Wednesday, 14 May 2025
LITE

‘ก๊อต จิรายุ’ ชำแหละ!! ‘ชาวเน็ต’ ออกเป็น 4 ประเภท พร้อมบอก “ถ้าแยกได้ จะเป็นการช่วยสังคมคัดสรรคน”

(7 ส.ค. 66) นักแสดงหนุ่มคนดัง ‘ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล’ ได้เขียนข้อความว่า “เวลาได้ยินคำว่า ‘ชาวเน็ต’ ใช่ว่าจะเหมารวมเอาคนทั้งหมดที่เล่นโซเชียลว่าเป็นชาวเน็ต แต่จริง ๆ เราควรแยกประเภทชาวเน็ตเป็น 4 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่ 1 ชาวเน็ตที่ไม่เอากระแสใด ๆ เลยที่ไม่ได้เกี่ยวกับเป้าหมายชีวิตของตน ชาวเน็ตกลุ่มนี้จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสานฝันของตัวเองและปัดออกในสิ่งที่ทำให้ชีวิตล่าช้าจากความฝัน คนกลุ่มนี้เข้าใจธรรมชาติของคำว่ากระแสและสื่อ พวกเขาสามารถปัดสื่อไร้สาระออกจากชีวิตได้ทันทีหากเห็นว่าไม่ทำให้ชีวิตเจริญ คนกลุ่มนี้แม้จะอยู่ในโลกออนไลน์แต่เราอาจจะไม่เห็นพวกเขา

ประเภทที่ 2 เป็นชาวเน็ตที่แม้จะได้ยินสิ่งที่เป็นกระแส แต่ก็ไม่เชื่อไว้ก่อน เพราะมีสติปัญญารู้ว่าสื่อมักเล่ามุมเดียวจากที่มุมสื่อประสบมา ชาวเน็ตประเภทนี้จะแยกออกระหว่างสื่อกับเสี้ยม โดยชาวเน็ตกลุ่มนี้มักจะคัดสรรข้อมูลที่เข้าตัวมากกว่าที่จะรับทุกอย่างเข้าชีวิตอย่างไม่คิด

คนกลุ่มนี้แม้จะอยู่ในโลกออนไลน์แต่เราอาจจะเห็นเขาได้น้อย

ประเภทที่ 3 ชาวเน็ตที่เผลอเชื่อกระแสโคมลอยในโลกออนไลน์ แต่สามารถหยุดและตั้งสติได้เพื่อพิจารณาในมุมอื่น ๆ คือเป็นกลุ่มคนที่คล้อยตามกระแสที่มาไวไปไว แต่มีการฉุกคิดเห็นมุมต่าง มองมุมอื่นและพาตัวเองออกจากกระแสที่พิจารณาแล้วเห็นว่าไร้ประโยชน์ต่อตน

คนกลุ่มนี้อาจจะเห็นเขาปรากฏในคอนเทนต์ที่เป็นกระแส

ประเภทที่ 4 เป็นชาวเน็ตที่เชื่อทุกอย่างที่โลกออนไลน์ประเคนให้ โดยไม่สามารถใช้ความคิดวิเคราะห์ได้ เป็นกลุ่มคนที่ปราศจากสติในการวิเคราะห์ เป็นนักเชื่อที่มีนิสัยด่วนสรุป ไม่สามารถคัดกรองข่าวสารใด ๆ ได้ และมักทำตัวเป็น ‘ผู้รู้ดีในสิ่งที่ตนไม่รู้จริง’

ธรรมชาติของชาวเน็ตประเภทนี้ คือ จะส่งเสียงดังเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ และมักเห็นว่าเรื่องของทุกคนเป็นเรื่องของตนเอง คนกลุ่มนี้ไม่ใช้ศักยภาพสมองและอวดการไม่ใช้ศักยภาพอย่างภาคภูมิใจ

คนกลุ่มนี้พบอยู่มากในโลกออนไลน์ที่เป็นกระแส จะว่าไปคนกลุ่มนี้สามารถยกระดับจิตใจของตัวเองขึ้นได้ แต่มันต้องเริ่มจากการตั้งสติและแทนที่การด่วนสรุปด้วยการใช้ความพยายามเข้าใจในชีวิตของผู้อื่นมากขึ้น

สื่อหลายที่มักเหมารวมเอาคนทั้งหมดที่เล่นโซเชียลว่าเป็นชาวเน็ต แท้จริงหากมีการแยกประเภทก็ช่วยสังคมได้เป็นอย่างมากในการคัดสรรคน #คอมเมนต์อย่างผู้เจริญ #ชาวเน็ตประเภท4อาจไม่พอใจสิ่งนี้

‘ชาวต่างชาติ’ ประทับใจ ‘พฤติกรรมคนไทย’ เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องในที่สาธารณะ 

เมื่อวานนี้ (6 ส.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘Vee Chirasreshtha’ ได้โพสต์ข้อความถึงพฤติกรรม นิสัยของคนไทยที่ชาวต่างชาติประทับใจ โดยระบุว่า

“ครอบครัวฝรั่งมาเที่ยวไทย พาลูกเล็ก ๆ ขึ้นรถไฟฟ้า เด็ก ๆ ก็เสียงดัง ดื้อ งอแง แม่ก็พยายามดูลูกไม่ให้รบกวนคนอื่น ปรากฏว่า พอลงจากรถ เขาถ่ายคลิปเล่าว่า คนไทยน่ารักมาก ๆ ที่ไม่มีใครมองเขาด้วยสายตาในเชิงต่อว่า หรือแม้แต่บ่นด่า เพราะในหลายประเทศ ถ้าเด็กงอแงหรือดื้อเสียงดังในรถไฟฟ้า เขาคงโดนต่อว่าไปแล้ว แต่ที่เขาแปลกใจกว่าคือ มีผู้โดยสารคนไทยพยายามพูดคุยทำเสียงให้ลูกเล็ก ๆ ที่งอแงของเขาให้หยุดร้องด้วย ซึ่งเขาประทับใจมาก”

อัญชัน เทอเรส ร้านอาหารไทยสไตล์โฮมเมด หลากหลายเมนู กับสูตรลับเฉพาะที่ต้องลองชิม

อัญชัน เทอเรส ร้านอาหารไทยรสจัดจ้าน ย่านพุทธมณฑล สาย 2 ร้านนี้เน้น ความเป็นโฮมเมดสไตล์ไทยๆ ชื่อ “อัญชัน” ดอกไม้ริมรั้วเติบโตง่ายสื่อถึงความเรียบง่ายและยังเป็นดอกไม้กินได้ด้วย เมนูในร้านอัญชันจึงเป็นอาหารที่ทำจากดอกอัญชัน และเพิ่มเติมเมนูอาหารที่หากินได้ยากเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อาทิ หมูกรอบคั่วน้ำปลา ที่รับประกันความกรอบฟู ราดน้ำซอสเค็มหวานสูตรเฉพาะของร้าน

ผัดสามเหม็น จานขายดีที่รวมเอาสะตอ ชะอม กระเทียมโทน ผัดใส่วุ้นเส้นและไข่ไก่ ผัดเกรียมๆ รสชาติเข้มข้น ได้ความมันของสะตอข้าวอ่อนๆ หอมกลิ่นกระทะ อร่อยครบเครื่อง

ไข่ตุ๋นหน้ากระเทียมฉ่า เมนูที่ทุกคนชื่นชอบ ไข่ตุ๋นนุ่มๆ เนื้อเนียน โรยหน้าด้วยกระเทียมฉ่ากับน้ำปลากลิ่นหอมมาก

ไข่พะโล้แก้มหมู เมนูนี้เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่เปลี่ยนจากหมูสามชั้นที่มันเยอะเป็นแก้มหมูที่ให้รสสัมผัสของเนื้อและมีมันแทรกน้อยๆ ต้มข้ามวันจนน้ำพะโล้รัดตัวไข่ และแก้มหมูนิ่มนุ่มกลิ่นหอมน่าลิ้มลอง

แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย เป็นสูตรเครื่องแกงที่ตำเอง ซึ่งสีจะไม่เขียวเหมือนแกงเขียวหวานทั่วไป แต่รสชาติถึงเครื่อง กินพร้อมเนื้อปลากรายเด้งๆ รับรองติดใจ

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 5/10 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

ติดต่อ : 082-205-9899

เวลาเปิด - ปิด : 11.00-22.00 น. ทุกวัน

‘ต่าย ชุติมา’ ควงคู่ ‘น้องพิพิม’ รับรางวัล ‘คุณแม่ดีเด่น-ลูกกตัญญู’ เผย!! ดีใจ ที่ได้รางวัลอีกครั้ง ตนได้แต่ทำหน้าที่โดยไม่ได้หวังอะไร

(7 ส.ค. 66) แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเกิดกระแสดรามาหนักหน่วงขนาดไหน แต่การเลี้ยงและดูแลลูกสาวสุดที่รักอย่าง ‘น้องพิพิม ลิ้มเจริญรัตน์’ ของคุณแม่สุดสวย ‘ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ’ ก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ทำให้ล่าสุดเจ้าตัวได้รับรางวัลแม่ดีเด่น ในงานมอบรางวัลคนแห่งแผ่นดิน ประจำปี 2566 ณ ห้องประชุมรัชนีแจ่มจรัส 4 สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ซึ่ง ‘น้องพิพิม’ เองก็ได้รับรางวัลลูกกตัญญูในครั้งนี้เช่นกัน ซึ่งสาว ต่าย ก็เผยว่าดีใจและเป็นเกียรติที่ได้รับรางสัลนี้ และถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วด้วย

“ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นค่ะ (ยิ้ม) เป็นครั้งที่ 2 ค่ะ เคยได้มาแล้วรอบนึง ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะที่ได้รางวัลนี้ เราก็ทำหน้าที่ของเราโดยไม่ได้หวังอะไร แล้วสุดท้ายมีคนเห็นคุณค่าของความเป็นแม่ของเรา ก็ดีใจค่ะ จริง ๆ การเลี้ยงลูกของต่ายก็คือทำอะไรให้เป็นธรรมชาติที่สุดและตามวัยเขา เห็นว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ เราก็พยายามบอก พยายามที่จะเป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อน เป็นทุกอย่างให้เขาค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้วางอะไรให้เขามาก เพราะพอเข้าประถมต้นเราก็รอดแล้ว 3 ปี (หัวเราะ) พอจะขึ้นประถมปลายอาจจะต้องมาคิดว่าจะอยู่โรงเรียนเดิมหรือจะยังไง

เรื่องการดูสื่อโซเชียล เวลาที่เขาเล่นก็จะมีจำกัดเวลาให้อยู่แล้วค่ะ และสื่อที่เขาดูก็ต้องเหมาะสำหรับวัยของเขา ก็อยากให้กำลังใจคุณแม่ทุกคน รู้ว่าเลี้ยงลูกเหนื่อย แต่เราก็จะได้รับความภาคภูมิใจนั้นกลับมาในการเลี้ยงลูกของเรา ถ้าเราเลี้ยงลูกอย่างดีที่สุดค่ะ (ยิ้ม)”

‘ดิว อริสรา’ ควักเงินซื้อคอนโดหรูใจกลางกรุงหมดทั้งชั้น ลั่น!! ไม่ได้ตั้งใจอวดรวย ชอบเพราะถูกโฉลก อยู่แล้วปัง

(7 ส.ค. 66) ชีวิตปังไม่ไหวจริง ๆ สำหรับนักแสดงสาว ‘ดิว อริสรา’ ล่าสุดได้ควักกระเป๋าซื้อคอนโดใหม่ใจกลางเมือง แต่ในครั้งนี้เธอเล่นเหมาทั้งชั้นไปเลย เพราะว่าลูกชาย ‘น้องไซลาส’ เริ่มโตแล้ว ก็เลยอยากขยับขยาย และเธอก็เพิ่งจัดพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไปหมาด ๆ นี้เอง

ล่าสุด ‘ดิว อริสรา’ ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องซื้อคอนโดยกชั้น โดยระบุว่า ตอนนี้ยังไม่เข้าไปอยู่ แต่ฤกษ์คือต้องทำบุญขึ้นบ้านใหม่วันนั้น ตอนนี้ก็คือการรีโนเวทยังไม่ได้เข้าอยู่ ยังไม่เสร็จเลย ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่ซื้อบ้านเป็นหลังอยู่ไปเลย คือเราก็ลงทุนด้วย แล้วก็ถ้าเป็นบ้านวันหนึ่งเราต้องขายดิวว่ามันง่าย แล้วก็เราชอบที่นั่นแล้วก็ถูกโฉลกเรา อยู่แล้วเฮงอยู่แล้วดีอยู่แล้วปังอะไรแบบนี้ 

อันนี้คือทั้งฟลอร์เลย แต่เดี๋ยวหนูโดนด่าว่าอวด มันเหมือนเพนท์เฮาส์ ส่วนสามีเขาแฮปปี้อยู่แล้วแต่คุณสามีเขาตอนนี้อยู่ในช่วงรีโนเวทก็จะค่อนข้างเหนื่อย มันยังไม่เสร็จพอทำบ้านมันก็มีรายละเอียดเยอะ

ที่นั่นก็ค่อนข้างปลอดภัย ดิวเลือกจากความถูกโฉลกกับดิวค่ะ แล้วก็ให้ซินแสมาดูแล้วเรารู้อยู่แล้ว เรารู้สึกได้ว่าเราอยู่ที่นั่นเราแฮปปี้แล้วมีแต่เรื่องดี ๆ เราเลยอยู่ที่นั่น ห้องดิวมันได้ทุกทิศทางอยู่แล้ว คือมันเป็นแม่น้ำล้อมรอบ เพราะดวงดิวถูกกับแม่น้ำ ตามฉายาเน็ตไอดอลภาคพื้นทะเล พอมีน้ำล้อมรอบที่อยู่ของดิวก็คือดี

ถามว่าอยู่แล้วปังยังไง คือตั้งแต่ดิวอยู่ที่นั่น ชีวิตดิวค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ แล้วเราก็มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิต พอเราจะขยับขยายเราก็หาที่ ๆ มันเป็นที่เดิมก็อาจจะใหญ่ขึ้นหน่อย

‘ยงฮวา CNBLUE’ ชิม ‘เอสเพรสโซ่เย็น’ ครั้งแรกแล้วรู้สึกติดใจ!! ถึงกับชวนทุกคนทั่วโลก ให้มาสัมผัสเสน่ห์ ‘กาแฟไทย’ ด้วยกัน

(7 ส.ค. 66) เป็นที่ทราบกันดีในหมู่แฟนคลับแดนเกาหลีว่า ‘จอง ยงฮวา’ (Jung Yong Hwa) ศิลปินชื่อดังวง CNBLUE บินลัดฟ้ามาเปิดคอนเสิร์ตเดี่ยว ‘2023 Jung Young Hwa Live ALL-ROUNDER in Bangkok’ เพื่อมอบความสุขให้กับชาวบอยซ์อย่างเต็มอิ่ม ให้คุ้มค่าสมการรอคอยกันไปแล้ว

ก่อนบินกลับ ‘ยงฮวา’ ผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย ต้มยำกุ้ง ก็ไม่พลาดที่จะใช้วันพักผ่อนไปเที่ยวกรุงเทพฯ กันสักหน่อย และยังพาทีมงานไปนั่งชิลที่คาเฟ่สุดชิคแถวย่านตลาดน้อย เพื่อลิ้มลองเมนู ‘กาแฟเอสเย็น’ (Es-Yenn) หรือ เอสเพรสโซ่เย็น กาแฟเย็นสูตรลับเฉพาะของชาวไทย

งานนี้อปป้า ‘จอง ยงฮวา’ ได้ชิมแล้วเจ้าตัวถึงกับถ่ายภาพคู่กับกาแฟเอสเพรสโซ่เย็น และอัปโหลดภาพลงอินสตาแกรมส่วนตัว @jyheffect0622 บอกเล่าความประทับใจถึงกาแฟเอสเย็น พร้อมบอกอีกด้วยว่า ทุกคนต้องไปลิ้มลองกาแฟที่ประเทศไทยสักครั้ง ผ่านแคปชันสุดน่ารักว่า

“เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ลองกาแฟเอสเย็นของไทย รสชาติมันพิเศษมากแล้วก็หอมเข้มอย่างมีเอกลักษณ์มากกว่ากาแฟที่ผมเคยดื่ม ผมคิดถึงประเทศไทยมากๆ พวกคุณต้องไปลองดื่มกันดูนะครับ #AmazingThailand #EsYenn #EspressoYenn #ThaiEspresso #Thaicoffe #Thailand”

7 สิงหาคม พ.ศ. 2112 พระเจ้าบุเรงนอง ตีอาณาจักรอยุธยาแตก ทำให้เกิดเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1

วันนี้เมื่อ 454 ปีก่อน พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์ราชวงค์ตองอู ทรงตีอาณาจักรอยุธยาแตก ทำให้เกิดเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรตองอูเป็นเวลานาน 15 ปี พม่าเข้ายึดทรัพย์สินและกวาดต้อนผู้คนกลับไปพม่าเป็นจำนวนมาก 

วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2112 เกิดเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาตร์ เมื่อพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์ราชวงค์ตองอู ทรงตีอาณาจักรอยุธยาแตก ทำให้เกิดเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 โดยพระเจ้าบุเรงนองทรงนำทัพเข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2111 ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เมืองตาก รวมทั้งหมด 7 ทัพ รวมจำนวนได้กว่า 500,000 นาย และยกทัพลงมาถึงพระนครในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน 

โดยให้พระมหาธรรมราชาเป็นกองหลังดูแลคลังเสบียง ทัพพระเจ้าบุเรงนองก็ตั้งค่ายรายล้อมพระนครอยู่ไม่ห่าง การตั้งรับภายในพระนครส่งผลให้มีการระดมยิงปืนใหญ่ของข้าศึกทำลายอาคารบ้านเรือนอยู่ตลอด ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก

ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเมื่อทราบว่าหัวเมืองทางเหนือเป็นของพม่าแล้ว จึงเตรียมรบอยู่ที่พระนคร นำปืนนารายณ์สังหารยิงไปยังกองทัพพระเจ้าหงสาวดีที่ตั้งอยู่บริเวณทุ่งลุมพลี ทำให้ทหาร ช้าง ม้าล้มตายจำนวนมาก พม่าจึงถอยทัพมาตั้งที่บ้านพราหมณ์ให้พ้นทางปืน 

พระเจ้าหงสาวดีจึงเรียกประชุมการศึก พระมหาอุปราชเห็นสมควรให้ยกทัพเข้าตีไทยทุกด้านเพราะมีกำลังมากกว่า แต่พระเจ้าหงสาวดีไม่เห็นด้วยเพราะกรุงศรีอยุธยามีทำเลดีมีน้ำล้อมรอบ จึงสั่งให้ตีเฉพาะด้านตะวันออกเพราะคูเมืองแคบที่สุด 

ฝ่ายพม่าพยายามจะทำสะพานข้ามคูเมืองโดยนำดินมาถมเป็นสะพาน พระมหาเทพนายกองรักษาด่านอย่างเต็มสามารถ โดยให้ทหารไทยใช้ปืนยิงทหารพม่าที่ขนดินถมเป็นสะพานเข้ามา ทำให้พม่าล้มตายจำนวนมากจึงถอยข้ามคูกลับไป

พระเจ้าบุเรงนองทรงพยายามโจมตีอยู่นานจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2112 ก็ยังไม่ได้กรุงศรีอยุธยา อีกทั้งยังสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก โดยในภายหลังทรงย้ายค่ายเข้าไปใกล้กำแพงเมืองจนทำให้สูญเสียพลอย่างมาก ระหว่างการสงครามสมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวรและสวรรคตในเวลาต่อมา โดยสมเด็จพระมหินทร์ขึ้นครองราชและทรงบัญชาการรบแทน

พระเจ้าบุเรงนองจึงถามพระมหาธรรมราชาว่าจะ ทำอย่างไรให้ชนะศึกโดยเร็ว พระมหาธรรมราชาทรงแนะว่าพระยารามเป็นแม่ทัพสำคัญหากได้ตัวมาการยึดพระนครจักสำเร็จ จึงมีสาสน์มาถึงพระอัครชายาว่า "...การศึกเกิดจากพระยารามที่ยุยงให้พี่น้องต้องทะเลาะกัน ถ้าส่งตัวพระยารามมา ให้พระเจ้าหงสาวดีจะยอมเป็นไมตรี..." 

สมเด็จพระมหินทร์ฯ ทรงอ่านสาสน์แล้ว ปรึกษากับข้าราชการต่าง ๆ จึงเห็นสมควรสงบศึกเพราะผู้คนล้มตายกันมากแล้ว สมเด็จพระมหินทร์ฯมีรับสั่งให้ส่งพระสังฆราชออกไปเจรจาและส่งตัวพระยารามให้พระเจ้าบุเรงนองเพื่อเป็นไมตรี แต่พระเจ้าบุเรงนองตระบัดสัตย์ไม่ยอมเป็นไมตรี ทำให้สมเด็จพระมหินทร์ฯทรงพิโรธโกรธแค้นในการกลับกลอกของพระเจ้าบุเรงนองอย่างมาก มีรับสั่งให้ขุนศึกทหารทั้งปวงรักษาพระนครอย่างเข้มแข็ง พระเจ้าบุเรงนองเห็นว่ายังไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาไม่ได้ จึงส่งพระมหาธรรมราชามาเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ แต่ถูกทหารไทยเอาปืนไล่ยิงจนต้องหนีกลับไป

พระเจ้าหงสาวดีจึงคิดอุบายจะใช้พระยาจักรีที่จับตัวได้เป็นประกันเมื่อครั้งสงครามช้างเผือกเป็นไส้ศึก จึงให้พระมหาธรรมราชาทรงเกลี้ยกล่อมพระยาจักรีให้เป็นไส้ศึกในกรุงศรีอยุธยา แล้วแกล้งปล่อยตัวออกมา รุ่งเช้าพม่าทำทีเป็นตามหาแต่ไม่พบเลยจับตัวผู้คุมมาตัดหัวเสียบไว้ริมแม่น้ำเพื่อให้ไทยหลงกล

สมเด็จพระมหินทร์ฯทรงดีพระทัยที่พระยาจักรีหนีมาได้จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชาการรบแทนที่พระยาราม ครั้นพระยาจักรีได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาพระนครแล้วจึงดำเนินการสับเปลี่ยนหน้าที่ของฝ่ายต่าง ๆ จนกระทั่งการป้องกันพระนครอ่อนแอลง 

พระยาจักรีได้ใส่ร้ายให้พระศรีสาวราชว่าเป็นกบฏจึงถูกสำเร็จโทษ เมื่อเห็นว่าได้เวลาอันควรพระยาจักรีจึงให้สัญญาณแก่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาทุกด้าน และทำให้กองทัพพม่าเข้าสู่พระนครสำเร็จโดยใช้เวลาเพียง 1 เดือน โดยในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2112 พระยาจักรีจึงให้สัญญาณแก่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาและเปิดประตูเมือง ทำให้ทัพพม่าเข้ายึดพระนครสำเร็จ กรุงศรีอยุธยาจึงตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรตองอู

‘จ๊ะ นงผณี’ ซึ้ง!! แฟนเพลงแห่ให้กำลังใจ ปมดรามา ‘ตั๊กแตน’  พร้อมร้องไห้กลางเวที ลั่นคำพูดสั้นๆ แต่ทำเอาซู๊ดปาก

(6 ส.ค. 66) เรียกว่าเป็นมหากาพย์ดรามาสะเทือนวงการ เมื่อนักร้องลูกทุ่งชื่อดังอย่าง ‘ตั๊กแตน ชลดา’ ออกมาโพสต์ฟาดเดือด เรื่องการแทรกคิวของนักร้องสาวรุ่นน้อง ‘จ๊ะ นงผณี’ กระทั่งต่อมาทีมจ้างงานในวันนั้น ได้ออกมาโพสต์ถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาดของการประสานงานที่ไม่เคลียร์ จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น แม้ว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงแล้ว ทว่าดรามาเกาเหลาระหว่างสองนักร้องชื่อดัง ยังคงไม่จบง่ายๆ เพราะด้านสาวจ๊ะเองถึงกับลั่นไว้เลยว่า หากเจอตั๊กแตนจะไม่ขอไหว้ เพราะเลิกนับถือแล้วนั่นเอง

ล่าสุด มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า ‘icy_poo’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอในงานคอนเสิร์ตของสาวจ๊ะ ซึ่งเป็นช่วงพูดคุย ที่นักร้องดังถึงกับหลั่งน้ำตากลางเวที เนื่องด้วยได้รับกำลังใจจากแฟนเพลงอย่างท่วมท้น โดยเธอกล่าวว่า…

“วันนี้ทุกคนมากอดจ๊ะ แล้วพูดกับจ๊ะว่าเป็นกำลังใจให้จ๊ะ จ๊ะขอบคุณทุกคนมากๆ และจ๊ะก็มีคำพูดอยู่คำเดียวว่า “ใครทำอะไร ขอให้มันได้อย่างนั้น” ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจไปให้กับเอมด้วย ยืนยันคำเดียวใครทำยังไง ขอให้ได้อย่างนั้น แค่นั้นพอวันนี้เพลงชื่อว่าโอเคนะคะ แต่ไม่โอเคเลย ทำเอาเหล่าแดนเซอร์และแฟนๆ ต้องปลอบใจนักร้องสาวกันยกใหญ่”

‘ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์’ เปิดตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ ‘BLAZO Multi Plant Protein’ โปรตีนพืชทางเลือก ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เพื่อหุ่นเฟิร์ม-สุขภาพดี

(6 ก.ค. 66) บริษัท เอเวิลด์ 9 จำกัด ภายใต้การบริหารของ คุณสุนีย์ รอดประสิทธิ์ ประธานบริหาร ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพความงามมากว่า 20 ปี ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘Blazo Multi Plant Protein’ ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ ดื่มอร่อย พร้อมหุ่นเฟิร์ม ลีนลง ลีนไว จัดเต็มถึง 4 รสชาติ หวังครองใจหนุ่มหล่อสาวสวยคนรุ่นใหม่

โดยจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์งาน ‘Grand Opening BLAZO Multi Plant Protein’ พร้อมเปิดตัว พรีเซ็นเตอร์นางเอกสาวสวยดีกรีนางงาม ‘ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล’ ที่ไว้ใจเลือก Blazo Multi Plant Protein เป็นตัวช่วยดูแลหุ่นสวย สุขภาพดี ในวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566 เวลา 16.00 น. ลานกิจกรรม Zpotlight ชั้น G ศูนย์การค้า Future park & Zpell

ภายในงานเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่และไฮไลท์โชว์จากนางเอกสาวปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ มาในลุคสวย แซ่บ หุ่นเฟิร์ม เซ็กซี่ พร้อมแจกรอยยิ้มมั่นใจให้กับผู้ร่วมชมงาน และได้รับเกียรติจากคุณสุนีย์ รอดประสิทธิ์ ประธานบริหาร บริษัท เอ เวิลด์ ไนน์ จำกัด ร่วมพูดคุยบนเวที พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร คุณชยพล คฤหโยธิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ, คุณอังวรินทร์ ศรีชัยอิทธิกุล ผู้จัดการทั่วไป พร้อมแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยมี ‘ดีเจ-อ๋อง เขมรัชต์ สุนทรนนท์’ ทำหน้าที่พิธีกร

สำหรับ ‘BLAZO Multi Plant Protein’ เป็นผลิตภัณฑ์โปรตีนพืชทางเลือก ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพ การดูแลสุขภาพสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีหุ่นลีนแบบสุขภาพดี แข็งแรง โดยมีส่วนผสมคัดสรรจากโปรตีนพืชเกรดพรีเมี่ยม สารสกัดจากธรรมชาติ 100 % ผสมผสานกับนวัตกรรมระดับโลก Cell Enhanz คิดค้นโดยนักวิจัยไทย โดยการันตีด้วยรางวัลเหรียญทองระดับโลก จากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สามารถช่วยเร่งประสิทธิภาพในการดูดซึมและนำพาสารสกัดให้เข้าถึงระดับเซลล์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารสำคัญได้มากขึ้น 3-5  เท่า
BLAZO Multi Plant Protein ใส่ใจในเรื่องของความอร่อย ดื่มง่าย ถูกใจผู้บริโภค

ภายในงานได้เปิดตัวถึง 4 รสชาติใหม่ ได้แก่ รสมิกซ์เบอร์รี่, รสกล้วยหอม, รสวนิลา, รสดาร์กช็อกโกแลต ทุกรสชาติมีประโยชน์แก่ร่างกาย บำรุงสุขภาพแบบครบจบในแก้วเดียว ประกอบไปด้วย รสมิกซ์เบอร์รี่ อร่อย หวานลงตัวด้วยเบอร์รี่ 9 ชนิด ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งชะลอวัย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา, รสกล้วยหอม หอมกลิ่นกล้วย พร้อมช่วยเร่งเผาผลาญและดักจับไขมัน ลดการสะสมของไขมัน มีส่วนช่วยเรื่องระบบขับถ่าย พรีไบโอติกและใยอาหารสูง, รสวนิลา หอมกลิ่น วนิลา ช่วยเสริมสร้างแคลเซียมและกระดูก ไขข้อ ลดอาการข้อเข่าเสื่อม การอักเสบ, อาการข้อฝืดข้อตึง, การเสื่อมของกระดูกอ่อน เพิ่มความยืดหยุ่นของเส้น ช่วยบำรุงผิวพรรณ เส้นผมและเล็บ และรสดาร์กช็อกโกแลตเข้มข้นเต็มรสช็อคโกแลต ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เสริมสร้างสมรรถภาพการทำงานของร่างกายและประสิทธิภาพการออกกำลังกาย ป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่ออกกำลังกาย อร่อยพร้อมหุ่นเฟิร์ม ลีนลง ลีนไว ไว้ใจ  Blazo Multi Plant Protein สวย หล่อ หุ่นดี ในทุกวันอย่างมั่นใจ

โดยคุณสุนีย์เผยว่า “บริษัท เอเวิลด์ 9 จำกัด มีความมุ่งมั่นตั้งใจควบคุมคุณภาพสินค้า มีมาตรฐาน กระบวนการผลิตระดับสากล เราจัดสรรวัตถุดิบอย่างดีมาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ให้สินค้าได้มาตรฐานและใช้สารสกัดเกรดพรีเมี่ยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอกย้ำให้ผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ Blazo Multi Plant Protein เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และราคาก็สมเหตุ สมผล สามารถจับต้องได้”

BLAZO Multi Plant Protein มีช่องทางการจัดจำหน่ายหลากหลาย สนใจสั่งซื้อสินค้าหรือสมัครตัวแทน ติดต่อสั่งซื้อกับสมาชิก AW9 ได้ทั่วประเทศไทย

ศูนย์บริการข้อมูล : 02-0302428, 092-495-4523
Line : @blazoaw9  
Inbox  : BLAZO Multi Protein

Portobello & Desire จิบน้ำชายามบ่าย สไตล์อังกฤษ ร้านหรูวินเทจ ในสวนร่มรื่น ย่านเกษตร-นวมินทร์

วันอาทิตย์ แบบนี้ THE STATES TIMES ขอแนะนำร้านดีๆ ที่จะทำให้ วันอาทิตย์ของคุณวันนี้กลายเป็นวันหยุดสุดพิเศษ

Portobello & Desire (พอร์ทโทเบลโล่ แอนด์ เดเซเร) คาเฟ่สีขาวบรรยากาศอบอุ่น ย่านเกษตรนวมินทร์ ร้านนี้เปิดอยู่ในซอยประดิษฐ์มนูธรรม ร้านตกแต่งสไตล์อังกฤษ มีโซนเอาท์ดอร์ให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายท่ามกลางสวนร่มรื่น รวมถึงโซนห้องแอร์ที่เน้นโทนสีขาวแนวชวนฝันแบบเรียบหรู 

เดินเข้ามาจากทางด้านหน้า จะเห็นพื้นที่นั่งในสวนเอาท์ดอร์ที่กว้าง มีที่นั่งอยู่หลากหลายท่ามกลางสวนสีเขียว ส่วนตัวร้านนั้น เป็นบ้านวินเทจสีขาว  บรรยากาศแบบ English Country Home แสนอบอุ่น จากสวนมองไปเห็นพื้นที่ภายในร้านซึ่งทำเป็นหน้าต่างให้มองออกมาข้างนอกได้ เรียกได้ว่านั่งทานอาหารไปก็ชมสวนไปด้วย ส่วนพื้นที่โซนห้องแอร์เย็นๆนั้น พื้นที่ไม่กว้างมากแต่ตกแต่งได้น่ารักชวนฝัน ประดับด้วยดอกไม่ในโทนสีขาว 

สำหรับเมนูอาหารของPortobello & Desire จะเน้นอาหารแบบตะวันตกสไตล์โฮมเมด โดยมีทั้งอาหารจานหลักและเมนูของว่าง แต่ละอย่างล้วนได้รับการปรุงอย่างใส่ใจ และมีความสร้างสรรค์ตามแบบฉบับของทางร้าน เมนูแนะนำ ได้แก่ “garlic bread” ขนมปังกระเทียมเนื้อนุ่ม, “spicy salmon” แซลมอนหั่นเต๋า เคล้าน้ำยำเนื้อข้น, “spaghetti clams meat” สปาเกตตี้ผัดพริกแห้งใส่หอยลายรสจัดจ้าน, “duck confit” น่องเป็ดปรุงด้วยซอสส้ม, “orange crepe” เครปนุ่ม ๆ เสิร์ฟกับพีชเชื่อมและส้มเชื่อม และ “rose soda” สดชื่นซู่ซ่า สั่งมากินตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี

เมนูของหวาน ก็มีมากมายอาทิ เครปสตรอเบอรี่ ที่มาพร้อมไอศกรีมวนิลลาและสตรอเบอรี่ สดกรอบอร่อย เครื่องดื่มก็มีหลากหลายให้เลือก ซึ่งล้วนเข้ากันได้ดีกับอาหาร โดยเฉพาะชาที่มีกลิ่นหอม รสชาติเยี่ยมมาก

ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. 
ที่อยู่ : ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
เบอร์โทรศัพท์ : 098-289-8703

เรื่อง : กันย์ ฉันทภิญญา Content Manager

‘เป๊ก-อ๊อฟ-ไอซ์’ เตรียมจัดคอนเสิร์ตใหญ่สุดในรอบ 15 ปี แฟนคลับกาปฏิทินรอพบความสนุกแบบเกินต้าน!!

กาปฏิทินรอ!! ‘GMM SHOW’ ร่วมกับ ‘ATIME SHOWBIZ’ เตรียมเสิร์ฟปรากฏการณ์ความสนุกแบบเกินต้าน จัดคอนเสิร์ตใหญ่สุดพิเศษในรอบ 15 ปี ของ ‘เป๊ก – อ๊อฟ – ไอซ์’ กับ ‘The Concert Application Presents Peck Aof Ice InFriendnity Concert’

หลังห่างหายไปนานกว่า 15 ปี ในที่สุด 3 ศิลปินมากความสามารถและมีเอกลักษณ์ของเสียงร้องอย่าง ‘เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร’, ‘อ๊อฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์’ และ ‘ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช’ เจ้าของเพลงฮิตที่แฟนเพลงยังคงคิดถึง ไม่ว่าจะเป็น แค่คนโทรผิด, น่ารัก น่า Love, เรื่องไม่ดีไม่จำ และอีกหลายเพลงฮิตที่ยังคงเปิดฟังและนำมาร้องกันอยู่ในทุกวันนี้

ล่าสุด ‘เป๊ก-อ๊อฟ- ไอซ์’ พร้อมแล้วที่จะส่งคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบในรอบ 15 ปี กับคอนเสิร์ต ‘The Concert Application Presents Peck Aof Ice InFriendnity Concert’ - Friend สนิท Fin สนั่น (เดอะคอนเสิร์ต แอปพลิเคชั่น พรีเซนต์ เป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ อินเฟรนด์นิตี้ คอนเสิร์ต) ในวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน และวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน งานนี้มาพร้อมโชว์สุดพิเศษ และโปรดักชั่น แสง สี เสียง สเตจ จัดเต็มกว่าที่เคย การันตีความสนุกสุดประทับใจแบบครบทุกโมเมนต์ โดย 2 ผู้จัดมืออาชีพอย่าง ‘ATIME SHOWBIZ’ (เอไทม์โชว์บิส) และ ‘GMM SHOW’ (จีเอ็มเอ็มโชว์)

โดย ‘เป๊ก-ผลิตโชค’ เผยถึงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้ว่า “รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้กลับมาทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ ทั้ง 2 คน และจะได้เจอกับแฟน ๆ อีกครั้งครับ สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบครั้งที่ 2 ของเราทั้ง 3 คน และถ้าใครจำบรรยากาศความสนุกของคอนเสิร์ตเมื่อ 15 ปีที่แล้วได้ อยากบอกว่าทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตรียูเนี่ยนครั้งนี้ทุกคนจะเต็มอิ่มทุกโมเมนต์ ได้ดูกันแบบครบทุกอารมณ์ ฉะนั้น 2 กันยายนนี้ อย่าลืมกดซื้อบัตร แล้วมาเจอและสนุกไปด้วยกันนะครับ”

‘อ๊อฟ-ปองศักดิ์’ กล่าวเสริมว่า “ดีใจนะที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบ 15 ปี มันเป็นความพิเศษมาก ๆ ครับ ในระหว่าง 15 ปี แต่ละคนมีเส้นทางเดินของตัวเอง พอวันนี้ได้มีโอกาสกลับมาทำงานร่วมกันมันยิ่งทำให้มีความอยากจะขึ้นโชว์ แล้วได้มาร้องเพลงที่หลายคนยังคงคิดถึงอยู่ สำหรับคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นนี้ ทั้งความสนุก ความประทับใจ ทุกอย่างจะบียอน หรือคูณ 3 อย่างแน่นอน บอกตามตรงว่าตื่นเต้นมาก ๆ ครับ พวกเราต้องทำให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนซื้อบัตรไม่อยากให้พลาดคอนเสิร์ตครั้งนี้เพราะไม่รู้จะมีครั้งหน้าเมื่อไหร่ที่เราจะได้มารวมตัวกันอย่างนี้ครับ”

และ ‘ไอซ์-ศรัณยู’ กล่าวปิดท้ายว่า “ดีใจมาก ๆ ครับ ที่มีแฟน ๆ รอคอยการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของพวกเรา และคอนเสิร์ตของพวกเราทั้ง 3 คนในครั้งนี้ จะเป็นคอนเสิร์ตที่ได้รวมเอาประสบการณ์ทั้งหมดใน 15 ปีที่ผ่านมา มาเขย่ารวมกัน เพื่อทำให้แฟน ๆ ของพวกเราได้สนุกมากกว่าที่เคย รับรองว่าทุกเพลงที่เราเอามาเล่น ทุกคนร้องและเต้นตามได้แน่นอน อยากจะขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนพวกเรามาโดยตลอด คอนเสิร์ตครั้งนี้พวกเรา และทีมผู้จัด ตั้งใจกันมาก ๆ ไม่อยากให้พลาดนะครับ”

สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ ‘เป๊ก-อ๊อฟ-ไอซ์’ มีความตั้งใจที่จะสร้างโมเมนท์สุดพิเศษแบบครบทุกอารมณ์ ทั้งสุข สนุก สุดซึ้ง เพื่อมอบความประทับใจให้กับแฟน ๆ ที่มาดูคอนเสิร์ต จึงอยากจะขอเชิญชวนทุกคนมาสนุกแบบเฟรนด์สนิท และมาฟินกันให้สนั่น ใน ‘The Concert Application Presents Peck Aof Ice InFriendnity Concert’ - Friend สนิท Fin สนั่น (เดอะคอนเสิร์ต แอปพลิเคชั่น พรีเซนต์ เป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ อินเฟรนด์นิตี้ คอนเสิร์ต) ในวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน และวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดจำหน่ายบัตรวันที่ 2 กันยายน 2566 ที่ The Concert Application หรือ www.theconcert.com บัตรราคา 5,500 / 4,500 / 4,000 / 3,500 / 3,000 / 2,500 / 2,000 / 1,500 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB: Atimeshowbiz และ FB: GMM SHOW รวมทั้งช่องทางอื่น ๆ ได้ที่ TIKTOK: @gmmshow, IG: @gmmshow

‘เปิ้ล ไอริณ’ แชร์ประสบการณ์เที่ยวคนเดียวมาแล้ว 43 ประเทศ แต่ไม่มีที่ไหนมีเสรีภาพเท่าไทย ขอทุกคนจงภูมิใจในแผ่นดินเกิด

เมื่อไม่นานนี้ ‘เปิ้ล ไอริณ’ นักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Irin Sriklao (เปิ้ล ไอริณ)’ ขณะกำลังพักผ่อนอยู่ที่หาดทรายแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเธอได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘ว่าด้วยเรื่อง ‘เสรีภาพ’ ที่กำลังเรียกร้อง’ ระบุว่า…

ว่าด้วยเรื่อง ‘เสรีภาพ’ ที่กำลังเรียกร้อง 😁

เราเคยสงสัยว่า ทำไมเราถึงมีจิตวิญญาณรักการท่องเที่ยว รักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ จนแบกเป้ไปคนเดียว เที่ยวมาแล้ว 43 ประเทศ!!

มาวันนี้ตกผลึกได้ว่า จักรวาลคงอยากให้เราไปสัมผัส ไปให้เห็นกับตา แล้วกลับมา บอกเล่าให้ทุกๆ คนฟัง!!

จากประสบการณ์ที่ได้พบ เราพูดได้เต็มปาก แบบไม่ลำเอียงเลย ว่า ประเทศไทยเรา ช่าง ‘มีเสรีภาพมากที่สุด’ ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต การท่องเที่ยว และการทำมาหาเลี้ยงชีพ ประเทศเรา จะตั้งโต๊ะหน้าบ้าน ขายหมูปิ้ง ขายก๋วยเตี๋ยว ขายโจ๊ก ปลาท๋องโก๋ (ปาท่องโก๋) จะตกปลา หาผักริมทาง จะปั่นรถขายกาแฟ รถขายไก่ย่างส้มตำ ตลาดนัด ถนนคนเดินไม่ต้องพูดถึง ไปทะเล ของอร่อยๆ ขายกันตามฟุตบาธ ตามริมหาดมีของแบกขาย จะนั่งริมหาดไหนนั่ง จอดรถริมหาดตรงไหนก็ได้ แต่ที่ต่างประเทศ คุณทำไม่ได้ค่ะ!! แล้วทะเลไทยสวยจริง น้ำทะเลบ้านเรา ก็ไม่หนาวเย็นเหมือนแถบยุโรป!

นี่เรายังไม่เคยไปประเทศไหน ใจดีอนุญาตให้พาหมา ไปพายเรือ ว่ายน้ำเล่น ในกองฐานทัพเรือได้เลย!! แถมน้ำใสกริ๊ง คาเฟ่ในไทยก็มีเยอะ น่านั่งจนต่างชาติทึ่ง!!

จงรักประเทศไทยเรากันเถอะค่ะ ขวานทองของไทยนี้ มีดี มีเสน่ห์ มีเสรีภาพมากมาย ชนชาติที่ว่าเจริญแล้ว ครั้งหนึ่งในชีวิต ยังขอบินข้ามซีกโลกมาชื่นชมบ้านเราเลย เพราะ นอกจากมีธรรมชาติงดงาม มาละคุ้มค่าเงิน ที่พักถูก ค่าอาหารเบาๆ ที่มีรสชาติขึ้นชื่อ ไทยเรายังมีความปลอดภัยแบบสุดๆ และมีเสน่ห์จากรอยยิ้ม และมิตรภาพของผู้คนอีกด้วย

เราเอง เคยคิดอยากย้ายประเทศ แต่กะจะขอเที่ยวทุกจังหวัดก่อน สุดท้ายโดนตก ไม่ไปไหนละ 😁

อ่านแล้ว ขอให้รัก และภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิดของพวกเรา และมองให้เห็นเสรีภาพ ที่เราอาจคุ้นชิน จนลืมให้ค่า และลองหันมาเห็นค่าให้มากๆ ขึ้นนะคะ

บอกเลย!! คุณโชคดีที่สุดแล้ว ที่ได้เกิดเป็นคนไทย 🥰💕🇹🇭

ทั้งนี้ หลังเปิ้ล ไอริณโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ได้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นชื่นชมและให้กำลังใจเปิ้ล ไอริณเป็นจำนวนมาก โดยหลายคนระบุว่า “รักเมืองไทยที่สุด”

6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณู ‘เมืองฮิโรชิมา’ คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นทันที 80,000 คน

วันนี้เมื่อ 78 ปีที่แล้ว นับเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ชาวญี่ปุ่นและชาวโลกยากจะลืมเลือน เมื่อสหรัฐอเมริกา ทิ้งระเบิดปรมาณู เหนือเมืองฮิโรชิมา ส่งผลให้มีคนตายทันที 80,000 คน

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เป็นอีกหนึ่งวันที่คนญี่ปุ่นไม่มีวันลืม เมื่อระเบิดปรมาณู ‘ลิตเติลบอย (Little Boy)’ ถูกทิ้งเหนือเมืองฮิโรชิมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีประมาณ 80,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากการได้รับกัมมันตภาพรังสีอีก 60,000 คน

‘ลิตเติลบอย (Little Boy)’ เป็นชื่อระเบิดปรมาณู ที่ถูกนำไปทิ้งเหนือเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น โดยเครื่องบิน B-29 Superfortress (เครื่องบินลำนี้มีชื่อ Enola Gay) และระเบิดลูกนี้ ยังนับเป็นระเบิดปรมาณูลูกแรกที่ใช้ในการสงครามอีกด้วย

อาวุธนี้พัฒนาขึ้น ในระหว่างจัดตั้ง ‘โครงการแมนฮัตตัน’ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย ‘จูเลียส โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์’ ผู้ที่ได้ฉายาว่า ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’

สำหรับ ‘ลิตเติลบอย’ มีความยาว 3 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 71 เซนติเมตร และน้ำหนัก 4,000 กิโลกรัม บรรจุธาตุยูเรเนียมประมาณ 64 กิโลกรัม และจากเหตุการณ์นี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีประมาณ 80,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากการได้รับกัมมันตภาพรังสีอีก 60,000 คน

เปิดชีวิตแต่งงาน ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ กับสามีเศรษฐีบ่อน้ำมันชาวคูเวต หลังอำลาวงการบันเทิงไปสวมบทบาทใหม่เป็นคุณแม่ลูก 2

(5 ก.ค. 66) อดีตนักแสดงสาว แองจี้ เฮสติ้ง ที่วันนี้จะมาเปิดชีวิตหลังอำลาวงการไปแต่งงานกับนักธุรกิจเศรษฐีบ่อน้ำมัน ชาวคูเวตกว่า 8 ปี พร้อมบทบาทใหม่เป็นคุณแม่ลูก 2 แถมเล่านาทีชีวิต รกพันคอลูก ต้องคลอดก่อนกำหนด ผ่านทางรายการคุยแซ่บ show ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตั้งแต่แต่งงานจนถึงตอนนี้กี่ปีแล้ว?
แองจี้ : ประมาณ 8 ปีแล้ว คือเราแต่งงานไป เราตั้งใจแล้วว่าเราลาวงการ แล้วยังไม่มีโอกาสได้กลับมาออกรายการด้วย ไปอยู่ที่นู่นด้วย โควิดด้วย คือไม่พร้อม

ก่อนแต่งคบมานานเท่าไหร่?
แองจี้ : กว่าจะได้แต่ง กว่าจะให้เขารู้ตัวว่าเราเป็นโซลเมทใช้เวลานานมาก 10 ปี บวกอีก 8 ปี เป็น 18 ปี

ย้อนไปตอนนั้นพี่ทำยังไง ให้เขารู้ว่ายูคือโซลเมทของฉันนะ ขอฉันแต่งงานได้แล้ว?
แองจี้ : ตอนนั้นคบได้ 9 ปีแล้ว ก็บอกเขาถึงเวลาแล้วนะ ยูควรจะตัดสินใจเพราะว่าในตอนนั้น เรา 35 แล้ว เราต้องตัดสินใจว่าจะไปทางไหน จะเป็นนักแสดงเต็มตัวเลย หรือว่าเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนไปเลยไม่ต้องแต่งงานก็ได้ เลยบอกสามีว่าฉันให้เวลาอีกปีหนึ่งนะ ถ้าไม่ขอฉันแต่ง ฉันจะตัดขาด ตั้งใจที่จะทำงานต่อ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เราก็มั่นใจว่าเขาต้องขอเราแน่ๆ

แล้วทำยังไงอยู่ๆ เขามาขอเรา?
แองจี้ : ตอนเขามาขอเรา เราคิดเลยว่าเขาต้องจัดฉากโรแมนติกนู่น นี่ นั่น แต่ตอนเขาขอแต่งงานเขาไม่ได้จัดฉากอะไรเลย เราก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าเขามาขอ เหมือนเขาจะหลอกเราไปถ่ายรูป เขาเป็นคนชอบถ่ายรูป เขาพาไปถ่ายที่แบบเหม็นๆ ที่คูเวต เขาบอกยูมาถ่ายรูปหน่อย รอนานแล้ว ยูจะผูกรองเท้าอะไรนักหนา แล้วเขาก็ดึงแหวนออกมาจากรองเท้า แล้วหน้าเราก็แบบ โอ้โห…

ถ้าย้อนไป 8 ปีที่แล้ว MTV และละครบูมมาก อะไรที่ทำให้พี่ยุติวงการบันเทิง?
แองจี้ : ตอนที่แต่งงานกับเขาจี้ยังไม่ได้ย้ายนะ ยังถ่ายละครอยู่ ยังรับงานอยู่ประมาณปีกว่าเกือบ 2 ปี เขาบอกว่ายูแต่งงานนะ ยูเป็นภรรยาของฉันนะ ทำไมยูยังไม่ย้าย ทำไมยังถ่ายละครอยู่ เราก็ลืมไป ไม่ได้คิดว่าแต่งงานเสร็จเราต้องย้าย เราคิดว่าแต่งงานก็คือแต่งงาน

มันเป็นกฎของครอบครัวคนคูเวตหรือเปล่าต้องย้าย?
แองจี้ : คือเราแต่งงาน เราต้องอยู่ด้วยกันใช่ไหม จี้ลืมไป ไม่ได้คิดว่าเราแต่งงาน เราต้องย้าย เพราะเราอยู่แบบนี้มา10 ปี ลืมไปเลย

พอละครปิดกล้องก็ไป?
แองจี้ : ก็กลับไปเลย เขาแต่งงานกับเราเนี่ย เขาขอร้องให้เราย้ายไปอยู่กับเขา มันก็ต้องตัดสินใจย้ายไปอยู่ ก็ทำใจเราชอบการแสดงมาก พอตัดสินใจเราต้องเด็ดขาด

บางคนก็บอกว่าเราโชคดีจังเลย สามีมีฐานะ หนูตกถังข้าวสาร ตอนนั้นตัวเราเองที่รักกันมา 10 ปีกว่าจะได้แต่งงาน เรารู้สึกยังไง?
แองจี้ : ตอนที่ย้ายไปอยู่ที่คูเวต คิดเหมือนกันว่านี่คือชีวิตเราเหรอ อยู่บ้านใหญ่โต ตื่นมาสามีก็ไปทำงาน แล้วเราก็เดินแบบทำตัวไม่ถูกจริงๆ มันไม่ใช่เราไง เราเป็นคนทำงานตั้งแต่เด็ก มันชินกับลูทีนที่เราต้องตื่นไปถ่ายละครแต่เช้าแล้วกลับบ้าน ล้างหน้าแล้วกลับไปนอน เช้ามาก็ไปทำงานเหมือนเดิม คือมันเปลี่ยนไปเยอะเลย เราไม่รู้จะทำอะไรกับตัวเองพอไปอยู่ประเทศที่ไม่เหมือนบ้านเรา ไปอยู่ประเทศที่มีแต่ทะเลทราย ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ไม่มีพ่อ แม่

จริงไหมที่สามีคุณคือเศรษฐีบ่อน้ำมัน?
แองจี้ : ทำงานน้ำมัน แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน

ไปอยู่วันแรกเจ้าหญิงเลย?
แองจี้ : ลงมาก็มีคนดูแล ที่บ้านเขาจะเรียกเรามาดาม จี้มีพนักงานประมาณ 14-15 คน ที่บ้านอยู่กันมีแองจี้ สามี พ่อสามี ทั้งหมด 3 คน

แล้วมีพนักงาน 14 คน?
แองจี้ : ก็มีกุ๊ก มีคนละชั้นกัน บ้าน 4 ชั้นครึ่ง

อาทิตย์หนึ่งหรือเป็นเดือนกว่าจะปรับตัวได้?
แองจี้ : ก็นาน เดินไปเดินมา ตายแล้วสามีจะให้เราทำผมทุกวันเลยเหรอ ทำเล็บทุกวันเลยเหรอ มันไม่ใช่เราแล้ว เราต้องหาอะไรทำ แต่เราก็ไม่รู้ไง ภาษาเราก็ไม่ได้ อะไรที่ถนัดก็คือความสวยความงาม ก็เลยหาธุรกิจที่ไม่เหมือนคนอื่นแล้วทำ นั่นคือนำเข้าแบรนด์จากเกาหลีมาขายที่คูเวต และเป็นเจ้าแรก ตอนนั้นไม่มีตลาด มันยังใหม่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วเขายังไม่รู้เลยว่าเกาหลีคืออะไร

ตอนแรกยากไหม?
แองจี้ : ยาก แต่ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะจี้มีพาสเนอร์เป็นอินฟูที่ดังมากอยู่แล้ว เขาช่วยสื่อสารภาษาให้กับฟอลโลเวอร์ว่ามันเป็นของเกาหลี ราคาก็ได้ ราคาก็ดีเทียบกับลัคชูรีแบรนด์

แล้วสามีที่เขาคาดหวังให้เราทำเล็บทุกวัน ทำผมทุกวัน?
แองจี้ : ก็อธิบาย สามีบอกเธอไม่อยากเป็นมาดามเหรอ เธอแปลกมากเลยนะคนอื่นเขาอยากเป็นมาดาม ไม่ต้องทำอะไร แต่เราเป็นคนทำงานตั้งแต่เด็ก

แล้วอย่างนี้ขัดใจสามีไหม?
แองจี้ : เขาคงงงๆ จริงๆ ที่นู่นเขาไม่อยากให้ผู้หญิงทำงาน เราก็อธิบายแล้วเขาก็เข้าใจแหละว่าเราอยู่อย่างนั้นไม่ได้เราต้องทำงาน เพราะถ้าอยู่อย่างนั้นเราเครียดนะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเลย ไม่มีสังคม จะอยู่บ้านกับสามี เราก็อยากออกไปทำงาน มีรายได้นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี แต่ตอนนั้นยังไม่มีลูก

แล้วอะไรที่ตัดสินใจว่าคุณสามีเราต้องมีลูก?
แองจี้ : เราก็นอนกระดิกเท้ากัน นี่พ่อ แม่ ฉันมาพูดแล้วนะว่าเมื่อไหร่จะมีลูกสักที อยู่ด้วยกันมา 2-3 ปีแล้วนะแล้ว ทำไมยังไม่มีทายาทสักคน ยูก็แฮปปี้ ไอก็แฮปปี้ ทำไมต้องมีลูกด้วย เขาพูดมาว่าเนี่ย เขาขอร้อง

ฝั่งครอบครัวเขาอยากได้ เราก็เปลี่ยนใจตามเขา แต่การขอร้องไม่ธรรมดา เขามาเป็นแพ็คเกจโรงพยาบาล?
แองจี้ : ใช่ เขานัดหมอให้เรียบร้อยเลย แล้วเขาก็พาแองจี้ไปด้วย ให้ไปตรวจร่างกาย ไปตรวจเลือดทุกอย่าง

ฝากไข่มีไหม?
แองจี้ : ใช่ เขาเร่งไง เขาบอกว่าไม่ต้องธรรมชาติแล้ว จี้ทำ IVF 9 รอบ ใน 2 ปี ถามว่าเจ็บไหม ไม่นะ แต่มันเป็นการเดินทางที่เหงา โดดเดี่ยว ฮอร์โมนเราปรับขึ้นๆ ลงๆ บางวันเราร้องไห้ไม่อยากทำ มันทำให้เราปั่นป่วน คือหมอที่เราทำ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นผู้หญิงคุณต้องมีลูกแล้ว หมดหนทางแล้ว มันทำให้เราคิดว่าตายแล้ว เราแก่เหรอ มันทำให้เราเศร้านะ หมอจะพูดเลยว่าสุดทางแล้วนะ แก่แล้วนะ รีบๆ แล้วจี้ก็กลับมาทำหมอที่เมืองไทยด้วย

พอติดก็พาน้องไปคลอดที่อังกฤษ?
แองจี้ : จี้รู้สึกว่ามันปลอดภัยกว่า แล้วเราเป็นลูกครึ่งอังกฤษ อยากไปคลอดโรงพยาบาลที่เราคุ้นเคย แล้วอยากพาครอบครัวเราไปอยู่กับเราด้วย จี้ไม่อยากให้พ่อ แม่จี้มาอยู่ที่คูเวต

แล้วฝั่งสามีไปอังกฤษไหม?
แองจี้ : เขาไม่ได้ไปค่ะ เพราะว่าเขาทำงานหนัก เขามีงานที่ต้องทำไปไม่ได้ ดีแล้วสำหรับจี้ จี้อยากอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่

จริงไหมที่ท้องได้ 7 เดือน คนนี้ต้องรีบออก?
แองจี้ : ใช่ ถ้าเราเดินทาง มันจะมีระยะเวลาที่เราเดินทางบนเครื่องบินได้ ถ้าเลย 7 เดือนเขาจะไม่ให้ขึ้นเครื่อง แต่จี้ก็เลยมาแล้ว เลยบอกเขาว่าท้อง 5 เดือน

พอไปน้องคลอดตอน 7 เดือนมันมีภาวะยังไง?
แองจี้ : มันจะมีกำหนดผ่า เพราะถ้าเราเลย 40 แล้วเขาจะไม่ให้เราคลอดธรรมชาติ เขาให้เรากำหนดวันเลยว่าจะผ่าวันไหน ประมาณ 35 วีค ตกเลือด ตกใจเหมือนกัน เลยบอกแม่เลือดออกมาเยอะมากเลย ทำยังไงดี เราตกใจ ช็อก คุณแม่บอกว่าเราต้องรีบไปหาหมอ เขาบอกว่าลูกไปโดนสายสะดือ แล้วมันทับสะดือแล้วมันก็ขาด เลยรีบผ่าด่วน

ตอนนั้นหมอได้บอกไหม มีภาวะอันตรายอะไร?
แองจี้ : เราเสียเลือดเยอะ เราอาจจะช็อก ตัวเด็กเนี่ยก็ขาดออกซิเจน เพราะหัวใจเขาก็เริ่มช้าลง เขาเลยรีบผ่าออก

พอทราบข่าวเราจะคลอด คุณสามีว่ายังไงบ้าง?
แองจี้ : ตอนนั้นจี้ไม่ได้พูด เพราะจี้อยู่ในห้อง ให้คุณแม่กับน้องสาวคุยกับสามี เขาก็คงตกใจและตื่นเต้นแหละ แต่พูดไม่ออก

บินตามมาเลยไหม?
แองจี้ : เขาก็บินตามมาภายใน 2 วัน เพราะที่คูเวตถ้าเราจะบิน เราต้องทำวีซ่าก่อน ไม่ใช่ว่าจะไปขอแล้วได้เลย ต้องทำออนไลน์

พอมีน้องแล้วอยู่ที่อังกฤษแป๊บนึงแล้วค่อยบินกลับไปที่คูเวต คุณพ่อสามีว่ายังไงบ้าง?
แองจี้ : หลานคนแรกที่เป็นผู้ชาย แล้วเป็นทายาทของทางครอบครัวคนแรกด้วย

คนนี้มาด้วยวิทยาศาสตร์ แต่คนที่ 2 ธรรมชาติล้วนๆ?
แองจี้ : ใช่ ช่วงโควิดมั้ง เขามาเอง เพราะว่าผู้หญิงไม่ควรจะเครียด อารมณ์ดี นอนหลับเพียงพอ กินดีอยู่ดี ร่างกายมันจะสมบูรณ์

แต่พอมีลูกแล้วอาการซึมเศร้าหนักกว่า?
แองจี้ : เพราะว่าเรากลัวไปหมด กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า เราเลี้ยงดีหรือเปล่า เราให้นมได้หรือเปล่า มีนมหรือเปล่า มันหลายๆ อย่าง มันก็เครียด หนักก็คือทั้งบ้านเป็นโควิดหมดเลย 14 คน รวมสามีด้วย ช่วงสามีเป็น เป็นโควิดสายพันธุ์แรกที่แรง เขาโดนไปอยู่โรงพยาบาลเลยเป็นหลายอาทิตย์

ตอนนั้นก็หนักเหมือนกัน มีภาวะยังไงบ้าง?
แองจี้ : มันชา ไม่มีความรู้สึก เหมือนเรารักเขานะ แต่เหมือนเราไม่เต็มที่ เรานอนน้อยด้วย แล้วอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราชาไปหมดเลย ไม่มีความรู้สึก

6 เดือน เอาครูมาสอนลูกแล้ว?
แองจี้ : ใช่ สอนการสื่อสาร การดูรูปภาพ การฟัง แล้วก็ให้ไปเรียนว่ายน้ำด้วย จี้ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เป็นซุปเปอร์มัมและไม่คิดที่จะเป็นซุปเปอร์มัม และไม่คิดว่าแม่บ้านหรือแด๊ดดี๊ต้องมาสอนลูก ก็เลยเอาครูมาสอน เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ แล้วการเรียนตั้งแต่ 6 เดือนช่วยนะ เขาพูดเก่งมาก

ทำไมถึงกลัวลูกคนที่ 2 เป็นผู้หญิง?
แองจี้ : จี้รู้สึกว่าที่คูเวตยังไม่พร้อมสำหรับเพศหญิง คือจะไม่เท่าเทียมกัน จี้รู้สึกว่าผู้หญิงน่าจะเลี้ยงยากกว่าผู้ชาย

คำว่าไม่เท่าเทียมคืออะไร หมายถึงสิทธิเหรอ?
แองจี้ : ถูกต้องค่ะ ผู้ชายจะได้มากกว่าผู้หญิง มันยังไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งพอหมอบอกว่าเป็นผู้ชายก็โล่งอก อย่าลืมนะที่คูเวตผู้ชายสามารถมีเมียได้ 4 คน แต่สามีมีคนเดียว แต่เขาก็จะขู่เหมือนกัน มีได้นะ 4 คน เราก็ขู่กลับ ขออนุญาตก่อนไหม

อยากมีลูกต่ออีกคนไหม?
แองจี้ : ไม่ค่ะ พอแล้ว แต่จี้ฝากไข่ สามารถที่จะมีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สามีบอกว่า 2 คนโอเคแล้ว พอแล้ว

แฟนคลับฟิน!! ‘ณเดชน์-ญาญ่า’ อวดรูปคู่หวานฉ่ำ พร้อมอวดโมเมนต์คลั่งรัก อิงแอบจนแก้มแนบแก้ม

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 เรียกว่าความหวานไม่มีแผ่วเลยจริงๆ  สำหรับสองนักแสดงซุปตาร์อย่าง ‘ณเดชน์ - ญาญ่า’ นับวันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเพิ่งจะครบรอบ 2 เดือนที่ ณเดชน์ คุกเข่าของแฟนสาวแต่งงาน

ล่าสุด ‘ณเดชน์’ ได้ควง ‘ญาญ่า’ แต่งตัวในธีมเดียวกัน โพสต์ภาพ อวดความหวานคลั่งรัก ผ่านอินสตราแกรม ด้วยคุมโทนชุดคู่ พร้อมแก้มแนบแก้มอิงแอบซบกัน พร้อมแคปชั่นว่า “กรุบกริบ นุ่มหนับ อุ๊งอุ๊ง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top