Sunday, 15 December 2024
NEWS FEED

'บิ๊กป้อม' เปิด กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย APEC 2022 กำชับ จนท. เตรียมพร้อม-ติดตาม ลั่น!! ยอมไม่ได้หากใครคิดจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย วอนประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี

วันนี้ (14 พ.ย.65) เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี /ประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เดินทางมาเป็นประธานเปิดกองอำนวยการร่วม รักษาความปลอดภัยและการจราจรเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องปี 2565 โดยมีคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห.,พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการตำรวจทั่วประเทศ และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวม 27 หน่วย เข้าร่วมรับฟังด้วย 

พล.อ.ประวิตรฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการเปิดกองอำนวยการร่วมฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ และความพร้อมในการปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติตามแผนฯ และให้หน่วยที่เกี่ยวข้องได้รายงาน ความพร้อมในการเตรียมการปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย 

ในที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาในด้านความพร้อมด้านการจราจรและการบริหารจัดการขบวนรถ  
ด้านความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข และด้านความพร้อมด้านการต่อต้านการก่อการร้าย รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

พล.อ.ประวิตรฯ ได้กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมาย และร่วมกันปฏิบัติงาน ตามแผนของกองอำนวยการร่วมฯ รวมทั้ง ติดตาม กำกับดูแล การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยการประชุมฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยสูงสุด 

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า กอ.ร่วม จะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวันในเวลา 09.00 น. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความปลอดภัยและการจราจร ด้านการบริหารจัดการดูแลการชุมนุม นายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศพื้นที่ห้ามชุมนุม คือ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงแรมที่พักทั้ง 19 แห่ง สถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองของผู้นำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานได้สะดวกตลอดช่วงการประชุม 14-19 พ.ย.65 

ทั้งนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกฝ่าย แม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิกระทำได้ตามกฎหมาย แต่ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีตลอดจนสุขอนามัยของประชาชน หรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และไม่กระทบกระเทือนสิทธิคนอื่น ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทุกรายและมีโทษหนักถึงจำคุก เราจะยอมให้ใครมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศไม่ได้โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามยุทธวิธี เป็นขั้นเป็นตอนตามระดับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น 

หากจะมีการยื่นข้อเรียกร้อง หรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดสถานที่สำหรับการยื่นหนังสือไว้แล้ว ที่กระทรวงการต่างประเทศ และสถานกงสุลที่แจ้งวัฒนะรวมทั้งการขอให้ใช้สิทธิในการชุมนุม ขอให้ไปยื่นขอตามสถานที่ที่ได้จัดไว้ให้ หากมีการชุมก็ต้องมีการแจ้งการชุม 

‘ไฮโซลูกนัท’ โพสต์โวย!! ‘แอนนา’ เตรียมเซ็นใบหย่า ทั้งที่ก่อนหน้าบอกจะเข้ารับการบำบัดอาการป่วย

(13 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก Nat Thanakitamnuay ของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท แนวร่วมกลุ่ม 3 นิ้ว โพสต์ข้อความระบุว่า จากวันนี้เป็นต้นไป อาจจะใช้เวลา 6-8 อาทิตย์ ถ้าไม่สำคัญจริง ๆ จะขออนุญาตไม่รับการติดต่อจากใครนะครับ เนื่องจากผมตัดสินใจจะเข้ารับการบำบัด (rehab) จากอาการหลาย ๆ อย่าง เช่นการใช้ยาเสพติด, อาการของโรค PTSD, ADHD, การควบคุมอารมณ์ - anger management และอื่น ๆ ที่นักบำบัดเห็นว่าสมควร ร่วมถึงการรักษา สุขภาพโดยรวม

ทั้งหมดเป็นการติดสินใจของตัวผมเอง พร้อมด้วยการสนับสนุนและอยู่เคียงข้างของภรรยาสุดที่รัก ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง เห็นว่าจะออกกำลังกายเพิ่มน้ำหนักด้วย (ส่วนเราจะลด) 55 รวมถึงแก้ปัญหา trauma กับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึง marrage counsiling อีกด้วย

ใครที่รู้ ๆ ตัวอยู่ว่ามีปัญหาใกล้เคียงกัน ลองหาข้อมูลดูน้า ที่ดี ๆ สวย ๆ ดั่งรีสอร์ต ก็มี

ส่วนใครที่ไป ปาย ในช่วงนี้ ถ้าเจอกันทักทายด้วยน้าาา

#whatdoesntkillmemakesmestronger

ขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่ให้กำลังใจมาตลอด แล้วพบกันใหม่เมื่อ แลัวพบกันใหม่ครับ

ปล. จริง ๆ เล่นโซเชียลได้นะ ยังสามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อโลกภายนอกได้ 55 ไม่ถึงกับจะหายไปเลย
ตั้งใจจะรีวิวอยู่ว่าไปอยู่แล้วเป็นยังไงตื่นเต้นและมีความสุขมากที่จะได้ไปมาก ๆ

แต่ล่าสุด (13 พ.ย. 65) กลับมีโพสต์ที่แฟนเพจต้องตะลึง และพากันห้ามปราม เพราะ ไฮโซลูกนัท โพสต์ว่า เตรียมเซ็นใบหย่าด้วย Anna Vidhyaphum เลิกเล่นใหญ่แล้วจะกลับไปไหนก็ไป

'โรนัลโด้' ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดใจหมดเปลือก รู้สึกถูกทรยศ - ไม่เคารพ 'เทน ฮาก'

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดใจหมดเปลือกเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองกับสโมสร รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่าง เอริค เทน ฮาก กุนซือของทีม

ศูนย์หน้าวัย 37 ปี ไร้ชื่อในทัพปีศาจแดง 2 เกมติดต่อกัน โดยทางสโมสรให้เหตุผลว่าเขามีอาการป่วย ผลงานซีซันนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงแข่งขันในทุกรายการไปแล้ว 23 นัด CR7 ลงเล่นไป 16 นัด ยิงได้เพียง 3 ประตู และทำ 2 แอสซิสต์ ถือว่าเป็นฟอร์มที่ไม่ดีนักสำหรับเจ้าตัว

ล่าสุด โรนัลโด้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Piers Morgan นักข่าวชื่อดังของ THE SUN ถึงสถานการณ์ภายในของสโมสร และความไม่ลงรอยกับกุนซือชาวดัตช์

โดยประเด็นแรกกล่าวถึงพัฒนาการของสโมสร และการเข้ามาทำงานของ ราล์ฟ รังนิก ว่า "ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ ผมไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยที่สโมสร การพัฒนาเป็นศูนย์ ของทุกอย่าง ที่ฝึกซ้อม ยิม แม้กระทั่งอ่างจากุชชี่ ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยี แต่สิ่งที่ผมเห็นยังเหมือนสมัย ผม 20, 21, 22"

"สโมสรใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ โอเล่ (กุนนาร์ โซลชา) แล้วก็แต่งตั้งผู้อำนวยการกีฬา ราล์ฟ รังนิก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นโค้ชด้วยซ้ำ ถ้าคุณยังไม่เป็นแม้กระทั่งโค้ช คุณจะเป็นเจ้านายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ยังไง? ผมไม่เคยได้ยินเรื่องของเขาด้วยซ้ำ"

นอกจากนี้ โรนัลโด้ ยังโต้ตอบ เวย์น รูนี่ย์ อดีตเพื่อนเก่าที่ระยะหลังมักออกมาวิจารณ์เขาว่า "ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม เวย์น ถึงวิจารณ์ผมอย่างหนัก บางทีอาจจะเพราะเขาเลิกค้าแข่งไปแล้วแต่ผมยังเล่นฟุตบอลอยู่ในระดับสูง ผมคงไม่พูดว่าผมดูดีกว่าเขาด้วย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง.."

เบตง รถ ซุปเปอร์คาร์ 33 คัน จอดโชว์กลางเมือง ชาวบ้านนักท่องเที่ยวแห่ถ่ายรูป

เบตง รถ ซุปเปอร์คาร์ 33 คัน ที่มาจากประเทศมาเลเซีย จอดโชว์ในอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์กลางเมืองเบตง ให้ประะชาชน นักท่องเที่ยว ถ่ายรูป ชมความสวยงาม 1 ชม สร้างความตื่นตาตื่นใจ

วันที่ 13 พ.ย. 65 ที่อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา รถยนต์ซุปเปอร์คาร์ จำนวน 33 คัน ของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอำเภอเบตง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ได้มาจอดโชว์ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป เซลฟี่ เก็บความสวยงาม เป็นระยะเวลา 1 ชม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ได้พบเห็นรถหรูๆและมีราคาแพงเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมีฝนตกลงมาปรอยๆ ก็ยังคงมีพี่น้องประชาชนละนักท่องเที่ยวเดินทางมาชม มาถ่ายรูป บางคนก็มาถ่ายรูปคู่กับรถ บางคนก็มาถ่ายรูปรถที่ตนชื่นชอบ รถหรูที่มาจอดโชว์ มีทั้งรถยี่ห้อ ลัมโบร์กินี เฟอร์รารี่ ปอร์เช่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฟอร์ด มัสแตง ซึ่งแต่ละคันมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท แต่เจ้าของรถที่นำรถมาจอดโชว์

ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หวงรถ ให้ผู้ที่มาชม ได้สัมผัสรถ อย่างเป็นกันเอง เจ้าของรถบางคนก็ให้ผู้ที่มาชม ขึ้นไปนั่ง สตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งรถทุกคันจะมีติดชื่อกลุ่มคือ NEXT DRIVE และจะติดสติ๊กเกอร์ เป็นรูปสกายวอล์กทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า Betong Ai Yerweng Drive 2022  

รมว.แรงงาน ปลื้ม โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เกิดประโยชน์กับคนพิการ หลังนายจ้างแห่ให้สิทธิ์กว่า 2 พันราย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน  ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศอย่าง "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยกระทรวงแรงงาน ขานรับนโยบายรัฐบาล ในการเร่งสร้างโอกาส อาชีพ และการมีรายได้ที่มั่นคงให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคนพิการซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 

โดยตนได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประเภทจ้างเหมาบริการ เพื่อเชิญชวนนายจ้าง สถานประกอบการที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 ให้ดำเนินการให้สิทธิแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 โดยจ้างงานคนพิการเป็นพนักงานเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้าน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งช่วยให้คนพิการในพื้นที่ห่างไกล ได้รับโอกาสมีอาชีพ มีงานทำอย่างทั่วถึง สามารถพึ่งพาตนเองได้ทัดเทียมคนทั่วไป

“โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เป็นโครงการที่ผมให้ความสำคัญมาก เพราะเกิดประโยชน์กับคนพิการอย่างแท้จริง ผู้พิการมีรายได้โดยตรงและได้ทำงานที่หน่วยงานใกล้บ้าน ซึ่งเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการและครอบครัวให้ดีขึ้น ต้องขอบคุณความร่วมมือของสถานประกอบการภาคเอกชน และชื่นชมการทำงานของกรมการจัดหางานที่ลงพื้นที่เชิงรุก เชิญชวนนายจ้าง/สถานประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มช่องทางเข้าร่วมโครงการฯให้ทั้งคนพิการที่ต้องการรับสิทธิและสถานประกอบการที่ต้องการให้สิทธิตาม มาตรา 35 สามารถแจ้งผ่านระบบ e-Services ของกรมการจัดหางาน ได้สะดวก รวดเร็ว จนมีนายจ้าง/สถานประกอบการ แจ้งให้สิทธิคนพิการฯ ตามโครงการแล้วถึง 2,264 ราย” นายสุชาติ กล่าว

'กรณ์-วรวุฒิ' ควง 2 ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ชาติพัฒนากล้า ‘เทมส์-อรทัย’ ลงพื้นที่ยกระดับสินค้าชุมชนพรีเมียม พบสตาร์ทอัพท่องเที่ยววางแผนธุรกิจ

หลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นายเทมส์ ไกรทัศน์ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และ นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ ได้เดินทางไปยัง ศูนย์การเรียนรู้การทำผ้าบาติก ‘ยิ่งบาติคเพนท์’ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอป 5 ดาว ที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต ซึ่งกลุ่มนายพิสิฐ เทพทอง ได้ริเริ่มและพัฒนาผ้าบาติกมาตั้งแต่ปี 2530 ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของผ้าบาติก จากนั้นได้มีการพัฒนาลวดลายให้ทันสมัย และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเพื่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายกรณ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์บาติกมีลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่สานต่อ และโดยส่วนตัวแล้ว ตนก็ได้ทำโครงการข้าวอิ่มมาเป็นปีที่ 9 แล้ว ช่วยชาวนา จ.มหาสารคาม และนำมาเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการนำบรรจุภัณฑ์เป็น ผ้าขาวม้ามหาสารคาม มาสู่ กระจูดนครศรีธรรมราช และในโอกาสครบรอบ 9 ปี ก็จะนำผ้าบาติก จ.ภูเก็ต มาตกแต่งบรรจุภัณฑ์ให้พรีเมียม เป็น 1 ช่องทางที่จะช่วยผู้ประกอบการโอทอป เอสเอ็มอีได้ 

‘ปลากุเลาตากใบ’ ราชาแห่งปลาเค็ม ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์ เอเปค 2022 จากฝีมือการรังสรรค์ของ เชฟชุมพล แจ้งไพร

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยว่า ‘ปลากุเลาจากตากใบ’ ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่จะเสริฟในงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์แก่ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ซึ่งจัดขึ้นที่หอประชุมกองทัพเรือ มีเชฟชุมพล เป็นผู้รับผิดชอบ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการโปรโมทของดีจังหวัดชายแดนใต้ เป็นสินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดนราธิวาสให้โด่งดัง เพราะ ‘ปลากุเลาเค็มตากใบ’ เป็นปลาสายพันธุ์ท้องถิ่นของจังหวัดนราธิวาส ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา คนทั่วไปขนานนามว่า ‘ราชาแห่งปลาเค็ม’ เนื่องจากมีรสสัมผัสกลมกล่อม เนื้อฟู มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้ปลากุเลาเค็มตากใบ มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,300-1,500 เป็นของฝากยอดนิยมที่ผู้คนมักซื้อไปฝากกัน

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่าปลากุเลาเค็ม นอกจากจะเป็นสินค้าเลื่องชื่อของ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสแล้ว ยังเป็นสินค้าโด่งดังของ จ.ปัตตานี ด้วยเช่นกัน ซึ่งรัฐบาล โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) ได้เข้าไปมีบทบาทในการส่งเสริมการแปรรูปอาหารทะเล เพื่อสร้างอาชีพและรายได้สู่ชุมชน ซึ่งเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจประมงพื้นบ้านของโครงการเมืองต้นแบบ ‘สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน’ อาทิ วิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย ที่ขณะนี้มีผู้รู้จักไปทั่วประเทศ ซึ่งจากการที่ ศอ.บต. ได้สนับสนุนและผลักดันที่ดินเพื่อการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจจำนวน 3 ไร่ และให้ทุนในการสร้างโรงเรือน ทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และผลิตปลาเค็มที่ได้รับความนิยมจากประชาชนภายนอกเป็นอย่างมาก

อธิบดี “กรมทะเลและชายฝั่ง” มอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ฉลามขาว) ติวเข้มป้องกัน ปราบปราม ดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งครบทุกมิติ

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยหลังการประชุมมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ศปพ.ทช.) ว่า กรมได้ดึงส่วนคุ้มครองทางทะเล และส่วนคุ้มครองป่าชายเลน เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันการบุกรุก และคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ภายใต้ ศปพ.ทช. (ฉลามขาว) เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันให้เป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านทะเล ด้านชายหาด และด้านป่าชายเลน เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลระบบปฏิบัติการด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยการใช้ระบบเทคโนโลยีของ GISTDA เข้ามาใช้ ผ่านภาพถ่ายดาวเทียม การใช้โดรนบันทึกภาพทางอากาศ ในการเปรียบเทียบพื้นที่ รวมถึงการเฝ้าระวังการรุกล้ำพื้นที่เกาะและป่าชายเลน อีกทั้งเชื่อมโยงไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกับ ศรชล. และการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ตลอดจนการสร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ร่วมกับชุมชนชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล
   

โฆษก ตร. แนะเลี่ยงเส้นทางประชุมเอเปค 2022 ห้วง 16-19 พ.ย.นี้  งดให้บริการ MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  พร้อมเตือนการชุมนุมในพื้นที่ห้าม ผิดกฎหมาย ชวนคนไทยเป็นเจ้าภาพที่ดี 

  วันที่ (13 พ.ย.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ออกมากล่าวถึงการบริหารจัดการจราจร และข้อห่วงใยการชุมนุม ตามมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมเอเปค 2022 ว่า “ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติ เพื่อรองรับการประชุมเอเปค 2565 มาต่อเนื่องในทุกภารกิจ  


ทังนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์เน้นย้ำขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณโดยรอบศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้วงระหว่างวันที่ 16-19 พ.ย.65 โดยเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบด้านการจาจร ได้แก่
       1) ถนนรัชดาภิเษก แยกอโศกมนตรี- แยกพระราม 4 และถนนดวงพิทักษ์ตลอดสาย ขอให้งดใช้ตลอด 24 ชม.
       2) ถนนเพลินจิต (ขาเข้า), ถนนวิทยุ (ช่องทางหลัก) ตั้งแต่ แยกเพลินจิต – แยกสารสิน, ถนนราชดำริ (ฝั่งขาเข้า)  ตั้งแต่ แยกราชประสงค์ – แยกราชดำริ, ซอยต้นสน ตลอดสาย และซอยร่วมฤดี ตลอดสาย ขอให้งดใช้ช่วงเวลา ตั้งแต่ 18.00 น.-06.00 น.ของวันถัดไป
       3) จัดเดินรถทางเดียว (one way) ตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น. ถนนราชดำริ (ขาออก) ตั้งแต่ แยกราชดำริ - แยกราชประสงค์,  ถนนวิทยุ (ขาออกช่องคู่ขนาน) ตั้งแต่ แยกสารสิน – แยกเพลินจิต และถนนเพลินจิต (ฝั่งขวา) ) ตั้งแต่แยกใต้ด่วนเพลินจิต - แยกราชประสงค์

     มีการปิดให้บริการสถานี MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งดจอดรับส่งผู้โดยสาร ตั้งแต่วันที่  16 พ.ย.2565 เวลา 00.01- จนถึงวันที่ 19 พ.ย.2565 เวลา 18.00 น.
     พร้อมกับปิดให้ บริการ สวนป่าเบญจกิติ ในวันที่ 14-19 พ.ย. เนื่องจากสวนดังกล่าวจะเป็นที่ตั้งของฝ่ายความมั่นคง และเป็นสถานที่ใกล้กับจุดที่มีการประชุมกัน จึงต้องให้เกิดความปลอดภัยอย่างสูงสุด

     นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ กำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022  ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย.2565 รวมทั้งให้สถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และจังหวัดสมุปราการ ทุกสังกัด หยุดการเรียนการสอน เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร อำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้เข้าร่วมการประชุม รวมทั้งเพื่อให้การอารักขาและการรักษาความปลอดภัยผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพสูงสุด“

   สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดสายด่วน 1197 บก.จร. ให้ประชาชนสอบถามการจราจร และเส้นทางเลี่ยงในห้วงดังกล่าว   

นายกรัฐมนตรี เสนอกุญแจสำคัญ 3 ดอก เพื่อร่วมพัฒนาอาเซียนให้เติบโตอย่างสมดุล มุ่งส่งเสริมความยืดหยุ่น ปรับตัว และยั่งยืน ในการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 

เมื่อเวลา 08.20 น.วันที่ 13 พ.ย.ที่กรุงพนมเปญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “การเสริมสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 (Building Resilient and Sustainable ASEAN in the Post COVID-19 Era)” 

โดยการประชุมนี้ เป็นการประชุมแบบ เต็มคณะ มีสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นประธานการประชุม ประกอบด้วย 25 ประเทศ/หน่วยงาน 9 ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน แคนาดา อินเดีย รัสเซีย สหภาพยุโรป และผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศ อาทิ สภาเศรษฐกิจโลก (WEF) องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก (World Bank) คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียแปซิฟิก (ESCAP) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) รวมทั้ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเข้าร่วมโดยส่งข้อความผ่านการบันทึกเทปล่วงหน้า 

การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 จากที่เคยจัดเมื่อปี 2555 ซึ่งกัมพูชารื้อฟื้นกรอบการประชุมนี้ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียนเกี่ยวกับการฟื้นตัวที่ยั่งยืนจากวิกฤตโควิด-19 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างอาเซียนกับองค์การระหว่างประเทศและร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจน ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและความร่วมมือระหว่างประเทศ และส่งเสริมประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมการรื้อฟื้นการประชุมนี้ เพื่อให้ผู้นำอาเซียนและผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศได้แลกเปลี่ยนทัศนะและร่วมกันหาแนวทางการฟื้นตัวและการเติบโตที่ยั่งยืนภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โลกกำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่ยังมีความท้าทายอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า อาเซียนจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่ประชาชน โดยส่งเสริมความสมดุลและความยั่งยืนอย่างแน่วแน่ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานที่จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวต่อสภาวการณ์ต่าง ๆ และประคับประคองตนเองในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและไม่คาดคิด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top