Thursday, 27 March 2025
NEWS FEED

จีนเซ็นเซอร์!! โซเชียลบ่นแนวทางคุมโรค หลัง WHO โหมโควิดเป็นศูนย์ ‘ไม่ยั่งยืน’

จีนใช้มาตรการเซ็นเซอร์เพื่อปิดกั้นการถกเถียงในหมู่ชาวเน็ตแดนมังกร หลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาวิจารณ์นโยบายคุม ‘โควิดเป็นศูนย์’ ของปักกิ่งว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ ‘ไม่ยั่งยืน’

จีนถือเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายเดียวของโลกที่ยังคงยึดนโยบายลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เหลือศูนย์ และใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเพื่อยับยั้งการระบาด

ยุทธศาสตร์ที่ว่านี้ส่งผลให้ประชากรส่วนใหญ่จากทั้งหมด 25 ล้านคนในนครเซี่ยงไฮ้ถูกบังคับกักตัวอยู่แต่ในที่พักอาศัยแบบไม่มีกำหนด ระหว่างที่รัฐบาลกำลังต่อสู้เพื่อยุติการระบาดครั้งใหญ่

ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ออกมาเรียกร้องเมื่อ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ให้จีนปรับแนวทางการควบคุมโรคเสียใหม่ เนื่องจากการคุมโควิดให้เป็นศูนย์อยู่ตลอดเวลานั้น “ไม่ยั่งยืน” ท่ามกลางการอุบัติขึ้นของเชื้อสายพันธุ์ย่อยใหม่ๆ ที่แพร่กระจายได้เร็ว

การ “แทรกแซง” ของ WHO ในครั้งนี้ ทำให้จีนต้องระดมหน่วยเซ็นเซอร์ เพื่อเร่งปิดกั้นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมาในสื่อออนไลน์

โดยแฮชแท็ก #Tedros และ #who ถูกปิดกั้นการค้นหาในไมโครบล็อกเวยปั๋ว ขณะที่ผู้ใช้แอปพลิเคชัน WeChat ก็ไม่สามารถแชร์บทความที่เผยแพร่ลงในบัญชีทางการขององค์การสหประชาชาติได้

อย่างไรก็ดี ก่อนที่แฮชแท็กและคำค้นหาเหล่านี้จะถูกปิดกั้นไปเมื่อช่วงเช้า ชาวเน็ตจีนจำนวนมากได้คอมเมนต์และตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายปลอดโควิดของรัฐบาลปักกิ่ง โดยมีคนหนึ่งบอกว่า “แม้แต่ ผอ.อนามัยโลกก็ยังเปลี่ยนจุดยืนแล้วเลย” ขณะที่อีกคนตั้งคำถามว่า “รัฐบาลของเราจะฟังคำแนะนำของผู้อำนวยการ WHO ไหม?”

ชาวจีนจำนวนไม่น้อยเริ่มเหลืออดกับมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดเกินไป และไม่พอใจที่ภาครัฐดูเหมือนจะสั่งล็อกดาวน์แบบไม่มีที่สิ้นสุด โดยที่เซี่ยงไฮ้ก็มีเหตุปะทะระหว่างตำรวจกับประชาชนเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ 

ทว่า ด้านพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ให้เหตุผลว่า หัวใจของยุทธศาสตร์คุมโควิดเป็นศูนย์ คือ การถือ “ชีวิตคน” สำคัญกว่าความสะดวกสบายด้านวัตถุ และมันก็ช่วยให้จีนรอดพ้นจากวิกฤตด้านสาธารณสุขอย่างที่หลายๆ ประเทศเคยเจอกันมาแล้ว

หลวงพี่มึน! หลังเจอคตนนำถุงยางอนามัยใส่บาตร เผย รู้ความจริงตอนที่สามเณรเอามาเป่าเล่น

จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ชีวิตกับการเดินทางไกล” ที่พระชิงชัย อิทธิเตโช พระลูกวัดศรีเกิด อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นผู้โพสต์เรื่อง ที่สามเณรบิณฑบาตรได้ถุงยางอนามัยมานั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ในช่วงเช้าได้มีสามเณร 2 รูป อายุ 14-15 ปี โดยบวชเรียนอยู่ที่วัด ได้ออกไปรับบิณฑบาตที่ตลาดสดเทศบาล หรือกาดหลวงเชียงราย โดยเมื่อบิณฑบาตไปถึงหน้าโรงรับจำนำ ได้มีชายร่างท้วม ท่าทางตุ้งติ้ง ได้ใส่บาตรกับข้าวและน่าจะมีถุงยางอนามัยปะปนมาด้วย

เมื่อมาถึงวัดก็ได้จัดการของในบาตร และพบว่ามีถุงยางอนามัยหลายชิ้นติดมาด้วย ด้วยความคึกคะนอง สามเณรก็เลยเอามาเป่าเล่นตามวัย จนพระชิงชัยมาพบ จึงได้สอบถาม จนทราบว่า ได้ถุงยางอนามัยมากับการรับบิณฑบาต ตอนแรกสามเณรก็นึกว่าซอสพริก แต่ดูเข้าจริงกลับเป็นถุงยางอนามัย จึงได้ขอเก็บทั้งหมด และถ่ายรูปเอาไว้ เพราะไม่สมควรที่สิ่งเหล่านี้จะอยู่ในวัด จากนั้นก็ได้โพสต์และข้อความในเฟซบุ๊กดังกล่าว

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวได้สอนสามเณรด้วยว่า สิ่งของที่เขาให้มาในบาตรนั้นไม่ผิดแต่เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงขอฝากญาติโยมที่จะทำบุญควรคิดก่อนให้ดี ว่าจะถวายอะไรอย่าดูว่าพระเหมือนกับในข่าว

ส่วนข้อความที่โพสต์ ดังนี้ 

'ยูเครน' ไฟเขียว!! ยึดทรัพย์สิน ‘รัสเซีย’ หวังใช้เป็นทุนหลักฟื้นฟูประเทศ

(11 พ.ค. 65) รายงานจากสำนักข่าวซินหัวเผย เดนิส ชมีฮัล นายกรัฐมนตรียูเครน กล่าวว่า รัฐบาลยูเครนได้อนุมัติการยึดทรัพย์สินของรัสเซียในยูเครนแล้ว

“วันนี้คณะรัฐมนตรีอนุมัติเอกสารที่กำหนดการถ่ายโอนทรัพย์สินของรัสเซียในยูเครนมาเป็นของรัฐ หรือไปยัง ‘กองทุนเพื่อการลงทุนแห่งชาติ’ ของภาครัฐวิสาหกิจ” ชมีฮัล เผยผ่านเทเลแกรม

ชมีฮัล กล่าวว่า ทรัพย์สินของรัสเซียจะอยู่ภายใต้การจัดการโดยกองทุนเพื่อการลงทุนแห่งชาติยูเครน และจะถูกใช้เสริมความแข็งแกร่งให้กองทัพยูเครน สนับสนุนประชาชน และสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่

ตร. เตือน ใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ ต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

วันที่ 11 พ.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลในลักษณะที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น ทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบของ ข้อความ รูปภาพ และคลิปวีดิโอ เช่น การล้อเลียนในสภาพร่างกายหรือความพิการของบุคคลอื่น ฐานะทางการเงิน ฐานะทางสังคม ตลอดจนแนวคิดทางการเมืองของบุคคลอื่น อาจทำให้สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นต้นตอของความเกลียดชัง และความขัดแย้งในสังคมนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน เพื่อการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ตามหลักการของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ดังนี้

1.) ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพโดยปราศจากการแบ่งแยก เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง พื้นเพทางชาติหรือสังคม ทรัพย์สิน การเกิด หรือความพิการทางร่างกาย
2.) จะต้องไม่แทรกแซงความเป็นส่วนตัว ครอบครัว ที่อยู่อาศัย หรือการสื่อสาร หรือจะถูกลบหลู่เกียรติยศและชื่อเสียงไม่ได้
3.) ในการใช้สิทธิและอิสรภาพ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเพียงเท่าที่มีกำหนดไว้ตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อเป็นการเคารพสิทธิและอิสรภาพของผู้อื่น

รร.มัธยมวัดธาตุทองให้นร.ไว้ผมยาวได้ตามเหมาะสม พร้อมตอบกลับจี๊ด หลังเจอชาวเน็ตถามเหมาะสมใคร?

ชื่นชม! รร.มัธยมวัดธาตุทองให้นักเรียนไว้ผมยาวได้ตามใจ ตามความเหมาะสม เจอถาม “ความเหมาะสมของใคร” ทางรร.ตอบกลับจี๊ด ได้ใจไปเต็ม ๆ

สำหรับประเด็นทรงผมนักเรียนถือเป็นที่ถกเถียงของสังคมมาอย่างยาวนาน บางโรงเรียนอนุญาตให้ไว้ผมยาวได้ ในขณะที่บางโรงเรียนยังคงบังคับเรื่องทรงผม หากไว้ผมยาวเกินกำหนด คุณครูอาจลงโทษด้วยการตัดผมโดยที่นักเรียนไม่ยินยอม ดังที่เป็นดราม่าอยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เร็ว ๆ นี้ โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทองได้เป็นที่ชื่นชมของสังคม หลังออกกฎทรงผมนักเรียนที่แสดงถึงความเข้าใจนักเรียนเป็นอย่างดี

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เพจโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ได้เผยกฎระเบียบเรื่องทรงผมของนักเรียน โดยระบุว่า นักเรียนหญิงสามารถไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ ถ้ายาวควรยาวตามความเหมาะสม รวบให้เรียบร้อยและติดโบว์โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง

ลาวเจอวิกฤตพลังงาน ‘น้ำมันหมดประเทศ’ รถต่อคิวยาวเหยียด ชาวบ้านแห่เติมล้นปั๊ม 

ลาววิกฤตหนัก น้ำมันขาดแคลน ค่าเงินกีบอ่อน ไม่มีเงินดอลลาร์ ส่งผลน้ำมันขาดแคลน คนต่อคิวยาวเหยียด ขอซื้อใส่ขวด ขณะที่หลายปั๊มตัดสินใจปิดกิจการ 

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2565 นสพ.เวียงจันทน์ไทม์ รายงานสถานการณ์วิกฤตน้ำมันขาดแคลนใน สปป.ลาว และการปิดปั๊มกิจการ โดยผู้ประกอบการค้าน้ำมันใน สปป.ลาวบอกว่าสาเหตุที่น้ำมันในระเทศขาดแคลน เพราะการนำเข้าน้ำมันลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น เงินตราต่างประเทศแข็งค่า (เงินกีบอ่อนค่า) ทำให้ขาดเงินดอลลาร์ เพื่อไปซื้อน้ำมันจากประเทศอื่น ราคาน้ำมันนำเข้าได้รับผลกระทบอย่างสูงจากอัตราแลกเปลี่ยนกีบ/ดอลลาร์ ที่ไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม สปป.ลาว นำเข้าน้ำมันจากไทยเป็นหลัก 

ขณะเดียวกัน บริษัทนำเข้าน้ำมัน 13 บริษัท เหลือเพียง 4 บริษัทที่นำเข้าน้ำมันเท่านั้น จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

ด้วยสาเหตุทั้งหมด ทำให้ สปป.ลาว ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน ตามสถานีบริการน้ำมันส่วนใหญ่ในต่างแขวงไม่มีน้ำมันจำหน่าย เวลามีรถบรรทุกน้ำมันนำเข้ามาจะเกิดภาพประชาชนจำนวนมากต่อคิวยาวเหยียดหน้าปั๊ม รอซื้อน้ำมัน ซึ่งมีทั้งรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ส่วนตัว

บางคนเตรียม "ขวดลิตร ขวดน้ำดื่มมาซื้อเพื่อกักตุน" ซึ่งราคาต่อขวดอยู่ที่ 60,000 กีบ (อัตราแลกเปลี่ยน 420 กีบ เท่ากับ 1 บาท) หรือราว 143 บาทต่อขวด ขณะที่บางปั๊มถึงกับต้องแจกบัตรคิว 

กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 “จับขบวนการขนแรงงานหลบหนีเข้าเมือง หวิดแหกด่านจนท.ตามรวบได้ทัน”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อุกฤต กัลยาณมิตร ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 แถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจดังนี้

กล่าวคือก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ ตม.จว.กาญจนบุรี ได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่า มีการลักลอบขนแรงงานผ่านถนนสายทล.323 ในห้วงเวลากลางวันที่เจ้าหน้าที่อาจชะล่าใจ จึงได้มีการประสานงานเพื่อแจ้งข่าวกับชุมชนให้ช่วยแจ้งเบาะแสะ ซึ่งต่อมาวันที่ 8 พ.ค. 65 เวลาช่วงกลางวัน ได้รับแจ้งเบาะแสว่าจะมีรถยนต์กระบะบรรทุกขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายลักษณะเป็นรถกระบะบรรทุกสีดำ และสีบรอนซ์ทอง ผ่านในเส้นทางถนนสายทล.323 ช่วงอำเภอทองผาภูมิจึงได้บูรณาการกำลังหลายภาคส่วนตั้งจุดสกัดบริเวณสามแยกทองผาภูมิ เมื่อถึงเวลาประมาณ 13.00 น. ปรากฏรถกระบะบรรทุกสีดำมีลักษณะคล้ายรถต้องสงสัย จึงได้เรียกตรวจสอบและพบว่าเป็นรถกระบะบรรทุก ทะเบียนจว.กาญจนบุรี มีนายสถาพร อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับมีผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนจำนวน 18 คน ไม่มีเอกสารประจำตัวใดให้ตรวจสอบ ในระหว่างเรียกตรวจก็มีรถกระบะบรรทุกอีกคันซึ่งเป็นรถกระบะ สีบรอนซ์ทอง ขับตามมาในระยะเวลาใกล้กัน แต่เมื่อรถคันดังกล่าวเห็นว่ามีตั้งจุดสกัดก็มีการขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถยนต์ติดตามจับกุมไว้ได้และพบว่าเป็นรถกระบรรทุก สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนจว.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายอุดร เป็นผู้ขับมีผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน 21 คน ตรวจสอบแล้วไม่พบเอกสารประจำตัวใดให้ตรวจสอบ คนต่างด้าวทั้งหมดรับว่าลักลอบเข้ามาในประเทศ จึงจับกุมตัวทั้งหมดและยึดของกลางนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย การแจ้งข้อกล่าวหา นาย สถาพรฯ และ นายอุดรฯ (คนขับ) แจ้งว่า   

คุณแม่สุดเซ็ง car seat ฉวยโอกาสขึ้นราคา หลังกม.ประกาศใช้ วอนรัฐออกมาตรการช่วยเหลือ

จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศบังใช้กฎหมายให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ สูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องนั่งคาร์ซีทนั้น ล่าสุด เพจดัง “เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข by mommy Arpan” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุเกี่ยวกับเรื่องราคาคาร์ซีท ขึ้นราคาว่า

“เกินไปมากอ่ะ เราจะเปลี่ยน car seat ให้พสุเพราะโตแล้ว จะเปลี่ยนมาใช้เหมือนของพระพาย ซึ่งตอนนั้นเราซื้อของพระพายแค่ 5,400 เองของเด็กโตจะซื้อรุ่นเดียว สีเดียวกันเป๊ะๆเลย สองวันก่อน 6,3xxx วันนี้ 8,9xx  เพื่อ... เห็นด้วยกับกฎหมายนะ เราเองก็ใช้ตลอด แรกเกิด -8 ปีแล้วไม่เคยไม่ใช้

แต่รบ.ต้องออกมาตรการช่วยเหลือผู้ปกครองด้วย ของแพงขึ้นแบบนี้มันไม่แฟร์อ่ะ ควรลดภาษีนำเข้า ลดราคาของบ้างก็ดีนะ แคมเปญลด แลก เอาอันเก่ามาแลก ซื้อรถแถมคาร์ซีส หรือลงทะเบียนแจกให้คนที่ลงทะเบียนผ่านรัฐ เพื่อช่วยกันช่วงแรกๆ มันควรมีอ่ะ

กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 “จับกุมหนุ่มจีน ใช้ E-VISA ปลอม”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด                     

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.จีรวัฒน์ แนวจำปา รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ชัยธนันท์ จิรปิยเศรษฐ์ ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 แถลงข่าวผลการจับกุม ดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้รับแจ้งจากฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนต้องสงสัย ใช้เอกสารรับรองการขอ E-VISA (ระบบตรวจลงตราทางอิเล็กทรอนิกส์) ปลอม เมื่อตำรวจชุดจับกุมไปถึงบริเวณฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าฯ พบบุคคลสัญชาติจีนซึ่งเดินทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊า - ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี สิงคโปร์ - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   

โดยสายการบินสกู๊ส เที่ยวบิน TR752 จึงขอทำการตรวจสอบ ผู้ต้องสงสัยได้นำเอกสารรับรองการขอ E-VISA ประเภทนักเรียน-นักศึกษา (NON-ED) ออกโดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อขอรับการตรวจลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าฯ ได้นำหนังสือเดินทางของผู้ต้องสงสัยไปตรวจสอบด้วยระบบไบโอเมทริกซ์ (BIOMETRICS) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปรากฏว่าไม่พบข้อมูล E-VISA ตามเอกสารรับรองที่ผู้ต้องสงสัยนำมายื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ 

กองกำกับการสืบสวน ตม.1 จับกุมเครือข่ายโรแมนซ์ สแกม สมาชิกแก๊ง “Kong River” (โขงริเวอร์) ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ แถลงข่าวการจับกุมคนร้ายมีรายละเอียด ดังนี้

สืบเนื่องจากการบูรณาการด้านการข่าวของ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 กับหน่วยงานด้านการข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บช.ปส., ปปส., ศุลกากร และ ศรภ. มีการสืบทราบว่าจะมีสมาชิกแก๊งโขงริเวอร์ (กลุ่มคนผิวสีส่วนใหญ่เป็นคนสัญชาติไนจีเรีย ซึ่งจะรวมกลุ่มกันและเคลื่อนไหวกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และหลอกลวงให้เหยื่อหรือผู้เสียหายหลงเชื่อว่า เป็นนักธุรกิจ หรือชาวต่างชาติที่มีหน้าตา และฐานะดี แล้วหลอกลวงให้โอนเงินให้ก่อนที่จะตัดขาดการติดต่อ (โรแมนซ์ สแกม) โดยมักจะเดินทางเข้า-ออก และก่อเหตุกับหญิงในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ไทย ลาว และ เมียนมา) สำหรับในประเทศไทยแก๊งโขงริเวอร์ มีพฤติการณ์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มาเคลื่อนไหวเพื่อกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี / อินเทอร์เน็ต (โรแมนซ์ สแกม) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

จากการบูรณาการด้านการข่าวกับ ป.ป.ส. และ บช.ปส. ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 สืบทราบว่ามีสมาชิกแก๊งโขงริเวอร์ มาแฝงตัวพักอาศัยอยู่บริเวณที่พักย่านนวมินทร์ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ จึงได้วางแผนจัดกำลังเข้าทำการตรวจสอบ จนกระทั่งสามารถดำเนินการจับกุมบุคคลต่างด้าวเป็นชายชาวต่างชาติผิวสีได้ 2 ราย คือ 1. นายโจเอล อายุ 22 ปี สัญชาติแคมารูน และ 2. นายซิลลา อายุ 27 ปี สัญชาติ เซเนกัล จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบเอกสารการเดินทางหรือหลักฐานการเข้าเมืองโดยถูกกฎหมาย จาากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทำการตรวจสอบห้องพักของผู้ถูกจับเพื่อค้นหาสิ่งผิดกฎหมายตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง ผลปรากฏว่าไม่พบ ยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมาย แต่อย่างใด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top