(5 ก.ค. 66) ก่อนหน้านี้มีประเด็นดรามา ‘เขื่อน KOTIC’ หรือเขื่อน ภัทรดนัย บวชเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ หลายคนได้ตั้งคำถามว่า พระเขื่อนบวชได้หรือ โยงดรามาบัณเฑาะก์ ซึ่งคำว่า บัณเฑาะก์ หรือบุรุษลักเพศ หมายถึง คนเพศบกพร่อง ซึ่งคนเพศบกพร่อง ในที่นี้หมายถึง คนที่มีความเบี่ยงเบนโดยกำเนิด คือ เขามีใจเป็นหญิงจนไม่สามารถข่มความเป็นหญิงนั้นได้เลย หรือคนแปลงเพศ หรือมีหน้าอกเหมือนสตรีแล้วนั่นเอง เทียบกับขันทีในยุคก่อน หรือมีเพศสองอย่างในคนเดียว
เดือดร้อนไปถึงพระผู้ใหญ่ที่ต้องออกมาชี้แจง ประเด็นนี้ว่า “แต่ถ้าหากบุคคลที่ต้องการบวชนั้น เป็น บุรุษเพศสมบูรณ์ หรือ บ่งว่าเป็นบุรุษ ก็สามารถบวชได้ ไม่ได้เกิดปัญหาแต่อย่างใด”
ต่อมาเมื่อวานนี้ (4 ก.ค. 66) แพรรี่ หรือไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระที่ผ่านกระแสโซเชียลมามาก ได้ออกมาโพสต์ฟาดประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
“มึงจะไปต่อต้านเขาทำไมคะ ในเมื่อเขาบวชภายใต้กฎเกณฑ์ที่พระวินัยให้การรับรอง เขาไม่ได้บวชภายใต้ความเห็นชอบจากชาวเน็ตอย่างมึงนะคะ
สงสัยอะไรก็ศึกษาเลยค่ะ ดิฉันเคยพูดไปหลายทีแล้วว่า เรื่องบัณเฑาะก์เนี่ย ท่านมีอธิบายไว้ชัดเลย ในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา (คัมภีร์อธิบายพระวินัย)
ซึ่งในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ระบุไว้ชัดว่า ในบัณเฑาะก์ 5 ประเภทนั้น บัณเฑาะก์ที่ห้ามการอุปสมบทอย่างเด็ดขาด มีแค่ 2 ประเภทเท่านั้น คือ 1.) บุคคลที่ถูกตอนอวัยวะเพศไปแล้ว (ปัจจุบันอาจหมายถึงคนที่แปลงเพศด้วย) กับ 2.) บุคคลผู้มีความบกพร่องทางอวัยวะเพศ (ระบุไม่ได้ว่าเป็นเพศไหน)
ถ้าถึงขั้นนี้ยังไม่กระจ่างก็ให้ไปดูในฎีกาวิมติวิโนทนี (คัมภีร์อธิบายความสมันตปาสาทิกาอีกชั้นหนึ่ง) ซึ่งพระฎีกาจารย์ท่านก็เขียนไว้ชัดเช่นกันว่า ที่บอกว่า 2 ประเภทนี้ ไม่ห้ามการบรรพชา นั่นก็คือหมายถึง อนุญาตการอุปสมบท
ศาสนาพุทธในเมืองไทยเป็นเถรวาทนะคะ ดังนั้นหากมีข้อสงสัยใดๆ ในพระธรรมวินัย ข้อสงสัยนั้นๆ ย่อมต้องตรวจสอบด้วยข้ออรรถข้อธรรม ซึ่งมีการอธิบายไว้ชัดในคัมภีร์ชั้นต่างๆ
ที่สำคัญเลย ดิฉันอยากจะบอกให้ทราบว่าการบวชจริงๆนั้น เป็นแต่เพียงขั้นตอนของการรับรองค่ะ มีพระอุปัชฌาย์เป็นผู้นำพาและรับผิดชอบในตัวกุลบุตรต่อหมู่สงฆ์ มีหมู่สงฆ์เป็นสักขีพยานในการรับรู้ถึงการมีอยู่ของภิกษุใหม่
การบวชไม่ใช่เรื่องของชาวเน็ตนะคะ พักก่อน ศาสนาให้พื้นที่กับผู้คนในการฝึกหัดขัดเกลาอุปนิสัยค่ะ บัณฑิตไม่ติเตียนใครอย่างปราศจากปัญญานะคะ
ภิกษุดีเลวไม่ได้วัดกันที่ว่าก่อนบวชมีพฤติกรรมอย่างไรค่ะ แต่วัดกันที่ว่าบวชแล้วครองตนอย่างไรต่างหาก
ปาราชิกข้อแรกมาจากพระผู้ชายนะคะ ไม่ได้มาจากพระบัณเฑาะก์ ฝากไว้ให้คิด แต่ถ้าจะไม่คิดก็แล้วแต่ จบ”