Friday, 19 April 2024
NEWS FEED

พบลายมือปริศนา ที่ ‘สะพานนากาเมกุโระ’ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ดราม่ากันสนั่น ชาวเน็ตสวมวิญญาณโคนัน สันนิษฐาน อาจเป็นคนไทย 

(8 เม.ย.67) เป็นดราม่าที่กำลังมาแรง เมื่อมีคนไทยไปเที่ยวที่สะพานนากาเมกุโระ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของโตเกียว ซึ่งช่วงซากุระบาน จะมีนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปจำนวนมาก

โดยดราม่าที่ว่านี้ เริ่มจากนักท่องเที่ยวไทยรายหนึ่ง ถ่ายภาพราวสะพานจุดชมวิวซากุระสุดลูกหูลูกตา แต่กลับพบว่า ที่ราวสะพานมีร่องรอยการเขียน ว่า “Beer   Mayvy 2024” ผู้โพสต์ได้ระบุว่า “ วันนี้ผมไปถ่ายรูปที่ Nakameguro แล้วเจอกับสิ่งนี้ครับ อยากรู้เหมือนกันว่าชาติไหน?”

คอมเมนต์ที่เข้ามาต่างวิพากษ์วิจารณ์และสันนิษฐานว่า ชื่อ เบียร์ นั้น อาจจะเป็นคนไทยหรือไม่ เพราะถือเป็นการตั้งชื่อเล่นที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยพอสมควร รวมถึงแสดงความไม่พอใจ ว่า การกระทำแบบนี้เป็นการทำลายสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ควรทำ

ดูเหมือนว่า ข้อสันนิษฐานของชาวเน็ตนั้นค่อนข้างจะถูกต้องว่า ผู้เขียนดูเหมือนว่าจะเป็นคนไทยจริงๆ เนื่องจาก มีคนไปค้นหาและพบว่า เจ้าของลายมือนี้ เคยไปเขียนที่สะพานนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2022 และโพสต์ภาพดังกล่าวลงในโซเชียลด้วย

โดยโพสต์เจ้าของลายชื่อ เบียร์รักเมวี่ ได้โพสต์ภาพราวสะพาน พร้อมเขียนข้อความว่า “แล้วเราก็กลับมาที่สะพานนี้อีกครั้ง แต่ชื่อที่เขียนไว้มันหายไปแล้ว 2024 เราก็เขียนใหม่ เดี๋ยวปี 2025 เราจะกลับมาดูใหม่ #ความทรงจำ2022”

หลังจากมีคนขุดโพสต์นี้ขึ้นมาก็เรียกว่าทัวร์ลงอย่างหนักและงงว่าทำไมจึงเขียนลงไปแบบนั้นซึ่งมีชาวเน็ตให้เบาะแสอีกว่าปัจจุบันเจ้าของลายมือเบียร์รักเมวี่ได้ปิดเฟซบุ๊กไปแล้ว

‘Cullen hateberry’ โพสต์ชี้แจง ดรามากรณี ‘ไกด์เกาะเต่า’ ยัน 3 หนุ่ม ‘คัลแลน-พี่จอง-น้องแดน’ สนุกแฮปปี้ กับบริษัททัวร์

(8 เม.ย.67) กลายเป็นดรามาในโลกออนไลน์ หลังช่อง Cullen hateberry ปล่อยคลิป เราจะดำน้ำ กระโดดหน้าผา ตามหาน้องเต่า-น้องฉลาม | ชุมพร Day 3 ปรากฎว่า มีกระแสวิพาษก์วิจารณ์ไกด์ทัวร์ ที่พา คัลแลน พี่จอง และ น้องแดน เที่ยวเกาะเต่า อย่างหนัก

ต่อมาเพจ The Journey Koh Tao โพสชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า บริษัทกราบขออภัยพี่จอง พี่คัลแลน พี่แดน และทีมงาน รวมถึงแฟนคลับของพี่ๆด้วยนะครับ บริษัทขอน้อมรับคำติชมและนำไปปรับปรุงแก้ไขครับ

ล่าสุด ทีมงานช่อง Cullen hateberry โพสต์ชี้แจงใต้คลิปดังกล่าว ระบุว่า สวัสดีครับ จากทีมงานช่อง Cullen hateberry เราจะมาชี้แจงประเด็นในส่วนของไกด์ในคลิปชุมพร ep.3 ครับ

เราได้พูดคุยกับไกด์และบริษัททัวร์ ซึ่งในวันนั้นไกด์ที่จะนำทัวร์ไม่สามารถมาได้ ดังนั้นน้องที่เป็นเด็กเรือจึงมาเป็นไกด์ให้เราแทนครับ

“ซึ่งทางบริษัททัวร์ได้ขอโทษสำหรับการทำงานของน้องที่อาจจะไม่ได้ตรงตามการทำงานของไกด์ นอกจากนี้น้องยังเป็นแฟนคลับของช่อง Cullen Hateberry มาเป็นเวลานาน น้องได้ทำการขอโทษจากใจจริงที่อาจทำให้หลายๆคนอึดอัด ทางบริษัททัวร์ได้ทำการขอโทษต่อทีมงาน Cullen Hateberry ที่อาจรบกวนการถ่ายทำ และเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

และนี่เป็นการแสดงความขอโทษจากบริษัททัวร์ครับ

ทางทีมงานช่องCullen Hateberry ก็ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถสื่อสารและอธิบายสถานการณ์ให้ผู้ชมทราบได้อย่างถี่ถ้วนในวิดีโอ

ทั้ง คัลแลน พี่จอง และน้องแดน ไม่ทราบในประเด็นนี้ เพราะในทริปนี้ทั้ง 3 คน สนุกสนานและแฮปปี้กับทางบริษัททัวร์และไกด์ครับ

ในอนาคต เราจะทำงานให้มากขึ้นเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่สนุกสนานครับ

ตำรวจภาค 4 เปิดปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นจับกลุ่มแก๊งปล่อยเงินกู้ทวงหนี้นอกระบบทั่วอีสานเหนือรวม 12 จุด  ยึดทรัพย์กว่า 13 ล้านบาท 

ตามนโยบายรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ที่สั่งการให้ทุกพื้นที่กวดขันจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้ นอกระบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 4 เปิดปฏิบัติการปูพรมปิดล้อมตรวจค้นแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบทั่วภาคอีสานเหนือ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.67 ถึงวันที่ 10 เม.ย.67

ผลการระดมกวาดล้างจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบได้มีการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 12 เป้าหมาย ดำเนินคดีแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบรวม 69 คดี ดำเนินคดีข้อหาให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 57 คดี, ข้อหาให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดและประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล(รับจำนำรถ)ฯ จำนวน 12 คดี, ตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็นทรัพย์สินจากการปล่อยนเงินกู้นอกระบบ และการรับจำนำรถได้เป็นจำนวนมาก อาทิเช่น รถยนต์ 51 คัน รถจักรยานยนต์ 76 คัน อาวุธปืน 1 กระบอก มูลค่ารวมประมาณ 13 ล้านบาท ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 4 จะยังคงเดินหน้ากวาดล้างจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน ต่อไป

‘สุริฏฐ์ปรียา’ คว้าดับเบิ้ลแชมป์รายการ ‘ช้าง โอเพ่น 2024’ ได้สิทธิ์บินไปแข่งต่อที่ญี่ปุ่น ด้วยสกอร์รวมสองวัน 6 อันเดอร์พาร์ 

(8 เม.ย.67) ‘บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด’ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย ‘น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง’ ลุยต่อสนาม 2 คัดเยาวชนสู้ศึกที่ญี่ปุ่น กับรายการ ‘ช้าง โอเพ่น 2024’ แข่งขันระหว่างวันที่ 6-7 เมษายน 2567 ที่เลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ (คอร์สเอ-บี) จ.เพชรบุรี 

สำหรับการแข่งขันในสนามนี้ ‘เดอะ เจ็นซ์’ จะคัดเลือกนักกอล์ฟเยาวชนที่ทำสกอร์ได้ดีที่สุดจากรุ่น Junior GENZ (อายุ 11-14 ปี) ทั้งชายและหญิง จำนวน 2 คน ร่วมสมทบกับรุ่น Super GENZ (ชายและหญิง) ที่ได้สิทธิ์แข่งขันไปแล้วในสนามที่ 1 เพื่อเป็นตัวแทนเยาวชนไทยเข้าร่วมแข่งขันในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 ระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคม นี้ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยนักกกอล์ฟหญิงที่ชนะในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 จะได้สิทธิ์แข่ง Japan LPGA Tour ในรายการ Yonex Ladies Tournament 2025 อีกด้วย

‘ช้าง โอเพ่น 2024’ เป็นอีกหนึ่งรายการที่เก็บสะสมคะแนนของ Junior Golf Scoreboard อีกทั้งยังเป็นรายการเก็บคะแนนสะสมรายการที่สองของ ‘ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2024’ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 รุ่น คือ Special GENZ (ชายและหญิง) อายุ 19-23 ปี, Super GENZ (ชายและหญิง) อายุ 15-18 ปี และ Junior GENZ (ชายและหญิง) อายุ 11-14 ปี แข่งขันแบบเก็บคะแนนสะสมเพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟชายและหญิง จำนวน 12 คน เข้าโครงการกอล์ฟของ ‘บางจาก’  ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนทุนแข่งขันเพื่อพัฒนาฝีมือ และสิทธิ์แข่งขันในรายการ SJDTour International Amateur Championship ที่ประเทศสิงคโปร์  

หลังจบการแข่งขันในรอบสุดท้าย (7 เม.ย. 67) ผลปรากฏว่า สุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล ฟอร์มฮอตจัด รอบแรกเก็บแต้มตุน 4 อันเดอร์ รอบสุดท้ายเก็บเพิ่มอีก 2 อันเดอร์ จบสองวันกดไปถึง 6 อันเดอร์พาร์ 138  คว้าแชมป์รุ่น Junior GENZ (หญิง) พร้อมตั๋วบินไปแข่งญี่ปุ่น ด้านฝ่ายชายในรุ่นนี้ แชมป์เป็นของ รัฐวิชญ์ รัฐชัยอนันต์ คว้าถ้วยพร้อมสิทธิ์แข่งที่ญี่ปุ่น ไปด้วยสกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ 147 (73-74) สำหรับรุ่น Super GENZ (ชาย) ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ตามเป้า สองวันทำไป 3 อันเดอร์พาร์ 141 (70-71) และในรุ่น Super GENZ (หญิง) ต้องดวลกันถึงเพลย์ออฟ ระหว่าง ศศิศรร์ จงศรีอดิศรณ์, เขมมินทรา งามเหลา และเอริสา บิณฑจิตต์ ที่จบรอบสุดท้ายเข้ามาเท่ากันที่ 5 โอเวอร์พาร์ 149 หลังจบการดวลเพลย์ออฟปรากฏว่า ศศิศรร์ ใช้ความนิ่งเซฟพาร์ลง คว้าแชมป์รุ่นนี้ไปครองได้สำเร็จ

สรุปผลการแข่งขันรายการ “ช้าง โอเพ่น 2024” (รอบสุดท้าย)  มีดังนี้

รุ่น Special GENZ (ชาย) ที่ 1 ปุณยวัจน์ จงศรีอดิสรณ์ คว้าแชมป์รุ่นนี้ไปด้วยสกอร์ 6 โอเวอร์พาร์ 150 (76-74) ที่ 2 วินทกร สุวรรณเมือง สกอร์รวม 8 โอเวอร์พาร์ 152 (75-77) ที่ 3 อครชัย สกุลลี้ สกอร์รวม 13 โอเวอร์พาร์ 157 (78-79)  

รุ่น Special GENZ (หญิง)  ที่ 1 เกณิกา บุญประเสริฐ  สกอร์รวม 4 โอเวอร์พาร์ 148 (71-77)  ที่ 2 หทัยรัตน์ คลังเมือง สกอร์รวม 9 โอเวอร์พาร์ 153 (80-73) ที่ 3 ธีรฏา แต้มมาลา สกอร์ 21 โอเวอร์พาร์ 165 (87-78)

รุ่น Super GENZ (ชาย) ที่ 1 ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ สกอร์รวมสองวันที่ 3 อันเดอร์พาร์ 141 (70-71) ที่ 2 พิศิษฐ์ คมกล้า สกอร์รวม 2 โอเวอร์พาร์ 146 (75-71) ที่ 3 ชัยพัฒนา เจนสายกลาง สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ 147 (72-75)    

รุ่น Super GENZ (หญิง) ที่ 1 ศศิศรร์ จงศรีอดิสรณ์ นักกอล์ฟเยาวชนในโครงการกอล์ฟบางจาก เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ในสนามนี้ ชนะเพลย์ออฟไปด้วยสกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149 (75-74)  ที่ 2 เอริสา บิณฑจิตต์ สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 149 (77-72) ชนะเคาน์แบ๊ค เขมมินทรา งามเหลา ส่วน เขมมินทรา จบที่ 3 สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149 (72-77)

รุ่น Junior GENZ (ชาย) ที่ 1 รัฐวิชญ์ รัฐชัยอนันต์ สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ 147 (73-74) ที่ 2 สุรพิชญ์ พิชยเสาวภาคย์ สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149 (78-71) ที่ 3 ฐิติวัฒน์ ปิตุรงคพิทักษ์ สกอร์รวม 6 โอเวอร์พาร์ 150 (76-74)

รุ่น Junior GENZ (หญิง) ที่ 1 สุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล คว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปตามคาด พร้อมสิทธิ์แข่งที่ญี่ปุ่น จบสกอร์รวมสองวันที่ 6 อันเดอร์พาร์ 138 (68-70) ที่ 2 ณชา สถิตย์สัมพันธ์ สกอร์รวม 4 โอเวอร์พาร์ 148 (73-75)  ที่ 3 ณัทชารีย์ คุณปสุต สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149 (75-74)  

รายการต่อไปเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 3 “ดิทโต้ แชมเปี้ยนชิพ 2024” ซึ่งเป็นรายการที่มีการเก็บคะแนนสะสมของ World Amateur Ranking แข่งขันระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน 2567 ที่แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา

สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

LINE TODAY มอบรางวัล PERSON OF THE YEAR ให้ ‘สุทธิชัย หยุ่น’ ในฐานะ นักข่าวผู้คร่ำหวอด ยืนหยัดในวงการสื่อมาเกือบ 6 ทศวรรษ

เมื่อเร็วๆ นี้  LINE TODAY ได้มอบรางวัล PERSON OF THE YEAR 2024 บุคคลต้นแบบที่แนวคิดและผลงานนั้น มีอิทธิพลเชิงบวกต่อผู้คน สังคม และประเทศ ประเดิมปีแรกมอบให้ “สุทธิชัย หยุ่น” นักข่าวผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชนมาเกือบ 6 ทศวรรษ ที่สามารถยืนหยัดและปรับตัวท่ามกลางกระแสคลื่นการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์สื่อหลายระลอก ทำให้ยังคงเป็นบุคคลข่าวที่ผู้คนทุกวัยติดตามในโลกปัจจุบัน พร้อมดันรางวัลเป็นหมุดหมายใหม่สร้างแรงบันดาลใจคนไทย

สิริกาญจน์ สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ LINE TODAY - LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ในหลายมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคมที่กำลังเปลี่ยนผ่านยุคสมัยทั่วโลก ความท้าทายสำคัญคือการก้าวทันและปรับตัวให้สามารถยืนหยัดเป็นต้นแบบ และสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดอิทธิพลเชิงบวกต่อผู้คน นั่นคือสิ่งที่ LINE TODAY มองหาบุคคลที่จะเป็น PERSON OF THE YEAR ซึ่งคุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นนักสื่อสารมวลชนที่ก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงหลายยุคสมัยของอุตสาหกรรมข่าวในเมืองไทยมาเกือบ 60 ปี  จากหนังสือพิมพ์สู่โลกออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเต็มตัว  ซึ่งยังคงนำเสนอแนวคิด การวิเคราะห์ข่าวเหตุการณ์สำคัญทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ตรงไปตรงมา ชัดเจน ตั้งคำถามให้ฉุกคิดผ่านทัศนะและประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน สามารถเชื่อมโยงผู้ติดตามได้ทุกเพศทุกวัยให้เกาะติดสถานการณ์รอบโลก” 

สุทธิชัย หยุ่น ได้เผยถึงการบทบาทการทำงานว่า “ในฐานะที่ผมทำสื่อออนไลน์มาเกือบ 20 ปี เราต้องทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลที่คนไว้วางใจ สำคัญที่สุดต้องทำการบ้านและตรวจสอบข้อเท็จจริง เคล็ดลับความสำเร็จใหม่ในยุคนี้คือการปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตาม ในยุคที่โซเชียลมีเดียสร้างโอกาสให้สามารถสื่อสารสองทางได้ ซึ่งไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนอย่างไร คุณภาพเนื้อหาจะเป็นตัวตัดสิน โดยเฉพาะความท้าทายในยุคนี้ที่ใครก็สามารถเป็นสื่อได้ เรายิ่งต้องยกระดับการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร (Information)  ให้เป็นองค์ความรู้ (Knowledge) นำไปสู่สร้างภูมิปัญญา (Wisdom) ที่ผู้คนนำไปดำเนินชีวิตในยุคนี้ได้” 

‘นศ.ราชมงคลอีสาน’ ออกแบบ อาร์ตทอย ‘ย่าโม’ วีรสตรีประจำเมือง   ผลักดันให้เป็น ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ของฝากของสะสม ให้กับนักท่องเที่ยว

(7 เม.ย.67) กลายเป็นไวรัล ที่หลายคนแห่ชื่นชมในไอเดียสุดสร้างสรรค์ หลังได้เห็นผลงานการออกแบบ อาร์ตทอย (Art Toy) ‘ท้าวสุรนารี’ หรือ ‘คุณย่าโม’ วีรสตรีแห่งเมือง โคราช ที่หลายคนต่างเคารพนับถือ

ผลงานการออกแบบโดย ‘ก้องพิภพ หมู่โสภณ’ นักศึกษา ปี 3 ซึ่งเป็นส่วนหนี่ง ของรายวิชา ศิลปวัฒนธรรมอีสานเพื่องานออกแบบนิเทศศิลป์ หลักสูตรการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และสื่อสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.) จังหวัดนครราชสีมา

ล่าสุด กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง หลังผู้ออกแบบ ออกมาเปิดใจผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ‘Korat : เมืองที่คุณสร้างได้’ โดยระบุว่า

ท้าวสุรนารี หรือ คุณหญิงโม หากเป็นภาษาพูดเรียกว่า ‘ย่าโม‘ เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ชาติไทยในฐานะวีรสตรีมีส่วนกอบกู้เมืองนครราชสีมา จากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 ในรัชสมัย ‘พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)’

ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น ‘ท้าวสุรนารี’ และได้สร้างอนุสาวรีย์ฯของสามัญชนสตรีคนแรกของประเทศไทย

ปัจจุบันทุกภาคส่วนในจังหวัดนครราชสีมา ร่วมจัดงาน ‘วันฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี’ ซึ่งเป็นงานประจำของทุกปีที่จัดยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 12 วัน 12 คืน

โดยมีสตรีชาวโคราชหลายพันคนรำบวงสรวงหน้าอนุสาวรีย์พร้อมการแสดงแสงสีเสียง เรื่อง ‘วีรกรรมท้าวสุรนารี’ ตลอดทั้งปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากราบไหว้สักการะขอพรท้าวสุรนารี หากเดินทางมาที่โคราช ก็ต้องหาเวลามากราบไหว้ขอพรด้วย

จากกระแสในโลกออนไลน์ให้ความชื่มชมผลงานการออกแบบผลงานศิลปะ ‘อาร์ตทอย ท้าวสุรนารี’ (Art toy THAO SURANARI ) ‘ย่าโม’ Artist -Dodeedope ของนักศึกษาหนุ่ม ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.) นครราชสีมา อาร์ทอยชิ้นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากลักษณะเอกลักษณ์ของท้าวสุรนารี หรือย่าโม วีรสตรีของชาวโคราช

มีรูปร่างหน้าตาน่ารักโดนใจคนรุ่นใหม่ พร้อมสอดแทรกวีรกรรมความรู้ในรูปแบบการ์ตูนมินิคอมมิคให้กับนักสะสม ขณะนี้จัดแสดงอยู่ที่อาคาร 37 หอศิลป์ตะโกราย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.) นครราชสีมา

นายก้องพิภพ หมู่โสภณ หรือ ‘น้องโด้’ นักศึกษาหลักสูตรการออกแบบนิเทศศิลป์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เจ้าของผลงาน อาร์ททอยท้าวสุรนารี ‘ย่าโม’ เปิดเผยว่า

‘โปรเจ็กต์นี้ทางอาจารย์ต้องการให้เอาของดี ของโบราณ ของเมืองโคราชมาออกแบบ มาดีไซน์ใหม่ในแนว “อาร์ตทอย” (Art toy) ให้โดนใจคนรุ่นใหม่ ซึ่งจากการลงสำรวจ จุดที่คนร่วมตัวกันเยอะที่สุดก็ คือ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือย่าโม ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเลยต้องเดินทางมาตรงจุดนี้เป็นหลัก’

ที่ผ่านมาไม่กล้านำย่าโมมาเกี่ยวข้องเลย เพราะกลัวเรื่องของกระแสดราม่าต่าง ๆ นานา แต่เมื่อย่าโมมีความสำคัญมากกับชาวโคราช เมื่อค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับของฝากของที่ระลึกถึงย่าโม กลับไม่มีอะไรที่สื่อเลย นอกจากรูปปั้นย่าโมในกรอบทองที่นำไปบูชาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ

ตนจึงเกิดไอเดียต้องการสร้างของฝาก ของสะสม ที่สื่อถึงคุณย่าโมมากกว่านี้ ประกอบกับกระแสความนิยม ‘อาร์ตทอย’ กำลังมาแรง ได้ลงมือออกแบบคอลเลคชั่น คุณย่าโม เป็นเหมือนของสะสม ของฝากให้กับนักท่องเที่ยว

นอกเหนือไปจากผัดหมี่โคราช เกิดการสร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่นมากขึ้น จากกระแสในโลกโซเชียลส่วนใหญ่มีแต่คนเห็นด้วยและชื่นชม เพราะเป็นผลงานที่ดูแปลกตา ไม่เหมือนกับที่เคยพบเห็นทั่วไป”

ขณะที่ “อาจารย์บิว -ศศิรดา พันธ์วิเศษศักดิ์” อาจารย์ผู้สอนรายวิชา ศิลปวัฒนธรรมอีสานเพื่องานออกแบบนิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มทร.อีสาน เผยว่า

“ได้นำองค์ความรู้จากการไปศึกษาปริญญาเอกสาขาออกแบบอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industries Design) วิทยาลัยการผังเมืองและการออกแบบ (College of Planning) มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกุง ประเทศไต้หวัน เมื่อปี 2019

มีแรงบันดาลใจจากการเรียนการสอน วัฒนธรรม รวมทั้งได้เห็นสัมผัสซึมซับเรียนรู้ พื้นที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ มีโซนแสดงนิทรรศการ กิจกรรมกลางแจ้ง เต็นท์ขายของแฮนด์เมด งานคราฟต์ งานอาร์ตทั้งหลาย…”

อาจารย์บิว กล่าวอีกว่า “สำหรับผลงาน อาร์ตทอย คุณย่าโม ถือเป็นผลงานต้นแบบที่โดดเด่น มีการนำอัตลักษณ์ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาตีความออกมาในมุมมองของคนรุ่นใหม่ และเป็นผลงานออกแบบที่สามารถจำหน่ายได้จริง นำไปสู่การต่อยอดครีเอเตอร์อีโคโนมี เศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมทั้งสามารถเป็นซอฟต์พาวเวอร์ สินค้าอันเป็นอัตลักษณ์คนโคราชที่สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นในอนาคต”

กาฬสินธุ์-รมว.กลาโหมย้ำครอบครัวสบายใจฝึกทหารไม่โหดอย่างที่คิด เข้าใจอากาศร้อนจะดูแลให้อย่างดี

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารกองเกิน ประจำปี 2567 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ย้ำครอบครัว ทหารกองเกินที่เข้าประจำการ และฝึกภาคสนามสบายใจ ให้ความมั่นใจฝึกทหารไม่โหดอย่างที่คิด ยิ่งในช่วงสภาพอากาศร้อนจะดูแลอย่างดี พอใจบรรยากาศการคัดเลือกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีชายไทยชาวกาฬสินธุ์ให้ความสนใจสมัครเป็นทหารกองเกิน 20% โดยเข้ารับการตรวจเลือกทั้งหมด 7,249 คน ต้องการกำลังพล 1,257 คน

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2567 เวลา 13.30 น. ที่หอประชุมโรงเรียนยางตลาดวิทยาคาร อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมการคัดเลือกทหารกองเกิน หรือคัดเลือกทหารเกณฑ์ ประจำปี 2567 โดยมีนายรุจติศักดิ์ รังษี รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พ.อ.วิเศษศิลป์ แสนภูวา สัสดี จ.กาฬสินธุ์ นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด  พร้อมด้วย รองผอ.กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ทหาร ตำรวจ ผู้บริหารโรงเรียน นักศึกษาวิชาทหาร ให้การต้อนรับ ทั้งนี้มี พ.ท.กิตติศักดิ์ บังพิมาย  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 จ.ยโสธร  เป็นประธานกรรมการตรวจคัดเลือกทหารกองเกินในครั้งนี้ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมการคัดเลือกทหารกองเกิน ที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีชายไทยชาว อ.ยางตลาด ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร และไม่เป็นบุคคลต้องห้าม นำหลักฐานแสดงตัว เพื่อเข้ารับการคัดเลือกและสมัครเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามข้อมูลพบว่า ได้รับความสนใจสมัครเป็นทหารกองเกินล่วงหน้าถึง 247 คน หรือหากนับรวมทั้งจังหวัด ณ วันนี้ มีผู้สมัครถึง 20% ทีเดียว

นายสุทินกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในการตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกินในครั้งนี้ ยังได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยคัดเลือก รวมทั้งขอขอบคุณครอบครัว ผู้ปกครอง ชายไทยชาว จ.กาฬสินธุ์ ที่สมัครใจสมัครเป็นทหาร  และที่จับสลากเข้ารับเป็นทหารประจำการทั้ง 3 เหล่าทัพ คือทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ รวมทั้งชี้แจงถึงผลดีของการเป็นทหารรับใช้ชาติ ที่หากมีใจรักและต้องการมีอนาคตที่มั่นคง สามารถเรียนต่อนายสิบได้ โดยในปี 2568 ทางกระทรวงกลาโหม มีนโยบายที่จะทำเอ็มโอยูกับสถานศึกษา เพื่อแนะแนวผลดีของการเรียน รด. และสมัครเรียนต่อนายสิบ โดยไม่ต้องกู้ยืม กยศ.

นายสุทินกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้ครอบครัว และทหารกองเกินที่สมัครใจเป็นทหาร และจับสลากได้ ซึ่งจะเข้าประจำการเพื่อฝึกภาคสนามในลำดับต่อไปนั้น ขอให้มีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่า การฝึกทหารไม่โหด ไม่หนัก อย่างที่คิด ที่ผ่านมาเป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อน ทางกองทัพมีมาตรการในการฝึกที่ถูกต้องตามหลักการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสภาพอากาศร้อนจะดูแลอย่างดี เรื่องการดูแลสุขภาพต้องมาก่อน มีการตรวจเช็คสภาพร่างการและความพร้อมก่อนฝึกภาคสนาม และจะฝึกตามศักยภาพร่างกายของแต่ละคน จึงขอย้ำอีกว่าขอให้มั่นใจในมาตรการของการฝึกภาคปฏิบัติและภาคสนาม ทางครอบครัวไม่ต้องกังวล

ด้าน พ.อ.วิเศษศิลป์ แสนภูวา สัสดี จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับจำนวนชายไทยชาว จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ที่จะเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารกองเกินประจำปี 2567 มีทั้งหมด  7,249 คน ต้องการกำลังพลทั้งสิ้น 1,257 คน เริ่มดำเนินการคัดเลือกมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-10 เม.ย.67 โดยมีผู้สมัครล่วงหน้า  247 คน  และสมัครที่หน่วยคัดเลือก ณ วันนี้จำนวน 217 คน คาดว่าสิ้นสุดวันคัดเลือก 10 เม.ย.67 จะมียอดผู้สมัครเพิ่มมาอีกไม่น้อยกว่า 200 คน หรือคิดจำนวน 20%  ของผู้เข้ารับการคัดเลือกทั้งหมด

‘นายกฯ’ ยกนิ้วโป้งให้ ‘แกงไตปลา’ รสจัดจ้าน  ย้ำ!! ชอบกินอาหารไทย แต่ไม่ขอฝืนใจใครที่ไม่ชอบทาน 

(7 เม.ย.67) ที่ร้านเสบียงเล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับประทานอาหารกลางวัน โดยหนึ่งในเมนูโปรดที่ทางร้านจัดให้คือแกงไตปลา โดยนายกฯได้นั่งร่วมโต๊ะกับบรรดารัฐมนตรีพร้อมชิมแกงไตปลา และกล่าวว่า “อร่อยมากครับ” ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รับประทานแล้วอยากจะบอกอะไรกับคนที่จัดอันดับแกงไตปลาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ ไม่ขอตอบโต้ เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบ แต่ผมชอบ อย่างที่บอกว่าฝรั่งก็มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากเรา ซึ่งเราก็ยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเขาชอบบางอย่างหรือไม่ชอบบางอย่าง เราไปบอกเขาไม่ได้ และย้ำว่าอาหารไทยมีเยอะ ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่นไก่ ก็ติดอันดับโลกทั้งนั้น ”

เมื่อถามว่าการรับประทานแกงไตปลา จำเป็นจะต้องรับประทานกับข้าวสวยหรือรับประทานเปล่าได้เลย นายกฯ กล่าวว่า “ผมทานได้ พยายามไม่ทานข้าวเพราะลดน้ำหนักอยู่ ที่ชอบเพราะผมชอบทานอาหารรสจัด” จากนั้นนายกฯได้กินโชว์ พร้อมกับชมว่าอร่อยจริงๆไม่ได้อร่อยเล่นๆ

เชียงใหม่-พิธีสถาปนานายกสมาคมและคณะกรรมการสมาคมธรุกิจดิจิทัลภาคเหนือ

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 ณ ห้องเวิร์ค โคโค้ โรงแรม เดอะ แคนนาส เชียงใหม่ ดร.ณรงค์ ตนานุวัฒน์  นายกสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ และคณะกรรมการฯ จัดพิธี สถาปนานายกสมาคมและคณะกรรมการสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ และงานเสวนา Unlocking the Potential of AI in Business โดยได้รับเกียรติจากนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแสดงความยินดี พร้อมด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันศึกษา ผู้มีเกียรติ ร่วมงานจำนวนมาก 

นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ ที่สามารถรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง ผลักดันให้เกิดการก่อตั้งเป็นสมาคมและมีพิธีสถาปนาสมาคมอย่างเป็นทางการในวันนี้ รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมพิธีสถาปนานายกสมาคม และคณะกรรมการสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความสําเร็จของภาคเหนือในการ เพิ่มขีดความสามารถให้ธุรกิจ สร้างธุรกิจใหม่ และช่วยยกระดับชุมชนให้มีนวัตกรรม องค์ความรู้ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง 

โดยการพัฒนาส่งเสริมธุรกิจ SMEs ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลและ Startup พร้อมสนับสนุน เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ผลักดันระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) และร่วมมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสานประโยชน์กับภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และนานาชาติ 

ขอขอบคุณ คณะกรรมการและสมาชิกสมาคมทุกท่าน ที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และความร่วมมือระหว่างกัน ในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สมาคมจนประสบความสําเร็จ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดําเนินงานต่างๆ ภายใต้สมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ จะสามารถ ดําเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ทั้งต่อองค์กร และสังคมสืบไป

ดร.ณรงค์ ตนานุวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ กล่าวว่า
ตามที่ สมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมฯ ต่อนายทะเบียนสมาคมประจํา จังหวัดเชียงใหม่ ไว้เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลด้านการค้า การลงทุนในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ ช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ให้คําปรึกษาแนะนํา เพิ่มประสิทธิภาพ ส่งเสริม สนับสนุนการ
สร้างความเข้มแข็งให้ภาคเศรษฐกิจ และภาครัฐ ในการนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ อํานวยความสะดวก ส่งเสริมเชื่อมโยงเครือข่าย 

สร้างโอกาสการค้า ขยายช่องทางการตลาดในการดําเนินธุรกิจของสมาชิก อบรม พัฒนา ถ่ายทอดองค์ความรู้ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมด้านดิจิทัลให้แก่สมาชิกและประชาชน ที่สนใจ และเพื่อผลักดันส่งเสริมให้ธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือได้รับการเชื่อถือ ยอมรับ จนถึงได้รับการรับรองระบบ มาตรฐานความรู้และวิชาชีพทั้งในและต่างประเทศ 

ดร.ณรงค์ กล่าวอีกว่า โอกาสอันดีที่สมาชิกสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ ได้รวมตัวกัน “ประชุมสามัญใหญ่ประจำปี 2567” ซึ่งได้มีการคัดเลือก ประธานสมาคม และคณะกรรมการ รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อจาก “สมาคมดิจิตอลภาคเหนือ” สู่ “สมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ” อย่างเป็นทางการ  ประกอบกับได้รับเลือกจากสมาชิกสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ(NDEA)ให้เป็นนายกสมาคมฯ อีกหนึ่งสมัย(2ปี) โดยสมาคมได้มีคณะกรรมการรุ่นใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัลที่เก่ง และมีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ เข้ามาช่วยขับเคลื่อนสมาคมฯ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล 

สมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ จึงได้จัดพิธี สถาปนานายกสมาคมและคณะกรรมการสมาคมธุรกิจดิจิทัลภาคเหนือ พร้อมจัดงาน Unlocking the Potential of AI in Business นำโดยผู้ประกอบการดิจิทัลรุ่นใหม่ และผู้ประกอบการดิจิทัลรุ่นถัดไปที่พร้อมเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเหนือให้เติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น  ซึ่งในแผนการดำเนินงานปีนี้ จะมีจัดกิจกรรมที่เน้นการส่งเสริมด้านของผู้ประกอบการ คนทำงาน นักเรียนนักศึกษา เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ต่อไป

นภาพร/เชียงใหม่

‘น้องโฟล์ค’ นศ.ราชภัฏจันทรเกษม เปิดใจเล่าทั้งน้ำตา หลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานทุนการศึกษา

(7 เม.ย.67) นายรัชพล เจริญผล โฟล์ค นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ได้เปิดใจ เล่าทั้งน้ำตาว่า 

ตนเองได้เขียนฎีกา ถวายในหลวงรัชกาลที่ 10 ขอทุนการศึกษาเพราะตนเองมีปัญหาเรื่องของค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนจึงตัดสินใจเขียนถวายฎีกา ก่อนที่ราชเลขาฯในหลวงรัชกาลที่ 10 จะติดต่อกลับมาและได้ประสานทางมหาวิทยาลัยให้โอกาสตนได้เรียนหนังสือ

โดยทางด้าน “น้องโฟล์ค” ได้เล่าว่า ทางบ้านมีปัญหาเรื่องค่าศึกษาเล่าเรียน ตอนนั้นผมก็เขียนไปหาพระองค์ท่านด้วยใจจริง แล้วก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อกลับมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็สอบถามความเป็นอยู่ทางบ้าน รู้สึกตื้นตัน ปลาบปลื้มมาก รู้สึกซาบซึ้ง เพราะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยมาก แต่พระองค์ท่านมองเห็น มีพระเมตตาที่เห็นจดหมายเล็กใบหนึ่ง แล้วตอบกลับมา พระองค์ท่านช่วยผม

ซึ่งเจ้าตัวกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า จะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ตอบแทนที่พระองค์ท่านเมตตาให้ทุนการศึกษามา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top