Monday, 10 February 2025
NEWS FEED

คนญี่ปุ่นหนุน!! คะแนนนิยม ‘คิชิดะ’ ขยับขึ้น 6 จุด หลังดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย

โตเกียว (รอยเตอร์ส/เกียวโด) - ผลการสำรวจความเห็นชาวญี่ปุ่นพบว่า ความนิยมของนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น 6 จุด หลังคว่ำบาตรรัสเซีย ที่ยกกองทัพบุกยูเครน

ความนิยมของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 6 จุด อยู่ที่ร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ โดยโพลล์หยั่งเสียงชาวญี่ปุ่นพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 2 ใน 3 เห็นด้วยที่รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียยกกองทัพบุกยูเครน ซึ่งญี่ปุ่นดำเนินการต่อรัสเซียหลายอย่าง รวมถึงอายัดทรัพย์สินของบุคคลและบริษัทรัสเซีย ตลอดจนถอดรัสเซียออกจากประเทศที่ได้สิทธิพิเศษทางการค้า หรือ MFN

ผู้ตอบแบบสอบถามราวร้อยละ 44 ที่ดำเนินการสำรวจความเห็นโดยหนังสือพิมพ์นิคเคอิเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ระบุว่า พวกเขาเห็นด้วยที่รัฐบาลญี่ปุ่นคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามราวร้อยละ 41 ระบุว่าควรจะลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียอย่างรุนแรง ส่วนชาวญี่ปุ่นร้อยละ 90 เห็นด้วยที่รัฐบาลตัดสินใจรับผู้อพยพจากยูเครน

กระบี่ - RSPO ผลิตวิทยากรชำนาญการ มุ่งยกระดับเกษตรกรสวนปาล์มสู่การผลิตน้ำมันปาล์มยั่งยืน

28 มีนาคม 2565 ณ ห้องประชุมโรงแรมพีซ ลากูนา รีสอร์ท แอนด์ สปา กระบี่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่  - สถาบันฝึกอบรมเกษตรกรรายย่อย RSPO หรือ องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน ผู้นำด้านมาตรฐานการผลิตปาล์มยั่งยืนของโลก จัดฝึกอบรมหลักสูตรวิทยากรชำนาญการ (Master Training) เพื่อยกระดับองค์ความรู้ด้านการผลิตปาล์มน้ำมันยั่งยืนแก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มของไทย ให้แก่ ผู้จัดการ พี่เลี้ยงเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปาล์มยั่งยืน จากจังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พังงา อาจารย์จากมหาวิทยาเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จำนวน 20 ท่าน
 

เพราะความต้องการใช้น้ำมันปาล์มที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชนและแรงงาน  จึงเกิดกระแสเรียกร้องให้ภาคธุรกิจปรับระบบการผลิตและการใช้น้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน สำหรับประเทศไทย ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มส่วนใหญ่ คือ เกษตกรรรายย่อย ซึ่งเป็นผู้ผลิตต้นน้ำของห่วงโซ่การผลิตยังมีข้อจำกัดด้านโอกาสรวมทั้งการส่งเสริมจากภาครัฐและเอกชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อปรับเปลี่ยนและยกระดับการผลิตน้ำมันปาล์มจากวิถีดั้งเดิมไปสู่มาตรฐาน RSPO

เกษตรกรรายย่อยชาวสวนปาล์ม ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพลิกอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทยสู่ความยั่งยืน จากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรปีพ.ศ.2562 ระบุว่ามีเนื้อที่ยืนต้นปาล์มน้ำมันรวมของประเทศไทย 6,102,852 ไร่ หากคิดสัดส่วนของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO ประเทศไทย คาดว่าภายในปีนี้จะมีประมาณ 244,212.71 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4 ของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันรวมของประเทศไทย ดังนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตปาล์มน้ำมันสู่มาตรฐานสากล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยทักษะองค์ความรู้ด้านการจัดการสวนอย่างยั่งยืน และการรับรองมาตรฐานสากลที่จะช่วยให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้

ขวัญใจวัยรุ่น!! "ปิยบุตร" สุดป๊อบ! คณะก้าวหน้าบูธเเตก  ปชช. - นศ แห่ซื้อหนังสือ พร้อมขอลายเซ็นพรึ่บ

ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 บรรยากาศที่บูธ A14 ‘ คณะก้าวหน้า ’ มีนักศึกษาเเละประชาชนที่สนใจเเละผู้สนับสนุนติดตามในผลงานของคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 17.15 น. "ปิยบุตร แสงกนกกุล" แกนนำคณะก้าวหน้า เดินทางมาถึงบูธคณะก้าวหน้า เพื่อแจกลายเซ็นให้สำหรับนักศึกษา ประชาชน ที่เดินทางเข้ามาซื้อหนังสือ “จนกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”

“ถามว่า เราจะสู้กันไปเมื่อถึงจะชนะ คำถามนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า ประชาธิปไตยมันอาจจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดก็ได้ เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยนไป มันก็เปลี่ยนไปตาม ปัญหาระดับใหญ่คือ โครงสร้างทางการเมือง มันไปกระจุกตัวอยู่ไม่กี่คน ตั้งเเต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มา สิ่งสำคัญคือ เราต้องการเปลี่ยนขั้วการเมืองเดิม ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายอำนาจรัฐ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เเละนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันไปต่อสู้กับกลุ่มทุนอำนาจใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ"  ปิยบุตร กล่าว

“น้องๆ ที่มาซื้อหนังสือ หลายคนมาซื้อหนังสือตั้งแต่ตอนยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง จนวันนี้เขามีสิทธิที่จะเลือกตั้งเเล้ว นี่สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน นิวโหวตเตอร์มันเปลี่ยนไป เขาต้องการเห็นการเปลี่ยนเเปลงของสังคม ที่พวกเราจะส่งมอบอนาคตให้พวกเขาในวันข้างหน้า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมคิดว่าเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญ ที่คนกรุงเทพมหานคร ต้องตื่นตัวทางการเมือง หลังจากที่เราไม่ได้เลือกตั้งภายหลังการรัฐประหารของระบอบเผด็จการ “ ปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติม

กลาโหมรัสเซีย โว บุกยูเครน 1 เดือนเป็นไปตามแผน ทำลายกองทัพเคียฟยับ เดินหน้าปลดแอก ‘ดอนบาสส์’

กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า การปฏิบัติการทางทหารในยูเครนของตนกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ โดยสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญๆ ทั้งหมดของขั้นตอนแรกแห่งการปฏิบัติการได้อย่างสมบูรณ์ในภาพรวมแล้ว ทั้งนี้ ตามการแถลงข่าวครั้งใหญ่ของกระทรวงเมื่อวันศุกร์ (25 มี.ค.) ที่ผ่านมา

ตามการแถลงของกระทรวง กองทัพยูเครนประสบความสูญเสียอย่างร้ายแรง กล่าวคือ กำลังทางอากาศและกำลังป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนถูกทำลายแทบหมดสิ้น ขณะที่กองทัพเรือยูเครนไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว เวลาเดียวกัน ดินแดนดอนบาสส์เกือบทั้งหมดได้รับการปลดแอกแล้ว

ผลการประเมินการปฏิบัติการ

“ในภาพรวม เป้าหมายสำคัญๆ ในขั้นตอนแรกของการปฏิบัติการครั้งนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว” รองเสนาธิการใหญ่ (General Staff deputy head) ของรัสเซีย พล.ท.เซียร์เก รุดสกอย (Colonel General Sergey Rudskoy) กล่าวระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้

เขาอธิบายต่อไปว่า จากการที่ศักยภาพทางการทหารของยูเครนถูกลดทอนลงไปอย่างสำคัญแล้วเช่นนี้ จะทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะรวมศูนย์ความพยายามหลักไปที่เป้าหมายสำคัญที่สุด อันได้แก่ การปลดแอกดินแดนดอนบาสส์ ขณะที่ตัวการปฏิบัติการเองจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อบรรลุ “เป้าหมายต่างๆ ที่วางเอาไว้โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด อย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ทั้งหมด”

พล.ท.รุดสกอย บอกว่า เวลานี้กองทหารรัสเซียได้เข้าล้อมเมืองใหญ่สำคัญๆ ของยูเครนเอาไว้จำนวนหนึ่ง ได้แก่ เคียฟ คาร์คอฟ เชอร์นิกอฟ ซูมี และนิโกลาเยฟ ส่วนเขตเคอร์ซอน และเกือบทั้งหมดของเขตซาโปโรชเย ต่างตกอยู่ใต้การควบคุมของฝ่ายรัสเซียอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“สาธารณชน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญบางคน ตั้งคำถามขึ้นมาว่าเราทำอะไรรอบๆ พวกเมืองใหญ่ของยูเครนที่ถูกล้อมหล่านี้ […] ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วเราก็ไม่ได้มีแผนการบุกโจมตีเข้าไปในเมืองเหล่านี้ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการทำลาย และลดความสูญเสียในหมู่บุคลากรและในหมู่พลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด” รุดสกอย กล่าว แต่ชี้ด้วยว่า ทางเลือกดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะถูกบอกปัดไม่นำมาใช้กันเลย

ตามปากคำของนายทหารอาวุโสผู้นี้ อาวุธต่างๆ ของรัสเซีย “แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำ และความไว้วางใจได้ในระดับสูง รวมทั้งมีความสามารถในการนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว”

เขาระบุว่า ระหว่างช่วงเดือนแรกของการปฏิบัติการ ทหารรัสเซียเสียชีวิตไป 1,351 คน ขณะที่บาดเจ็บ 3,825 คน

ความสูญเสียของฝ่ายยูเครน

สำหรับกองทหารยูเครน สูญเสียกำลังคนอย่างชนิดที่ไม่สามารถแก้ไขกอบกู้ได้เป็นจำนวนมากกว่า 14,000 คน ขณะที่จำนวนของการสูญเสียทั้งหมดทั้งที่เป็นพลทหารและนายทหารอยู่ที่ราวๆ 30,000 คน หรือเท่ากับประมาณ 11.5% ของบุคลากรในกองทัพยูเครน

รุดสกอยแจกแจงว่า กำลังทางอากาศและระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนนั้น “ถูกทำลายไปแทบหมดสิ้น” เวลาเดียวกันกองทัพเรือยูเครน “ไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว”

สำหรับขบวนกองทหารภาคพื้นดินของยูเครนทั้ง 24 ขบวนล้วนประสบ “ความสูญเสียอย่างสำคัญ” และเนื่องจากว่ายูเครนนั้นไม่มีกำลังพลสำรองที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงบังคับให้ยูเครนต้องชดเชยกำลังที่สูญเสียไปด้วยการระดมพลกะเกณฑ์ทหารใหม่ๆ ตลอดจนการใช้หน่วยรักษาดินแดนที่ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมอย่างถูกต้องเหมาะสม

ไม่เพียงเท่านั้น ยูเครนยังสูญเสียยานยนต์สู้รบของตนไปในจำนวนที่สำคัญ กล่าวคือ 65.7% ของรถถังและยานหุ้นเกราะทั้งหมด 42.8% ของปืนใหญ่สนามและปืนครกทั้งหมด 30.5% ของระบบยิงจรวดแบบหลายลำกล้องทั้งหมด และ 82% ของระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ เอส-300 และ บุค-เอ็ม 1 ของตน รวมทั้ง 85% ของระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี โตชกา-ยู ทั้งหมดก็ถูกกำจัดไปแล้ว

ยิ่งกว่านั้น สามในสี่ของเครื่องบินทหารของยูเครน และครึ่งหนึ่งของเฮลิคอปเตอร์ของยูเครนได้ถูกทำลายไปเรียบร้อย ส่วนในจำนวนโดรน บายรัคตาร์ ทีบี-2 จำนวน 36 เครื่อง ก็เหลืออยู่เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นที่ยังใช้งานได้

กองทหารรัสเซียยังได้ดำเนินการโจมตีสนามบินทหารแห่งหลักๆ ของยูเครน 16 แห่ง ทำลายคลังยุทธสัมภาระและคลังแสงรวม 39 แห่ง คลังเหล่านี้เป็นที่เก็บรวบรวมมากกว่า 70% ของยานยนต์ทหาร อุปกรณ์ต่างๆ และเชื้อเพลิง ตลอดจนเครื่องกระสุนน้ำหนักมากกว่า 1 ล้านตัน อาวุธที่มีความแม่นยำสูงของรัสเซียยังโจมตีถูกโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางทหารแห่งสำคัญๆ 30 แห่ง

สถานการณ์ในดอนบาสส์

สำหรับสถานการณ์ในดอนบาสส์ รุดสกอยอธิบายว่า ระหว่างช่วงเดือนแรกของการปฏิบัติการ พื้นที่ส่วนสำคัญของสาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูกานสก์ ได้รับการปลดแอก คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 54% และ 93% ตามลำดับ ส่วนกองทหารบ้านของประชาชนของสาธารณรัฐทั้ง 2 ก็สามารถเข้าควบคุมเหนือชุมชนต่างๆ มากกว่า 276 แห่ง

กองทหารยูเครนในดอนบาสส์สูญเสียกำลังพลไปประมาณหนึ่งในสี่ หรือเท่ากับราวๆ 16,000 คน โดยที่ 7,000 คนในจำนวนนี้ไม่สามารถแก้ไขกอบกู้กลับมาได้อีกแล้ว

เวลานี้ กองกำลังของสาธารณรัฐประชาชนลูกานสก์ สู้รบอยู่ใกล้ๆ เซเวโรโดเน็ตสก์ และ ลิซิชฮานสก์ ขณะที่กองกำลังของสาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์ยังคงดำเนินการปลดแอกเมืองมาริอูโปล และเปิดการรุกในทางด้านตะวันตกของโดเน็ตสก์

นายทหารอาวุโสผู้นี้ระบุว่า มีผู้คนมากกว่า 23,000 คนจาก 37 ประเทศแสดงความพรักพร้อมที่จะเข้าสู้รบเพื่อดอนบาสส์ และมอสโกเสนอแนะให้สาธารณรัฐทั้งสองยอมรับความช่วยเหลือนี้ ทว่าสาธารณรัฐทั้งสองปฏิเสธข้อเสนอนี้

“พวกเขามีกำลังพลและอาวุธพอเพียงแล้ว” รุดสกอย อธิบาย

อย่างไรก็ตาม กองทหารรัสเซียได้ส่งมอบข้าวของทางทหารที่ยึดเอาไว้ได้ให้แก่สาธารณรัฐทั้งสอง ที่ควรต้องพูดถึงเป็นพิเศษก็คือ สาธารณรัฐทั้งสองได้รับมอบรถถังและยานหุ้มเกราะไปแล้ว 113 คัน ระบบขีปนาวุธต่อสู้รถถัง “เจฟลิน” 138 ชุด และเครื่องยิงระเบิดต่อสู้รถถัง NLAW 67 ชุด

ความช่วยเหลือจากฝ่ายตะวันตกที่ให้แก่ทางการเคียฟ

ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการปฏิบัติการครั้งนี้ พวกรัฐต่างๆ ของตะวันตกได้ลำเลียงขนส่งชุดปืนใหญ่กว่า 100 หน่วย ระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศแบบคนคนเดียวพกพาไปได้จำนวนเกือบ 900 ชุด  และอาวุธต่อสู้รถถัง 3,800 ชุด

“เราเห็นว่าการที่ฝ่ายตะวันตกลำเลียงขนส่งอาวุธเหล่านี้ไปให้ทางการเคียฟคือความผิดพลาดอย่างมโหฬาร การกระทำเช่นนี้มีแต่ทำให้การสู้รบขัดแย้งคราวนี้ยืดเยื้อออกไป เพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย และจะไม่สามารถส่งผลกระทบกระเทือนผลลัพธ์ของการปฏิบัติการ เป้าหมายแท้จริงของการลำเลียงขนส่งเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อสนับสนุนยูเครนเลย แต่เพื่อดึงลากยูเครนให้เข้าไปในการสู้รบขัดแย้งทางการทหารอย่างยืดเยื้อ “จนกระทั่งถึงพลเมืองชาวยูเครนคนสุดท้าย” รุดสกอย กล่าว

รองเสนาธิการใหญ่ของรัสเซียเตือนด้วยว่า มอสโกจะไม่ยอมปล่อยให้มีการลำเลียงขนส่งเครื่องบินและระบบป้องกันภัยทางอากาศไปถึงทางการเคียฟโดยไม่มีการติดตามใส่ใจ และจะ “ดำเนินการตอบโต้อย่างเหมาะสมในทันที” ถ้าหากมีใครพยายามจัดตั้งพื้นที่ห้ามบินขึ้นเหนือยูเครน

สำหรับจำนวนของพวกนักรบรับจ้างชาวต่างประเทศและนักรบชาวต่างประเทศในยูเครนนั้น รุดสกอย บอกว่าตอนแรกมี 6,600 คน แต่เวลานี้เริ่มลดลงมาแล้ว เรื่องนี้ไม่เพียงต้องขอบคุณการโจมตีด้วยความแม่นยำสูงใส่ฐานต่างๆ ของพวกเขาและค่ายฝึกต่างๆ ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นพราะพวกเขาเองหลบหนีไปยังรัฐเพื่อนบ้านต่างๆ โดยที่ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ไม่มีนักรบรับจ้างชาวต่างชาติแม้แต่คนเดียวเดินทางไปยังยูเครน ขณะที่มีพวกนักรบ 285 คนหลบหนีไป

วางยาพิษ ‘เสี่ยหมี’ - นักสันติภาพยูเครน ระหว่างร่วมการเจรจาสันติภาพ 2 ประเทศ

วอลล์ สตรีท รายงานข่าวด่วนว่า โรมัน อับราโมวิช อดีตเจ้าของสโมสรฟุตบอล เชลซี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจของรัสเซีย ได้ถูกลักลอบวางยาพิษ พร้อมกับนักเจรจาเพื่อสันติภาพชาวยูเครน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในการประชุมที่กรุงเคียฟ มีผู้ถูกวางยาพิษทั้งสิ้น 3 คนด้วยกัน หนึ่งในนั้นรายงานข่าวยืนยันว่าเป็น โรมัน อับราโมวิช

โรมัน พร้อมด้วยผู้ประกอบการชาวรัสเซียอีกคนหนึ่งได้มีส่วนร่วมในการเจรจาร่วมกับตัวแทนของยูเครน  ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 3 มีนาคมได้เกิดขึ้นที่ยูเครน และการประชุมดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณ 22:00 น.

เดียวดายปลายปากเหว!! ในใจ ‘เซเลนสกี้’ ความหวั่นใจสงครามกับรัสเซีย เมื่อยูเครนอาจถูกแบ่ง ‘เหนือ-ใต้’ แบบเกาหลี

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนยอมรับว่า การทำสงครามกับรัสเซียเป็นเรื่องที่เกินกำลังของกองทัพยูเครนมาก และยากที่จะเอาชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จ แม้จะสามารถยันกองทัพรัสเซียที่พยายามจะพิชิตกรุงเคียฟได้ แต่ก็จะไม่สามารถที่จะผลักดันทหารรัสเซียออกไปจากยูเครนได้

เช่นเดียวกับกองทัพรัสเซีย ที่เริ่มเข้าใจแล้วว่าการที่จะยกทัพมาบุกยึดยูเครนทั้งประเทศ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ แล้วในยุคสมัยนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูง ว่ารัสเซียอาจต้องปรับลดเป้าหมายลง แต่ยังคงวัตถุประสงค์เดิมที่ตั้งไว้ 

ประเด็นดังกล่าวตรงกับความเห็นของหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของยูเครน ว่ารัสเซียอาจใช้ ‘เกาหลีโมเดล’ แบ่งประเทศเป็น 2 ส่วน แล้วทางรัสเซียจะยึดครองไปส่วนหนึ่ง เหลืออีกฝั่งเป็นเขตปกครองของรัฐบาลยูเครนปัจจุบันไป 

เรื่องนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถยุติการสู้รบในครั้งนี้ได้ ในจังหวะที่รัสเซียพิชิตยูเครนทั้งประเทศไม่ไหว ยูเครนก็ไม่มีกำลังพอจะขับไล่กองทัพรัสเซียได้ และการเรียกให้กองกำลังต่างชาติเข้ามาผสมโรง ถล่มรัสเซียในยูเครนก็ยิ่งทำให้ประเทศบอบช้ำ แถมอาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิด

นอกจากนี้ หากยูเครนจะใช้กลยุทธ์สงครามแบบกองโจร ก็ยิ่งทำให้สงครามยืดเยื้อแบบสงครามในอัฟกานิสถาน และสุดท้ายยูเครนก็อาจจะไม่ได้แตกแค่ 2 ประเทศ เพราะในยูเครนก็มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอีกจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะลุกฮือขึ้นมาประกาศแยกตนเป็นรัฐอิสระ สุดท้ายยูเครนอาจแตกเป็นประเทศเล็ก ประเทศน้อยอย่างที่เกิดขึ้นในยูโกสลาเวีย

เพราะโดยนัยแล้ว ดูเหมือนเป้าหมายหลักของสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ใช่การสนับสนุนยูเครน แต่เป็นการโค่นล้ม ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย โหมแรงให้สงครามรุกลามใหญ่โต ซึ่งไม่เป็นผลดีกับยูเครนเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ จึงเหมือนยืนอยู่เดียวดายปลายปากเหว และต้องคิดให้หนักว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป เพราะเชื่อได้ว่า คงไม่มีผู้นำคนไหนอยากทำหินแตก หรืออยากแยกแผ่นดินในยุคสมัยของตนเองอย่างแน่นอน


เรื่อง : อรุณรัตน์

อ้างอิง : Sky News

ป.ป.ช.ฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ตรวจสอบอาหารกลางวัน

(28 มี.ค.65)​ นายสมชาย ยิ้มแฉล้ม ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ตรวจสอบอาหารกลางวัน เพื่อป้องกันการทุจริตในลักษณะเชิงรุก มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ทำให้เด็กนักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ โดยมีนายสุริยา ศรีโภคา ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางแสม ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้การต้อนรับ จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพบว่ามีการสับเปลี่ยนแบ่งเวลาให้นักเรียนระดับชั้นอนุบาล และระดับชั้นประถมลงมารับประทานอาหารคนละเวลาและมีรายการอาหารกำหนดไว้ล่วงหน้า

 

ไต้หวัน ชี้! ผลพวงโลกคว่ำบาตรรัสเซีย ดัน ‘หยวน’ ผงาดแทนที่ ‘ดอลลาร์’

เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของไต้หวัน ชี้ สงครามในยูเครน และการที่รัสเซียถูกกีดกันออกจากระบบการเงินโลกได้สร้างโอกาสทองให้สกุลเงิน ‘หยวน’ ของจีนก้าวขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการทำธุรกรรมข้ามแดนแข่งกับดอลลาร์สหรัฐ

รัสเซีย ประกาศชัดเจนว่าหวังพึ่งจีนเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และเตรียมนำเงินทุนสำรองสกุลหยวนออกมาใช้ หลังจากที่ถูกชาติตะวันตกปิดกั้นไม่ให้สามารถเข้าถึงเงินทุนสำรองสกุลดอลลาร์สหรัฐ และยูโรได้

เฉิน หมิงทง (Chen Ming-tong) ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติไต้หวัน กล่าวต่อรัฐสภาวันนี้ (28 มี.ค.) ว่า จีนพยายามมานานที่จะลดความสำคัญของดอลลาร์สหรัฐลง และสงครามยูเครนก็ยิ่งเปิดโอกาสให้เงินหยวนก้าวขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจโลก

“ไม่ว่าจะในแง่การค้า (trade) หรือระบบการออกเงินตรา (currency issuance system) นี่คือโอกาสที่จีนจะต้องรีบคว้าเอาไว้” เฉิน กล่าว

ไต้หวัน ซึ่งถูกจีนอ้างว่าเป็นดินแดนในอธิปไตย ได้ยกระดับการเฝ้าระวังด้านความมั่นคงนับตั้งแต่สงครามยูเครนปะทุ ด้วยเกรงว่าจีนอาจจะฉวยโอกาสรุกรานเหมือนอย่างที่รัสเซียทำกับยูเครน

เจ้าหน้าที่ไต้หวัน ยังเฝ้าจับตาด้วยว่า สงครามในต่างแดนครั้งนี้จะให้ “บทเรียน” อะไรกับจีนและไต้หวันบ้าง

บทเรียนเสพเฟกนิวส์!! มือโพสต์ทหารบินฉีดไฟเซอร์ ขอขมา ผบ.ทบ. พร้อมสำนึกผิด รับเป็นบทเรียนชีวิต

มือโพสต์ ทหารบินสหรัฐฯ ฉีดไฟเซอร์ ขอขมา ผบ.ทบ. รับเป็นบทเรียนเสพเฟกนิวส์ ด้านผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก เผยแจ้งหมิ่นประมาทตัวเลขหลักสิบ หนึ่งในนั้นมี ส.ส.ณัฐชา ก้าวไกล

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ. ปานศิริ มีผล อดีตทหารนอกราชการ เตรียมทหารรุ่น 13 นำ น.ส.สิรพัชญ์ ปฏิพัทธวินิจ พร้อมด้วย พัฒนฉัตร เลิศอำไพนนท์ สามี นำพวงมาลัยเข้าขอขมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) 

จากกรณี น.ส.สิรพัชญ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Amilie siraphat patipattawinij กล่าวหา กำลังพล กองร้อยส่งทางอากาศ ที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ (Strategic Airborne Operation) กับกองทัพบกสหรัฐ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค. 64 ว่าบินไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดยมี พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก พร้อมด้วย พล.ต.อานุภาพ ศิริมณฑล เลขานุการกองทัพบก เป็นผู้รับมอบ

น.ส.สิรพัชญ์ กล่าวว่า ตนไปส่องทวิตเตอร์และรับทราบในสิ่งที่ผิดๆ ว่าทหารไทยไปฉีดวัคซีนที่สหรัฐฯ ด้วยความที่เราอินกับข่าวก็เลยนำมาโพสต์ต่อจากนั้นได้รับทราบความจริงก็ลบโพสต์ทันทีว่าทหารไทยไม่ได้ไปฉีดวัคซีนแต่ไปร่วมฝึกกับทหารสหรัฐอเมริกาหลังจากที่ได้ลบโพสต์ไปแล้วก็มีปัญหาเข้ามาโดยถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

ต้องเข้าใจว่าในช่วงนั้นวัคซีนก็ขาดแคลนในประเทศไทย และตนก็ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทำให้เมื่อได้รับการแชร์ข่าวดังกล่าวมาก็รู้สึกว่าทำไมทหารถึงบินไปฉีดวัคซีนได้ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ตนจึงติดต่อขอโอกาสมาขอขมา ผบ.ทบ.ว่าเรารู้ข้อเท็จจริงแล้วก็ยินดีปรับปรุงตัวและช่วยประชาสัมพันธ์ชี้แจงข่าวที่เป็นจริงของกองทัพบกว่าเฟกนิวส์มีอยู่จริง ทั้งนี้ฝากเตือนน้องๆ เด็กยุคใหม่ว่าการที่จะส่งต่อโพสต์หรือแชร์ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนไม่ใช่โพสต์เพื่อสนุกปากหรือเรียกยอดไลก์ยอดแชร์

"ยอมรับว่าหลังถูกดำเนินคดีมีผลกระทบต่อความรู้สึก และชีวิตประจำวันมากซึ่งตัวเองไม่ได้มีเจตนาจะบิดเบือนเรารับทราบข่าวมาอย่างไรแล้วก็โพสต์ไปอย่างนั้นแพร่กระจายไปตามที่เราข่าวที่เรารับทราบมา" น.ส.สิรพัชญ์ กล่าว

พล.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ตนรู้จักกับแม่ของสามีคุณสิรพัชญ์ จึงเข้ามาเป็นตัวกลางประสานให้เพราะรู้ว่าทั้งหมดเป็นความทุกข์อย่างแสนสาหัส จากกรณีแค่นี้หลังที่ได้รับเฟกนิวส์มาสั้นๆ แต่ผลที่ตามมารุนแรงต่อชีวิตประจำวันของเขาสิ่งที่คิดคือเราเป็นคนไทยด้วยกันก็น่าจะพูดคุยกันได้จากปัญหาของเขาตนจึงได้ประสานมาที่กองทัพบก

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ปล่อยขบวน ส่งต่อน้ำใจไทย ยกทัพเครื่องอุปโภคบริโภคลงพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ บรรเทาทุกข์ผู้ว่างงาน ตกงาน ขาดรายได้ สู้ภัยโควิด-19

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ  คณะกรรมการฯ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีเปิด โครงการ “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อน้ำใจไทย สู้ภัยโควิด-19” แจกจ่ายถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น  เช่น  ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ รวม 5,000 ชุด แก่ผู้ประสบปัญหาว่างงาน หรือตกงาน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วทุกเขตกรุงเทพมหานคร [50 เขต] รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,750,000 บาท (หนึ่งล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) โดยมีผู้แทนจากสำนักงานเขต อาทิ นายวสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผู้อำนวยการเขตพระนคร นางมาศวัลย์  ปิ่นสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน  นายสุนิต บุญยมหาศาล ผู้อำนวยการเขตยานนาวา  นายกษิระ ศรีเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และนายพงศธร ชั้นไพศาลศิลป์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตสาทร ร่วมในพิธีเปิดโครงการฯ ณ บริเวณลานสำนักงานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เขตพลับพลาไชย กรุงเทพฯ

โดยในช่วงบ่ายของวันนี้  (28 มี.ค.65) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า รักษาการผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ / หัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์  นำทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและเขตสาทร เขตละ 100 ชุด

สำหรับการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายนับตั้งแต่วันนี้ – 28 เมษายน 65 โดยกำหนดออกแจกจ่ายวันละ 2 เขต  โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ประสานงานกับสำนักงานเขตทุกเขต ในการกำหนดวัน จัดเตรียมสถานที่และชุมชนในพื้นที่ เพื่อจัดระเบียบ ตั้งจุดคัดกรองประชาชนในแต่ละจุดตามหลักการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่และกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทยอยลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร (รวม 50 เขต) 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top