรคการเมืองเข้ามา บอกกล่าวถึงนโยบายของพรรคตัวเองและมีการจัดคิวเข้ามาพรรคการเมือง 

เมื่อถามว่า ต้องรอให้ทุกพรรคการเมืองเสนอมาพร้อมกันหรือไม่ พ.อ.วันชนะ กล่าวว่า หากทาง กกต.จังหวัดประกาศเชิญชวนแล้วมีเพียงพรรคการเมืองเดียว โดยไม่มีพรรคอื่นประสงค์เข้ามาเลย ทางกกต.ก็จะประกาศให้พรรคการเมืองเดียวเข้ามา ถือว่าเป็นการเปิดกว้างเหมือนกัน  ยืนยันว่ากองทัพยืนยันในการสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สำหรับกรณีที่พรรคก้าวไกลขอเข้าไปหาเสียงในหน่วยทหารของ ทบ.แต่ได้รับการปฏิเสธโดยให้เหตุผลที่มีเพียงพรรคเดียวนั้น เราต้องไปดูที่ กกต.ด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ายังอยู่ในขั้นตอนที่ กกต.ประกาศเชิญชวนพรรคการเมืองอื่น เพราะปกติเวลาทำเรื่องไปที่หน่วยแล้วยังไม่สามารถเข้ามาหาเสียงได้ทันที เพราะหน่วยต้องรอทางกกต.แจ้งก่อนเพื่อเตรียมพื้นที่และกำลังพลที่มาฟังก่อน รวมถึงคิวของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะร่วมได้ 

“บิ๊กป้อม” ขึ้นเหนือ แก้น้ำแล้ง โครงการพัฒนา "เวียงหนองหล่ม-หนองมโนราห์" จ.เชียงราย

ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติหนองมโนราห์ อ.แม่จัน จ.เชียงรายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ลงพื้นที่ปฎิบัติราชการที่จ.เชียงราย เพื่อติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค และติดตามการบริหารจัดการน้ำภาคเหนือ ได้แก่ การพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ เวียงหนองหล่ม และโครงการขุดลอกหนองมโนราห์ 

โดยรับฟังรายงานสรุปการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของจังหวัด และภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของประเทศและภาคเหนือ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)และการดำเนินงานการพัฒนาแหล่งน้ำ เวียงหนองหล่ม และพื้นที่บริเวณโดยรอบ จาก ผอ.สทนช.ภาค1 และผอ.โครงการชลประทานเชียงราย 

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ให้สทนช. เร่งจัดทำและศึกษาแผนแม่บท พัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟู เวียงหนองหล่ม ให้เสร็จโดยเร็ว และให้จังหวัด กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งปฏิบัติตามแผนงานให้เสร็จทันเวลา เพื่อแก้ปัญหาด้านแหล่งน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงราย อย่างทั่วถึงต่อไป 

จากนั้นพล.อ.ประวิตร และคณะ เดินทางติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานขุดลอกหนองมโนราห์ ในพื้นที่และพบปะประชาชน ที่ขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และรัฐบาลที่สนับสนุนโครงการดังกล่าวและชาวบ้านได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง สามารถบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งนี้ ได้เป็นอย่างดี ทั้งน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค และการประมง จากนั้นได้มอบ เครื่องตรวจ ATK จำนวน 500ชุด ให้กับรพ.แม่จัน เพื่อใช้ประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้เวียงหนองหล่ม เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ ประมาณ 14,000 ไร่ เป็นพื้นที่รับน้ำฝน 187 ตร.กม. มีน้ำท่าเฉลี่ย 72 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีความจุเก็บกัก 8 ล้าน ลบ.ม. โดยมีเป้าหมายการพัฒนาที่ 20 ล้าน ลบ.ม. เพื่อรองรับการอุปโภคบริโภค 10,008 ครัวเรือน จากนั้นได้รับฟังผลการดำเนินงาน การขุดลอกหนองมโนราห์ จาก นพค.35 และมีความคืบหน้าเกิดผลสัมฤทธิ์ อย่างน่าพอใจ  สำหรับ หนองมโนราห์ เป็นแหล่งน้ำสภาพปิด รับน้ำจากน้ำฝนเป็นหลัก มีพื้นที่ 139 ไร่ เดิมกักเก็บน้ำได้ไม่เกิน 300,000 ลบ.ม. และได้รับการสนับสนุน งป.กลาง ปี64 เมื่อครั้ง พล.อ.ประวิตร  ลงพื้นที่ เมื่อ23ธ.ค.63 ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเพิ่มการกักเก็บ ต้ังเป้าไม่เกิน 400,000 ลบ.ม. หากดำเนินการเสร็จสิ้น จะสามารถใช้ประโยชน์ อย่างเพียงพอ ครอบคลุม 8หมู่บ้าน 5,457 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตร กว่า 500ไร่ ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top