Tuesday, 14 May 2024
NEWS FEED

‘แพทย์ทหารเรือ’ เปิดบริการตรวจโควิดแบบOne Stop Service

พลเรือตรี ณัฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ, นาวาเอก ปิยะวัฒน์ วงษ์วานิช รอง ผอ.รพ.ฯ ฝ่ายบริหาร และ นาวาเอกหญิง วรัญญา คุ้มผาติ รอง ผอ.รพ.ฯ ฝ่ายการพยาบาล รับมอบงานโครงการอาคารชั่วคราว ห้องตรวจโรคแรงดันบวก ARI./PUI. Clinic จากบริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ร่วมกับ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด โดยมี คุณดุสิต ศุทธกิจ Co creation and operation development director, คุณธวัชชัย ศรีพนมธนากร CSC Director Metro และคุณดุสิต อนุกูลมีชัย Project Owner Manager เป็นผู้แทนส่งมอบงานฯ ณ อาคารชั่วคราว ห้องตรวจ ARI PUI Clinic เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565

ไทย เคยทดลองใช้รถเมล์สองชั้น เมื่อ 34 ปีก่อน วอน ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ พิจารณา นำกลับมาใช้อีกครั้ง

เพจเฟซบุ๊ก รถเมล์ไทยแฟนคลับ Rotmaethai แชร์เรื่องราวของรถเมล์สองชั้น ที่เคยวิ่งในกรุงเทพฯ เมื่อ 34 ปีก่อน เนื้อหาระบุว่า...

26 กุมภาพันธ์ 2531 
ขสมก. เปิดการทดลองเดินรถเมล์สองชั้นยี่ห้อเลย์แลนด์ ในสาย 29 52 95 138 เป็นเวลา 6 เดือน

===ออมนิบัส 2 ชั้น ชั้นละ 2 ล้าน===
นับตั้งแต่ต้นปี 2531 ขสมก. มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจหลายประการ ที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคือรถใหม่สีขาวคาดแดงจำนวน 900 คัน เก็บค่าโดยสารระบบหยอดเหรียญ อัตราค่าโดยสาร 3 บาท แพงกว่ารถแบบเก่า 1 บาท โดย ขสมก. ให้เหตุผลว่ารถใหม่ให้บริการดีกว่ารถเก่า ซึ่งถึงทุกวันนี้ก็คงรู้ซึ้งกันดีแล้วว่าบริการดีกว่ากันขนาดไหน

ความเคลื่อนไหวอีกประการหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจมากพอสมควรเหมือนกันคือ การนำรถเมล์ 2 ชั้นมาทดลองวิ่งให้บริการประชาชน

รถเมล์สองชั้นชนิดนี้ ผลิตโดยบริษัทเลย์แลนด์แห่งประเทศอังกฤษ ทาง ขสมก. ได้ทำข้อตกลงกับบริษัทเลย์แลนด์ว่า ขอนำรถโดยสารสองชั้นนี้มาทดลองวิ่งบริการประชาชนในกรุงเทพมหานครเป็นเวลา 6 เดือนแบบฟรีๆ หากเป็นที่นิยมของประชาชน หรือสามารถแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ ขสมก. ได้ ก็จะเปิดให้เอกชนมาเป็นผู้ลงทุนซื้อรถโดยสารสองชั้นนี้ วิ่งในเส้นทางของ ขสมก.

ส่วนทางด้านบริษัทเลย์แลนด์ก็เสนอเงื่อนไขให้ว่า หากมีการซื้อรถเมล์สองชั้นจำนวน 740 คัน ทางรัฐบาลอังกฤษซึ่งสนับสนุนโครงการผลิตรถสองชั้นอยู่ ก็จะสนับสนุนด้านการเงินให้กับ ขสมก. ฟรีๆ ทันที 900 ล้านบาท

รถที่บริษัทเลย์แลนด์จัดหามาให้ ขสมก. ใช้ฟรีนี้ มีจำนวน 1 คัน เมื่อแรก ขสมก. ตั้งใจจะให้บริการย่านชุมชน แต่ปรากฏว่ามีอุปสรรคในการเดินรถมาก เช่น ลักษณะถนนในกรุงเทพมหานครไม่ราบเรียบเสมอกัน บางช่วงโค้งเป็นหลังเต่า บางช่วงมีสะพานที่สูงชัน บางถนนมีสายโทรศัพท์พาดข้ามถนน บางถนนมีต้นไม้ที่อาจจะทำให้ละกับหน้าต่างรถชั้นบนได้ 

ขสมก. จึงตกลงใจให้นำมาวิ่งในสาย 29 (รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยฯ) โดยมีเส้นทางจากรังสิต ผ่านมาตาม ถ.วิภาวดีตลอดสาย เลี้ยวเข้าสามเหลี่ยมดินแดง เข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ จอดด้านห้างโรบินสัน (เกาะดินแดง) สลับกับเส้นทางสาย 95 จากรังสิต ดอนเมือง วิภาวดี หลักสี่ รามอินทรา บางกะปิ สุดทางที่ ม.รามคำแหง เก็บค่าโดยสาร 2 บาทตลอดสาย ขสมก. เป็นผู้จ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร

เมื่อทดลองครบ 6 เดือนแล้ว จะนำรายได้มาหักค่าใช้จ่าย เงินที่เหลือจากรายได้ จะนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ

ลักษณะของรถ ตัวถังสีขาว มีแถบสีน้ำเงินพาดเฉียงๆ ที่ข้างรถ ขนาด 2 เพลา ความยาว 10 เมตร สูง 4.5 เมตร สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 140 คน มีประตูเปิดปิดอัตโนมัติ ขึ้นทางประตูหน้า ลงทางประตูกลาง มีเครื่องยนต์อยู่ท้ายรถ จึงไม่มีเสียงรบกวนผู้โดยสาร

ห้องโดยสารชั้นล่างมีเก้าอี้นั่งน้อย (ให้ยืนชั้นล่าง) เพราะออกแบบมาเพื่อให้สะดวกต่อผู้โดยสารที่จะขึ้นชั้นบน โดยมีบันไดเวียนอยู่ซีกขวาตรงกลางตัวรถ ออกแบบมิดชิดให้ผู้โดยสารที่เป็นสุภาพสตรีเดินขึ้นได้อย่างสะดวกใจ หน้าต่างเป็นแบบบานเลื่อน จำนวนไม่มากนัก เพราะเป็นรถที่ออกแบบไว้ใช้ในประเทศหนาวอย่างอังกฤษ ชั้นบนมีเก้าอี้ที่นั่งมากกว่า จำนวนหน้าต่างมากกว่า เหมาะสำหรับนั่งชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางเป็นอย่างยิ่ง

ราคาตกคันละ 4 ล้านบาท และถ้าติดแอร์ ราคาจะเพิ่มเป็น 6 ล้านบาท เท่ากับซื้อรถธรรมดาได้ 6 คัน ดูจากข้อมูลและตัวเลขต่างๆ ที่กล่าวมา ก็คงพอจะสรุปได้ว่า หลังจากทดลองครบกำหนดเวลา ผลจะออกมาอย่างไร

กล่าวคือรถเมล์สองชั้นแบบนี้มีข้อดีที่ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าจ้างพนักงานขับรถ กระเป๋า ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา อยู่ในระดับใกล้เคียงกับรถธรรมดาทั่วไป แต่มีความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสารได้เป็นสองเท่าของรถธรรมดา ซึ่งหมายความว่า ถ้านำรถชนิดนี้มาใช้ ขสมก. จะสามารถทำกำไรได้มากขึ้น เป็นการลดภาวะขาดทุนลง

ททท. ชูโครงการ ‘Thailand Holideals’ บุกตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ครั้งยิ่งใหญ่ พร้อมกระตุ้นการขายให้กับผู้ประกอบการ

(2 ..65) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เป็นประธานในงานแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ Thailand Holideals ตอบรับเทรนด์แห่งโลกอนาคตก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ใช้เหรียญดิจิทัลแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการท่องเที่ยว กระตุ้นตลาดด้านการท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมบุกตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อกระตุ้นการส่งเสริมการขายให้กับผู้ประกอบการในทุกช่องทางที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว และผู้เดินทาง ณ ศูนย์ปฏิบัติการศิลปกรรมดิจิทัล FAAMAI Digital Arts Hub เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงการเปิดมิติของการทำธุรกิจและการตลาดที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบาย รวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะการเข้ามาของสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ททท. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว จึงได้ร่วมมือกับบริษัท กู๊ด มู๊ด จำกัด พร้อมจับมือกับ พันธมิตรด้านการท่องเที่ยว อาทิ MVP, KLOOK และ Ascend Travel จัดทำโครงการ “Thailand Holideals” รวบรวมแพ็กเกจ และ Voucher ท่องเที่ยวในราคาสุดพิเศษ จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำทั่วเมืองไทยมาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรร บนเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/holideals โดยครอบคลุมทุกหมวดหมู่ของการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร สปา นันทนาการ และบริษัทนำเที่ยว พร้อมทั้งสามารถเลือกชำระด้วยระบบโทเคนดิจิทัลได้ด้วย นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยกับการใช้เหรียญดิจิทัลเพื่อการจับจ่ายสินค้าท่องเที่ยวของโครงการ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวในไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว Free Individual Traveller และ Group Individual Traveller ซึ่งต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

กกท. ร่วม สถาบันอนุญาโตตุลาการ เปิดศูนย์ระงับข้อพิพาททางการกีฬาแห่งแรกของไทย มุ่งยกระดับวงการกีฬาสู่มาตรฐานสากล

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับ สถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC) เปิดตัวศูนย์ระงับข้อพิพาททางการกีฬา (Thailand Center of ADR for Sport: TCAS) แห่งแรกของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีการประนอมข้อพิพาท และการอนุญาโตตุลาการ มุ่งหวังยกระดับวงการกีฬาไทยให้มีประสิทธิภาพ และทัดเทียมกับมาตรฐานสากล

นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการแถลงข่าวเปิดตัวศูนย์ระงับข้อพิพาททางการกีฬา (Thailand Center of ADR for Sport: TCAS) โดยมี นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC) และนายวิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการ ฝ่ายบริหาร ร่วมแถลง ณ บริเวณด้านหน้า อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา กกท. เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา

นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาที่สำคัญของการระงับข้อพิพาททางเลือกด้านการกีฬาของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล และจะเป็นการดึงดูดให้บุคลากรทางการกีฬา อาทิ นักกีฬา สมาคมกีฬา สมาพันธ์ทางการกีฬาต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญและเลือกใช้กระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกเมื่อมีข้อพิพาททางการกีฬากันมากยิ่งขึ้น

นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ระงับข้อพิพาทฯ ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในด้านการพัฒนากีฬาในประเทศไทย ทั้งการให้ความเป็นธรรม ความเท่าเทียมของนักกีฬา หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ฝึกสอน ตลอดจนสโมสรต่างๆ รวมทั้งยังเป็นการสร้างมาตรฐานทางการกีฬาที่มีความโปร่งใส ซึ่งจะส่งผลโดยรวมให้กับประเทศ รวมถึงการแข่งขันในระดับชาติ ต่อไป

นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC) กล่าวว่า ในปัจจุบันวงการกีฬาไทยมีความก้าวหน้า และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากความสำเร็จของนักกีฬาทีมชาติไทย รวมถึงกฎเกณฑ์การแข่งขัน หรือการตัดสินผลแพ้ - ชนะในกีฬาสมัครเล่น และกีฬาอาชีพ ที่จัดการแข่งขันขึ้นในประเทศ และในเวทีระดับโลกที่มาตรฐานของการแข่งขันมีความก้าวหน้า และปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้อาจนำมาซึ่งข้อพิพาทในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงการกีฬาทุกแขนง เช่น สัญญานักกีฬาอาชีพ การตัดสินชี้ขาดผลการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งกฎการควบคุมสารต้องห้าม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือที่มาของการจัดตั้งศูนย์ฯ เพื่อยกระดับวงการกีฬาไทยสู่มาตรฐานสากล

"สกลธี" รองผู้ว่ากรุงเทพฯพร้อมภาคีเครือข่ายเปิดโครงการจ้างงานคนพิการ กรุงเทพมหานคร

วันที่ 2 มีนาคม 2565 ณ.หอประชุมมูลนิธิออทิสติกไทย เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ "สนับสนุนการจ้างงาน สร้างอาชีพสำหรับคนพิการ" พบช่วยคนพิการมีงานทำกว่า 7,000 คน สร้างอาชีพกว่า 20,000 งาน ลดบริษัทส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อคุณภาพชีวิตดีอย่างยั่งยืน 

โดยภาคีเครือข่ายประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิออทิสติกไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และภาคีเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ  เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้คนพิการมีงานทำ สร้างอาชีพ และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี  

"นายสกลธี  ภัททิยกุล" รองผู้ว่าราชการกรุงทพมหานคร กล่าวว่า โครงการสนับสนุนการจ้างงาน สร้างอาชีพสำหรับคนพิการ กรุงเทพมหานคร ที่มีเจตนารมณ์สนับสนุน ให้คนพิการมีอาชีพและมีงานทำ ที่ผ่านมาได้ผลักดันหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานครให้เร่งรับคนพิการเข้าทำงานโดยตลอด ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ในปี 2565 สำนักพัฒนาสังคมจะต้องดำเนินการขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เพื่อรองรับการจ้างงานคนพิการเข้าทำงานให้ได้มากขึ้นประมาณ 306 คน คาดว่าจะเริ่มจ้างงานคนพิการเข้าทำงานได้ในเดือนพฤษภาคม 2565 และจะเสนอขอตั้งงบประมาณต่อเนื่องไว้สำหรับปีงบประมาณ 2566

นอกจากนี้ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาคนพิการให้มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพตรงกับความต้องการของหน่วยงาน องค์กรภาครัฐและเอกชนที่จะสามารถรับเข้าทำงานตามคุณวุฒิและคุณสมบัติที่กำหนด พร้อมจะทำงานเชิงรุกในการแก้ปัญหาเรื่องช่องทางสมัครงาน และการว่าจ้างงานที่ทำให้คนพิการไม่มีงานทำ

นายสกลธี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนพิการได้มีงานทำ 2 เรื่องหลัก ดังนี้ 1.ส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้คนพิการ โดยเปิดศูนย์ส่งเสริมทักษะอาชีพสำหรับคนพิการ ที่โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร หนองจอก และทุ่งครุ เพื่อพัฒนาศักยภาพ สร้างความพร้อมในการประกอบอาชีพ นำร่องใน 5 หลักสูตร กับกลุ่มที่ต้องการประกอบอาชีพอิสระ  ได้แก่ หลักสูตรสอนการปลูกผักออแกนิค การเพราะเห็ด หลักสูตรบาริสต้า หลักสูตรคอมพิวเตอร์พื้นฐาน  และหลักสูตรการเขียนโปรแกรม และในอนาคตเตรียมขยายเพิ่มหลักสูตรอบรมให้มากขึ้นตามความต้องการของคนพิการและสังคมต่อไป

2.สร้างเว็บไซต์ bangkok.skynebula.tech เปิดพื้นที่ ให้คนพิการที่มีความพร้อมและประสงค์จะสมัครงาน และนายจ้างที่ต้องการรับผู้พิการเข้าทำงานได้พบกัน และเกิดประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งผู้พิการก็สามารถเลือกตำแหน่งงาน ในหน่วยงานที่ตนต้องการสมัครได้  และนายจ้างก็สามารถเข้ามาในเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อค้นหาผู้พิการที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการ เข้าสู่กระบวนการนัดหมาย สอบ สัมภาษณ์ และรับเข้าทำงาน ได้รวดเร็ว และหลากหลายขึ้น

"นายชูศักดิ์  จันทยานนท์ " ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย กล่าวว่า โครงการศูนย์ส่งเสริมทักษะอาชีพสำหรับคนพิการ กรุงเทพมหานคร  จะเป็นแหล่งการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะด้านอาชีพให้กับคนพิการ  เพื่อให้สามารถนำความรู้และทักษะไปต่อยอดสร้างอาชีพให้ตนเองและครอบครัว หรือสามารถสมัครงานในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนได้  เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้พิการ ก่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิต

ซึ่งคนพิการจำเป็นต้องมีโรงเรียนฝึกอาชีพเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ อาทิ หลักสูตรระยะสั้นในการเรียนรู้ให้เหมือนกับคนทั่วไป เพื่อเพิ่มทักษะและความชำนาญด้านวิชาชีพ จึงเป็นที่มาของการจัดทำโครงการนี้ขึ้น โดยจัดฝึกอบรมวิชาชีพสำหรับคนพิการ 5 วิชา ได้แก่ หลักสูตรการผลิตเห็ดเพื่อการค้า หลักสูตรการออกแบบเว็บไซต์  หลักสูตรคอมพิวเตอร์เบื้องต้น  หลักสูตรเครื่องดื่มตามสมัยนิยม  และหลักสูตรการเพาะต้นอ่อนพืชออร์แกนิค ตั้งเป้าหมายรับคนพิการทุกประเภทเข้าอบรม จำนวน 150 คน  ซึ่งการฝึกอบรมอาชีพสำหรับคนพิการจำเป็นต้องมีการออกแบบ การจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของคนพิการ แต่ละบุคคลที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป

"นางภรณี ภู่ประเสริฐ" ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส.กล่าวว่า “คนพิการ” คือ 1 ใน 11 กลุ่มประชากรกลุ่มเฉพาะ ที่ต้องได้รับความเป็นธรรมทางสุขภาวะในชีวิตทุกมิติ เพื่อให้มี “สิทธิ ศักดิ์ศรี คุณค่า และพึ่งพาตัวเอง” ได้เหมือนคนทั่วไป ทำให้ สสส. ขับเคลื่อนงานร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน เพื่อทำให้คนพิการมีงานทำ ภายใต้การจ้างงานเชิงสังคมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ตามมาตรา 33 และ มาตรา 35

'วิษณุ' ชี้คดีแตงโมไม่ต้องถึงมือดีเอสไอ เชื่อตำรวจคลี่คลายได้ ไม่มีอะไรซับซ้อน

'วิษณุ' ชี้คดีแตงโม ไม่ต้องถึงมือดีเอสไอเป็นคดีพิเศษ เชื่อประจักษ์พยานและสิ่งแวดล้อมตำรวจสามารถคลี่คลายได้

2 มี.ค. 65 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นางเอกสาวชื่อดังที่จมน้ำเสียชีวิต และเกิดปัญหาคดีมีความซับซ้อนและอยู่ในความสนใจของประชาชนสามารถนำเข้าพิจารณาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ว่าไม่ทราบ เพราะโดยทั่วไปก็ไม่น่าเข้าหลักเกณฑ์ แต่มีอยู่ข้อหนึ่งคือคดีที่อยู่ในความสนใจ และเกรงว่าจะมีความสลับซับซ้อน ก็อาจจะส่งเรื่องไปเข้าคณะกรรมการสั่งให้เข้าเป็นคดีพิเศษได้ แต่โดยทั่วไปโดยรูปการณ์ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก

'ปศุสัตว์' ย้ำ ไก่ไทยไร้สารตกค้าง ไม่อันตราย

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานทางสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็น เรื่อง กินคอไก่ ปีกไก่ และหัวไก่ จะมีสารพิษ เมื่อทานแล้วสะสม เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย นั้น กรมปศุสัตว์ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว สรุปว่าเป็นข่าวปลอมไม่เป็นความจริง การนำเสนอข้อมูลเท็จนี้ สามารถสร้างความตื่นตะหนกให้แก่ประชาชนผู้บริโภคเนื้อไก่ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ปีกรายใหญ่ของโลกได้ 

ทั้งนี้เพื่อเป็นการคุ้มครองและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงได้เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้บริโภค และให้ทุกหน่วยงานกำกับดูแลสินค้าปศุสัตว์ให้มีความปลอดภัยอาหาร รักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามกรมปศุสัตว์ ได้กำกับดูแลระบบการผลิตสินค้าปศุสัตว์ตลอดทั้งกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ได้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี GAP โรงฆ่าสัตว์ที่ถูกกฎหมาย มีกระบวนการผลิตที่ถูกสุขอนามัย สถานที่จำหน่ายที่ได้มาตรฐาน จนถึงมือประชาชนผู้บริโภค จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าปศุสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ มีการตรวจสอบและกำกับดูแลตลอดห่วงโซ่การผลิต ไม่มีสารอันตรายตกค้าง ไม่มีฮอร์โมน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ 

ก.แรงงาน จัดงาน “วันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ” ประจำปี พ.ศ.2565

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2565 ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน 

นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางบุปผา พันธุ์เพ็ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน เข้าร่วมพิธี โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้แรงงานและช่างฝีมือไทย รวมถึงประชาชนทั่วไป ตระหนักถึงคุณค่าของแรงงานและช่างฝีมือ 

ภายในงานมีพิธีถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร องค์พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย การจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ และกิจกรรมการเผยแพร่ข้อมูลภารกิจมาตรฐานฝีมือแรงงาน จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงเล็งเห็นและให้ความสำคัญ แก่วงการช่างฝีมือด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล 

ห้องเรียนใหญ่ที่สุดในโลกของในหลวง ร.9 แหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต 4,800 แห่งทั่วประเทศ

อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า อากาศ โลกร้อน และพลังงานทดแทน นับเป็นปัญหาใหญ่ของโลกในปัจจุบัน ซึ่งหลายๆ ประเทศ และหลายหน่วยงาน ต่างรณรงค์ เพื่อปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนตระหนัก และร่วมกันแก้ปัญหา

ทั้งนี้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งส่งผลสะท้อนกลับมายังความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน อาทิ ปัญหาโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นการตระหนักรู้และจัดการดูแลเพื่อรักษาธรรมชาติไม่ให้ถูกทำลาย และสร้างสมดุลเพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเป็นหน้าที่ของทุกคน ที่จะต้องมีส่วนร่วมในการหันมาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้คงอยู่สืบต่อไป การเปลี่ยนแนวคิดและสร้างวิถีชีวิตแห่งความยั่งยืนจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กัน

ที่ผ่านมา บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และมูลนิธิธรรมดี จัดทำโครงการ ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา โดยได้คัดเลือกครูอาจารย์จากทั่วประเทศมาร่วมกิจกรรม ซึ่งจัดไปแล้ว 15 ครั้ง 

สำหรับ ครั้งที่ 15 จัดขึ้น ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี โดยในครั้งนี้เป็นการรณรงค์สร้างจิตสำนึกการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ปรับวิถีชีวิตสู่สมดุลด้วยนวัตกรรมศาสตร์พระราชา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาป่าไม้อเนกประสงค์ มุ่งหมายศึกษารูปแบบการพัฒนาเกษตรกรรมควบคู่ไปกับการปลูกป่า เพื่อฟื้นฟูสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรและปลูกป่า จัดสรรที่ทำกินให้กับราษฎร ที่ได้เข้ามาบุกรุกทำกินอยู่แต่เดิมให้ได้เข้าอยู่อาศัย และให้ความรู้กับราษฎร ให้ทำการเกษตรอย่างถูกวิธี รวมทั้งให้มีส่วนร่วมในการปลูกป่า ดูแลรักษาป่า ตลอดจนให้ได้รับประโยชน์จากผลผลิตของป่า เพื่อที่ราษฎรจะได้ไม่บุกรุกทำลายป่าอีกต่อไป เป็นการดูแลทรัพยากรที่สำคัญ ทั้งคนและสิ่งแวดล้อม

ศูนย์นี้เคยประสบกับปัญหาพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลาย ดินขาดการบำรุงรักษา ทำให้ธรรมชาติขาดความสมดุล เกิดความแห้งแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล มีปริมาณฝนลดลง และเมื่อเวลามีฝนตกฝนจะตกหนัก เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการชะล้างพังทลาย หน้าดินถูกกัดเซาะเป็นร่องลึก เนื่องจากไม่มีพืชคลุมดินเป็นสิ่งกีดขวางการไหลบ่าของน้ำ  

“หญ้าแฝก” จึงเป็นพืชที่เหมาะสมในการนำมาปลูกเพื่อพัฒนาพื้นดินบริเวณนี้ เพื่อการใช้ประโยชน์ในด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ ชะลอและเก็บกักน้ำให้ดินชุ่มชื่น ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อมในด้านการช่วยบำบัดน้ำเสียได้อีกด้วย ซึ่งคณะครูอาจารย์ก็ได้ร่วมลงมือทำกิจกรรมปลูกหญ้าแฝก เพื่อเป็นการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์การอนุรักษ์ธรรมชาติด้วยการลงมือปฏิบัติจริง

พ.ต.อ.พันศักดิ์ สมันตรัฐ ผอ.ศูนย์ฯ กล่าวว่า “นอกเหนือจากการดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว การดูแลประชาชนในพื้นที่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน ดังนั้น ความรู้ด้านการตลาดก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวบ้าน” ซึ่งได้ยกตัวอย่างการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านเพาะปลูก อาทิ การแปรรูปน้ำอ้อย จากเดิมที่การขายเป็นลำอ้อย ให้ปรับมาขายเป็นแก้ว ที่ได้ราคามากกว่า หรือการเพาะปลูกอย่างไร เพื่อให้ได้ผลผลิตเก็บเกี่ยวออกมาขายได้ทุกวัน อย่างเช่นการปลูกผักบุ้งที่มีการวางแผนการปลูกอย่างเป็นระบบ เป็นต้น

“หลักการที่สำคัญในการบริหารจัดการและการดูแลชาวบ้านเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและอยู่อย่างมีความสุข คือการร้อยเรียงเรื่อง การบูรณาการด้านวิชาการ โดยมีภูมิปัญญาท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่” ให้สอดคล้องไปด้วยกัน ผอ.ศูนย์สรุป

การทำกิจกรรมที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด และประธานมูลนิธิธรรมดี ให้ความเห็นอย่างน่าสนใจว่า “ที่ศูนย์นี้ ถือเป็นห้องเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่กว่า 20,000 ไร่ ที่เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติ ป่าชายหาด และป่าชายเลน เป็นสมบัติของโลกใบนี้ที่เราควรต้องช่วยกันดูแลรักษาฟื้นฟูอนุรักษ์ธรรมชาติ ทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ ช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี การพยายามออกจากห้องเรียนสี่เหลี่ยมจะช่วยให้เราได้เข้าถึงธรรมชาติและสามารถเรียนรู้จากธรรมชาติได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการเกษตรเท่านั้น แต่ยังบูรณาการไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ การตลาด เชื่อมโยงไปถึงอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องที่ได้อีกด้วย”

สมุทรปราการ-รีบเลยย!! ไม่ต้องลงทะเบียน “อบจ.สมุทรปราการ” เปิดฉีดวัคซีนแบบ Walk in โมเดอร์นา เข็ม 1,2,3,4 ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย

นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า ขณะนี้ทาง อบจ.สมุทรปราการ ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน แบบ Walk in โดยไม่ต้องลงทะเบียน

ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 65 โดยจะเปิดรับคิวตั้งแต่เวลา 7.30 น. จำนวน 1,200 คน/วัน ในส่วนประชาชนที่สนใจสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ที่ บริเวณจุดฉีดวัคซีนริมเขื่อน ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top