Saturday, 20 April 2024
LITE

วันเกิด ‘วิกิพีเดีย’ สารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทุกคนสามารถ ‘เขียน-แก้ไข-เพิ่มเติม’ ข้อมูลได้อย่างอิสระ

เมื่อ 23 ปีก่อนหรือเมื่อ 15 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นวันเกิด ‘วิกิพีเดีย’ เว็บสารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทุกคนเป็นเจ้าของและสามารถเขียน แก้ไข และเพิ่มเติมข้อมูลได้อย่างอิสระ

หากคิดจะค้นหาข้อมูลในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เชื่อว่าเว็บ ‘วิกิพีเดีย’ (Wikipedia) คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนคลิกเข้าไปอ่านข้อมูล นอกจากจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ขึ้นมาให้เห็นแล้ว เว็บวิกิพีเดียยังเป็นเว็บสารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีข้อมูลนื้อหามากกว่า 62 ล้านบทความ อีกทั้งยังครอบคลุมภาษาที่หลากหลาย

สำหรับ ‘วิกิพีเดีย’ นั้น ก่อตั้งโดย จิมมี่ เวลส์ (Jimmy Wales) และ แลร์รี แซงเจอร์ (Larry Sanger) โดยก่อนหน้าที่จะมีวิกิพีเดีย พวกเขาได้ก่อตั้ง ‘นูพีเดีย’ (Nupedia) มาก่อน ในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2544 แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากเป็นระบบที่มีการตรวจทานข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผู้ที่จะร่วมแก้ไขได้ต้องมี ‘คุณวุฒิสูง’ จึงส่งผลให้แทบไม่มีการเขียนบทความลงในนูพีเดีย

เมื่อเป็นเช่นนั้น จิมมี่ เวลส์ จึงปรึกษากับ แลร์รี แซงเจอร์ และได้ข้อสรุปว่า ควรสร้างเว็บแยกออกมาจาก ‘นูพีเดีย’ แบบที่สาธารณชนมีส่วนร่วมแก้ไขเนื้อหาหรือเขียนบทความได้ และในที่สุด ‘วิกิพีเดีย’ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีโดเมนคือ wikipedia.com เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2544 และต่อมาได้เปลี่ยนเป็น wikipedia.org โดยได้รับการดูแลและการสนับสนุนจากมูลนิธิวิกิมีเดีย องค์กรไม่แสวงผลกำไร

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นที่รู้ ๆ กันของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ว่า การจะเชื่อหรืออ้างอิงข้อมูลจาก ‘วิกิพีเดีย’ จะต้องใช้อย่าง ‘ระมัดระวัง’ เนื่องจากเป็นเว็บที่ ‘ใครๆ’ ก็เข้ามาปรับแต่ง ลบ แก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ ทำให้ข้อมูลในบางเรื่องถูก ‘บิดเบือน’ หรือ ‘ปรับเปลี่ยน’ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นควรจะมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลมากกว่า 1 แห่ง และตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน

14 มกราคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันทรัพยากรป่าไม้แห่งชาติ’  สร้างความตระหนักรู้-อนุรักษ์ป่าไม้ในประเทศไทย

14 มกราคม ของทุกปี กำหนดให้เป็น ‘วันทรัพยากรป่าไม้แห่งชาติ’ มุ่งสร้างความตระหนักรู้ และให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของประเทศไทย

‘ป่าไม้’ เป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติที่ให้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ประชาชน ช่วยรักษาความสมดุลย์ของภาวะแวดล้อมและป้องกันภัยธรรมชาติซึ่งนำความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สาเหตุที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติส่วนหนึ่งมาจากการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจนทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาพป่าไม้ของชาติ ทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ทางภาวะแวดล้อมขึ้นจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

เมื่อ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชกำหนดดังกล่าวได้ให้อำนาจรัฐมนตรีฯ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการให้สัมปทานป่าไม้สิ้นสุดลงทั้งแปลงได้อันเนื่องมาจากอุทกภัยภาคใต้ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2531 โดยเฉพาะที่ตำบลกระทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จำเป็นต้องทำการรณรงค์ต่อเนื่องและระยะยาวให้ประชาชนได้เข้าใจและให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้โดยสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดไม้ทำลายป่าจึงขออนุมัติให้กำหนดวันที่ 14 มกราคมของทุกปีเป็น ‘วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ’

‘กรมป่าไม้’ จัดงานวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติเพื่อประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของวันดังกล่าวมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น จัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ การบรรยายความรู้ในสถานศึกษา ประกวดวาดภาพป่าไม้ แจกเอกสารเผยแพร่ แจกกล้าไม้แก่ประชาชน จัดประชุมชี้แจงแก่ประชาชน เชิญชวนให้ประชาชนงดเว้นการตัดไม้ทำลายป่า พร้อมทั้งร่วมกันปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ในทุกท้องที่ภาคเอกชน ประชาชนควรให้การสนับสนุนและเข้าร่วมกิจกรรมกับทางราชการเท่าที่สามารถจะทำได้ ควรถือเอาวันที่ 14 มกราคมเป็นวัดลดละเลิกการบุกรุกแผ้วถางป่าและตัดไม้ทำลายป่า ร่วมมือร่วมใจกันปลูกต้นไม้ทดแทนที่ถูกตัดทำลายไปให้มากที่สุด

13 มกราคม พ.ศ. 2563 ‘สธ.’ แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกในไทย เป็น ‘นักท่องเที่ยวชาวจีน’ เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น

วันนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นเพศหญิง วัย 61 ปี จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน 

ย้อนกลับไปปลายเดือนธันวาคม 2562 มีรายงานว่า ประเทศจีนพบกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบ โดยยังไม่สามารถระบุเชื้อที่เป็นสาเหตุ จำนวน 27 คน และเพิ่มเป็น 44 คน ในวันที่ 3 มกราคม 2563 และกลุ่มผู้ป่วยทั้งหมดนี้มีความเชื่อมโยงกับตลาดค้าส่งอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน และในวันเดียวกันนั้น ทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจึงเริ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น

ต่อมา วันที่ 8 มกราคม 2563 ไทยตรวจพบนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน มีไข้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อตรวจร่างกายแรกรับผู้ป่วยวัดอุณหภูมิได้ 38.6 องศาเซลเซียส และมีอาการไอแห้งเล็กน้อย ไม่มีน้ำมูก เมื่อสอบประวัติก็พบว่า เคยไปตลาดค้าส่งอาหารทะเลในอู่ฮั่น จนในที่สุด 13 มกราคม 2563 กระทรวงสาธารณสุข ออกมาแถลงยืนยันว่า พบเชื้อโควิด-19 เป็นรายแรกในไทย หลังจีนเปิดเผยข้อมูลเชื้อโรคดังกล่าวเพียง 1 วัน โดยระบุว่า เชื้อโรคดังกล่าวเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เรียกว่า SARS-CoV-2 หรือที่องค์การอนามัยโลกประกาศชื่อภายหลังว่า COVID-19

แม้ รมว.สาธารณสุข จะแสดงความเชื่อมั่นในการหาวัคซีน หรือเพิ่มมาตรการป้องกัน แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ วิถีชีวิตของคนไทยทั้งประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปประชาชนเริ่มมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ป้องกันตัวเอง มีวินัยอยู่สม่ำเสมอ บวกกับมีการพัฒนาวัคซีน มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง และทำให้ประชาชนคนไทยได้กลับมาลืมตาอ้าปาก ออกไปใช้ชีวิต ทำมาหากิน ได้อย่างสบายใจมากขึ้นอีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะผ่อนคลายลงกว่าเดิมแล้ว แต่เราทุกคนยังคงต้องป้องกันตนเอง ไม่ประมาท ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเช่นเดิมจะเป็นผลดีกับตัวเราเองที่สุด

12 มกราคม 2566 เปิดฉากดีลยักษ์ 'เอสโซ่ - บางจาก' ปิดฉากตำนาน 'ปั๊มเสือ' 129 ปีในไทย

นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงในวงการพลังงาน หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 ได้มีมติเอกฉันท์อนุมัติการเข้าทำธุรกรรมและเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. 

โดยบางจากฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ExxonMobil เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนด และเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด (tender offer) ของเอสโซ่ หลังจากการทำธุรกรรมกับ ExxonMobil เสร็จสิ้น

ซึ่งการเข้าซื้อกิจการ ESSO ประเทศไทย โดยมีสัดส่วน 65.99% โดยคิดเป็นมูลค่าเบื้องต้นราว 20,000 ล้านบาท โดยราคากิจการที่ซื้อจะเป็นราคาที่ตั้งต้นด้วย 55,000 ล้านบาท ก่อนปรับปรุงรายการทางการเงินต่าง ๆ อีกราว 25,000 ล้านบาท ทำให้เหลือเป็นราคากิจการเบื้องต้นราว 30,000 ล้านบาท และการลงทุนครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานที่มากขึ้นของบางจากฯ และประเทศไทย เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น

สำหรับการลงทุนครั้งนี้มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องคือโรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท โดยจะทำให้บางจากฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน 

และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง ซึ่งการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ เอสโซ่ จาก ExxonMobil โดยมีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น

ดังนั้นเมื่อ บางจาก ได้รวมกับ เอสโซ่ แล้ว จะทำให้ บางจาก มีความยิ่งใหญ่เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว โดยหากมองจากจำนวนสาขาบริการน้ำมันหากรวมกันจะอยู่ที่กว่า 2,100 สาขา ทั้งนี้หากนำไปเทียบกับสถานีบริการน้ำมันของผู้ประกอบการราย อาทิ เช่น โออาร์ (OR) มีสถานบริการน้ำมันอยู่ที่ 2,473 สาขา และ พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) มีสถานีบริการน้ำมัน 2,212 สาขา 

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการปิดตำนาน ‘ปั๊มพี่เสือ’ อย่างเป็นทางการ หลังเปิดให้บริการมาทั้งสิ้น 129 ปีในประเทศไทย และหลงเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำให้นึกถึง...

เปิดโปรไฟล์ ‘นนกุล’ อนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ จบเอกภาพยนตร์ ผลงานเด่นๆ เยอะ รางวัลเพียบ!!

(11 ม.ค. 67) จากกรณีนักแสดงมากความสามารถ ‘นนกุล-ชานน สันตินธรกุล’ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ไปนั้น

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก ‘วัยรุ่นเพื่อไทย Pheuthai Fc’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสิ่งที่หลายคนสงสัยว่า ‘นนกุล-ชานน สันตินธรกุล’ มีอะไรดี? ทำไมถึงได้มาเป็นอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมแนบประวัติการศึกษาที่ระบุว่าเจ้าตัวสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการผลิตภาพยนตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล

คราวนี้เรามาทำความรู้จัก ‘นนกุล-ชานน สันตินธรกุล’ กันให้มากขึ้นกว่าเดิม พร้อมส่องผลงานที่ผ่านมาว่ามีอะไรบ้าง? และเหมาะสมหรือไม่กับตำแหน่งอนุกรรมการ ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านภาพยนตร์

>> ผลงานการแสดง : ภาพยนตร์

ปี 2558 
- คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์
- Love Love You อยากบอกให้รู้ว่ารัก ปี๊ด

ปี 2560 ฉลาดเกมส์โกง 
ปี 2562 มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง
ปี 2565 บุพเพสันนิวาส 2 

>> ผลงานการแสดง : โทรทัศน์

ปี 2558 Hormones 3 The Final Season

ปี 2559
- I SEE YOU พยาบาลพิเศษเคสพิศวง
- Love Song Love Series ตอน เพื่อนสนิท
- บางรักซอย 9/1 

ปี 2560 
- Love Song Love Series to be continued ตอน เพื่อนสนิท
- Project S ตอน Shoot! I Love You

ปี 2562 Bangkok Love Stories 2 ตอน เรื่องที่ขอจากฟ้า
ปี 2564 46 วันฉันจะพังงานวิวาห์

ปี 2565 
- 23:23 สัญญา สัญญาณ
- หอมกลิ่นความรัก
- Wannabe ฝัน กล้า บ้า ดัง, หารักด้วยใจเธอ

ปี 2566 
- remember แค้นนี้ไม่มีลืม
- ร้อยเล่ม เกมออฟฟิศ

>> รางวัลที่ได้รับ

ปี 2560 : 
- รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
- รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ สาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
- รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง สาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
- รางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย สาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

ปี 2561 : 
- ชิกสไตล์อะวอดส์ 2018 (Chic style Awards 2018) สาขา นักแสดงนำชาย
- รางวัลชมรมสร้างสรรค์และพัฒนาเยาวชนแห่งประเทศไทย สาขา เยาวชนต้นแบบ (นักร้อง, นักแสดง)

ปี 2566 : 
- รางวัลกินรีทอง มหาชน ครั้งที่ 8 นักแสดงนำชายซีรีส์ยอดเยี่ยมแห่งปี

นอกจากนี้ ครั้งที่ ‘นนกุล’ ยังได้เป็นตัวแทนจากภาพยนตร์ ‘บุพเพสันนิวาส 2’ ขึ้นไปรับรางวัล ละคร/ภาพยนตร์ สืบทอด สร้างสรรค์ ศิลปวัฒธรรมร่วมสมัย ซึ่งนอกจากจะกล่าวขอบคุณแล้ว ในช่วงท้ายยังได้ฝากข้อความไปถึงรัฐบาลให้สนับสนุนวงการบันเทิงไทย และเชื่อว่าทุกคนต้องการเห็นวงการบันเทิงไทยไปสู่ระดับโลกด้วย เรียกเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ล้นหลาม ได้ใจชาวโซเชียล แถมยังยกให้เป็น MVP ของงานอีกด้วย

‘แอร์ฯสาว’ เผยโมเมนต์ประทับใจจากทุกไฟล์ทบินของ ‘พี่เบิร์ด’ ไม่ถือตัว ไม่เรียกร้องสิทธิพิเศษ แถมจำชื่อเล่นนางฟ้าได้ทุกคน

(11 ม.ค. 67) เพจหนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ ได้โพสต์ข้อความชื่นชมในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
เมื่อมีคนมาคอมเมนต์ถามว่าในหมู่คนดังที่มาใช้บริการบนเครื่องบิน ประทับใจใครมากที่สุด แอร์โฮสเตสเจ้าของช่องทั้ง 2 ท่านนี้ตอบว่า ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’

“..ทุกครั้งที่พี่เบิร์ดเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไฟล์ทไหนก็ตาม แอร์ฯทุกคนทุกไฟล์ทจะพูดตรงกันหมดนั่นคือ ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’ โดยเธอเล่าว่าทุกครั้งก่อนที่จะเดินทาง พี่เบิร์ดจะทำการบ้านมาก่อนเสมอว่าลูกเรือที่คอยให้บริการในเที่ยวบินนั้นๆมีชื่อเล่นว่าอะไรบ้าง พอเราทักสวัสดีค่ะพี่เบิร์ด พี่เบิร์ดจะมองหน้าแล้วตอบกลับว่า สวัสดีครับเมย์ เราก็..เอ้ยรู้จักชื่อเล่นเราได้ไง สรุปคือพี่เบิร์ดจำชื่อเล่นได้ทุกคน ยิ้มแย้มตลอด เวลาที่ให้บริการพี่เบิร์ด ซึ่งพี่เบิร์ดจะเป็นคนง่ายๆทานง่ายมากไม่เรียกร้องอะไรพิเศษเลย และพอทานเสร็จแล้วพี่เบิร์ดจะเดินเข้าไปกระซิบบอกแอร์ฯในโซนครัวว่า ให้ไปบอกเพื่อนๆทั้งหมดไปตบแป้งเติมปากแล้วมาถ่ายรูปกัน แล้วพี่เบิร์ดจะยืนรอเพื่อให้ลูกเรือได้ถ่ายรูปคู่จนกว่าจะครบทุกคน นี่คือความน่ารักของพี่เบิร์ด เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราเห็นพี่เบิร์ดบินด้วย ทุกคนจะรู้เลยว่าไฟล์ทนั้นจะเป็นไฟล์ทที่พวกเราอบอุ่นและมีความสุขกันมาก..“

11 มกราคม พ.ศ. 2465  ‘Leonard Thompson’ มนุษย์คนแรก  ได้รับการฉีด ‘อินซูลิน’ รักษาโรคเบาหวาน

วันนี้เมื่อ 102 ปีก่อน Leonard Thompson เป็นมนุษย์คนแรกของโลก ที่ได้รับการฉีด ‘อินซูลิน’ รักษาโรคเบาหวาน

ในปี ค.ศ. 1889 นักวิทยาศาสตร์ 2 คน คือ Joseph von Mering และ Oskar Minkowski พบสาเหตุของโรคเบาหวานโดยบังเอิญ จากการทดลองตัดตับอ่อนของสุนัขออกไปเพื่อดูว่าสุนัขจะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อไม่มีอวัยวะนี้

ปรากฏว่าระดับน้ำตาลในเลือดของสุนัขสูงขึ้น และสุนัขมีอาการของโรคเบาหวาน คือ ปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมาก และน้ำหนักลด นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองยังพบอีกว่า ตับอ่อนทำงานผลิตสารอีกชนิดที่ไม่ได้หลั่งออกไปตามท่อสู่ลำไส้ แต่หลั่งออกไปสู่ร่างกายตามกระแสเลือด การค้นพบนี้ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ในเรื่องของฮอร์โมนขึ้น

หลังจากนั้น Frederick Banting ศัลยแพทย์ชาวแคนาดาผู้สนใจเรื่องเบาหวาน เขาอ่านพบงานวิจัยของ Joseph von Mering และ Oskar Minkowski ซึ่งพบว่าตับอ่อนเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน Frederick Banting ตั้งสมมติฐานว่า หากผูกท่อน้ำย่อยของตับอ่อนไม่ให้หลั่งออกมา น้ำย่อยจะไหลกลับไปที่ตับอ่อนทำให้ตับอ่อนอักเสบและเซลล์ที่สร้างน้ำย่อยสลายไป ก็จะเหลือแต่เซลล์ที่สร้างสารที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และจะทำให้การสกัดเอาสารนี้ออกมาได้ผลดีขึ้น และเริ่มทำการทดลองกับสุนัขตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ด้วยการขออนุญาต ศาสตราจารย์ John Macleod เพื่อใช้ห้องทดลองเล็กของมหาวิทยาลัยโตรอนโต โดยมี Charles Best-นักศึกษาแพทย์ เป็นผู้ช่วย และ James Collip-นักชีวเคมี เป็นที่ปรึกษา

หลังการทดลอง 3 เดือนเต็ม ก็ประสบความสำเร็จ สามารถสกัดสารออกมาจากตับอ่อนของสุนัข ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปในเลือดของสุนัขที่เป็นเบาหวาน สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดลงได้ เขาเรียกสารที่สกัดออกมานี้ว่า Isletin ซึ่งต่อมาได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น อินซูลิน (Insulin) การค้นพบนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานต้องเสียชีวิตด้วยภาวะกรดในเลือด (Diabetic Ketoacidosis-DKA) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้เป็นเบาหวานเวลานั้น

โดย Leonard Thompson อายุ 21 ปี คือคนไข้คนแรกที่ได้รับการฉีดอินซูลินเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) หลังได้รับอินซูลิน Leonard Thompson มีชีวิตอยู่ได้อีก 13 ปี

และจากผลการค้นพบอินซูลินซึ่งสามารถช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์จำนวนมหาศาล ทำให้ Frederick Banting, John Macleod, Charles Best, และ James Collip จึงได้รับรางวัลโนเบล ใน ค.ศ. 1923 อีกด้วย

'หมอลักษณ์' เดือด!! ปม ‘แพรรี่’ วิจารณ์ปีชงมีไว้หลอกคนโง่ ซัด!! สร้างคอนเทนต์หิวแสง ไม่มีความรู้ และเพ้อเจ้อเอามัน

(10 ม.ค.67) กลายเป็นอีกประเด็นให้ถกเถียงกันผ่านโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับเรื่องปีชง ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ’ ของหมอลักษณ์ ราชสีห์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า... 

"ประกาศให้คนไทยเชื้อสายจีนและคณะศิษย์สาธุชน ที่มีความเชื่อถือศรัทธาในวิถีศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรมในโหราศาสตร์จีน พุทธศาสนาแบบพุทธมหายาน จีนนิกาย ได้ทราบตอนนี้ มี โมฆบุรุษ ลักเพศ หิวเเสง ออกมาบริภาษสร้างเรื่องสร้างคอนเทนต์แบบไม่มีสติ ใช้ปัญญาอันต่ำทราม พูดถึง กล่าวถึง ส่อเสียด แบบเพ้อเจ้อ เหยียบย่ำ ให้ร้าย (ว่าปีชงมีไว้หลอกคนโง่) ในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้ ประสบการณ์ ด้วยลักษณะอาการมันปาก สนุกปาก ในประเด็น ‘ปีชง’ อันเป็นศาสตร์ วิชา โหราศาสตร์จีน โปยหยี่สี่เถียว ฯลฯ อันมีปราชญ์ ผู้รู้ บรมครู สืบวิชามายาวนาน ทั้งพระในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน จีนนิกายมากมาย ท่านเอาศาสตร์นี้ไว้เป็นแนวทางเตือนสติให้ขวัญกำลังใจ ให้มีวิถีบูชาพระ เข้าวัดปฏิบัติบูชาพระไภษัชยคุรุ ตามแนวทางให้ปฏิบัติบูชาระลึก เทพเทวา และบรรพบุรุษ ด้วยหลักกตัญญูกตเวทิตา เป็นความเชื่อถือศรัทธาของผู้มีศรัทธามากมาย

การมาพูดให้ร้าย ด่าทอ หยาบคาย โดยตนไม่มีความรู้ในศาสตร์ วิชา ทั้งยังพูดส่อเสียด โดยขาดธรรม /สติปัญญา เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง อาจารย์จึงแชร์เพจของปราชญ์ผู้รู้ที่เป็น กัลยาณมิตรมาช้านาน ที่เคารพนับถือซึ่งและกันมาให้คณะศิษย์สมาชิกได้ติดตามในองค์ความรู้ วิชา ที่เป็นประโยชน์ในทางโลกสำหรับทุกๆ คนครับ

ขอให้ติดตามเพจที่ให้ความรู้ ‘พุทธสถาน จีเต็กลิ้ม จ.นครนายก’ วัดเล่งเน่ยยี วัดเล่งฮกยี่ วัดจีนประชาสโมสร สมาคม ชมรม ศาลเจ้าจีน โรงเจทั่วประเทศ ที่มีกิจกรรม พิธีกรรม ไหว้พระ ฝากดวง ปัดตัวแก้ปีชง ปัดดวงฝากดวงองค์ไท้ส่วยเอี๊ย แก้ปีชงกันทั้งแผ่นดิน ได้เห็นรับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีบุคคลให้ร้ายกล่าวโทษพูดพร่ำในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้ ระราน วิถีความเชื่อถือศรัทธาที่สืบมายาวนาน ที่คนไทยเชื้อสายจีนและผู้เชื่อถือศรัทธาปฏิบัติมาช้านาน ลักษณ์ ราชสีห์ สายตระกูล แช่อึ๊ง"

โดยหมอลักษณ์ ยังได้คอมเมนต์เพิ่มเติมอีกว่า งานนี้ก่อศัตรูกับวัดจีน ศาลเจ้า โรงเจ มูลนิธิ สมาคมจีนทั้งแผ่นดินที่มีความเชื่อถือ ยึดถือปฏิบัติมาช้านานเป็นพันปี ทั้งยังนักโหราศาสตร์จีน ซินแส ทุกๆ คน ว่าไงครับ โดนย่ำยี ว่า “ปีชงเอาไว้หลอกคนโง่”

'แอมมี่' ขอโทษ 'เมรี' หลังก่อนหน้านี้ ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับ!! ไม่ใช่ 'คนรัก-พ่อที่ดี' แต่ขอโอกาสทำหน้าที่พ่อ

(10 ม.ค. 67)หลังปล่อยให้เหตุการณ์ดรามาบานปลาย จนชาวเน็ตต้องตามเผือกกันจนขอบตาดำคล้ำ ล่าสุดวันนี้ถึงบทสรุปเรื่องทำสาวท้องแล้วไม่ยอมรับของ ‘แอมมี่ The bottom blues’ หรือ ‘แอมมี่ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์’ หลังจากที่เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความในอินสตาแกรม ขอโทษ ‘เมรี คำภีร์’ ลูกสาว ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์’ แล้ว พร้อมลั่นอารมณ์และโทสะครอบงำจนไม่สามารถเคียงข้างได้ในวันที่อีกฝ่ายต้องการ อยากขอโอกาสแก้ไขความผิดพลาด อยากทำหน้าที่พ่อของลูก โดยแอมมี่ได้โพสต์ข้อความไว้ว่า…

“หลังจากออกจากเรือนจำ นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดช่วงนึงของชีวิต การเป็นนักดนตรีของผม การดิ้นรนกลับมาทำเพลง เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ณ เวลานั้นได้มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาในชีวิต เธอหยิบกีต้าร์ใส่มือผมอีกครั้ง เธอคือคนเล่นกีต้าร์กับผมคนแรก เธอคือผู้ฟังคนแรก คนที่ได้ยินทั้งเนื้อร้อง ทำนองของเพลงที่กำลังจะถูกแต่งออกมาอีกครั้งจากปากของผมบ้างก็ดี หรือบางทีเธอก็หยิบมันมาฟังคนเดียว ผ่านโทรศัพท์เครื่องเก่า ๆ ที่เราใช้ในการทำเดโม่

นับว่านานพอดูเลยแหละ จนกระทั่งโชคก็เข้าข้าง เราได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง สถานการณ์ทุกอย่างค่อย ๆ กลับมาดี ในเส้นทางสายดนตรี เราเริ่มกลับมาทำวงดนตรีเริ่มมีงาน เราทำเอ็มวีด้วยกัน ทีมเราเริ่มใหญ่ขึ้น มีเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของเราสองคนเริ่มไปในทิศทางที่แย่ลง จนถึงขั้นเลิกรากันไปในที่สุด ซึ่งในส่วนนี้ผมผิดเองที่ไม่รักษาความรักของเราไว้ได้

ในวันที่เมบอกผมว่าท้อง ผมขอโทษที่ช่วงนั้นผมไม่สามารถทำหน้าที่อย่างที่พ่อควรจะทำ ผมขอโทษนะ เมรี ตอนนั้นอารมณ์และโทสะครอบงำ จนไม่สามารถเคียงข้างในวันที่เมต้องการ การนัดหมายต้องพังลงในทุกครั้ง ผมขอโทษที่ตอบโต้คุณผ่านสื่อ นั่นเป็นการกระทำที่ผมถือว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ผมอยากขอโทษคุณอีกครั้งเพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ขอโทษเลย

ต่อจากนี้หากมันยังพอมีทาง ผมอยากขอโอกาสที่จะได้แก้ไขมันสำหรับความผิดพลาดของผม ผมไม่ใช่คนรักที่ดีและพ่อที่ดี แต่ผมพร้อมเป็นพ่อของลูก พร้อมดูแลลูกของเรา ผมเชื่อว่ามันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก ๆ กับคุณที่ต้องเผชิญมันเพียงลำพัง ขอโทษที่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ แต่สัญญาว่าจะพยายามทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุดเพื่อลูกของเรา”

ตามด้วยแคปชันว่า “ผมขอโทษนะเมรี”

10 มกราคม พ.ศ. 2489 ‘สหประชาชาติ’ จัดประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งแรก ณ กรุงลอนดอน มีสมาชิกเข้าร่วม 51 ประเทศ

10 มกราคม พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) ‘สหประชาชาติ’ ได้จัดการประชุมสมัชชาใหญ่เป็นครั้งแรก ณ กรุงลอนดอน 

ซึ่ง สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) เป็นองค์กรที่มีอำนาจมากที่สุดและเป็นหนึ่งในเสาหลักของสหประชาชาติ เป็นเพียงองค์กรเดียวของสหประชาชาติที่ตัวแทนของแต่ละประเทศสมาชิกมีสิทธิและฐานะเท่าเทียมกัน สมัชชาใหญ่มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณและการใช้จ่ายในโครงการของสหประชาชาติ แต่งตั้งสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคง รับรายงานจากทั่วทุกมุมโลกเพื่ออภิปรายและให้ความเห็น ตลอดจนจัดตั้งองค์กรลูกต่าง ๆ มากมายของสหประชาชาติ

การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งแรกมีขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) ที่ศาลากลางนครเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอน โดยในขณะนั้นมีสมาชิกเข้าร่วมทั้งสิ้น 51 ประเทศ โดยสมัชชาใหญ่จะมีวาระการประชุมตามที่ประธานที่ประชุมหรือเลขาธิการสหประชาชาติได้เรียกประชุมตามขั้นตอนปีละหนึ่งครั้ง ซึ่งโดยมักจะเริ่มเปิดวาระการประชุมตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ซึ่งจะหารือกันในหัวข้อหลักต่าง ๆ ไปจนถึงราวเดือนธันวาคม และหารือกันในหัวข้อย่อยตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนกระทั่งสิ้นสุดทุกประเด็นตามที่ได้แถลงไว้

นอกจากนี้ อาจมีเปิดวาระการประชุมในกรณีพิเศษหรือกรณีฉุกเฉิน ซึ่งการประชุม กลไก อำนาจหน้าที่ และการลงคะแนนของสมัชชาใหญ่นั้น เป็นไปตามมาตรา 5 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ โดยการลงคะแนนของสมัชชาใหญ่เพื่อออกเป็นมติสมัชชาใหญ่ในหัวข้อสำคัญ ข้อแนะนำด้านสันติภาพและความมั่นคง ข้องบประมาณ การเข้าร่วมสหประชาชาติ การระงับหรือเพิกถอนสมาชิกภาพ จะต้องได้รับคะแนนเสียงในที่ประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดในที่ประชุม

ส่วนหัวข้อย่อยอื่น ๆ นั้นใช้เพียงคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกในที่ประชุม โดยที่ประเทศสมาชิกแต่ละประเทศมีเพียงหนึ่งเสียงเท่านั้น สมัชชาใหญ่อาจให้ข้อแนะนำเรื่องใด ๆ ก็ตามที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของสหประชาชาติ ยกเว้นอำนาจในการดำเนินการรักษาสันติภาพและความมั่นคงซึ่งเป็นอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

ปัจจุบัน สมัชชาใหญ่มีสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศ ซึ่งกว่าสองในสามเป็นประเทศกำลังพัฒนา และมีผู้สังเกตการณ์ 2 ประเทศ คือ นครรัฐวาติกัน กับ รัฐปาเลสไตน์

‘แพรรี่’ ลั่น!! ‘ปีชง’ ไม่มีจริง วอนหยุดหากินกับความเชื่อ พร้อมย้ำ!! 365 วัน ชีวิตคนเราต้องเจอปัญหาอยู่แล้ว

(9 ม.ค.67) กลายเป็นคลิปวิดีโอไวรัลในข้ามคืน เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ หรือ ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ ได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอฟาดแรงถึงความเชื่อว่า ปีชงมีไว้หลอกคนโง่

โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าว ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ พูดว่า “ใช้ชีวิตมา ต่อให้เป็นปีที่ไม่ชง ไม่เกิดปัญหาเลยเหรอ ใช้ชีวิตมา 300 กว่าวัน คือชีวิตดีมากว่างั้น ปีนี้ไม่ชงก็เลยสบาย ทำอะไรชิล ๆ ทำอะไรดีหมดทั้งปี มีเหรอ ไม่มีค่ะ ต่อให้ไม่ชง ชงหรือไม่ชง ชีวิตต้องมีปัญหา”

“มีใครกล้าบอกไหม สมมติปีที่แล้วไม่ชง ชีวิต 365 วัน ที่ผ่านมาดีหมด ไม่มีปัญหา ไม่มีติดขัด มีเหรอ มันไม่มี ปีชงมันมีไว้สำหรับหลอกคนโง่ค่ะ”

เพราะมันขายของได้ไง ถ้ามันบอกว่ามันชง ปีชงตามมาด้วยการทำพิธีกรรม ทุกอย่างแก้ได้ด้วยการเสียเงิน หรือจะเถียง ที่มันบอกว่ามีเคราะห์ ที่มันบอกว่าชง เดี๋ยวมันให้วิธีแก้ชง แต่วิธีแก้ชง ก็คือเสียเงินแน่นอน เดี๋ยวมันแนะนำให้ไปทำพิธีวัดนู้นวัดนี้ แต่เสียเงิน”

เจ้าตัวยังพูดอีกว่า จะไปชงกับใครก็ไป แต่ไม่ได้ชงกับแล้วคนนึง ไม่ได้กินเงินตนค่ะ ไม่ต้องมาชงกับตน ตนชงเองได้ เอ้าลองคิดดูให้ดี ใช้สติปัญญาให้ดีว่าไอ้ที่เขาบอกว่าคุณชง ปีโน้นคุณชง มันตามมาด้วยอะไร หนึ่ง ถ้าเขาบอกว่าปีนี้คุณชง คุณไม่สบายใจละ ถ้าเขาบอกราศีนี้ชง ร้อยทั้งร้อย คนที่เชื่อเรื่องดวง เชื่อเรื่องราศี ฟังแล้วไม่สบายใจ

เมื่อไม่สบายใจ ตามมาด้วย การต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อแก้ชง เพราะคิดว่าการทำพิธีสิ่งที่ไม่ดี หรือสิ่งที่ชง จะไม่เกิด เสียเงิน เสียเงินแน่นอน มากน้อยต้องเสีย แล้วจะไปเชื่อทำไม ความเชื่อที่ทำให้เราต้องเสียเงินเสียทอง ความเชื่อที่ทำให้เราไม่สบายใจ เราจะไปเชื่อทำไม

ทั้งนี้ แพรรี่ ไพรวัลย์ พร้อมฝากถึงคนที่หากินกับความเชื่อว่า “ถ้าคุณหากินกับความเชื่อแบบนี้ ต้องเจอตน หลอกคนได้หลอกไป แต่เจอตนแน่นอน อีพวกหากินกับความเชื่อคน อาชีพมีเยอะแยะ มีมือมีเท้าก็ไปทำสิ มาหลอกกินกับความเชื่อกับคน

เดี๋ยวจัดพิธีไหว้ของดำ ราหู ถามหน่อย พระพุทธเจ้าบอกไว้ในพระไตรปิฎกเล่มไหน ไหว้ของดำ ไหว้ราหูเนี่ย พระไตรปิฎกเล่มไหนสอน

พวกหมอดูทำไป ก็ยังทำเนานะ มันเป็นอาชีพ แต่เดี๋ยวนี้ลามไปยังวัด พาคนไปสวดสะเดาะเคราะห์ มีในไหนเนี่ยพระไตรปิฎก ชีวิตง่ายขนาดนั้นไม่ต้องมีศาสนาพุทธค่ะ ไปนั่งเอาสายสิญจน์พันหัว มึงไม่เอาพันคอไปเลยหล่ะ จะได้หมดทุกข์ไปเลย

พร้อมทิ้งท้าย ว่า “จะเชื่อก็เชื่อไป ตนไม่ได้ว่าไร คุณจะทำ ก็ทำไป ตนไม่ได้ว่าอะไร แต่มีคนมาถาม ตนก็จะพูดแบบนี้ เพราะตนไม่เชื่อ ตนมีหน้าที่ให้สติคน ไม่ได้ไปล้ำเส้นความเชื่อพวกคุณหนิ ถ้าตนไปพังพิธีคุณ ว่าไปอย่าง”

งานนี้เจ้าตัวยังมีการอัปคลิปวิดีโอวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งเบญจเพส, สีเสื้อมงคล, ความเชื่อทางศาสนาอื่น ๆ ท่ามกลางคอมเมนต์จากชาวเน็ต

9 มกราคม พ.ศ. 2472 ครบรอบ 95 ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

สำหรับชาวกรุงเทพฯ แล้ว หลายคนคงคุ้นเคยกับสะพานพระพุทธยอดฟ้ากันเป็นอย่างดี ทั้งจากภาพลักษณ์ของสะพานที่งดงาม หรือเป็นสะพานที่ใช้สัญจรไปมาระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร แต่หากย้อนเวลากลับไป 95 ปี วันนี้ถือเป็นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จฯ วางศิลาฤกษ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

กล่าวสำหรับสะพานพระพุทธยอดฟ้า ถูกสร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสสถาปนากรุงเทพมหานครครบ 150 ปี โดยมีพระราชดำริที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อันเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงเป็นผู้สถาปนากรุงเทพมหานคร

สะพานพระพุทธยอดฟ้าถูกออกแบบเป็นสะพานเหล็กยาว 229.76 เมตร กว้าง 16.68 เมตร ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ 7.50 เมตร สามารถยกตอนกลางให้เรือใหญ่แล่นผ่านได้ โดยเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2472 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสะพานว่า สะพานพระพุทธยอดฟ้า กระทั่งกาลเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน สะพานอันงดงามแหง่นี้ก็ยังคงดำรงอยู่ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในด้านการสัญจรเรื่อยมา

8 มกราคม วันคล้ายวันประสูติ  ‘สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา’

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง โดยเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งประสูติเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2530 และทรงเจริญพระชนมายุครบ 37 พรรษา

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

เมื่อแรกประสูติทรงดำรงพระอิสริยยศ ‘หม่อมเจ้า’ มีพระนามว่า ‘หม่อมเจ้าบุษย์น้ำเพชร มหิดล’ ต่อมาได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า ‘หม่อมเจ้าจักรกฤษณ์ยาภา มหิดล’ จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระราชทานพระนามใหม่ว่า ‘หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล’ ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์’ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นทั้งนักกีฬาขี่ม้าและอดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย ในวันที่ 21 กรกฎาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศ ‘พันเอกหญิง’ ในฐานะพระอาจารย์หัวหน้าแผนก โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า (อัตราพันเอก)

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบแฟชันและเครื่องประดับ โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยทรงออกแบบเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’ และ S’Home เสื้อผ้าของสตรีและบุรุษ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างเนืองแน่นในวงการแฟชั่นโลก กับการออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงที่มีความประณีต ที่เหล่าผู้มีชื่อเสียงนิยม ทั้งยังมีแบรนด์ต่างๆ อย่าง Sirivannavari maison แบรนด์ของแต่งบ้าน รวมไปถึงแบรนด์ชุดแต่งงาน

นอกจากทรงออกแบบเสื้อผ้าคอลเลกชันต่างๆ แล้ว พระองค์ยังทรงสนับสนุนผ้าไทย ด้วยการนำผ้าไหมมาตัดเย็บเป็นชุดต่างๆ ทั้งนี้ยังทรงออกแบบชุดให้กับ เดมี ลีห์ เนล ปีเตอร์ มิสยูนิเวิร์ส 2017 และโศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ได้สวมใส่ในการประกวดรอบไทยไนท์ของเวทีนางงามจักรวาลที่จัดประกวดที่ประเทศไทยอีกด้วย ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมถวายรางวัลศิลปาธร ประจำปี 2561 ในสาขาศิลปะการออกแบบ (แฟชันและเครื่องประดับ) ด้วยความสนพระทัยด้านแฟชัน พระองค์จึงเสด็จไปทอดพระเนตรงานปารีสแฟชันวีกอยู่เสมอ และได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อต่างชาติ อาทิ นิตยสาร Grazia ประเทศอังกฤษ จัดอันดับให้พระองค์ทรงอยู่ในลำดับที่ 1 ของเจ้าหญิงที่มีสไตล์ที่สุดในโลก จนได้รับการขนานนามว่าทรงเป็น ‘เจ้าหญิงแฟชัน’

ทั้งนี้ พระองค์ยังทรงเป็นพระอาจารย์สอนนักเรียนปริญญาเอก ศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ อีกด้วย

‘เมรี’ ลูกสาว ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ รับท้อง 3 เดือนแล้ว รู้หลังเลิก ‘แอมมี่’ ลั่น!! ชีวิตต้องไปต่อ ไม่อยากให้ลูกโตในครอบครัวที่มีพ่อทำร้ายแม่

หลังจากหลายเพจดัง โพสต์เปิดประเด็นในทำนองเดียวกันว่ามี ‘นักร้อง ช.’ ท่านหนึ่งทำแฟนสาวท้อง แต่ไม่รับผิดชอบ หนีหาย มีประวัตินอกใจ เจ้าชู้ ปัดความรับผิดชอบ แถมยังบอกว่า “ลูกในท้องใช่ของฉันเหรอ?” งานนี้ชาวเน็ตแห่เดารัวๆ ซึ่งมีชื่อกันในใจเป็นไปในทางเดียวกัน

ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนคลับที่ติดตามเฟซบุ๊ก ‘เม เมรี คัมภีร์’ ลูกสาว ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์’ นักร้องเพื่อชีวิตชื่อดัง จะเห็นว่าก่อนหน้านี้เมรีได้แชร์เพลงใหม่ ‘แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์’ หรือ ‘ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์’ ช่วยโปรโมต ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่อาจจะกลับมารีเทิร์นกันอีกครั้ง แต่แล้วเหมือนโพสต์ดังกล่าวจะถูกลบออกไปหมดแล้ว

ขณะที่ เม ได้โพสต์ข้อความปริศนาแทน อาทิ “อีก 7 เดือน”, “ฉันทำได้ ฉันต้องทำได้” พร้อมเผยว่ามีเรื่องจะเล่า แต่ให้รอก่อน หนักกว่าข่าวล่อแฟนเพื่อน เรื่องดังกล่าวจะเบาไปเลย ข้อความล่าสุด เมรี เผยว่า “ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อม มีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกทุกคน ให้รอฟังกันนะ” พร้อมตอบเมนต์หนึ่งว่า “ก่อนจาก เรียกว่าโดนมันต่อยมากกว่า!!”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 67 เมรี คัมภีร์ ลูกสาวสุดที่รักของนักร้องชื่อดัง ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ได้โพสต์คลิปในไอจีสตอรี่ เป็นคลิปลูบท้องที่ยื่นออกมาขณะเดินทางไปสอบ จากนั้น เม ก็ได้โพสต์คลิปที่อัดไว้ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. 2567 พร้อมภาพอัลตราซาวด์ ยอมรับว่าตอนนี้ตนท้องได้ 3 เดือนแล้ว

“จริงๆ แล้วก่อนหน้าที่จะเลิกกัน 1-2 เดือน เราคุยกันมาตลอดว่าเมประจำเดือนไม่มา แต่เราไม่ได้คิดที่จะตรวจ เพราะเราไม่คิดว่าเราจะต้องเลิกกัน เราก็อายุ 30 กว่าปีกันแล้ว ถ้าจะมีก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ อยู่ด้วยกัน เลี้ยงด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน แต่พอมาถึงวันที่มันเลิกกันจริงๆ เมก็มานึกได้ว่าลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง เมก็เลยไปตรวจ ผลก็ออกมาตามนั้น แต่เมยังไม่ได้ไปอัลตราซาวด์ ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะท้องหรือไม่ท้อง ก็บอกเขาก่อน

แต่เขาในตอนนั้น เมเข้าใจนะ ว่ามันไม่แปลกที่เขาจะไม่เชื่อ เขาคงมองว่าเมจะใช้มุกนี้เหรอ เอาจริงดิ เมเลยได้ ถ้างั้นไปตรวจด้วยกันไหม เขาก็ไม่ไป สุดท้ายเมไปคนเดียว พอได้ผลออกมา เขาก็บล็อกเมหนีหายไปแล้ว”

“เมกำลังจะมีลูก เมท้องค่ะ เมตรวจครรภ์ครั้งล่าสุดวันที่ 2 ม.ค. 67 อายุครรภ์ตอนนี้ 13 สัปดาห์กับอีก 2 วัน กำหนดคลอดวันที่ 7 เดือน 7 เพศยังไม่รู้ ตอนนี้สุขภาพยังแข็งแรง สมบูรณ์ดี เมไม่มองเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ดี เป็นความซวยอะไรแบบนั้น เมกลับมองว่ามันคือเรื่องราวดีๆ เป็นพรที่ลูกเมได้มาเกิดกับเม

เมเองได้มีการคิดไตร่ตรอง คิดอยู่กับตัวเองมาสักพักแล้วจนเมได้คำตอบว่า มันก็คงเป็นเรื่องราวที่ดีด้วยเช่นกันที่ครอบครัวของเรา เมกับลูกจะดำเนินต่อไปโดยที่ไม่ต้องมีเขา ไม่ต้องมีคนเป็นพ่อ เพราะนั่นอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้ เมอาจจะยังรักเขา โหยหาเขา อาจจะยังเจ็บที่เห็นเขามีคนใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เมไม่กลับไป การที่เมไม่ไปอ้อนวอนขอร้องให้เขากลับมา ทั้งหมดมันเพื่อลูก เมไม่อยากให้ลูกเมโตมาในครอบครัวที่พ่อ คิดจะทำร้ายแม่เมื่อไหร่ก็ได้”

“เมจะพยายามเลี้ยงดูลูกเมให้โตมาอย่างมีความสุข มีคุณภาพ ลำบากได้ เป็นคนมีความพอดี ไม่ได้เป็นคนรวย เว่อร์ ไม่ได้ตั้งใจเป็นคนขนาดนั้น เมตั้งใจให้ลูกเมเป็นคนมีเหตุผล เป็นคนที่รู้ถูกรู้ผิด รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ลูกอาจจะดื่ม อาจจะสูบบุหรี่ แล้วแต่ลูกตราบใดที่ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ทำร้ายตัวลูกเอง ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร

เมจะดูแลตัวเองให้ดี ลูกเมจะได้โตมาแข็งแรง ถ้าวันข้างหน้ามันมีวันไหนที่เมไม่สามารถทำได้อย่างที่เมพูด เมทำให้ลูกเมเริ่มรู้สึกว่าลูกเมขาด ทำให้ลูกเมรู้สึกแตกต่าง อยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ เมก็จะขอโทษลูกที่เมทำมันได้ไม่ดี แต่ ณ วันนี้ แต่ละวันเมจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดไม่ร้อง…ฝากเป็นกำลังใจให้เมกันด้วยนะ”

“ในตอนที่เมยังไม่สามารถบอกใครได้ สิ่งที่เมต้องการคือเพื่อนคู่คิด เพื่อนช่วยคิด พาร์ตเนอร์ที่จะช่วยกันตัดสินใจ มันเป็นเรื่องที่ใหม่ ที่ใหญ่มากสำหรับเม เมทำคนเดียวไม่ไหว แต่เมไม่มีใคร ไม่มีเขา เมแค่ขอให้เขาทำหน้าที่พ่อ มาในฐานะพ่อมาตรวจเลือดให้ลูกหน่อย เขา…”

ซึ่ง เมรี คัมภีร์ ยังได้ปล่อยคลิปเต็มประเด็นให้พ่อของลูกมาตรวจเลือดแบบฉบับเต็ม ในติ๊กต๊อกของตน เมื่อวันที่คืน 5 ม.ค. ที่ผ่านมาอีกด้วย

7 มกราคม ของทุกปี รำลึก 'พระปิ่นเกล้าฯ' พระคุณูปการต่อศิลปวัฒนธรรมของชาติ เจ้านายไทยยุครัตนโกสินทร์ ผู้ทรงไว้หนวดเป็นพระองค์แรก

7 มกราคมของทุกปี กรมศิลปากร, กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (7 มกราคม) ณ พระบวรราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณโรงละครแห่งชาติ พร้อมทั้งให้ข้าราชการกรมศิลปากร เหล่าทัพ หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนเข้าร่วมในพิธีถวายราชสักการะรำลึกถึงพระเกียรติคุณ และบำเพ็ญกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร 

นอกจากนี้ สำนักการสังคีตได้จัดการบรรเลงปี่พาทย์เสภาที่วังหน้า ณ บริเวณลานหน้าพระบวรราชานุสาวรีย์ เพื่อถวายกตเวทิตาคุณและร่วมน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณ และพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระคุณูปการอย่างอเนกอนันต์ต่อบ้านเมืองและศิลปวัฒนธรรมของชาติ 

สำหรับ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระราชสมภพ ณ พระราชวังเดิม เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2351 ทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ร่วมพระอุทรกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 

หลังจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2394 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระยศบวรราชาภิเษกเป็นสมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือที่ออกพระนามกันว่า ‘วังหน้า’ มีพระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระปรีชาสามารถในศิลปศาสตร์หลายสาขา ทั้งการช่าง การปกครอง การทหาร และศิลปกรรม โดยทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือเป็นพระองค์แรก 

นอกจากนี้ ทรงโปรดทางศิลปะ ทั้งดนตรี กวี และนาฏศิลป์ ทรงริเริ่มประดิษฐ์ระนาดทุ้มเหล็กขึ้น โดยมีการจัดเล่นประกอบกับระนาดแบบเดิม รวมเป็นเครื่องดนตรี 4 ชนิด เรียกว่า ‘ปี่พาทย์เครื่องใหญ่’ เบื้องปลายพระชนม์ชีพ พระองค์ประทับ ณ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ พระราชวังบวรสถานมงคล (ปัจจุบันอยู่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) จนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2408 

ทั้งนี้ เท่าที่หลักฐานปรากฏ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ ‘พระปิ่นเกล้า’ ยังเป็นเจ้านายไทยในยุครัตนโกสินทร์ ที่ทรงไว้พระมัสสุ (หนวด) เป็นพระองค์แรก แตกต่างจากเชื้อพระวงศ์ระดับสูงพระองค์อื่น ๆ ที่กว่าจะมาไว้พระมัสสุกันก็ล่วงเข้ารัชกาลที่ 5 อีกด้วย

โดยเรื่องนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีลายพระหัตถ์ทูล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2460 ว่า ผู้ดีเพิ่งจะมาไว้หนวดกันเมื่อในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนหน้านั้นแม้สังเกตดูรูปคนที่ถ่าย จะเป็นเจ้านายก็ตาม ขุนนางก็ตาม ก็โกนหนวดทั้งนั้น ยิ่งราษฎรถ้าใครไว้หนวดก็มักมีฉายาเรียก เช่น นายมากหนวด นายคงเครา เป็นต้น 

ส่วนเหตุผลที่ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงไว้พระมัสสุ อาจเป็นเพราะทรงนิยมศึกษาหาความรู้วิทยาการจากตะวันตก อย่าง การทหาร ช่างจักรกล ฯลฯ ทั้งยังทรงมีสายพระเนตรกว้างไกลด้านการต่างประเทศ ความนิยมในตะวันตกของพระองค์ สะท้อนได้อีกจากการพระราชทานนามแก่พระราชโอรสพระองค์หนึ่งว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ ซึ่งมาจากชื่อ จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

การไว้พระมัสสุ จึงอาจเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งถึงความนิยมชมชอบวัฒนธรรมตะวันตกของพระองค์ก็เป็นได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top