Friday, 19 April 2024
LITE

‘โจว เหวิน ฟะ’ โชว์ความฟิตในวัย 68 ปี พิชิต ‘ฮาล์ฟ มาราธอน’ ระยะ 21.1 กม. สำเร็จ

(22 ม.ค. 67) โจว เหวิน ฟะ นักแสดงฮ่องกงชื่อดังจากภาพยนตร์อมตะ ‘เจ้าพ่อเซียงไฮ้’ วัย 68 ปี ลงแข่งขัน ฮาล์ฟ มาราธอน รายการ ‘สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ฮ่องกง มาราธอน’ ระยะ 21.1 กม. จบที่เวลา 2 ชม. 26.08 นาที โดยนักแสดงชื่อดังเซอร์วิสแฟน ๆ ด้วยการยืนให้ถ่ายรูปคู่เป็นเวลานานก่อนจะเดินทางกลับ โดยการแข่งขันออกสตาร์ตที่ นาธาน โรด ในจิม ซา จุ่ย ตั้งแต่เวลา 08.30 น.

พระเอกชื่อดังที่มีผลงานขึ้นหิ้งมากมายทั้ง เทพบุตรชาวดิน, โหด-เลว-ดี, คนตัดคน รวมทั้งโกอินเตอร์เล่นภาพยนตร์ในฮอลลีวูด ให้สัมภาษณ์ว่า พอใจกับผลการแข่งขันเพราะวิ่งได้เร็วกว่าที่ซ้อมไว้ถึง 3.58 นาที เนื่องจากเตรียมตัวมาอย่างดี โดยเฉพาะการปรับการรับประทานอาหาร และรู้สึกดีที่เห็นคนรุ่นเดียวกันลงแข่งขันเยอะขึ้น หวังว่าการวิ่งของตนจะทำให้คนหันมารักษาสุขภาพมากขึ้น ซึ่งปีก่อน นักแสดงชื่อดังลงแข่งขันในระยะ 10 กม. ทำเวลา 1 ชม. 3.58 นาที

‘คัตโตะ’ ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งใน ‘SLM’ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ

(22 ม.ค.67) บริษัท เอส แอล เอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SLM แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า บริษัทได้รับหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และกรรมการบริหาร ของนายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล เนื่องจากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจากเหตุการณ์ที่นายอารมณ์ได้รับการกล่าวโทษจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ในเรื่องการเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 26 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดยให้การลาออกมีผลตั้งแต่ วันที่ 12 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. รายงานว่า ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบริษัท Bybit Fintech Limited นายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล (คัตโตะ วงลิปตา) และนายณธัช คลังเปรมจิตต์ ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)

ในความผิดกรณี Bybit กระทำการเข้าข่ายการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561

โดย ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 บริษัท Bybit Fintech Limited เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ Bybit.com (https://www.bybit.com) ได้ให้บริการจัดระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.1 ของมูลค่าธุรกรรมที่ลูกค้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และมีการชักชวนและประชาสัมพันธ์เป็นภาษาไทย ให้มาใช้บริการของ Bybit ผ่านเว็บไซต์ Bybit เพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘Bybit Thai’ Telegram ชื่อ ‘Bybit ประกาศภาษาไทย’ และ Instagram ชื่อ “bybitthailand”

รวมทั้งปรากฏว่า Bybit ได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การให้บริการและกิจกรรมส่งเสริมการขายจากนายอารมณ์และนายณธัชผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของบุคคลทั้งสอง ได้แก่ เพจเฟซบุ๊กและ Youtube ชื่อ ‘ไม่มี Moon หมาไม่ซื้อ’ และ Line Open Chat ชื่อ ‘Stop Loss Club’ อันทำให้ Bybit เป็นที่รู้จักและมีบุคคลสนใจไปใช้บริการ Bybit มากขึ้น

การกระทำของ Bybit เข้าข่ายประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ซึ่ง Bybit ดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ

สำหรับการกระทำของนายอารมณ์และนายณธัช เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษ Bybit นายอารมณ์ และนายณธัช ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

'กางเกงแมวโคราช' เด็ด!! โผล่แฟชันไอเทมในเกมดังระดับโลก อวดซอฟต์พาวเวอร์ไทย แถมสร้างมูลค่าได้ถึง 363 ล้านบาท

(22 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้เปิดตัว กางเกงแมวโคราช ไปเมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสกางเกงแมวโคราชเป็น Soft Power ดังไปทั่วประเทศ

ล่าสุดทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชน ผลักดันกางเกงแมวโคราชสู่ระดับนานาชาติผ่านไอเทมในเกมออนไลน์ อย่างเช่น เกม Free Fire นับเป็นการต่อยอดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลคอนเทนต์จากอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตที่กำลังเติบโต เพื่อร่วมส่งเสริมผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่สะท้อนวัฒนธรรม เรื่องราวและเสน่ห์ของประเทศไทย นำไปสู่การสร้าง Soft Power ต่อไปในอนาคต โดยมีรายงานว่า กางเกงแมวโคราช ใน skin ในเกม Free Fire ได้ Free Media รวมมูลค่าถึง 363 ล้านบาท

นายจิรพิสิฐ์ รุจน์เจริญ ประธาน YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เราได้นำผลิตภัณฑ์กางเกงแมวโคราชเข้าไปร่วมเป็นแฟชั่นไอเทมชิ้นใหม่ในเกม Free Fire ซึ่งเป็นเกมชื่อดังระดับโลก โดยในแต่ละไตรมาสสามารถเข้าถึงผู้เล่นได้มากกว่า 568 ล้านคน จากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก

นับเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้เล่นเกม ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ที่พาผู้เล่นทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความแปลกใหม่ เป็นการเผยแพร่เสน่ห์ของประเทศไทยในมุมใหม่ ๆ ออกไปสู่สายตาต่างชาติ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เล่นทั่วโลก โดยได้มีการเปิดตัวไอเทมกางเกงแมวโคราชพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา

22 มกราคม พ.ศ. 2486 รัฐบาล ‘จอมพล ป. พิบูลสงคราม’ ประกาศให้ใช้ “สวัสดี” เป็นคำทักทาย

ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า “สวัสดี” คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) โดยพิจารณามาจากศัพท์ “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สวัสติ” ในภาษาสันสกฤต ซึ่งได้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2486 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเห็นชอบให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 โดยมอบให้กรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์) ออกข่าวประกาศในวันนี้

โดยคำว่า “สวัสดี” นั้น จะทำหน้าที่ทั้งการทักทาย และอวยพรไปในคราวเดียวกัน และเมื่อเรากล่าวคำว่า “สวัสดี” คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้นมาจากใจของผู้ไหว้

ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่า “สวัสดี” พร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลต่อทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง และยังสามารถเพิ่มเสน่ห์ในตัวบุคคลได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามก่อนใช้คำว่าสวัสดีนั้น คำทักทายของคนไทยสมัยก่อนไม่มีรูปแบบคำเฉพาะตายตัว แต่เป็นคำที่มาจากความรู้สึกจากใจ บ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง

21 มกราคม พ.ศ. 2453 วันเกิด ‘ครูเอื้อ สุนทรสนาน’ ผู้ก่อตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ บุคคลสำคัญของโลก สาขาวัฒนธรรมดนตรีไทยสากล

นายเอื้อ สุนทรสนาน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘ครูเอื้อ’ นักร้อง นักแต่งเพลง และเป็นผู้ก่อตั้งวงดนตรี สุนทราภรณ์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2453 ณ ตำบลโรงหีบ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บิดาชื่อ นายดี สุนทรสนาน มารดาชื่อ นางแส สุนทรสนาน มีนามเดิมว่า ‘ละออ’ ต่อมา บิดาให้นามใหม่เป็น ‘บุญเอื้อ’ และได้มาเปลี่ยนอีกครั้งในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็น ‘เอื้อ’ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน ได้แก่

1.) หมื่นไพเราะพจมาน (อาบ สุนทรสนาน) ต่อมาได้รับพระราชนามสกุล สุนทรสนาน จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
2.) นางเอื้อน แสงอนันต์
3.) นายเอื้อ สุนทรสนาน

ซึ่ง ครูเอื้อ เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดใหม่ราษฎร์บูรณะในจังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อเข้าศึกษาได้เพียงปีเศษ ในปี พ.ศ. 2460 บิดาได้พาเข้ากรุงเทพมหานคร พักอาศัยอยู่กับหมื่นไพเราะพจมาน ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งรับราชการเป็นคนพากย์โขนในกรมมหรสพ แล้วจึงมาเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนวัดระฆังโฆสิตารามจนจบชั้นประถมศึกษา ซึ่งเป็นระยะเวลาเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งโรงเรียนพรานหลวง ขึ้นที่สวนมิสกวัน ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสอนวิชาสามัญตามปกติ (ภาคเช้า) และวิชาดนตรีทุกประเภท (ภาคบ่าย) โดยครูเอื้อเลือกเรียนดนตรีฝรั่งตามความถนัดกับครูผู้ฝึกสอนคือ ครูโฉลก เนตตะสุต และอาจารย์ใหญ่คือ อาจารย์พระเจนดุริยางค์

หลังจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปี พ.ศ. 2465 พระเจนดุริยางค์เห็นว่า มีความสามารถพิเศษทางด้านดนตรี จึงให้หัดไวโอลิน และแซ็กโซโฟน ทั้งยังให้เปลี่ยนมาเรียนดนตรีเต็มวัน ส่วนวิชาสามัญนั้นให้งดเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นต้นมา

ต่อมาได้เรียนดนตรีกับพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทะยะกร) เริ่มทำงานในกรมมหรสพ และได้ร้องเพลง ‘ในฝัน’ ในภาพยนตร์เรื่อง ‘ถ่านไฟเก่า’ เป็นครั้งแรก ต่อมาได้ตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ ขณะทำงานอยู่ที่กรมโฆษณาการ หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน มีผลงานเพลงกว่า 1,000 เพลง ครอบคลุมทั้งเพลงเทศกาล เพลงสถาบัน เพลงรัก เพลงสะท้อนสังคม และอื่นๆ อีกมากมาย

ตลอดระยะเวลาการทำงาน ครูเอื้อไม่เคยพักผ่อนเลย ปกติเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ทำงานหนักและอดนอนเก่ง จนกระทั่งถึงปลายปี พ.ศ. 2521 เริ่มมีอาการไข้สูงเป็นระยะๆ แพทย์ได้เอกซเรย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายขนาดเท่าลูกเทนนิสที่บริเวณปอดด้านขวา จึงได้เริ่มรักษา แต่ก็ยังคงทำงานตามปกติ จนถึงปลายปี พ.ศ. 2522 มีอาการทรุดหนัก จึงเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล แล้วก็กลับไปรักษาที่บ้านต่อ

ในช่วงปี พ.ศ. 2523 ได้เดินทางพร้อมกับนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร และได้ขับร้องเพลงถวายเป็นครั้งสุดท้าย คือ เพลงพรานทะเล

ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา สุขภาพทรุดลงเป็นลำดับ จนเมื่อถึงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2524 ได้เสียชีวิตลง รวมอายุได้ 71 ปี 2 เดือน 11 วัน

20 มกราคม พ.ศ. 2539 ’สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ‘ เป็นองค์ประธานในพิธี ปล่อย ‘เรือหลวงจักรีนฤเบศร’ ลงน้ำ ณ อู่เรือบาซาน สเปน

เรือหลวงจักรีนฤเบศร ได้เริ่มสร้างในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2536 และมีการวางกระดูกงูในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2539 โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีปล่อยเรือหลวงจักรีนฤเบศรลงน้ำ ณ อู่เรือบาซาน ประเทศสเปน ก่อนจะขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2540

โดย เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ลำแรกและลำเดียวในขณะนี้ของราชนาวีไทย ใช้ปฏิบัติภารกิจด้านยุทธการและช่วยเหลือภัยพิบัติตลอดน่านน้ำไทย ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ระวางขับน้ำเต็มที่ 11,485.5 ตัน ยาว 182.50 ม. กว้างสุด 30.50 ม. กินน้ำลึก 6.25 ม. ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง กำลัง 11,780 แรงม้า และเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ จำนวน 2 เครื่อง กำลัง 44,250 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 26 นอต ทหารประจำเรือ 601 คน ทหารประจำหน่วยบิน 758 คน สามารถบรรทุกเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่ง (SEA HARRIER) ได้ 9 เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ (SEA HAWK) อีก 6 เครื่อง ใช้งบประมาณในการสร้าง 7 พันล้านบาท 

19 มกราคม พ.ศ. 2545 ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์  ณ อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ออกแบบอาคารโดย เฮลมุต ยาห์น (Helmut Jahn) สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน

โดยโครงสร้างหลักของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบด้วยเหล็กและแก้ว ซึ่งยาห์นบอกว่านี่เป็น ‘สถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 21’ โดยสนามบินแห่งนี้ได้เริ่มเปิดทดลองใช้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 และเปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งโครงการประมาณ 155,000 ล้านบาท

18 มกราคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันกองทัพไทย’ รำลึกพระนเรศวรทำยุทธหัตถีมีชัยต่อทัพพม่า

วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีและมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชาของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทยตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก ปีเถาะ พ.ศ. 2098 ทรงมีสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นพระบิดา และมีพระวิสุทธิกษัตรี เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิอีกด้วย

ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า องค์พระนเรศวรได้ถูกนำเป็นองค์ประกัน ณ เมืองหงสา และได้ร่ำเรียนวิชาความรู้ ความสามารถต่างๆ เพื่อรอวันที่จะได้กลับมากู้ชาติกู้แผ่นดินอีกครั้ง แต่ด้วยความกตัญญูของสมเด็จพระนเรศวร ที่มีต่อพระเจ้าบุเรงนอง ที่ชุบเลี้ยงดูแลจนเติบใหญ่ จึงไม่ทำการขัดขืนใดๆ เมื่อพระเจ้าบุเรงนองยังมีชีวิตอยู่ แต่ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบุเรงนอง สมเด็จพระนเรศวรได้กลับมาปกครองยังพระนครกรุงศรีอยุธยา และด้วยวิชาความรู้และความสามารถของพระองค์ ได้ทำการรบข้าศึกต่างๆ และชนะเรื่อยมา จนเป็นที่เกรงกลัวของข้าศึกเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรได้ทำการยุทธหัตถีกับสมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่าและเอาชนะได้ในที่สุด โดยการยุทธหัตถีนั้น หมายถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการต่อสู้ของกษัตริย์เพราะต่อสู้ตัวต่อตัว ตัดสินแพ้ชนะกันที่ความคล่องแคล่ว แกร่งกล้า และผู้ใดที่ทำการยุทธหัตถีชนะ จะได้รับการยกย่องพระเกียรติยศสูงสุดอีกด้วย

และอีกเหตุการณ์หนึ่งของพระนเรศวรมหาราชคือการยิงปืนข้ามแม่น้ำสโตงถูกสุรกรรมาจนตาย ต่อมาเมื่อมีพระชนมายุ 35 พรรษา พระมหาธรรมราชา พระบิดาสวรรคต พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระเอกาทศรถเป็นพระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติสูงเสมอพระเจ้าแผ่นดินอีกองค์หนึ่ง ครั้นพระชนมายุ 37 พรรษา ก็ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา พระชนมายุ 40 พรรษา เสด็จยกทัพไปตีเมืองเขมรและแม้แต่ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระองค์ก็ยังอยู่ในระหว่างการยกทัพไปตีเมืองอังวะ แต่เกิดประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี) ที่พระพักตร์และเป็นพิษจนเสด็จสวรรคตเสียก่อนในปี พ.ศ. 2148 รวมสิริพระชนมายุได้ 50 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 15 ปี

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2567

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 256

 📌รางวัลที่ 1: 105979

 📌รางวัลเลขหน้า 3 ตัว: 429, 931  

 📌รางวัลเลขท้าย 3 ตัว: 196, 635  

 📌รางวัลเลขท้าย 2 ตัว: 61  

 📌รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1: 105978, 105980  

 📌รางวัลที่ 2 : 737099, 366635, 384901, 895860, 451046  

 📌รางวัลที่ 3 :393560, 952140, 603376, 917144, 256000, 926853, 462981, 331010, 908654, 877689  

 📌รางวัลที่ 4: 279938, 979504, 709231, 985733, 740408, 570088, 982583, 145829, 589723, 198599, 951812, 123701, 136850, 647513, 339746, 622322, 437931, 438929, 799973, 767293, 407444, 164205, 490771, 523776, 566915, 378701, 072938, 173399, 190307, 688507, 521485, 533695, 528301, 482266, 444350, 264439, 302768, 102563, 695472, 540216, 630677, 459593, 629599, 658531, 348659, 855710, 001849, 443034, 221194, 775974

 📌รางวัลที่ 5: 379748, 456707, 406083, 775404, 274002, 411270, 611311, 452892, 504395, 434154, 160293, 928876, 340948, 437043, 244844, 913993, 872778, 434879, 530065, 999690, 908319, 195006, 469825, 357344, 870233, 552810, 107539, 647068, 715440, 561075, 195687, 847103, 853126, 764829, 060316, 339085, 826878, 598601, 927603, 191447, 595376, 393639, 568641, 761352, 978944, 254223, 463597, 108601, 014538, 325784, 079858, 471314, 759958, 656085, 912899, 318163, 870954, 332490, 672750, 571897, 160472, 674409, 782471, 075712, 482894, 160195, 277544, 642119, 143813, 106271, 974701, 128632, 733377, 354916, 145712, 391922, 987077, 143041, 626084, 266848, 415321, 871312, 785107, 637039, 079252, 717769, 453016, 455566, 242064, 478465, 242354, 213367, 403314, 908990, 011521, 183238, 968177, 220113, 972651, 617292

‘แพรรี่’ เบรกหัวทิ่ม ปมสักไฝแบบ ‘ลิซ่า’ แล้วชีวิตจะปัง ลั่น!! ทำทั้งหน้าก็ไม่พอ แนะ!! มันต้องมีความสามารถเสริมด้วย

เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.67) จากกรณี ‘อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ’ ที่ล่าสุดกับการสักไฝเสริมดวงในตำแหน่งเดียวกับที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ และ ‘ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์’ มีอยู่ที่ต้นคอ หรือที่เรียกกันว่า ‘ไฝมหารานี’ รวมถึงในจุดต่างๆ บนใบหน้าอีก 2 จุด โดยอุ้มได้เล่าในรายการ เคาะโต๊ะ EP.22 ทางช่องยูทูบ Archita Station ของบิวตี้บล็อกเกอร์สาวคนสวย ‘อาชิ อาชิตา ศิริภิญญานนท์’ ว่าเพิ่งไปสักมาไม่นาน แต่ผลลัพธ์ปังมาก งานเข้า เงินเข้าไม่หยุด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ พูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า

"โห่ เอาไรมาลิซ่าก่อน ไปทำหน้าค่ะ เอาแค่ไฝไม่อยู่หรอก ต้องดูโครงหน้าเขาด้วย เอาไรมาลิซ่า ลิซ่าเขาสวยทั้งตัวและมีความสามารถ ถึงจะสักไฝเต็มหน้า ก็เป็นลิซ่าไม่ได้หรอก

ใครหลอกมาว่าจะเป็นลิซ่าล่ะ ลิซ่าเขาไม่ได้แค่สวย เขาเก่งมีความสามารถ ทำไมเขาถึงเป็นที่ยอมรับระดับโลก คนตามไอจี 100 ล้านคน เขาไม่ได้ขายแค่ความสวย เขาขายความสามารถด้วย เขาเก่ง มีพรสวรรค์ในตัวเอง เขาไม่หยุดเรียนรู้ พัฒนา

กว่าจะเป็นลิซ่าคิดว่ามันง่ายเหรอ ไปดูบทสัมภาษณ์ที่เขาให้สัมภาษณ์ตามรายการ กว่าจะประสบความสำเร็จต้องต่อสู้ ไปอยู่เกาหลี มีแต่แมวที่เป็นเพื่อนคิดถึงบ้านจะตาย คิดถึงบ้านร้องไห้ ก็ต้องต่อสู้กับอุปสรรค ไม่ใช่ว่ามีไฝแล้วทำให้เขาสำเร็จจะไปสักไฝมันจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ดูเบ้าหน้าด้วย ไม่ได้บูลลี่นะ ให้คำนึงถึงข้อเท็จจริง เราจะได้ไม่หลอกตัวเอง อยากประสบความสำเร็จเหมือนเขาก็ต้องพัฒนาความสามารถตัวเองให้มันได้แบบเขาทำได้ป่าวล่ะ ก็ไม่ได้อีก รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถก็เลยสักไฝแล้วกันง่ายดี"

17 มกราคม พ.ศ. 2376 ‘รัชกาลที่ 4’ ทรงค้นพบ ‘ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง’ ยกย่องให้เป็น ‘มรดกแห่งความทรงจำของโลก’

จารึกพ่อขุนรามคำแหง หรือ จารึกหลักที่ 1 เป็นศิลาจารึกที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมัยกรุงสุโขทัย ซึ่ง ศิลาจารึกนี้ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นผู้ทรงค้นพบขณะผนวชอยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2376 ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม สูง 111 เซนติเมตร หนา 35 เซนติเมตร เป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด มีจารึกทั้งสี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร

เนื้อหาของจารึกแบ่งได้เป็นสามตอน ตอนที่ 1 บรรทัดที่ 1 ถึง 18 เป็นการเล่าพระราชประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราชตั้งแต่ประสูติจนเสวยราชย์ ใช้คำว่า 'กู' เป็นหลัก ตอนที่ 2 ไม่ใช้คำว่า 'กู' แต่ใช้ว่า 'พ่อขุนรามคำแหง' เล่าถึงเหตุการณ์และธรรมเนียมในกรุงสุโขทัย และตอนที่ 3 ตั้งแต่ด้านที่ 4 บรรทัดที่ 12 ถึงบรรทัดสุดท้าย มีตัวหนังสือต่างจากตอนที่ 1 และ 2 จึงน่าจะจารึกขึ้นภายหลัง เป็นการสรรเสริญและยอพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหง และกล่าวถึงอาณาเขตราชอาณาจักรสุโขทัย

ทั้งนี้จารึกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 'มรดกความทรงจำแห่งโลก' เมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยยูเนสโกบรรยายว่า "[จารึกนี้] นับเป็นมรดกเอกสารชิ้นหลักซึ่งมีความสำคัญระดับโลก เพราะให้ข้อมูลอันทรงค่าว่าด้วยแก่นหลักหลายประการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลก ไม่เพียงแต่บันทึกการประดิษฐ์อักษรไทยซึ่งเป็นรากฐานแห่งอักษรที่ผู้คนหกสิบล้านคนใช้อยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน การพรรณนาสุโขทัยรัฐไทยสมัยศตวรรษที่ 13 ไว้โดยละเอียดและหาได้ยากนั้นยังสะท้อนถึงคุณค่าสากลที่รัฐทั้งหลายในโลกทุกวันนี้ร่วมยึดถือ”

อย่างไรก็ตาม จารึกหลักที่ 1 นี้เอง ก็มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของบางส่วนหรือทั้งหมดของศิลาจารึกดังกล่าว โดย ‘พิริยะ ไกรฤกษ์’ นักวิชาการที่สถาบันไทยคดีศึกษา ออกความเห็นว่า การใช้สระในศิลาจารึกนี้แนะว่าผู้สร้างได้รับอิทธิพลมาจากระบบพยัญชนะยุโรป เขาสรุปว่าศิลาจารึกนี้ถูกบางคนแต่งขึ้นในรัชกาลที่ 4 หรือไม่นานก่อนหน้านั้น 

ซึ่งนักวิชาการเห็นต่างกันในประเด็นว่าด้วยความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้ ผู้ประพันธ์บางคนอ้างว่ารอยจารึกนั้นเป็นการแต่งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งหมด บ้างอ้างว่า 17 บรรทัดแรกนั้นเป็นจริง บ้างอ้างว่ารอยจารึกนั้นพระยาลือไทยทรงแต่งขึ้น นักวิชาการไทยส่วนใหญ่ยังยึดถือความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้รอยจารึกดังกล่าวและภาพลักษณ์ของสังคมสุโขทัยในจินตนาการยังเป็นหัวใจของชาตินิยมไทย และ ‘ไมเคิล ไรท์’ นักวิชาการชาวอังกฤษ เสนอแนะว่าศิลาจารึกดังกล่าวอาจถูกปลอมขึ้น ทำให้เขาถูกขู่ด้วยการเนรเทศภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย

ทางด้าน ‘จิราภรณ์ อรัณยะนาค’ เขียนบทความแสดงทัศนะว่า ศิลาจารึกหลักที่ 1 ได้ผ่านกระบวนการสึกกร่อนผุสลายมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ใกล้เคียงกับศิลาจารึกหลักที่ 3 หลักที่ 45 และหลักที่กล่าวถึงชีผ้าขาวเพสสันดร ไม่ได้ทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4

16 มกราคม พ.ศ. 2447 ‘กระทรวงเกษตราธิการ’ ได้ก่อตั้ง ‘โรงเรียนช่างไหม’ จุดกำเนิด 'มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์' ในยุคปัจจุบัน

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตร ก่อตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ แรกเริ่มเป็น ‘โรงเรียนช่างไหม’ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2447 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม องค์อธิบดีกรมช่างไหม ในกระทรวงเกษตราธิการ ได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนช่างไหมขึ้น ณ ท้องที่ตำบล ทุ่งศาลาแดง กรุงเทพมหานคร ในบริเวณเดียวกันกับสวนหม่อนและสถานีทดลองเลี้ยงไหม 

โดยจัดการศึกษาหลักสูตร 2 ปี สอนเกี่ยวกับวิชาการ เลี้ยงไหมโดยเฉพาะ ต่อมาใน พ.ศ. 2449 ได้ขยายหลักสูตรเป็น 3 ปี โดยเพิ่มวิชาการเพาะปลูกพืชอื่นๆ เข้าในหลักสูตรตลอดจนได้เริ่มสอนวิชาสัตวแพทย์ด้วยและได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน เป็นโรงเรียนวิชาการเพาะปลูกต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนการเพาะปลูก 

โดยในปี พ.ศ. 2451 กระทรวงเกษตราธิการ ได้รวมโรงเรียนที่อยู่ในสังกัด 3 โรงเรียนคือ โรงเรียนแผนที่ โรงเรียนกรมคลอง และโรงเรียนวิชาการเพาะปลูก เป็นโรงเรียนเดียวกัน เพื่อผลิตคนเข้ารับราชการในกรมกองต่างๆ ของกระทรวงเกษตราธิการ โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่าโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการ และย้ายสถานที่ตั้งมารวมกัน ณ พระราชวังสระปทุม พร้อมกับได้ให้เรียบเรียงหลักสูตรใหม่ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักสูตรระดับอุดมศึกษาวิชาการเกษตรศาสตร์ หลักสูตรแรกของประเทศไทย

โดยได้เริ่มดำเนินการสอนหลักสูตรใหม่นี้ในปี พ.ศ. 2452 และในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลได้ยกโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการไปรวมเข้ากับโรงเรียนข้าราชการพลเรือน ด้วยเหตุที่วัตถุประสงค์ของโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการตรงกับพระราชดำริในการจัดตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งได้ทรงจัดตั้งขึ้นในกระทรวงธรรมการ งานศึกษาวิชาเกษตรศาสตร์จึงมาสังกัดกระทรวงธรรมการ

ต่อมาได้รับการก่อตั้งอีกครั้งในปี พ.ศ. 2460 ในนามโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม และได้รับการยกฐานะเป็น วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถัดจากนั้นมา รัฐบาลได้ปรับปรุงและรวมกิจการของวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่เกษตรกลาง บางเขน กับโรงเรียนวนศาสตร์ จังหวัดแพร่ และสถาปนาเป็น ‘มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์’ ในปี พ.ศ. 2486 

ซึ่งในระยะแรกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดสอนเฉพาะด้านการเกษตรเท่านั้น แต่ต่อมาได้ขยายสาขาวิชาครอบคลุมทั้งเกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิศวกรรมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ บริหารธุรกิจ และงานบริการ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ

'แม่ผ่องศรี' พร้อมลา!! สร้างหุ่นตนไว้เป็นอนุสรณ์ หากวันหนึ่งสิ้นลมหายใจ คนรุ่นหลังจะได้มาศึกษา

(15 ม.ค. 67) เรียกว่าเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ สำหรับราชินีลูกทุ่ง ‘แม่ผ่องศรี วรนุช’ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ที่ถึงแม้ปัจจุบัน อายุจะเข้าสู่วัย 85 กะรัตแล้ว แต่เสียงร้องก็ยังคงไพเราะและทรงพลัง เป็นเอกลักษณ์ชวนหลงใหลไม่เสื่อมคลาย ล่าสุดเมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) ได้เจอคุณแม่ผ่องศรี ในงานแสดงดนตรีของคนลูกทุ่งครั้งยิ่งใหญ่ ‘คอนเสิร์ต 84 ปีลูกทุ่งไทย’ เลยถือโอกาสชวนคุณแม่มานั่งพูดคุย เพื่ออัปเดตถึงชีวิตตอนนี้ ให้เหล่าแฟนเพลงได้หายคิดถึง

โดยคุณแม่ผ่องศรี เปิดเผยว่า ได้เขียนหนังสือชีวประวัติ และสร้างพิพิธภัณฑ์ของตัวเองเตรียมไว้แล้ว เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ หากวันหนึ่งสิ้นลมหายใจ คนรุ่นหลังจะได้มาศึกษา แต่ตอนนี้ก็เปิดให้เข้าชมแล้ว ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีการปั้นหุ่นเป็นรูปตัวเองในปัจจุบัน พร้อมนำเส้นผมใส่ไปด้วย แล้วยังมีการอัดเสียงพูดไว้ หากกดปุ่มฟัง จะมีเสียงเพลงและเสียงพูดของตัวเองออกมา

“แม่มีหนังสือชีวประวัติของแม่ เขียนไว้ก่อนตาย แล้วตอนนี้พิพิธภัณฑ์ แม่ก็ปั้นหุ่นของแม่ไว้เรียบร้อยแล้ว มีหุ่น มีจิตวิญญาณ มีเส้นผม แล้วคำพูดของแม่ก็อัดไว้เลย ถ้าใครไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ตอนแม่สิ้นลมหายใจ กดปุ่มแล้วจะมีเสียงเพลงขึ้น แม่จะพูด แม่เตรียมคำไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ทำมา 5 ปีแล้ว สร้างพิพิธภัณฑ์ ตัดสินใจทำเพื่อถ่ายทอดกับลูกหลานเหลนโหลน ที่จะเป็นศิลปินในวันข้างหน้า จะได้รู้ว่าเราผ่านร้อนผ่านหนาวมากแค่ไหน ลำบากแค่ไหนเพื่อจะมีวันนี้”

"พอปั้นเสร็จแล้ว แม่ก็เอากระถางธูปวางไว้ตรงนั้น ท่านเจ้าอาวาสที่วัดอัมพวามาทำให้แม่ ทำพิธีปลุกเสก ท่านบอกว่าแม่เอากระถางธูปมาไว้ทำไม แม่ยังไม่ตาย แล้วก็เก็บกระถางธูปแม่หมดเลย ตอนนี้ก็เลยมีแต่หุ่น”

“แม่ตั้งใจจะสร้างไว้ สักวันแม่ตายเขาจะได้เห็น แม่ให้ทำเป็นรูปปั้นตอนแก่นะ ไม่ใช่ตอนสาว หลวงพ่อจะเอารูปตอนสาว แต่แม่บอกไม่เอา เอาปัจจุบัน เหมือนแม่เลยไปดูได้ ในหนังสือแม่ก็มี ก็ตั้งใจเอาไว้ที่บ้านที่จังหวัดนครปฐม ไปเยี่ยม ไปถ่ายได้ รางวัลของแม่ก็อยู่ที่นั่นหมด รูปตั้งแต่ตอนเด็กถึงตอนนี้ก็มีหมด คนนอกเข้าไปดูได้ แม่ให้เข้าชมฟรี ตอนนี้ก็ไปได้แล้ว การสร้างตรงนี้ครอบครัวแม่รู้หมด บางคนไปฟังแล้วร้องไห้ บอกทำไมแม่พูดอย่างนี้”

“ตายตาหลับได้เลย ถึงปั้นหุ่นแม่ไว้ที่บ้านเรียบร้อยหมดแล้ว ปั้นด้วยดินสอพอง แล้วตัดเส้นผมของแม่ใส่เข้าไปแล้ว แล้วก็อัดคำพูดไว้ในนั้น ถ้าหากว่าแม่สิ้นลมไปแล้ว ใครไปเยี่ยมก็กดปุ่มเท่านั้น จะมีเสียงเพลงขึ้น และมีเสียงแม่พูด สวัสดีค่ะ ผ่องศรีดีใจมากนะคะ ผ่องศรีได้จากท่านไปนานแล้ว แต่ท่านมาเยี่ยมผ่องศรี ผ่องศรีดีใจมาก คิดถึงผ่องศรีหรือเปล่าคะ กดปุ่มดูสิคะ”

“อยากให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษา ว่ารางวัลที่แม่ได้มา ได้มาเสียเงินหรือเปล่า แม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ได้ด้วยความที่เราตั้งใจทำกุศลจริงๆ แม่ทำกุศลมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนกระทั่งตอนนี้อายุ 85 ปี 6 เดือนแล้ว”

>> สอนอย่าลืมบุญคุณคน ความซื่อสัตย์กตัญญูคือสิ่งสำคัญ

“ขอให้ติดดินตลอดเวลา ไม่ว่าอาชีพใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากเราไปหวังตรงนั้นมากเกินไป เราจะไม่ได้อะไร ท้อได้อย่าถอย ก้าวไปข้างหน้า ถ้าท้อถอยจะได้ไหมของที่รออยู่ข้างหน้า มันไม่ได้ มีเงิน มีทอง มีทุกสิ่งทุกอย่าง ตายไปเอาไปไม่ได้ ความซื่อสัตย์กตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่จะติดตัวไป อันนี้อย่าลืม แม่พูดอยู่ตลอด ผู้ที่มีบุญคุณอย่าลืม ครูอาจารย์ พ่อแม่ สื่อมวลชน ห้างร้านบริษัท อย่าลืมเขา ผู้มีพระคุณที่พาเราก้าวบันไดขั้นแรกขึ้นไป ถ้าเราไม่มีผู้มีพระคุณนำทาง ก้าวแรกเราจะเจอตรงนั้นไหม เมื่อดังแล้วอย่าลืมตัว แม่จะพูดอย่างนี้ไปตลอด จนกว่าแม่จะสิ้นลมหายใจ”

"อนาคตเป็นยังไง เก็บตังค์ไว้นะ อย่าใช้ฟุ่มเฟือยนะ แหม พอดังขึ้นซื้อไอ้โน่นไอ้นี่ พอเกิดดวงตกไปปุ๊บ บ้านก็ผ่อน รถก็ผ่อน ก็ต้องเป็นหนี้ แม่จะไม่ทำแบบนั้น แม่จะคอยบอกอยู่เรื่อย จากฉันไม่มีอะไร มีตะกร้าหวายมา รองเท้าแตะมาคู่หนึ่ง เสื้อ 3 ตัว ทำไมฉันมาสร้างฐานะได้ เพราะฉันเจียมตัวว่าพ่อแม่ฉันยากจน”

>> ทุกวันนี้ยังรับงานอยู่ แต่เลือกที่ไม่ไกลเกินไป

“รับงาน บางทีรุ่นอายุ 40-60 ปี ก็ไปขอให้สอนร้องเพลง แม่ก็สอนให้ฟรี แต่แม่เลือกรับงาน รับที่ไม่ไกลเกินไป งานบุญงานกุศลแม่ไปให้ ส่วนใหญ่จะเป็นงานร้องเพลง ถ้าสอนร้องเพลงจะไปร้องที่บ้าน เขาเคยมีจ้างให้กินเงินเดือน แต่แม่ไม่เอา แม่ไม่มีเวลามา บางทีมาเข้าแอร์นานๆ แม่อยู่แอร์นานไม่ได้ ตอนนี้ก็รับงานบวช งานแต่ง งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ งานหาเงินเข้าวัด หรืองานของแฟนเพลงที่ต้องการให้แม่ไป แม่จะร้องได้แค่ 1 ชั่วโมง 10 กว่าเพลง”

>> เคล็ดลับความแข็งแรงในวัย 85 ปี คือทำใจปล่อยวาง ไม่ยึดติด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

“อายุ 85 ปี 6 เดือนแล้ว แม่เกิดวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2582 เคล็ดลับในการดูแลตัวเองของแม่ ตื่นมาตอนเช้าตี 5 แล้วตอน 6 โมงแม่ขายของชำอยู่ เรามีแรงเราก็ทำไป ประมาณ 6.30 แม่ก็เข้าบ้านแล้ว อาบน้ำอาบท่า แล้วในวันพระกับวันพฤหัสบดี แม่จะสวดมนต์ นั่งสมาธิ เสร็จแล้วก็ดูข่าวทุกช่องสลับเปลี่ยนไป ดูข่าวพระราชสำนักจบ 3 ทุ่มกว่าแม่ก็นอนแล้ว นอนกลางคืนก็ออกกำลังกาย ดัดแข้งดัดขา กายบริหาร ตื่นตี 5 ถ้าหลับเพลินก็ 6 โมงเช้า ตื่นมาเอาอาหารให้หมาแมว แล้วก็มากวาดใบไม้ เสร็จแล้วเข้ามาดูทีวี 8 โมงกว่าก็ทานข้าว ทำใจปล่อยวาง ไม่ยึดติดและไม่วิตกกังวล อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราต้องแก้ด้วยตัวเราเอง ส่วนโรคภัยไข้เจ็บ แม่มีหัวใจอ่อนล้าเป็นโรคประจำตัว ต้องกินยา ไปโรงพยาบาลปีละครั้ง”

วันเกิด ‘วิกิพีเดีย’ สารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทุกคนสามารถ ‘เขียน-แก้ไข-เพิ่มเติม’ ข้อมูลได้อย่างอิสระ

เมื่อ 23 ปีก่อนหรือเมื่อ 15 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นวันเกิด ‘วิกิพีเดีย’ เว็บสารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทุกคนเป็นเจ้าของและสามารถเขียน แก้ไข และเพิ่มเติมข้อมูลได้อย่างอิสระ

หากคิดจะค้นหาข้อมูลในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เชื่อว่าเว็บ ‘วิกิพีเดีย’ (Wikipedia) คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนคลิกเข้าไปอ่านข้อมูล นอกจากจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ขึ้นมาให้เห็นแล้ว เว็บวิกิพีเดียยังเป็นเว็บสารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีข้อมูลนื้อหามากกว่า 62 ล้านบทความ อีกทั้งยังครอบคลุมภาษาที่หลากหลาย

สำหรับ ‘วิกิพีเดีย’ นั้น ก่อตั้งโดย จิมมี่ เวลส์ (Jimmy Wales) และ แลร์รี แซงเจอร์ (Larry Sanger) โดยก่อนหน้าที่จะมีวิกิพีเดีย พวกเขาได้ก่อตั้ง ‘นูพีเดีย’ (Nupedia) มาก่อน ในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2544 แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากเป็นระบบที่มีการตรวจทานข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผู้ที่จะร่วมแก้ไขได้ต้องมี ‘คุณวุฒิสูง’ จึงส่งผลให้แทบไม่มีการเขียนบทความลงในนูพีเดีย

เมื่อเป็นเช่นนั้น จิมมี่ เวลส์ จึงปรึกษากับ แลร์รี แซงเจอร์ และได้ข้อสรุปว่า ควรสร้างเว็บแยกออกมาจาก ‘นูพีเดีย’ แบบที่สาธารณชนมีส่วนร่วมแก้ไขเนื้อหาหรือเขียนบทความได้ และในที่สุด ‘วิกิพีเดีย’ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีโดเมนคือ wikipedia.com เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2544 และต่อมาได้เปลี่ยนเป็น wikipedia.org โดยได้รับการดูแลและการสนับสนุนจากมูลนิธิวิกิมีเดีย องค์กรไม่แสวงผลกำไร

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นที่รู้ ๆ กันของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ว่า การจะเชื่อหรืออ้างอิงข้อมูลจาก ‘วิกิพีเดีย’ จะต้องใช้อย่าง ‘ระมัดระวัง’ เนื่องจากเป็นเว็บที่ ‘ใครๆ’ ก็เข้ามาปรับแต่ง ลบ แก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ ทำให้ข้อมูลในบางเรื่องถูก ‘บิดเบือน’ หรือ ‘ปรับเปลี่ยน’ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นควรจะมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลมากกว่า 1 แห่ง และตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน

14 มกราคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันทรัพยากรป่าไม้แห่งชาติ’  สร้างความตระหนักรู้-อนุรักษ์ป่าไม้ในประเทศไทย

14 มกราคม ของทุกปี กำหนดให้เป็น ‘วันทรัพยากรป่าไม้แห่งชาติ’ มุ่งสร้างความตระหนักรู้ และให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของประเทศไทย

‘ป่าไม้’ เป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติที่ให้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ประชาชน ช่วยรักษาความสมดุลย์ของภาวะแวดล้อมและป้องกันภัยธรรมชาติซึ่งนำความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สาเหตุที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติส่วนหนึ่งมาจากการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจนทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาพป่าไม้ของชาติ ทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ทางภาวะแวดล้อมขึ้นจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

เมื่อ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชกำหนดดังกล่าวได้ให้อำนาจรัฐมนตรีฯ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการให้สัมปทานป่าไม้สิ้นสุดลงทั้งแปลงได้อันเนื่องมาจากอุทกภัยภาคใต้ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2531 โดยเฉพาะที่ตำบลกระทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จำเป็นต้องทำการรณรงค์ต่อเนื่องและระยะยาวให้ประชาชนได้เข้าใจและให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้โดยสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดไม้ทำลายป่าจึงขออนุมัติให้กำหนดวันที่ 14 มกราคมของทุกปีเป็น ‘วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ’

‘กรมป่าไม้’ จัดงานวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติเพื่อประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของวันดังกล่าวมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น จัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ การบรรยายความรู้ในสถานศึกษา ประกวดวาดภาพป่าไม้ แจกเอกสารเผยแพร่ แจกกล้าไม้แก่ประชาชน จัดประชุมชี้แจงแก่ประชาชน เชิญชวนให้ประชาชนงดเว้นการตัดไม้ทำลายป่า พร้อมทั้งร่วมกันปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ในทุกท้องที่ภาคเอกชน ประชาชนควรให้การสนับสนุนและเข้าร่วมกิจกรรมกับทางราชการเท่าที่สามารถจะทำได้ ควรถือเอาวันที่ 14 มกราคมเป็นวัดลดละเลิกการบุกรุกแผ้วถางป่าและตัดไม้ทำลายป่า ร่วมมือร่วมใจกันปลูกต้นไม้ทดแทนที่ถูกตัดทำลายไปให้มากที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top