ข้อถกเถียงเรื่องภาษีบุหรี่ไฟฟ้า – คุ้มค่ากับสุขภาพของคนไทยหรือไม่?
การอนุญาตและการเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยกลายเป็นประเด็นร้อนที่ยังถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง โดย 'ศ.นพ. ประกิต วาทีสาธกกิจ' ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ตั้งคำถามว่า การเก็บภาษีนี้จะช่วยรัฐให้มีรายได้เพิ่มขึ้นคุ้มค่ากับปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงหากเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกทดแทนได้ชี้ให้เห็นถึงข้อดีด้านสุขภาพเมื่อเปรียบเทียบกับบุหรี่มวนแบบดั้งเดิม การใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจช่วยลดความเสี่ยงจากสารพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคปอดและมะเร็ง หากบุหรี่ไฟฟ้าถูกควบคุมให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ ภาครัฐจะสามารถดูแลให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยมากขึ้น และป้องกันการเข้ามาของสินค้าปลอมและสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพในตลาด ซึ่งมักมีส่วนประกอบที่เสี่ยงสูงกว่าและไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน
ประเด็นที่สำคัญคือ การให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้ปลอดภัย เพื่อสร้างความเข้าใจถึงข้อแตกต่างระหว่างบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่มวน รวมถึงการใช้ที่เหมาะสมและวิธีป้องกันการเสพติด บุหรี่ไฟฟ้าอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือช่วยผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่มวนได้ โดยเฉพาะหากมีการให้ความรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ควรเน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการเสพติดสารนิโคตินที่ยังคงมีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งหากใช้อย่างไม่ถูกวิธีหรือใช้ในกลุ่มที่ไม่ควรใช้อย่างเยาวชน อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว
หากรัฐบาลออกมาตรการควบคุมให้ชัดเจน เช่น การจำกัดบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีกลิ่นหอมหวานหรือรสชาติเย้ายวนสำหรับเยาวชน และกำหนดมาตรฐานการผลิตและนำเข้าที่เข้มงวด การควบคุมนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดมีคุณภาพและปลอดภัยมากขึ้น และลดโอกาสการเข้าถึงของสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหรือสินค้าปลอมในตลาด ซึ่งไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงทางสุขภาพ แต่ยังเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสุขภาพของคนในประเทศ
ในท้ายที่สุด การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยควรคำนึงถึงการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยและการลดความเสี่ยงของประชาชน การยอมรับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างมีมาตรฐานและการจัดเก็บภาษีอย่างเหมาะสมอาจช่วยลดอันตรายจากการเผาไหม้ของบุหรี่มวน และอาจเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับรัฐในระยะยาวหากสามารถควบคุมและป้องกันการเข้าถึงในกลุ่มที่ไม่เหมาะสม เช่น เยาวชนได้
การศึกษาจากนโยบายต่างประเทศแสดงให้เห็นว่า หากประเทศไทยเลือกแนวทางการควบคุมที่เน้นคุณภาพและความปลอดภัย บุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นเครื่องมือในการช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่มวนแบบดั้งเดิมที่เสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งปอดและโรคหัวใจ ในขณะที่เปิดทางให้มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเคร่งครัด และป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างสินค้าปลอมเข้าสู่ตลาด นี่จะเป็นก้าวสำคัญสู่การลดผลกระทบทางสุขภาพของผู้สูบและเสริมสร้างสุขภาพของประชาชนในระยะยาว