Saturday, 4 May 2024
NEWS FEED

ตร.แจ้ง 2 ข้อหา ‘เค ร้อยล้าน’ คลั่งอีก วอน สังคมเห็นใจ เหตุเป็นผู้ป่วยโรคจิตฯ

บช.น.เผย สน.ปทุมวัน ปรับ 2 ข้อหา “เค ร้อยล้าน” คลั่งอีกแล้ว ปาขวดในห้างย่านปทุมวัน พบก่อเหตุที่สนามบินด้วย ชี้ เป็นความผิดลหุโทษ วอน ครอบครัวดูแลใกล้ชิด ปล่อยปละละเลยมีความผิด วอนสังคมอย่าดูหมิ่น อยากให้เห็นใจ

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงกรณี “เค ร้อยล้าน” ชายคลั่งอาละวาดปาขวดแก้วในห้างย่านปทุมวัน เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ว่า จากการตรวจสอบเป็นคนเดียวกับที่เคยก่อเหตุทำร้ายตนเองและปล่อยงู ที่แยกราชประสงค์ เมื่อเดือน เม.ย. 62 และกลางถนนราชดำริ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พื้นที่ สน.ลุมพินี ส่วนกรณีล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เปรียบเทียบปรับข้อหา “ก่อความเดือดร้อนรำคาญฯ, ทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึงฯ” ยังพบก่อเหตุ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พื้นที่ บช.ภ.1

ตำรวจจึงนำตัวส่งรักษา รพ.สมเด็จเจ้าพระยา แพทย์ลงความเห็นว่า เป็นโรคจิตอารมณ์แปรปรวน มีการรักษาตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.- 7 พ.ค. 62 รวมถึงรอผลตรวจหาสารเสพติด แอลกอฮอล์ และสภาพจิตจาก รพ.ตำรวจ เมื่อเป็นผู้ป่วยภายใน รพ.จึงเห็นว่า ควรรักษาเหมือนผู้ป่วยภายนอกมารับยาประจำ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ไปรับยาจนถึงวันก่อเหตุ 1 ก.พ. ความผิดที่เกิดขึ้นเป็นลหุโทษ อาทิ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ, พ.ร.บ.จราจรทางบก โทษเปรียบเทียบปรับ จบในชั้นพนักงานสอบสวนไม่ต้องฟ้องศาล ส่วนความผิดซ้ำๆ สามารถส่งให้ศาลปรับได้หรือไม่ เนื่องจากคดีเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนปรับและจบในชั้นสอบสวน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว ประจำปี 2565 ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วย คณะกรรมการ ผู้ช่วยกรรมการ ร่วมในพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว และเริ่มประกอบพิธีสงฆ์ สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ 

เทศกาลง่วนเซียว เป็นเทศกาลแรกของปีตามปฏิทินจันทรคติของจีน โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย จัดให้มีพิธีสวดชัยมงคลคาถา มีพิธีบูชาเทพเจ้าด้วยขนมหวาน และ ขนมที่ทำด้วยน้ำตาลทราย หรือน้ำตาลผสมถั่วลิสง ขึ้นรูปเป็นสิงโตขนาดต่าง ๆ บ้างก็เป็นรูปเจดีย์ ให้ผู้มีจิตศรัทธานำกลับไปบูชา ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ มีการแลกเปลี่ยน โดยมารับ ขนมรูปสิงโต จากมูลนิธิฯ

สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร รับการรักษาอาพาธอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ อาการโดยรวมยังเป็นที่พอใจของคณะแพทย์

ข่าวปลอม!!

ตามที่มีคนส่งข่าวทางไลน์​ เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร​ มรณภาพเมื่อวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 11.00 น. นั้น...ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง!!

โดยล่าสุด​ เพจเฟซบุ๊ก​ 'วัดบวรนิเวศวิหาร'​ ได้เผยว่า เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต ยังรับการรักษาอาพาธอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยภาพรวม อาการในขณะนี้ ยังเป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ผู้ถวายการรักษา จึงแจ้งมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน


ที่มา : https://www.facebook.com/417085551680937/posts/4967612236628223/?d=n

สหรัฐฯ ย้ายที่ทำการสถานทูตพ้นกรุงเคียฟ อ้างรัสเซียโจมตีทำลายล้างยูเครนได้ทุกเมื่อ

สหรัฐฯ กำลังย้ายปฏิบัติการของสถานทูตประจำยูเครน จากกรุงเคียฟไปยังลวิฟ เมืองทางตะวันตก จากการเปิดเผยของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศในวันจันทร์ (14 ก.พ.) โดยอ้างถึง "การเร่งเสริมกำลังพลของกองทัพรัสเซีย"

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนว่ามอสโกกำลังเดินหน้าสะสมกำลังพลมากกว่า 100,000 นาย ใกล้ชายแดนติดกับยูเครนและในเบลารุส และอาจลงมือโจมตีทำลายล้างได้ทุกเมื่อ ในนั้นรวมถึงกรุงเคียฟ แม้ว่าทางรัสเซียยืนกรานปฏิเสธคำกล่าวหาของทางตะวันตก และบอกว่าพวกเขาไม่มีแผนรุกรานใดๆ

"การรุกรานใดๆ เข้าสู่ยูเครนจะนำมาซึ่งความรุนแรงครั้งเลวร้าย การทำลายล้างครั้งใหญ่ และความสูญเสียที่ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวอเมริกา ชาวยูเครนหรืออื่นๆ" เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

บลิงเคน กล่าวในถ้อยแถลงว่า การตัดสินใจย้ายปฏิบัติการของสถานทูตไปยังเมืองลวิฟ ห่างจากชายแดนทางตะวันตกของยูเครนติดกับโปแลนด์ ราวๆ 80 กิโลเมตร เป็นการดำเนินการภายใต้ความกังวลด้านความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของสถานทูตได้รับคำสั่งให้เดินทางออกจากยูเครน และพลเมืองสหรัฐฯ ได้รับคำแนะนำให้เดินทางออกจากประเทศแห่งนี้ด้วยระบบขนส่งพาณิชย์

บลิงเคน เน้นย้ำว่าการย้ายปฏิบัติการของสถานทูตในครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการในแนวทางที่บ่อนทำลายแรงสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่ออำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และคณะผู้แทนทูตของสหรัฐฯ จะยังคงติดต่อกับรัฐบาลยูเครน "สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้ากดดันมอสโกเพื่อหนทางออกทางการทูต" เขากล่าว

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ออกโรงเตือนเด็กๆ ไปม็อบ ระวังได้ของแถม หลังเรื่องฉาวแกนนำคาวฟุ้ง

15 ก.พ. 65 - นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ว่า กลิ่นเน่าเหม็นคาวของแกนนำชื่อ นิว ไม่ทันจางหาย ก็มีกลิ่นของน้ำเหม็นเน่าไล่มาติดๆ ชาวบ้านชาวช่องสำลักกลิ่น จนทนไม่ได้ ออกมาเปิดโปงวีรเวร จนปิดข่าวไม่ทัน

ไหนว่ารังเกียจการกดขี่ รักความเสมอภาค ไหนว่ารักสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ แต่ข่าวคราวที่เกิดขึ้นมันตรงข้ามกับเสียงเรียกร้องดั่งฟ้ากับเหวนะ

ไม่เป็นไร มาตรฐานเสมอด้วยเจ๊ จ.

ที่รับประกันว่า คนเหล่านี้เป็นคนดี ตำรวจจับก็วิ่งประกันให้

สุภาษิตโบราณว่าไว้ ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง จะเหลือปลาดีกี่ตัว

อยากเตือนเด็กๆ ที่ไปม็อบจะด้วยเหตุใด อย่าหลงเชื่อแกนนำจอมปลอม ระวังจะได้ของแถมโดยไม่เต็มใจ

'นายกฯ' มอบโล่แก่  'หน่วยงาน/องค์กร' ผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยภายใต้โครงการ “Workation Thailand” ทํางานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ พร้อมสนับสนุนให้ไทยเป็นสวรรค์ของนักเดินทางชาวไทยและต่างชาติทั่วโลก

ที่ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณและประกาศนียบัตรแก่หน่วยงานหรือองค์กรที่มียอดสะสมแต้มความอยู่รอดของผู้ประกอบการ (Survival Point) ซึ่งเป็นผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ภายใต้โครงการ “Workation Thailand” ทํางานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ” สูงสุด 11 อันดับแรก หรือระดับ Legendary และ Gold เพื่อเป็นการสร้างกําลังใจให้กับหน่วยงานและองค์กรในการสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยต่อไปในอนาคต

ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในฐานะฟันเฟืองสําคัญในการสร้างรายได้เพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในหลายมิติ ภายใต้แนวคิด “Working Outing & Meeting from Somewhere เปลี่ยนทุกที่ของประเทศไทยให้กลายเป็นที่ทํางาน พบปะ พูดคุย สังสรรค์และจัดประชุม ท่ามกลางบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มุ่งเน้นประชาสัมพันธ์โครงการ “Workation Thailand” ทํางานเที่ยวได้ ให้ประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติได้รับทราบอย่างกว้างขวางและเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีในการที่จะเปลี่ยนทุกที่ของประเทศไทยให้กลายเป็นที่ทํางาน พบปะ พูดคุย สังสรรค์และจัดประชุม โดยนายกรัฐมนตรี พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นโลเคชั่น พาราไดซ์ สวรรค์ของนักเดินทาง และเป็นสถานที่ทำงานไปด้วยสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติทั่วโลก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งช่วยผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้อีกด้วย

าหรับผู้ประกอบการที่มียอดสะสมแต้มความอยู่รอดสูงสุด 11 อันดับในระดับ Legendary และ Gold ที่ได้รับประกาศเกียรติคุณและประกาศนียบัตร ได้แก่ 1. บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) 2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 3. ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) 4. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 5. สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

6. บริษัท ไทยออยล์ จํากัด (มหาชน) 7. บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) 8. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) 9. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 10. บริษัท สโตนเฮ้าจ์ อินเตอร์จํากัด (มหาชน) และ 11. บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จํากัด ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการถึง 885 ราย ผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย จํานวน 117 ราย และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 โครงการ Workation Thailand มียอดขายรวม 154,507,000 บาท

ฉะเชิงเทรา-คณะขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจังหวัดฉะเชิงเทรา เยี่ยมชม  โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน บริษัท อมิตาเทคโนโลยี(ประเทศไทย)จำกัด

ที่ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี(ประเทศไทย)จำกัด นิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ดร.โอกาส เตพละกุล ปธ.คกก.ขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจังหวัดฉะเชิงเทรา นำคณะขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจังหวัดฉะเชิงเทรา เยี่ยมชม  โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน บริษัท อมิตา เทคโนโลยี(ประเทศไทย)จำกัด

โดยมี นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้, นายชาญยุทธ ฉายาวัฒนะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมิตา เทคโนโลยี(ประเทศไทย)จำกัด กล่าวให้การตอนรับ พร้อมพาเยี่ยมชมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน จะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีเสถียรภาพเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สมุทรปราการ- “ดร.ยงยุทธ” สส.พลังประชารัฐ ผู้ก่อตั้งโรงเรียน PWS จับมือ ผู้ประกอบการมอบทุนการศึกษา”ร้อยโรงงาน ร้อยดวงใจ หนึ่งโรงเรียน”

ที่โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ประธานในพิธี นำคณะผู้บริหารโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา และคณะครูร่วมให้การต้อนรับผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ที่เดินทางมาร่วมมอบเงินสนับสนุนการศึกษา เพื่อไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับทางโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) ภายใต้กองทุน “ร้อยโรงงาน ร้อยดวงใจ หนึ่งโรงเรียน” และช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ฐานะยากจน อีกทั้ง ยังครบรอบ 10 ปี วันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา PWS ประจำปี การศึกษา 2565 อีกด้วย 

โดยในปีนี้ ทางโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา มีผู้ประกอบการ นักธุรกิจร่วมมอบทุนสนับสนุนการศึกษาเป็นจำนวนมากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 จนถึงปัจจุบันรวมเวลา 10 ปี ประกอบกับที่ผ่านมาทางผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมกับทางโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุน”ร้อยโรงงาน ร้อยดวงใจ หนึ่งโรงเรียน” เพื่อให้ บริษัท ห้างร้าน ได้ทำกิจกรรม CHR ร่วมกับทางโรงเรียน

‘อ.ยักษ์’ เผยการทรงงานเพื่อคนไทยของ ‘ในหลวง ร.10’ ทุ่มทรัพย์ส่วนพระองค์มหาศาล แต่น้อยคนนักที่จะรู้ 

เป็นอีกหนึ่งคลิปที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ โดยช่อง YouTube KU Radio Thailand ได้เผยแพร่คลิปการบรรยายของ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ อาจารย์ยักษ์ ผู้น้อมนำแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่สู่ความพอเพียง ในหัวข้อ ‘การบูรณาการศาสตร์พระราชาศาสตร์กลและศาสตร์ชุมชน’ ไว้เมื่อ 9 ก.พ.ปีที่แล้ว โดยจากบรรยายดังกล่าวได้มีการสรุปไว้ว่า…

การ #ทรงงานในปัจจุบัน ของในหลวง ร.10 ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน

จากคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การทำโคกหนองนา มาเรื่อยๆ จนมีโอกาสได้มาดูคลิปนี้ของ อ.ยักษ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร

คลิปนี้ อ.ยักษ์ บรรยายเรื่อง ‘การบูรณาการศาสตร์พระราชา ศาสตร์สากล และศาสตร์ชุมชน’ บรรยายไว้เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 ความยาวเกือบ 3 ชม. 

อ.ยักษ์ เล่าถึงการทรงงานของในหลวง และการถวายงานต่อในหลวง ร.10 คร่าวๆ ดังนี้

>> อ.ยักษ์ ท่านเริ่มด้วยการพูดถึงในหลวง ร.10 ว่าวัยรุ่นในยุคนี้ไม่ค่อยชอบท่านเท่าไหร่ แม้กระทั่งคนในรุ่น อ.ยักษ์ เองก็ได้ยินเรื่องข่าวลือต่างๆ นานา มาด้วยเหมือนกัน แต่พอได้มาเห็นการทรงงานของท่านมาเป็น 10 กว่าโครงการ หมด ‘เงินส่วนพระองค์’ มา #หลายหมื่นล้านจนอาจจะถึงแสนล้านด้วยซ้ำ ซึ่งเงินตรงนี้คนละส่วนกับงบประมาณแผ่นดินของทางราชการนะครับ และทุกโครงการล้วนทำเพื่อประชาชน

>> ในทุกๆ วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินจะทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้กับนักโทษบางส่วน ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งมีนักโทษที่จะได้รับอภัยโทษมีประมาณ 3 หมื่นกว่าคน แล้ว ร.10 ท่านยังไม่ลงพระปรมาภิไธย (วีโต้) และท้วงติงไปว่าถ้าปล่อยออกไปตอนนี้จะดีหรือ เพราะตอนนี้คนตกงานกันเยอะ บริษัทก็ปิด วิศวกร หมอ และทุกๆ คนลำบากกันหมด แล้วคนที่ออกจากเรือนจำ เป็นคนคุก ออกไปแล้วจะไปหากินได้อย่างไร ท่านจึงพระราชทานแนวทางมาให้ว่าให้ฝึกอบรมเกษตรทฤษฎีใหม่ในเรือนจำดู (แบบที่ท่านทำที่ราบ 11)

>> อ.ยักษ์และทีมงานเป็นผู้เขียนแบบถวาย ดำเนินงานฝึกอบรม ตรงนี้อาจารย์เล่าว่าในระหว่างที่ทำงานถวายท่านเนี่ย ท่านจะให้ทำรายงานถวายทุกวัน เช้า-เย็น ต้องมีภาพและวิดีโอ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้มาเบิกกับท่าน ท่านรู้ว่ากรมราชทัณฑ์ไม่มีงบประมาณตรงนี้ ท่านไม่อยากให้ไปกระทบกับงบประมาณของรัฐบาล ท่านให้มาเบิกกับท่านทุกอย่าง 

>> ท่านให้เปิดพร้อมกันทั้งหมดทั่วประเทศ 137 ศูนย์ฝึก ใช้เวลาแค่ 1 สัปดาห์ ซึ่งทำสำเร็จ และยังมีการฝึกอบรมต่อเนื่องอยู่ในปัจจุบัน (อ.ยักษ์ บอกแกทำศูนย์ฝึกมา 20 ปี ได้แค่ 40 ศูนย์)

>> #จุดน่าสังเกตคือ ในทุกๆ ภาพวาดฝีพระหัตถ์พระราชทาน ล้วนออกมาในช่วงเวลาที่งานมีความคืบหน้าไปในแต่ละขั้นตอน ซึ่ง อ.ยักษ์ ได้อธิบายในคลิปอย่างละเอียดในแต่ละรูป

>> ร.10 ท่านไม่ประสงค์จะให้ประชาสัมพันธ์ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา ใครจะว่าร้ายอย่างไรก็ปล่อยเขา อ.ยักษ์ บอกตรงนี้คงเป็นวิบากของท่าน เพราะทำดีแต่คนก็ยังด่า ยังเข้าใจแบบผิดๆ

>> ร.10 ท่านบอกว่าต้องทำโมเดลให้ออกมาทำตามง่าย เข้าใจไม่ยาก ให้ทำแบบ Kiss คือ keep it simple, stupid (ตรงนี้ผมไปค้นหาที่มา พบว่าทฤษฎีนี้มาจาก U.S. Navy ครับ) ท่านบอกว่าท่านตามเสด็จพ่อกับแม่ท่านมา (ร.9, พระพันปี) ท่านไม่เห็นเคยได้ยินแบบที่ข้าราชการหรือนักวิชาการเอาไปเขียนเลย ท่านบอก ร.9 เนี่ยท่านให้ทำแบบง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ชาวบ้านสามารถทำตามได้ (บางทีข้าราชการนำหลักการของท่านไปตีความและถ่ายทอดมาจนผิดเพี้ยนและเข้าใจยาก)

>> นอกจากนี้ อ.ยักษ์ ยังได้สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงการที่ ร.10 ท่านทำ #บางโครงการ ดังนี้…

1.) ตั้งโรงเรียนจิตอาสาฝึกอบรม (เข้าใจว่าในวัง) เพราะท่านเห็นว่าระบบราชการในปัจจุบันนี้สู้กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ได้ 

2.) ระดมคนที่ผ่านการฝึกอบรมจิตอาสามาตั้งศูนย์ฝึกที่ราบ 11 ในพื้นที่ 200 กว่าไร่

3.) จัดโครงการ 8 วิธีแบบง่ายๆ ส่งจิตอาสาไปช่วยภาครัฐสู้กับภัยแล้ง

4.) นำนักเรียนจิตอาสารุ่นที่ 2 ไปร่วมมือกับเครือข่ายชาวบ้าน ไปทดลองทำป่าต้นน้ำที่ต้นน้ำน่าน ทำไว้เป็นต้นแบบ และให้ไปช่วยเหลือกันทั่วประเทศเพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำ

5.) คนตกงานกันมากหลังจาก COVID-19 โดยให้นำฟาร์มตัวอย่างของพระพันปีหลวงไปรองรับคน พันกว่าคนใน 30 ฟาร์ม โดยภายใน 1 เดือนแรกต้องให้มีกินให้ได้ จะปลูกถั่วงอก ผักบุ้ง หรืออะไรก็ได้ และต้องมีเหลือไปฝากพ่อกับแม่ หรือว่าว่าเอาไปแจกจ่ายให้กับคนที่ตกงานและไม่มีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในฟาร์ม ยังไม่ให้ขาย ค่อยขายตอนรอต่อยอดไปเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม เอาไปแปรรูป ท่านอยากให้มีบริษัทในชุมชน ประมาณนี้

6.) 137 ศูนย์ฝึกในเรือนจำ

7.) ไปพัฒนาโรงเรียนแบบ PBL - Project-Based learning (แนวคิดของ John Dewey) เป็นการเรียนรู้จากปัญหาจริง โดยเริ่มจากโรงเรียนมัธยมในจังหวัดน่านก่อน โดยเน้นจาก (1.) เปิดห้องเรียนเอาปัญหาจากภายในมาศึกษา (ครอบครัว,ชุมชน) ไม่ใช่ศึกษาแต่ปัญหาของต่างประเทศ (2.) ใช้การเรียนแบบ active learning แก้ปัญหาร่วมกันทั้ง ครู พ่อแม่ และนักเรียน (3.) เปลี่ยนวิธีการประเมิน จากที่เคยใช้ KPI มาใช้ OKR, Competency Assessment (การประเมินสมรรถนะ) 

8.) พระราชทานที่ดินในพระตำหนักอาคารทรงไทย (ที่ๆ ร.5 นั่งทอดปลาทู) ทำโครงการกตัญญูต่อ ร.5 และต่อพระราชบิดา (ร.9) - พระราชมารดา โดยจะนำเอาองค์ความรู้ที่ ร.9 ทำมาตลอดกว่า 70 ปี มาย่อให้เข้าใจง่ายๆ แบบ Kiss - keep it simple, stupid

‘บางขุนเทียน’ จัดกิจกรรมวันวาเลนไทน์ เปิดพื้นที่ให้คู่รัก LGBTQ+ จูงมือจดแจ้งคู่สมรส 

วันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 65 ของสำนักงานเขตบางขุนเทียน จัดงาน ”บางขุนเทียนแสงเทียนแห่งรัก" เปิดให้คู่รักชายหญิงเข้าจดทะเบียนสมรส นอกจากนี้ยังมีความพิเศษ คือ ได้เปิดให้คู่รักเพศทางเลือก LGBTQ+ ได้มาจดทะเบียนสมรสเช่นกัน โดยทุกคู่จะได้รับทะเบียนสมรสที่เรียกว่า ใบรับการแจ้งคู่ชีวิต พร้อมของที่ระลึกเป็นหลอดไฟเพื่อนำเป็นสัญลักษณ์ในการส่องสว่างชีวิตของคนทั้งคู่ 

คู่แรกที่ได้จดแจ้งชีวิตคู่อย่าง น.ส.ณัฐรดา ฉิมช้าง ชาวไทย กับ MISS SHANNON DENISE BATES ชาวอเมริกัน บอกว่า การแต่งงานเพศทุกเพศสำคัญไม่ว่าจะเพศอะไร สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีการแบ่งแยก การจดทะเบียนในวันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นนำร่องทางกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตคู่สมบูรณ์ขึ้น เช่นในกรณีเจ็บป่วย เราไม่สามารถเซ็นยินยอมให้รักษาได้ เพราะโรงพยาบาลไม่ยินยอม ต้องไปตามครอบครัวมาเซ็นยินยอม ซึ่งถ้าข้อกฎหมายนี้ผ่าน เราก็สามารถให้เขาที่คอยอยู่กับเรามีสิทธิเซ็นยินยอมได้ แต่ถ้ายังไม่มีการเริ่มก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top