Monday, 10 February 2025
NEWS FEED

กาลครั้งหนึ่ง ‘สาทร’ เคยขึ้นกับจังหวัด ‘พระประแดงบุรีศรีนครเขื่อนขันธ์’

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว...
"สาทร" เคยขึ้นกับจังหวัด “พระประแดงบุรีศรีนครเขื่อนขันธ์"

จากมุมนี้ เห็นได้ว่าบางกระเจ้าที่พระประแดงไม่ไกลจากสาทรสักเท่าไร
มีการโอนสาทรขึ้นกับจังหวัดพระนคร ในปี พ.ศ. 2458

โอนพระโขนง ช่องนนทรี และโพงพางของจังหวัดพระประแดง มาขึ้นกับจังหวัดพระนคร ในปี พ.ศ. 2470


ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=529839138499749&set=a.242244413925891

เชื่อมสองเจริญ ‘สะพานกรุงเทพ’ และ ‘สะพานพระราม ๓’ สะพานเชื่อม ‘เจริญกรุง - เจริญนคร’

เจริญกรุง เจริญนคร
ชื่อถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งกรุงเทพและฝั่งธนบุรี

ถนนเจริญกรุงสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔
ถนนเจริญนครสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๘

ภาพนี้มองไม่เห็นถนน
แต่มองเห็นตึกรามบ้านช่องบนถนนเจริญกรุง ถนนเจริญนคร 
และแม่น้ำเจ้าพระยา

มองเห็นสะพานกรุงเทพและสะพานพระราม ๓ 
เชื่อมสองเจริญ

และเป็นสะพานที่ขึ้นทีไร
ก็อดใจที่จะหันเหลียวมอง เจริญกรุง เจริญนคร อันตื่นตาตื่นใจ ไม่ได้


ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=510465683770428&set=a.242244413925891
 

'พระครูแจ้'​ จัดให้!! เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี จัดพิธีอุปสมบทหมู่ 24 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล นายตำรวจระดับสูงร่วมบรรพชา

ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตาเป็นประธานอุปถัมภ์ จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทหมู่ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน

นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดี ถวายเป็นพระราชกุศล แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน 2565 โดยมีนายตำรวจระดับสูงตลอดจนสื่อมวลชนร่วมบรรพชาอุปสมบทหมู่ในครั้งนี้ จำนวน 24 รูป

'อังกฤษ'​ อึ้ง!! หลังชวนอินเดียร่วมลดพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แต่ถูกสวน!! 'ยุโรปซื้อน้ำมันรัสเซียมากกว่าอินเดียอีก'​

เมื่อ 31 มี.ค. 65 สื่ออินเดียได้รายงานข่าวการไปเยือนลอนดอนอย่างเป็นทางการของ เอส. ไจแชนการ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย เพื่อประชุมหารือกับ ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศของฝั่งอังกฤษ ซึ่งประเด็นที่เป็นไฮไลต์ของการพูดคุยครั้งนี้ หนีไม่พ้นเรื่องมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศยุโรป จากกรณีการรุกรานยูเครน

โดยรัฐมนตรีต่างประเทศหญิงของอังกฤษได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายของอังกฤษที่จะลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้การกระทำของรัสเซีย และยังเป็นข้อตกลงร่วมกันในกลุ่มประเทศยุโรปเพื่อแสดงออกว่าจะยืนเคียงข้างชาวยูเครน

ลิซ ทรัสส์ กล่าวกับ ไจแชนการ์ว่า ถึงแม้ว่าอังกฤษไม่อาจบังคับให้ประเทศอื่นทำตามเป้าหมายของเรา และอินเดียก็เป็นประเทศเอกราช แต่ทางอังกฤษก็รู้ว่ารัสเซียได้เสนอขายน้ำมันให้รัฐบาลอินเดียในราคาพิเศษ จึงได้ตั้งคำถามว่า ทำไมอินเดียถึงยังสนใจรับข้อเสนอของรัสเซีย ประเทศที่ใช้กำลังทหารรุกรานประเทศอื่นอยู่อีก

แต่ทว่าสิ่งที่นาย เอส. ไจแชนการ์ ตอบกลับรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษกลับมีประเด็นที่น่าสนใจ โดยเขามองว่า การรวมกลุ่มกันคว่ำบาตรรัสเซียดูเป็นเหมือนแคมเปญของทางฝั่งยุโรปมากกว่า และหากเทียบปริมาณการพึ่งพาน้ำมันของทางฝั่งยุโรปกับอินเดียนั้นก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก 

เพราะที่ผ่านมา แหล่งน้ำมันที่อินเดียนำเข้ามาเกือบทั้งหมด มาจากประเทศทางตะวันออกกลาง มีประมาณ 7.5-8% นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา แล้วจึงตามด้วยรัสเซีย ซึ่งบางครั้งน้อยกว่า 1% เสียอีก 

แต่ในทางกลับกัน ประเทศทางฝั่งยุโรปต่างหากที่พึ่งพาพลังงานน้ำมันจากรัสเซียเป็นส่วนใหญ่ มิหนำซ้ำ ประเทศในยุโรปยังนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นอีกถึง 15% ในเดือนมีนาคมปีนี้ ซึ่งมากกว่าตอนก่อนเกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเสียอีก

ครบรอบ 130 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “เฉลิมชัย” ประกาศแนวทางพัฒนาภาคการเกษตรสู่ยุค Next Norma lขับเคลื่อน 5 ยุทธศาสตร์  มุ่งเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) การเพิ่มผลผลิตภาคการเกษตร เพิ่มพื้นที่ชลประทาน และเพิ่มรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เกษตรกร

พร้อมจัดพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง พิธีสงฆ์ และมอบเกียรติบัตรและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติสืบสานเกษตรกรรมยั่งยืน ประจำปี 2565 พร้อมโชว์ผลงานเด่นของหน่วยงานในสังกัด สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กิจกรรม Talk Show เหลียวหลังแลหน้า 130 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สู่ Next Normal

วันที่ 1 เม.ย. 65 เวลา 06.30 น. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครบรอบ 130 ปี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานจุดธูปเทียนและถวายพวงมาลัยแก่ ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลท้าวเวสสุวรรณ ศาลตา-ยาย องค์พระพิรุณทรงนาค (หน้าอาคาร) และองค์พระพิรุณทรงนาค (ห้องพิพิธภัณฑ์)
ต่อมาในเวลา 07.00 น. เข้าสู่ช่วงพิธีสงฆ์ โดยประธานได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหาร ถวายภัตตาหาร และจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ประธานสงฆ์ประพรมน้ำพุทธมนต์ให้กับผู้เข้าร่วมพิธี ณ ห้องรับรอง 112

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังได้จัดพิธีมอบเกียรติบัตรและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติสืบสานเกษตรกรรมยั่งยืน ประจำปี 2565 ณ ห้องประชุม 115 เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้มีจิตอาสา ประกอบคุณงามความดีที่มีความประพฤติเหมาะสม ผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือมีผลการปฏิบัติงานด้านการเกษตรและสหกรณ์ดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี หลังจากนั้นคณะผู้บริหารได้เยี่ยมชมนิทรรศการการแสดงผลงานสำคัญของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “130 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” อาทิ การขับเคลื่อนภาคเกษตรด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG Model การผลิตข้าวด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ การพัฒนากุ้งสู่ความยั่งยืน การอนุรักษ์ต่อยอดภูมิปัญญาลวดลายผ้าไหมไทยสู่ความยั่งยืน การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมให้เหมาะสม ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ในฝัน และสมาชิกสหกรณ์รุ่นใหม่ สร้างเกษตรไทยเข้มแข็ง เป็นต้น

รมว.สุชาติ มอบ ‘ปลัดแรงงาน’ เปิดปฐมนิเทศ “โครงการการพัฒนาสุขสภาพขององค์กรเพื่อการสร้างชาติ” ร่วมพัฒนาดูแลคุณภาพชีวิตของแรงงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานปฐมนิเทศ “โครงการการพัฒนาสุขสภาพขององค์กรเพื่อการสร้างชาติ Wellness CNB” มุ่งสนับสนุนและพัฒนาสุขสภาพของพนักงานและการบริหารจัดการภายในองค์กรให้เกิดสุขสภาพอย่างเป็นองค์รวม โดยโครงการดังกล่าวกระทรวงแรงงานได้บูรณาการร่วมกับสถาบันการสร้างชาติ จัดขึ้นเพื่อให้เกิดมุมมองในการดูแลพนักงานอย่างครบมิติ โดยมี ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ บรรยายพิเศษ หัวข้อ "แนวคิด Wellness ครบวงจร" และ ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุภระฤกษ์ ประธานอำนวยการหลักสูตร นสช. Wellnessบรรยายหัวข้อ “ยุทธศาสตร์สร้างสุขสภาพที่ดีให้กับพนักงานยุคดิจิตอล” ณ ห้องประชุมจอมพล ป. พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน 

ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ตั้งเป้าฟื้นฟู พลิกโฉมตลาดแรงงานไทย หลังจากที่ต้องเผชิญวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโควิด – 19  ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนไว้ 5 ด้าน และนโยบายสำคัญ 7 ด้าน ซึ่งนโยบายสำคัญ คือการพัฒนา ปรับปรุง และส่งเสริมการคุ้มครองแรงงานระบบสวัสดิการ และหลักประกันทางสังคม ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาชีวอนามัยในการทำงานให้สอดคล้องกับสภาวะสังคม เศรษฐกิจ และรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ นโยบายสำคัญอีกประการหนึ่งของการคุ้มครองแรงงาน คือ การพัฒนาทักษะแรงงานเป็นแรงงานคุณภาพ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ และรองรับเศรษฐกิจใหม่ โดยกระทรวงแรงงานวางแผนที่จะยกระดับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และสร้างแรงงานที่มีสมรรถนะสูง ผ่านโครงการต่างๆ จัดทำโดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างรัฐ และเอกชนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
 

‘ยูเครน’ เอาคืน! ส่ง ฮ. ทิ้งมิสไซล์ เผาวอดคลังน้ำมัน ‘รัสเซีย’!

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุเพลิงไหม้ที่คลังน้ำมันในเมืองเบลโกรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนราว 25 ไมล์ โดยเวียเชสลาฟ กลัดคอฟ (Vyacheslav Gladkov) ผู้ว่าราชการเบลโกรอดกล่าวผ่าน Telegram ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการโจมตีทางอากาศจากเฮลิคอปเตอร์ของยูเครน ด้านยูเครนยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ ในประเด็นดังกล่าว

ขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งอพยพประชาชนและเร่งเข้าควบคุมเพลิง โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายเป็นพนักงานในคลังน้ำมัน ได้รับการปฐมพยาบาลแล้วและไม่อยู่ในอันตราย

ภายหลังพบปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งรายงานระบุว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ของยูเครน 2 ลำ บินต่ำก่อนที่จะยิงขีปนาวุธ S-8 หลายนัดเข้าที่คลังน้ำมัน

ทั้งนี้ เมื่อสองวันก่อนเพิ่งเกิดเหตุระเบิดที่คลังแสงในเมืองเบลโกรอด ซึ่งคาดว่าเกิดจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของกองทัพยูเครน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีทหารรัสเซียได้รับบาดเจ็บ 4 นาย


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/679617

'หมอยง' ชี้!! โควิดเปรียบดังโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง อย่ารังเกียจ 'ผู้ป่วย-ติดเชื้อ' จงอยู่ด้วยกันกับโรคนี้ให้ได้

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในไทยว่า โควิด 19 ความคิดเกี่ยวกับโรคโควิด 19 เปลี่ยนตามสถานการณ์

ต้องยอมรับว่าในปีแรก 2563 ที่เกิดการระบาดของโรคโควิด 19 โรคมีความรุนแรง อัตราเสียชีวิต สูง 3 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์

ทุกคนรอความหวังที่จะป้องกันด้วย “วัคซีน”

ปีต่อมา 2564 มีวัคซีน แต่พบว่าวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ยังคงพบการระบาดอย่างมาก ประสิทธิภาพของวัคซีนเหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ไม่สามารถจะกำจัดหรือลดการระบาดลง ในแต่ละปีประสิทธิภาพแตกต่างกันตามสายพันธุ์

การให้วัคซีน 3 เข็ม 4 เข็ม หรือแม้กระทั่งติดเชื้อแล้วก็ยังติดเชื้อซ้ำได้อีก แต่อาการความรุนแรง “ลดลง”

ในปีนี้ 2565 โรคยังคงระบาดอย่างมาก ความรุนแรงลดน้อยลง อัตราการเสียชีวิตลดลง จากที่เคยสูง 1-2 % ลดลงมา เหลือ 1-2 ในพัน (0.1 - 0.2 %) ของผู้ติดเชื้อ (รวม ATK) ส่วนใหญ่เป็นในกลุ่มผู้เปราะบาง หรือ 608 ไม่ได้รับวัคซีน หรือ ได้รับวัคซีนไม่ครบ

โดยทั่วไปผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และ ได้รับวัคซีนแล้ว ติดเชื้อได้ ความรุนแรงของโรคจะลดลง แต่ก็ยังสามารถแพร่กระจายโรคได้ ในเด็กปกติโรคมีความรุนแรงน้อยกว่า ยกเว้น เด็กทารก และเด็กที่มีโรคประจําตัว ในเด็กทารกถ้ามารดาได้รับวัคซีนขณะตั้งครรภ์ ภูมิต้านทานก็น่าจะส่งต่อมาปกป้องลูกน้อยในเดือนแรกๆ ได้

เราต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ในการอยู่กับโรคนี้ให้ได้ พบผู้ป่วยผู้ติดเชื้อรอบตัวเรา รวมทั้งคนใกล้ชิด มีให้เห็นมากมาย ต่อไปวัคซีนพาสปอร์ต ที่จะต้องฉีด 2 เข็ม 3 เข็มก็จะมีความหมายน้อยลง การสืบสวนโรค ว่าติดจากใคร ทำได้ยาก และปัจจุบันแทบไม่ต้องถาม timeline กันอีกต่อไปแล้ว

เราไม่ควรรังเกียจคนที่เป็น และต้องยอมรับ เปรียบเสมือนเป็นโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง ไม่แสดงความรังเกียจผู้ป่วย เราจะต้องอยู่ด้วยกันกับโรคนี้

ย้อนคำทำนาย 'บาบา แวงกา' นอสตราดามุสแห่งบอลข่าน ทักไว้ก่อนตาย 'ปูติน - รัสเซีย' จะเป็นเจ้าโลก 

สื่ออังกฤษหลายเจ้ารายงานว่า บาบา แวงกา (Baba Vanga) หมอดูตาบอดชื่อดังเจ้าของฉายา “นอสตราดามุสแห่งบอลข่าน” เคยทำนายทายทักไว้ก่อนเสียชีวิตว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน และรัสเซียจะเป็นเจ้าโลก

แม่เฒ่าแวงกาที่เสียชีวิตขณะอายุ 84 ปีเมื่อปี 1996 หรือเมื่อ 25 ปีก่อนเผยระหว่างการพูดพบปะพูดคุยกับ วาเลนติน ซิโดรอฟ (Valentin Sidorov) นักเขียนชื่อดังเมื่อปี 1979 ว่า “ทั้งหมดจะละลาย เหมือนกับน้ำแข็ง มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีใครแตะต้องได้ ความรุ่งเรืองของวลาดิมีร์ ความรุ่งเรืองของรัสเซีย คนจำนวนมากจะตกเป็นเหยื่อ ไม่มีใครหยุดรัสเซียได้ ทั้งหมดจะถูกกำจัดให้พ้นทางโดยเธอ และไม่เพียงแต่จะยังคงอยู่เท่านั้น แต่จะกลายเป็นเจ้าโลก”

หมอดูตาบอดรายนี้เคยทำนายไว้ในอดีตว่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ และก็เป็นจริงตามนั้นหลายครั้ง อาทิ เหตุการณ์ 11 ก.ย. 2001 การเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอานา หายนะนิวเคลียร์เชอร์โนบิล และ Covid-19

แม่เฒ่าแวงกาเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากคำทำนายว่าเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์คูรสก์ของรัสเซียจะจมในปี 2000 โดยบอกว่า เดือน ส.ค. 1999 “คูรสก์จะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำและทั้งโลกจะร้องไห้เสียใจกับมัน”

ปรากฏว่าเรือดำน้ำลำดังกล่าวจมในอีก 12 เดือนต่อมาหลังจากวันที่ที่แวงกาทำนายไว้โดยลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด

ปี 1989 แม่เฒ่าแวงกาบอกว่า “น่ากลัว น่ากลัว พี่น้องชาวอเมริกันจะล้มลงหลังถูกนกเหล็กโจมตี หมาป่าจะหอนอยู่ในพุ่มไม้ และเลือดผู้บริสุทธิ์จะหลั่งไหล”

ซึ่งในเวลาต่อมาก็เกิดเหตุการณ์เครื่องบิน 2 ลำพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2001 จนมีผู้เสียชีวิตมากมาย

ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาการทำนายของเธอบอกว่าความแม่นยำของแม่หมอแวงกาอยู่ที่ 68% ส่วนลูกศิษย์ลูกหาของเธอบอกว่าเธอทายถูกถึง 85%

'ดร.สันต์' เตือน หากคุมโควิดไม่ได้คนไทยอาจติดเชื้อถึง 70% แต่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แบบอินเดียช่วงเดือน 'ก.ค. - ส.ค.'

'ดร.สันต์' เตือนถ้าควบคุมโควิดไม่ได้จะติดเชื้อถึง 70% ของประชากรและเกิด ภูมิคุ้มกันหมู่แบบอินเดีย ในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. ต้องสู้แบบเจ็บๆ อีกนานกว่าจะจบ

1 เม.ย. 65 ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง Covid-19: Wave#5 Omicron เดินหน้าสู่สงกรานต์ เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆ อีกนานกว่าจะจบ มีเนื้อหาดังนี้

เวลาผ่านไป 3 เดือนใน Wave#5 ของ Omicron คำถามในใจผู้คนมากมาย

1.) ไหนว่าจะขาลงมา 2 รอบแล้ว แต่ทำไมยังไม่ถึง Peak สักที
2.) ติดเชื้อกันจริงๆ วันละเท่าไหร่ คนรอบตัวติดเชื้อกันมากมายต่อเนื่อง
3.) เมื่อไหร่จะจบสักที จะเข้าโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่
4.) ทำอย่างไรถึงจะรอด

ผมมีคำตอบครับ จากการคำนวณและประมาณการณ์

สรุปสถานการณ์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นไป: Past & Present

1.) Wave#5 เป็นขาขึ้นตลอดตั้งแต่ 1 ม.ค. แต่ตรวจ RT-PCR น้อย ตัวเลขเลยขึ้นไม่สุด เห็นไม่ครบ ควบคุมโรคไม่ได้ หางเวฟจึงยาวมากๆ ไม่จบจนบัดนี้

2.) ATK เริ่มตรวจลดลงไปมาก ตัวเลขรวมที่เคยขึ้น ก็กลับมาทรงตัว แต่ไม่ลงต่อ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

3.) ชลบุรีขยันตรวจมาก จังหวัดเดียวเจอรวม PCR+ATK วันละเกือบ 10,000 แล้ว ถ้าขยันแบบนี้ทุกจังหวัด ตัวเลขทั่วประเทศน่าจะข้ามแสนไปแล้ว

4.) คนที่ตรวจไม่เจอ ไม่ยอมตรวจ จะเป็นมดงานแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ ทำให้ประเทศไทยค่อยๆ เดินหน้าเข้าสู่ India Model แบบ Herd Immunity ที่จบแบบต้องสังเวยชีวิต หลายประเทศเป็นแบบนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top