Wednesday, 21 May 2025
NEWS FEED

ไทยแลนด์กระหึ่มโลก!! ‘เกาะหมาก’ คว้าอันดับ 2 รางวัลระดับโลก   ด้าน ‘การจัดการ-ฟื้นฟู’ จาก ‘ITB Berlin 2023’

อพท. เผย ‘เกาะหมาก’ จ.ตราด คว้ารางวัลระดับโลก “2023 GREEN DESTINATIONS STORY AWARDS” ด้านการจัดการและการฟื้นฟู โดยได้รางวัลอันดับ 2 รองจาก NORMANDIE ประเทศฝรั่งเศส

เพจ Dasta Thailand ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า ‘เกาะหมาก’ จ.ตราด คว้ารางวัลระดับโลก ‘2023 GREEN DESTINATIONS STORY AWARDS’ ในประเภท Governance, Reset and Recovery (ระบบการจัดการและการฟื้นฟู) โดยรางวัลในประเภทนี้มี 3 รางวัลได้แก่ อันดับ 1 คือ NORMANDIE จากประเทศฝรั่งเศส อันดับ 2 เกาะหมาก จากประเทศไทย และอันดับ 3 OGUNI TOWN จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้จัดได้คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการประกาศให้เป็นสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก ในปี 2565 (2022 Green Destinations Top 100 Stories)

ทั้งนี้ นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. และ นายนล สุวัจนานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก จังหวัดตราด ได้เข้ารับรางวัลดังกล่าวที่จัดขึ้น ในงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ ‘ITB Berlin 2023’ ซึ่งเป็นงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประเทศจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมจัดแสดงและนำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงการเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยว

สำหรับเกาะหมาก เป็นเกาะขนาดกลางแห่งหมู่เกาะช้าง ทะเลตราด ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด บนเกาะมีอ่าวและหาดหลายแห่งที่น่าสนใจและเหมาะแก่การท่องเที่ยว เช่น “อ่าวนิด” เป็นที่ตั้งของชุมชนใหญ่ ‘อ่าวสวนใหญ่’ เป็นอ่าวโค้งยาวน่ายล ‘อ่าวโล่ง’ ที่รอบข้างร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยสวนยางพารา ในหลาย ๆ หาดหลาย ๆ อ่าวจะมีการสร้างสะพานเทียบเรือ (ของที่พัก) ทอดยาว ถือเป็นจุดถ่ายรูปและเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะหมาก

อีกทั้งเกาะหมากยังเป็นจุดเชื่อมโยงไปยังเกาะอื่น ๆ เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ดำน้ำดูประติมากรรมช้างใต้ทะเล ดำน้ำดูปะการังเกาะยักษ์ หมู่เกาะรังได้อีกด้วย

รถทัวร์ลง ‘ครูไพบูลย์’ หลังผุดคอนเทนต์ เอาช็อกโกแลตผสมเหล้า ให้น้องหมากิน

ทำเอาคนรักสุนัขเห็นแล้วถึงกับทนไม่ไหว อัดคลิปติ๊กต๊อกต่อว่า ‘ครูไพบูลย์ แสงเดือน’ สามีของนักร้องสาว ‘กระต่าย พรรณนิภา’ ที่ก่อนหน้านี้ลงคลิปแกล้งน้องหมา 2 ตัวที่บ้าน เพราะน้องหมาดื้อ โดยการให้ช็อกโกแลตผสมเหล้าให้น้องหมากิน แม้ตอนนี้คลิปต้นฉบับของทางติ๊กต๊อกครูไพบูลย์จะลบทิ้งไปแล้ว แต่ก็มีคนมือไวเซฟคลิปดังกล่าวเอาไว้และนำมาโพสต์เป็นประเด็นในโลกโซเชียล

โดยคนที่นำคลิปดังกล่าวมาโพสต์นั้น ได้เขียนข้อความว่า ‘อะ มันสมควรไหม? แล้วคนถ่ายนี่กะจะไม่ห้าม ก็ว่าอยู่ทำไมไปกันได้ สงสารหมาโว้ย!! ว่าไผปึก มาดูนี่มา" งานนี้คนเข้ามากระหน่ำต่อว่า ครูไพบูลย์ กันมากมาย เช่น อย่าว่าแต่ใส่เหล้าเลย เขาไม่ให้หมากินช็อกโกแลตด้วยซ้ำ, หมากินช็อกโกแลตไม่ได้ระวังชักหรือหัวใจเต้นผิดปกติ, น้องกินช็อกโกแลตไม่ได้ โอ๊ยยสู, บ่ได้เรียนหนังสืออีหลีตั๊วนิ, อยากเลี้ยงแต่ไม่รู้วิธีเลี้ยง"

สวธ.ปฐมนิเทศน้องๆเยาวชน สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

น้องๆเยาวชน  ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ เข้ารับการปฐมนิเทศ สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทยและวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2566 โดยมี นางสาววราพรรณ  ชัยชนะศิริ  รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธาน โอกาสนี้  นายสาโรจน์  เล้าเจริญสมบัติ  ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิปัญญา  นายกสมาคมดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทสากล วาทยกร คณะผู้เชี่ยวชาญ และคณะนักดนตรี ร่วมงาน ณ ห้องแกลลอรี่ ๕ ชั้น ๑ หอศิลป์แห่งชาติ   
  
วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. นางสาววราพรรณ  ชัยชนะศิริ  รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  รับมอบหมายจากท่านอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานการปฐมนิเทศสมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีน้องๆเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ รวม 475 คน ร่วมฟังการปฐมนิเทศ  โอกาสนี้ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้กล่าวแสดงความยินดีกับน้องๆเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือก และขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนทุกคนในวันนี้ ขอขอบคุณท่านวาทยากร คณะผู้เชี่ยวชาญและผู้ปกครองทุกท่าน ที่มีส่วนผลักดันและร่วมกันนำพาคณะนักดนตรี นักร้องของเราไปสู่ความสำเร็จในทุกๆด้านดังที่หวังไว้ทุกประการ  จากนั้นได้กล่าวให้โอวาทว่า  “วงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ Thai  Youth  Orchestra (TYO)  คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย หรือ Thai  Youth  Chio (TYC) และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย หรือ Thai Youth Winds (TYW)  ถือว่าเป็นตัวแทนของคณะเยาวชน ระดับชาติ ที่เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงในโอกาสต่างๆ ของรัฐบาลและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคณะนักดนตรี นักร้อง จะมีผลงานดีมากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเยาวชนทุกคนที่ผ่านการสอบคัดเลือกในที่นี้  จะต้องหมั่นฝึกฝน มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ เพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนาศักยภาพ ให้ทัดเทียมนานาประเทศต่อไป”
 
จากนั้น นางณัฐภา บุญงาม  ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินโครงการพัฒนา วงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย  วงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย  มาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี การดำเนินโครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้บูรณาการร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมดนตรีสากลเยาวชน  สมาคมขับร้องประสานเสียงแห่งประเทศไทย  สมาคมดนตรีและ มาร์ชชิ่งอาร์ทสากล  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเยาวชนด้านดนตรีสากลและขับร้องประสานเสียง ที่มีอายุไม่เกิน ๒๕ ปี  ให้ได้รับการถ่ายทอดทักษะความรู้ด้านดนตรีสากล และขับร้องประสานเสียงจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน  ซึ่งจะทำให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะ สร้างเสริมประสบการณ์  

สวธ. ขอเชิญชวนน้อง ๆ ยุวชนไทย เข้าร่วมกิจกรรม “ค่ายการ์ตูนวัฒนธรรมไทยสร้างสรรค์ยุวชน”

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.)  เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และบริษัท ซี พี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สมาคมการ์ตูนไทย จัดกิจกรรมอบรม “ค่ายการ์ตูนวัฒนธรรมไทยสร้างสรรค์ยุวชน” รุ่นที่ ๗๗ และ ๗๘ เพื่อส่งเสริมทักษะการวาดภาพการ์ตูนของยุวชนไทยเป็นพื้นฐานงานศิลปศึกษา และยังเป็นการปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ระเบียบวินัย วัฒนธรรมไทยแก่ยุวชนให้ประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ดีงาม ระหว่างที่ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ระหว่างปิดภาคเรียนด้วย 

อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าว เปิดรับสมัครยุวชนตั้งแต่อายุ ๗-๑๖ ปี โดยแบ่งออกเป็น ๒ รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นที่ ๗๗ “วาดจินตนาการ การ์ตูนเปลี่ยนโลก” ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และรุ่นที่ ๗๘ “เส้นสายสีสัน การ์ตูนเล่าเรื่อง” ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๓๐ น. ณ ห้องประชุม ๑ ห้องประชุม ๒ และห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 

เชียงใหม่-มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ เข้าศึกษาดูงาน CAMT

มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ เข้าศึกษาดูงานระบบการจัดการความรู้ตามมาตรฐาน ISO 30401 และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัว TQA และ EdPEx ของ CAMT นำทีมดำเนินกิจกรรมโดยศูนย์ KIND BY CAMT วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

วันที่ 13 มีนาคม 2566 ศูนย์ KIND BY CAMT และหลักสูตรการจัดการความรู้และนวัตกรรม วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ณวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี ให้แก่ทีมผู้บริหารและบุคลากร จากมหาวิทยาลัย ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้โครงการพัฒนาองค์กรสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้”นำทีมโดย คณบดี วิทยาลัยศิลปะสื่อฯ ผศ.ดร.วรวิชญ์ จันทร์ฉาย ได้กล่าวต้อนรับและแชร์ความรู้ในหัวข้อ TQA และ EdPEx และแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความร่วมมือด้านการจัดการความรู้สู่องค์กรสู่ความเป็นเลิศ นำโดย อาจารย์ ดร.อัจฉรา คำอักษร ผู้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยคณบดี ด้านการบริหารระบบ ISO 30401 วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมแนะนำศูนย์ KIND BY CAMT 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่”

ตามที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ได้กำหนดเป้าหมายหลักของการปฏิรูปประเทศ พร้อมทั้งได้กำหนดหลักการและแนวทางการปฏิรูปประเทศ รวมถึงมีพระราชบัญญัติ
แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560  และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนในเชิงโครงสร้าง วิธีการ และกระบวนการ หรือกฎระเบียบ
ที่สำคัญเพื่อให้การดำเนินงานของทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลอันพึงประสงค์
ตามรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ นั้น 


โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.62  ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งแต่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย 
การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภาขึ้น โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามนโยบายด้านกฎหมาย 
การบริหารงานยุติธรรม กระบวนการยุติธรรม การตำรวจ อัยการ และราชทัณฑ์ การปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกัน และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การพัฒนากลไกและวิธีการปฏิบัติงานกิจการตำรวจให้มีประสิทธิภาพ ร่วมถึงการพิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ


โดยในส่วนของคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาแจ้งความ ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดให้มีการจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวเรื่อง “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่” ขึ้น ในวันอังคาร ที่ 14 มี.ค.66 ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ชัชวาลย์  สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีฯ 

ผบ.ตร. เร่งรัดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะภัยออนไลน์ ที่เกิดขึ้น และสร้างความตระหนักรู้เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ให้แก่ประชาชน

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งรัดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะภัยออนไลน์ ที่เกิดขึ้น  และสร้างความตระหนักรู้เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ให้แก่ประชาชนนั้น 


วันนี้ (14 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง  ผู้ช่วย ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้ร่วมกันแถลงข่าว   เกี่ยวกับสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ในรอบปีที่ผ่านมา   และภัยออนไลน์ที่เกิดขึ้นใหม่ในรอบสัปดาห์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีภูมิป้องกันภัยออนไลน์   ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ  โดยมีรายละเอียด ดังนี้  


ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา(1 มี.ค.2565-11 มี.ค.2566) พบว่ามีการรับแจ้งความคดีออนไลน์ 10 อันดับแรก ได้แก่ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 73,252 เคส/955,427,866 บาท 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำกิจกรรม  29,945 เคส/3,323,194,517 บาท 3) คดีหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน   24,821 เคส/1,034,104,918 บาท 4) คดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เป็นขบวนการ (call center) 20,013 เคส/3,505,338,808 บาท 5) คดีหลอกให้ลงทุน(ที่ไม่เข้าลักษณะฉ้อโกงประชาชน)16,460 เคส/7,661,884,637 บาท  6) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า(เป็นขบวนการ)8,036 เคส/57,293,969 บาท 7) คดีหลอกเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน 7,285 เคส/  254,219,605 บาท 8) คดีหลอกให้โอนเงิน(ไม่เป็นขบวนการ) 5,286 เคส/  369,123,851 บาท 9) คดีหลอกให้รักแล้วลงทุน 3,201 เคส/  1,556,536,563 บาท และ 10)หมิ่นประมาท ดูหมิ่น 3,171 เคส/  11,641,372 บาท รวมทั้งปีมีผู้แจ้งความ 218,210 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 31,579,305,746 บาท  


ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (5-11 มี.ค.2566)  พบว่ามีการรับแจ้งความคดีออนไลน์  5 อันดับแรก   ได้แก่ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 2,184 เคส/19,075,526.61 บาท     2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำกิจกรรม 758 เคส/87,227,644.38 บาท    3) คดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เป็นขบวนการ(call center)739 เคส/87,227,644.38  บาท  4) คดีหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 576 เคส/  23,697,409.86 บาท  และ 5) คดีหลอกเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน 312 เคส/8,273,770.68  บาท รวมทั้งสัปดาห์มีผู้แจ้งความ  5,787  เคส/มูลค่าความเสียหายรวม 377,284,886  บาท  

 
จากสถิติรับแจ้งความออนไลน์ทั้งรอบปีและรอบสัปดาห์ข้างต้นพบว่า สถิติอันดับ 1-4  ยังคงอยู่ในลำดับต้นๆเหมือนเดิม จึงขอเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อแก๊งค์มิจฉาชีพดังกล่าว  
ภัยออนไลน์ที่น่าสนใจและเกิดขึ้นมากในรอบสัปดาห์ คือ คดีแก๊งค์ call center แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังและได้โทรศัพท์หาผู้เสียหายให้ตรวจสอบสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐใน Website กระทรวงการคลัง จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนใน line ช่วงนี้คนร้ายส่ง link กระทรวงการคลังปลอมให้ผู้เสียหายกดเข้าไป ต่อมาคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายกดที่โลโก้ของกระทรวงการคลังมุมขวามือ  ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังจริง  จึงยินยอมกด link  เข้า Website ปลอม และกรอกข้อมูลชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์  ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวในระบบ  และใส่รหัสยืนยันตัวตน  เลข 6 หลัก  ต่อมาผู้เสียหายกรอกเลข OTP 6 หลักให้คนร้ายเพิ่มเติม เป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกควบคุมโทรศัพท์และถูกดูดเงินออกไป จึงขอประชาสัมพันธ์ว่าจงมีสติไม่หลงเชื่อ ไม่กรอกหรือให้ข้อมูลส่วนตัวผ่านช่องทางออนไลน์และทางโทรศัพท์    

ไม่ควรกระทำการใดๆใน  Website   หรือ  Application ที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่กด link แปลกปลอม และไม่ดาวน์โหลด Application ที่ไม่ผ่านการยืนยันโดยแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ   

‘จีน’ เตรียมออกวีซ่า ให้ชาวต่างชาติ 15 มี.ค.นี้ หลังปิดพรหมแดนนานกว่า 3 ปี

จีนเริ่มออกวีซ่าให้ชาวต่างชาติใหม่อีกครั้ง ดีเดย์ 15 มี.ค.นี้

สถานเอกอัครราชทูตจีนในสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนจะเริ่มออกวีซ่าประเภทต่าง ๆ ให้กับชาวต่างชาติอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมนี้ หลังจากที่มีการปิดพรมแดนนานเกือบ 3 ปีภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด

แถลงการณ์ของสถานทูตจีนในสหรัฐระบุว่า จีนจะยกเลิกข้อจำกัดด้านวีซ่าสำหรับสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงเกาะไห่หนานและเรือสำราญที่แล่นผ่านท่าเรือเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ การเดินทางเข้ากวางตุ้งโดยไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติจากฮ่องกงและมาเก๊าก็จะกลับมามีผลใช้อีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน
จีนได้ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในเดือนธันวาคมปีก่อน และเปิดพรมแดนในเดือนมกราคม ซึ่งทำให้มีการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ผู้นำประเทศได้ส่งสัญญาณถึงชัยชนะเหนือการแพร่ระบาดของโควิด-19

สืบนครบาลตามแกะรอยรวบ “บัวลอยไข่หวาน” หญิงสาวที่เปิดบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อ เป็นทั้งไปรษณีย์ไทย และตำรวจ สร้างความเสียหายหลายล้านบาท

วันที่ 14 มีนาคม พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 แถลงผลการปฏิบัติงาน นำโดย พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ทำการจับกุม น.ส.วิชุดา วรธาราปกรณ์ อายุ 44 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 120/46 ซอยสายไหม 20 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯตามหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่ 313/2565 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม

นอกจากนี้ยังมีหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี หมายจับที่ 50/2566 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 และศาลจังหวัดเชียงใหม่ หมายจับที่ 43/2566  ลงวันที่ 19 มกราคม 2566

พฤติการณ์เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2565 น.ส.วิชุดาได้พบเห็นโพสต์ในเฟซบุ๊คชักชวนให้ทำงานในลักษณะว่า “ใครร้อนเงินทักมา” โพสต์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “บัวลอยไข่หวาน ไม่เพิ่มน้ำตาลไม่ใส่กะทิ” ซึ่งขณะนั้น น.ส.วิชุดามีภาระต้องเลี้ยงดูลูก 2 คน ด้วยตัวคนเดียว จึงติดต่อไปเพื่อหาเงินผ่านช่องทางดังกล่าว ต่อมาได้เปิดบัญชีธนาคารจำนวน 8 บัญชี พร้อมลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ผูกบัญชีให้กับผู้ใช้เฟซบุ๊คดังกล่าว ได้รับเงินค่าตอบแทนบัญชีละ 500 บาท

“อลงกรณ์”ปลื้มเกษตรกรขานรับนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าเป็นพรรคขวัญใจเกษตรกรผู้นำแห่งการปฏิรูปภาคเกษตร

แย้มเตรียมคลอดนโยบายชุดต่อไปยกระดับเมืองเกษตรเป็นเมืองอาหารพลิกโฉมหน้าภาคเกษตรครั้งใหญ่นำไทยสู่มหาอำนาจทางอาหารของโลก

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคและที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.เขียนในเฟสบุ๊คและไลน์วันนี้ว่าหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ 16 นโยบาย 2ชุดแรก ภายใต้ยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติปรากฎว่ามีเสียงสะท้อนผ่านช่องทางเฟสบุ้ค-ไลน์และเวที”ฟัง-คิด-ทำ”ตอบรับจากผู้นำเกษตรกร ผู้นำชาวนากลุ่มต่างๆ  เช่น ศูนย์ข้าวชุมชน เกษตรแปลงใหญ่ กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่(Young Smart Farmer) กลุ่มแม่บ้านเกษตรสหกรณ์ สถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน อาสาสมัครเกษตร(อกม.)ภาคเอกชนภาควิชาการ โดยแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริหารแบบทำได้ไวทำได้จริงของพรรคตลอด4ปีที่ผ่านมา


โดยเฉพาะนโยบายประกันรายได้เกษตรกร นโยบายเทคโนโลยีเกษตรอินเตอร์เน็ตฟรี1ล้านจุดทุกหมู่บ้าน นโยบายธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชน2ล้าน นโยบายยกระดับเกษตรแปลงใหญ่3ล้านบาท นโยบายชาวนารับ30,000บาทต่อครัวเรือน นโยบายปลดล็อคพรก.ประมง นโยบายองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น1แสนบาท นโยบายค่าตอบแทนอกม.1พันบาท


นโยบายนมโรงเรียน365วัน เป็นต้นโดยมองว่าเป็นนโยบายที่สามารถเพิ่มรายได้เพิ่มผลผลิตแก้หนี้แก้จนได้ในระดับฐานรากของประเทศซึ่งครอบคลุมครอบครัวเกษตรกรกว่า 20 ล้านคนภายใต้ยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติเป็นแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรกรรมเชิงโครงสร้างและระบบแบบครบวงจรอย่างยั่งยืนซึ่งภาคเกษตรเป็นหนึ่งในศักยภาพสำคัญที่สุดของประเทศไทยที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุด้วยว่า ยังมีนโยบายชุดต่อไปที่จะเป็นคานงัดการปฏิรูปภาคเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูงเพื่อยกระดับประเทศไทยจากเมืองเกษตรเป็นเมืองอาหาร ด้วย


“เราตั้งเป้าให้ประชาธิปัตย์เป็นพรรคขวัญใจเกษตรกรเป็นพรรคผู้นำการปฏิรูปภาคเกษตรจึงประกาศนโยบาย2ชุดแรกมุ่งเน้นการสนับสนุนส่งเสริมภาคเกษตรกรรมและเกษตรกรเป็นสำคัญครอบคลุมทั้งสาขาพืช ประมงและปศุสัตว์


เป็นการสานต่อผลงานการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมของไทยตลอด4ปีที่พรรคประชาธิปัตย์บริหารกระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์โดยการนำของหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์


เช่นการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC: Agritech and Innovation Center) 77 จังหวัด การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agriculture Big Data Center) การพัฒนาอาหารแห่งอนาคต การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร การพัฒนาเกษตรแปลงย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่ การส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะ การพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง การส่วเสริมเกษตรอินทรีย์ การจัดตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น การพัฒนาปศุสัตว์ครบวงจร การพัฒนาผลไม้จนส่งออกทุเรียนผลสดทะลุแสนล้านบาทเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารกว่า1.2ล้านล้านบาทต่อปีจนเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับ13ของโลกแม้เผขิญกับผลกระทบและอุปสรรคจากวิกฤติโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครนโดยใช้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร4.0และยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตสู่เกษตรมูลค่าสูง เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top