ภายหลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้กำชับให้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ที่ประเทศกัมพูชา มาให้ได้ ถ้าไม่ได้ นายกสมาคมต้องลาออก
เมื่อได้รับบัญชามาเช่นนั้น ส.ลูกหนังไทย และบริษัทไทยลีก จำกัด เรียกประชุมปรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ, ฟุตบอลถ้วย ในช่วงเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2022-23 ทันที เพื่อเปิดทางให้ทีมชาติไทยได้มีเวลาเตรียมทีมซีเกมส์มากขึ้น
โดยฟุตบอลไทยลีก 1 เลกสอง จะเปิดวันที่ 21-22 ม.ค.66 และปิดฤดูกาล 22 เม.ย.66 (จากเดิมจะจบเดือน พ.ค.66) พร้อมกระชับโปรแกรมไทยลีก โดยใช้ช่วงฟีฟ่าเดย์ จำนวน 3 นัด ประกอบด้วย เพิ่มเกมกลางสัปดาห์ 2 นัด คือ วันที่ 14-16 มี.ค.66 และวันที่ 28-30 มี.ค.66 ทำให้ไทยลีก จบฤดูกาลในวันที่ 22 เม.ย.66 ซึ่งจบก่อนที่ซีเกมส์ 2023 จะเริ่มขึ้น ระหว่างวันที่ 28 เม.ย.-16 พ.ค.66
เมื่อส.ฟุตบอลไทยฯ ประกาศขยับโปรแกรมการแข่งขันใหม่ ทำให้หลายทีมในไทยลีก ต่างแสดงความไม่พอใจและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะทีมใหญ่ อย่าง บุรัมรัมย์ ยูไนเต็ด และบีจีปทุม ยูไนเต็ด รวมถึงแฟนบอลที่ไปที่มองว่า ไม่เป็นมืออาชีพ
แม้แต่ ‘เปลว สีเงิน’ คอลัมนิสต์ชื่อดัง แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ยังหยิบยกเรื่องนี้ มาเขียนเป็นบทความอย่างดุเดือด โดยมีเนื้อหาว่า ..
'อ๊อด...พี่เลิกอุ้ม' นะ
วันนี้ ขอคุย 'ข้ามสายพันธุ์' ซักหน่อย
เรื่อง 'ฟุตบอล' ครับ!
ไม่ได้คุยในฐานะ 'คอบอล' แต่คุยในฐานะคนไทย ที่ยอมรับว่า 'ฟุตบอล' คือ 'ราชันของกีฬา-หน้าตาของประเทศ'
แต่ นับตั้งแต่ 'พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง' เข้ามาบริหาร ในฐานะ 'นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย' ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เอากันตรง ๆ ฟุตบอลไทย ที่เคยมีสีสัน ฟู่ฟ่า
จาก 'บอลแก้บน'
เกิด 'ไทยลีก' เป็นบอลอาชีพ พีกสุดขีด เป็นบอลระดับพัน ๆ ล้าน เกิดสโมสรมากมาย ปั้นนักเตะป้อนตลาด แข่งทีไร สนามแตกทีนั้น
อนาคตฟุตบอลไทยเจิดจ้า จนพูดจากันกระหึ่ม
"บอลไทยจะไปบอลโลก"!
มองจากฟีเวอร์สุด ๆ ก่อน พล.ต.อ.สมยศจะเข้ามาบริหาร คำว่า "บอลไทยจะไปบอลโลก" ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเลย
เพราะตอนนั้น วงการบอลไทย สร้างทั้งนักกีฬา สร้างทั้งธุรกิจ สร้างทั้งชื่อ-ชั้น นักเตะไทยกระฉ่อน
เรียกว่า ปลุกวงการกีฬาฟุตบอล ไปถึงจุดบรรดาคอลูกหนัง ถึงขั้น "ยกกำปั้นทุบอก" ประกาศ
"บอลไทยอยู่ในสายเลือดผม"!
แต่แค่ ๕-๖ ปี 'ยุคสมยศ' ถึงวันนี้ ต้องบอกว่า ใครไม่อาย "ผมอาย" เพราะบอลไทยถอยหลัง "กู่ไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี"
ตัว 'นักกีฬา' นั้นยังเยี่ยม ด้วยอัจฉริยะแต่ละนักเตะ
แต่การบริหาร-จัดการของสมาคมฯ ดูจะยังแย่
ตกต่ำกว่ามาตรฐานอันควรเป็น จนทุกวันนี้ ดูเหมือนแฟน ๆ ที่บอก "บอลไทยอยู่ในสายเลือด" ต่างถอดใจ-ถ่ายเลือดกันไปมากต่อมาก
จากเป้า 'ไปบอลโลก' ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวผู้บริหารสมาคมฯ อยู่ไปจนครบเทอม ในอีก ๒ ปี ข้างหน้า
จากเป้า 'บอลโลก'
น่าจะถอยกลับไปที่เป้า "บอลแก้บน" เหมือนเดิม!?
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ พล.ต.อ.สมยศ บริหารไม่เป็น บริหารไม่เก่ง
ท่านเป็น และเก่ง
แต่เป็นและเก่งด้านอื่น เช่น ด้านตำรวจ ด้านค้าขาย หรือจะด้านการเมือง ไปลงสมัคร ส.ส.อยุธยาหรือบุรีรัมย์ โอกาสรุ่ง มีมากกว่าจะอยู่บริหารวงการฟุตบอล
จำได้ ตอนท่านเกษียณ ประกาศว่า จะไปรณรงค์เรื่องบ่อนเสรี ผมก็สนับสนุนนะ นั่นดูจะเป็นงานถนัด ทำแล้วฟู่ฟ่ามากกว่าด้วยซ้ำ สำหรับท่าน
เพราะพูดกันตรง ๆ เรื่องฟุตบอลถึงท่านรู้ แต่ 'แค่รู้-แค่เป็น' มันยังไม่พอจะทำให้บอลไทยไปบอลโลกได้
อย่าว่าแต่บอลโลกเลย....
เอาแค่รักษา "มาตรฐานบอลลีกไทย" ไว้ให้ได้เหมือนเดิม แค่นั้่นก็ยากแล้ว!
ท่านดูซี วอลเลย์บอลหญิง เทควันโดหญิง แบดมินตัน และมวย ทั้งหญิงและชาย กระทั่ง 'ฟุตซอล' ในสังกัดสมาคมฟุตบอลฯ
เขาไป 'ระดับโลก' กันหมดแล้ว
เหลือแต่ 'ราชันของกีฬา' คือฟุตบอล เมื่อไหร่ล่ะ นักเตะไทย จะได้ไปอยู่ในแถว 'ราชาของบอลโลก' กะเขามั่ง?
อายเค้านะ...ท่าน?
แต่ถ้าท่านไม่อาย จะนั่งเป็นนายกฯ สมาคมบอลต่อไป ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมไม่เดือดร้อน เพราะผมไม่ใช่คอบอล แต่ถ้าวอลเลย์บอลหญิงหรือแบดมินตัน 'ห่วยแตก' แบบนี้ละก็ ผมต้องโวยแน่ เพราะวอลเลย์บอลหญิงกับแบดมินตัน มันอยู่ในสายเลือดผม
แต่ที่ต้อง 'เสือก' เกี่ยวกับฟุตบอล เพราะทนเห็นสภาพแม้แต่พัดลมยังต้องส่ายหน้าหนีท่านไม่ได้
อย่างน้อยคำว่า 'ทีมชาติไทย' ผมในฐานะคนไทย ก็มีส่วน 'ได้หน้า-เสียหน้า' อยู่ด้วย!