Tuesday, 10 December 2024
NEWS FEED

สหรัฐฯ เสียงแข็ง ปฏิเสธส่งอาวุธชนกลุ่มน้อย บอกสื่ออย่าเชื่อ ‘โซเชียลมีเดีย’

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) Mr. Michael Heath อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าวถึงกระแสข่าวสหรัฐฯ สนับสนุนอาวุธให้กับชนกลุ่มน้อยต่อสู้กับกองทัพเมียนมาตามแนวชายแดนว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนยุทโธปกรณ์ให้กับฝ่ายตรงข้ามเมียนมา เรากับไทยช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและวัคซีน อย่าเชื่อสิ่งใดที่อ่านในโซเชียลมีเดีย และขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง

'แอมเนสตี้' เรียกร้องประชาคมโลกใช้โอลิมปิก กดดันให้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในจีน

'แอมเนสตี้' เรียกร้องประชาคมโลกใช้โอลิมปิกฤดูหนาวและพาราลิมปิก ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 4 - 20 ก.พ. นี้ เป็นโอกาสในการกดดันให้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน

4 ก.พ. 65 - แอมเนสตี้เรียกร้องประชาคมโลกต้องใช้โอลิมปิกฤดูหนาวและพาราลิมปิกเป็นโอกาสในการกดดันให้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน ซึ่งมหกรรมกีฬานี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 20 กุมภาพันธ์นี้ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

เมืองหลวงของจีนจะได้ต้อนรับทัพนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และนักการทูตจากทั่วโลก ในการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แต่มหกรรมกีฬานี้จะเกิดขึ้นท่ามกลางการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องหลายประการในประเทศจีน

อัลคัน อาคาด นักวิจัยเกี่ยวกับประเทศจีน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “แม้มีความคาดหวังว่าการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งจะเป็นมหกรรมกีฬาในความทรงจำ แต่คนที่เฝ้ารอดูไม่ควรเพิกเฉยต่อปัญหาซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ของจีน นักกฎหมายและนักกิจกรรมต้องถูกจำคุกเพียงเพราะทำงานของตนอย่างสงบ เหยื่อผู้ถูกละเมิดทางเพศต้องเผชิญกับบทลงโทษเพียงเพราะกล้าออกมาเปิดโปง มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละปีมีผู้ถูกประหารชีวิตหลายพันคน กลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมจำนวนมากต้องเผชิญกับการถูกกักขัง ถูกทรมานและประหัตประหารอย่างเป็นระบบในค่ายกักกัน”

“การแข่งขันครั้งนี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสถิติด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงของจีน ในทางตรงกันข้าม ควรถูกใช้เป็นโอกาสเพื่อกดดันให้จีนแก้ปัญหาเหล่านี้”

ไอโอซีควรประกันให้มีการทำตามสัญญา

รัฐบาลจีนให้หลักประกันหลายประการเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ก่อนที่จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว รวมทั้งการเคารพเสรีภาพสื่อ สิทธิด้านแรงงาน “การพลัดถิ่นฐาน” และประกันโอกาสอย่างแท้จริงที่จะให้มีการเดินขบวนโดยสงบระหว่างการแข่งขันครั้งนี้

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ดำเนินการอย่างเต็มที่และให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการปฏิบัติเพื่อตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนต่อสาธารณะ ก่อนและระหว่างการแข่งขันครั้งนี้

“สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกถูกละเมิดอย่างเป็นระบบในประเทศจีน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ไอโอซีและคณะกรรมการโอลิมปิกของชาติต่างๆ ในการแข่งขันครั้งนี้ ต้องเคารพความต้องการของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ด้านกีฬาที่ต้องการพูดถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน รวมทั้งประเด็นที่ถูกมองว่า “ละเอียดอ่อน” สำหรับทางการจีน”

“ไอโอซียังต้องยืนยันว่า รัฐบาลจีนปฏิบัติตามคำสัญญาที่จะประกันให้เกิดเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ถูกปิดกั้นทั้งสำหรับนักข่าวชาวจีนและนักข่าวต่างประเทศ และให้การประกันว่าผู้ที่ต้องการชุมนุมประท้วงโดยสงบในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้จะสามารถกระทำการเช่นนั้นได้” อัลคัน อาคาดกล่าว

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ตัวแทนรัฐบาลประเทศต่างๆ รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชน และจัดให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระสำคัญสุดในการหารือกับทางการจีน

อัลคัน อาคาดกล่าวเสริมว่า “โลกต้องเรียนรู้จากบทเรียนของโอลิมปิกเมื่อปี 2551 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งเช่นเดียวกัน ตอนนั้นรัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะปรับปรุงสิทธิมนุษยชน แต่การปรับปรุงดังกล่าวกลับไม่เคยเกิดขึ้นจริงอย่างที่เคยสัญญาไว้”

“โอลิมปิกฤดูหนาวซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งในปีนี้ จะต้องไม่กลายเป็นเพียงโอกาสของการใช้กีฬาในการฟอกตนเองของทางการจีน และประชาคมโลกต้องไม่ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเพื่อโฆษณาชวนเชื่อในครั้งนี้ด้วย”

นักกิจกรรมถูกควบคุมตัวในจีน

ก่อนการแข่งขันครั้งนี้จะเริ่มขึ้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เปิดตัวการรณรงค์ “ปล่อยตัวบุคคลทั้งห้า” (‘Free the Five’) เพื่อเน้นให้เห็นชะตากรรมของนักกิจกรรมชาวจีนทั้งห้าคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบุคคลจำนวนมากที่ถูกควบคุมตัวเพียงเพราะการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ได้แก่ จาง จ่าน นักข่าวพลเมือง อิลฮัม โทห์ทิ ศาสตราจารย์ชาวอุยกูร์ หลี่ เชี่ยวฉู่ นักกิจกรรมด้านสิทธิแรงงาน กาว จื้อเซิ่ง ทนายความสิทธิมนุษยชน และรินเชน จูลทริม บล็อกเกอร์ชาวทิเบต

“การคุมขังโดยไม่เป็นธรรมต่อนักกิจกรรมทั้งห้าคน สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมรับความเห็นต่างของรัฐบาลจีน อีกทั้งยังสะท้อนความพยายามที่จะลงโทษผู้เห็นต่างอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“ถ้ารัฐบาลจีนต้องการใช้โอลิมปิกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างภาพสัญลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ทางการจีนก็ควรเริ่มจากการปล่อยตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดีหรือถูกควบคุมตัวเพียงเพราะการใช้สิทธิมนุษยชนของตน” อัลคัน อาคาดกล่าว

หุ้นส่วนร้านโอมากาเสะ ขอโทษปมคอมเมนต์แรง ยัน!! ไม่คิดเหยียดใคร ทำไปเพราะอารมณ์

หลังเกิดกรณียูทูบเบอร์ดัง ‘แจ็ก แปปโฮ’ ขึ้นไปยืนเหยียบไปบนบาร์ร้านโอมากาเสะ จนกลายเป็นประเด็นร้อนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าว อีกทั้งในด้าน ดีเจกฤษ-กฤษ ชลาธรทรัพย์ อดีตดีเจชื่อดัง ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร้านยังตอบคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ‘คนที่ติไม่มีเงินมากินครับ ได้แต่กดคีย์บอร์ดอยู่บ้าน ตอนนี้ลูกค้าจองเต็มเลย’ ด้วยนั้น

เช้าวันนี้ (4 ก.พ. 65) ที่ร้าน MANEKU OMAKASE เภสัชกร ดร. ปัณณวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี และ ดีเจกฤษ-กฤษ ชลาธรทรัพย์ ก็ได้จัดแถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดย ดร.ปัณณวิช กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันบอร์ดบริหารก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนโต๊ะทั้งหมดแล้ว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่โทษใคร ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

“ทางเราขอเป็นตัวแทนออกมาขอโทษ แล้วก็รับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น” เขากล่าว

ขณะเดียวกันยังบอกด้วยว่าต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก โดยจะอธิบายให้ลูกค้าทราบว่าเป็นกฎของร้าน

ด้าน ดีเจกฤษ ให้รายละเอียดเพิ่มว่า วันดังกล่าวเป็นการเหมาร้านจัดไพรเวตดินเนอร์ เพื่อเปิดตัวซิงเกิลใหม่ของหมอสุนิล ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้คุยกับหมอสุนิลแล้ว ขณะที่ ‘แจ็ก แปปโฮ’ หรือ ‘จาตุรงค์ พาโพธิ์’ ก็ฝากขอโทษมา

“ทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้”

สำหรับกรณีคอมเมนต์ ‘คนที่ติไม่มีเงินมากินครับ ได้แต่กดคีย์บอร์ดอยู่บ้าน’ ทั้งยังว่า ‘ตอนนี้ลูกค้าจองกันเต็มเลยครับ’ ของเขาที่หลายคนมองว่าเป็นการเหยียดคนอื่น ดีเจกฤษ ได้กล่าวขอโทษพร้อมกับยกมือไหว้

“ก่อนอื่นต้องโทษจริงๆ สำหรับถ้อยคำของผมที่ไม่เหมาะสม อาจจะเป็นด้วยอารมณ์หลายๆ อย่าง ที่เราไม่คาดคิด เราโต้ตอบกับเพื่อนรุ่นที่พี่สนิทในเฟซบุ๊กของเรา แล้วใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ซึ่งผมก็ขอน้อมรับความผิด ผมขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกหรือเหยียดหยามลูกค้า หรือไม่ให้เกียรติลูกค้า แต่ว่าเอาเป็นว่าผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกครั้งต่อไปก็แล้วกันครับ ขอบคุณครับ”

ในส่วนของลูกค้า ดีเจกฤษ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุยังไม่ได้เปิดรับจองลูกค้าใหม่ๆ เพราะร้านจะปิดชั่วคราวเพื่อเปลี่ยนโต๊ะ

เมื่อถามถึงความรู้สึกว่ากลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบกับร้านว่าคนจะไม่กล้ามาจองหรือไม่นั้น ทาง ดร.ปัณณวิชญ์ กล่าวว่า “ทางเราพยายามทำให้ดีที่สุด ให้ลูกค้าพอใจ สบายใจ ซึ่งในเรื่องความสะอาดเราเคลียร์หมดแล้วว่าจะทำตามที่ตกลงทั้งหมด ส่วนเรื่องของความเชื่อมั่น แต่ละคนที่อยากจะมาทานหรือไม่อยากจะมาทาน อันนี้เป็นสิทธิ์ของลูกค้า ซึ่งเรายอมรับกับการที่เขาจะมาคอมเมนต์ติชมหรืออะไรต่างๆ”

ส่วนดราม่าเรื่องคอมเมนต์ของดีเจกฤษที่เกิดขึ้น ดีเจกฤษ เสริมอีกว่า “บางทีอารมณ์น้อยใจน่ะครับ คือแบบทางร้านยังไม่ได้มาชี้แจง บางทีหลายๆ คนเข้ามา คืออารมณ์น้อยใจกับเพื่อนเรา เพื่อนรุ่นพี่สนิท ในเฟซบุ๊ก ก็อย่างที่ผมบอก ขอโทษจริงๆ”

อาสาสมัครแรงงาน ผู้ประกันตน ผู้ประกอบการ SMEs จ.เพชรบูรณ์ ปลื้ม !! รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่พบปะให้กำลังใจถึงที่ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบูธกิจกรรมการให้บริการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยมี นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเขาค้อ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย สำหรับการตรวจเยี่ยมบูธกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ในครั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ พบปะอาสาสมัครแรงงาน สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงาน SMEs และพบปะแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ/ผลิตภาพสถานประกอบการ โครงการส่งเสริมสวัสดิการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง เยี่ยมผู้ประกันตนทุพพลภาพ ซึ่งผ่านการฝึกอาชีพจากศูนย์ฟื้นฟูฯ และนำผลิตภัณฑ์มานำเสนอ รวมทั้งพบปะให้กำลังใจผู้ประกันตน ม.40 จังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย 

โดย นายสุชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ผมมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาตรวจเยี่ยมและพบปะผู้ประกอบการ SMEs อาสาสมัครแรงงาน รวมทั้งผู้ประกันตน ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งทุกท่านเป็นกลไกสำคัญในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 
รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน กระทรวงแรงงานได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ อาทิ  การเยียวยานายจ้าง ผู้ประกันตน ม.33, ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีนายจ้าง จำนวน 721 ราย เป็นเงิน 17,658,000 บาท ผู้ประกันตนรวม 3 มาตรา จำนวน 285,280 คน เป็นเงิน 2,798,760,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,816,418,000 บาท

‘ปลัดแรงงาน’ ประชุมร่วมภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนการดำเนินงานขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศ ส่งเสริมให้แรงงานมีรายได้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศ ครั้งที่ 1/2565 พิจารณากำหนดแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงาน การขยายตลาดแรงงาน และการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งกำหนดแนวทางการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพแรงงานไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ  ณ ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ กล่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายผลักดันการส่งออกแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยมีงานทำ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาการว่างงาน ส่งเสริมการมีงานทำ ให้มีทางเลือกของพี่น้องประชาชนคนไทย ซึ่งการออกไปทำงานต่างประเทศ ไม่เพียงแค่ส่งเงินกลับมา แต่เป็นการนำวิทยาการ ทักษะฝีมือ ในเทคโนโลยีใหม่ๆ กลับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศด้วย ทั้งนี้ แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของนายจ้างต่างประเทศ เนื่องจากแรงงานไทยมีวินัยในการทำงานและมีทักษะฝีมือดี ประกอบกับประเทศไทยมีการบริหารจัดการเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
 

ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลตรุษจีน (ชิวสี่) ประจำปี 2565 สวดชัยมงคลคาถา(พะเก่ง) เฮง เฮง เฮง ตลอดปีขาล

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2565 ในวันชิวสี่ หรือวันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน  ซึ่งเป็นวันที่ประกอบพิธีอัญเชิญ (รับ) เทพเจ้าลงจากสวรรค์ และเริ่มประกอบพิธีสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) สะเดาะเคราะห์ แก้ปีชง เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตา โดยคณะสงฆ์ฝ่ายอนัมนิกาย ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

เทศกาลตรุษจีน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 65 โดยขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์ และสาธุชนทุกท่าน  “สักการะหลวงปู่ไต้ฮง” ขอพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีนเพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ ลงชื่อสวดชัยมงคลคาถา หรือ “พะเก่ง” เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้ครอบครัวมีสุข เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตาเสริมความมั่นคงสถาพร ตลอดปี 

พร้อมรับประทาน สาคูสิริมงคล  เพื่อความกลมเกลียวและอยู่เย็นเป็นสุข  รับฮู้ (ยันต์) ของหลวงปู่ไต้ฮง  ติดหน้าบ้านหรือพกติดตัวเพื่อคุ้มครอง  เคาะระฆังทอง ให้ก้องกังวานเพื่อให้ชีวิตสดใส การงานรุ่งเรืองระบือไกล และร่วมขอพรเทพยดาฟ้าดินเนื่องในวันประสูติ (ทีกงแซ)  ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 8 ก.พ. 65  ขออำนาจฟ้าดินเป็นที่พึ่ง ขอให้หลวงปู่ไต้ฮง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ  ช่วยดลบันดาลให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่ (โดยในวันที่ 31 มกราคม และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดบริการโต้รุ่ง)

‘โค้ชเช’ ปลื้ม!! ได้สัญชาติไทย ชื่อใหม่ ‘ชัชชัย’ หลัง ‘บิ๊กตู่’ ลงนามมอบสัญชาติให้ตามคำขอ

ได้เป็นคนไทยซักที สำหรับ ‘โค้ชเช’ หรือ ‘นายยอง ซอก เช’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย หลังจากเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า... 

วันนี้ได้ลงนามคำสั่งมอบสัญชาติไทยเพิ่มเติมประจำปีตามวาระ ซึ่งวันนี้ ‘โค้ชเช’ หรือ นายยอง ซอก เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ก็ได้รับสัญชาติไทยเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นคนไทยตามที่เขาข้อร้องมา เพราะเขาดูแลการกีฬาให้ประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร

‘โค้ชเช’ จะใช้ชื่อภาษาไทยว่า ‘ชัชชัย’ ที่สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือสมเด็จธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นคนตั้งให้

สวีเดน เตรียมบอกลามาตรการสกัดโควิด หวังให้ปชช. ใช้ชีวิตร่วมกับโอมิครอน

สวีเดนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) จะยกเลิกข้อจำกัดสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกือบทั้งหมดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ในขณะที่โรคระบาดใหญ่เข้าสู่ "ระยะใหม่หมด" จากตัวกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก แต่ก่ออาการเจ็บป่วยแค่เล็กๆ น้อยๆ

ในบรรดาข้อจำกัดภายในประเทศที่จะมีการยกเลิก คือ มาตรการปิดบาร์และร้านอาหารตอน 23.00 น. และจำกัดจำนวนการรวมกลุ่มทางสังคม

บัตรรับรองการฉีดวัคซีนสำหรับเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในร่มจะไม่มีการบังคับใช้อีกต่อไป เช่นเดียวกับคำแนะนำประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัยบนระบบขนส่งสาธารณะ

"โรคระบาดใหญ่ยังไม่จบ แต่เรากำลังเข้าสู่ระยะใหม่ทั้งหมด" แมกดาลีนา อันเดอร์สสัน นายกรัฐมนตรีสวีเดนบอกกับผู้สื่อข่าว "เรามีองค์ความรู้เกี่ยวกับโอมิครอนมากขึ้น ผลการศึกษาหลายการศึกษาเผยให้เห็นว่าโอมิครอนนำมาซึ่งอาการเจ็บป่วยรุนแรงน้อยลง"

ในขณะที่การแพร่ระบาดของโอมิครอน นำมาซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อในสวีเดนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ล้นระบบสาธารณสุขของประเทศ

สำนักงานสาธารณสุขของสวีเดนระบุในเวลาต่อมา ว่า พวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านการตรวจเชื้อ โดยบอกว่าประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเชื้ออีกต่อไป แม้ป่วยแสดงอาการก็ตาม

"ในด้านศักยภาพการตรวจเชื้อนั้น เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นอย่างเต็มกำลังไปที่กลุ่มต่างๆ ที่จำเป็นต้องทำการตรวจเชื้ออย่างแท้จริง" อันเดอร์ส เทกเนลล์ นักระบาดวิทยาของรัฐกล่าวระหว่างแถลงข่าว พร้อมระบุว่า ควรมุ่งเน้นทรัพยากรต่างๆ ไปยังเจ้าหน้าที่และคนไข้ภายในระบบสาธารณสุขมากกว่า

นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขสวีเดนยังเผยด้วยว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัฐบาล ร้องขอให้เลิกกำหนดให้โควิด-19 เป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขอีกต่อไป

"ตอนนี้เรามองโควิด-19 ในฐานะโรคๆ หนึ่งและโรคระบาดใหญ่หนึ่งๆ ซึ่งมีลักษณะที่ต่างจากโรคและโรคระบาดใหญ่ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง และเพราะฉะนั้น มันจึงไม่มีเหตุผลอีกต่อไปที่จะกำหนดให้มันเป็นภัยคุกคามของสังคม" เทกเนลล์ ระบุ

เวลานี้มีประชาชนชาวสวีเดนอายุ 12 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วมากกว่า 83% และได้รับเข็มที่ 3 แล้วเกือบ 50%

กอ.รมน. หนุนนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เตรียมรับแรงงานต่างด้าวเข้าไทย เสริมความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ call center 1374 พร้อมบริการประชาชน รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชม. ไม่มีค่าใช้จ่าย

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสธ.ทบ./เลขาธิการ กอ.รมน. ประธานประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันผ่านระบบออนไลน์กับหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน โดย เลขาธิการ กอ.รมน. ได้เน้นย้ำในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะโครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ ที่รัฐบาลมีแผนดำเนินการในปีนี้ ให้ กอ.รมน.จังหวัด ร่วมลงพื้นที่สำรวจปัญหา ประชุมติดตามสถานการณ์ เพื่อปรับแก้และนำหนี้เข้าสู่ระบบ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

ขณะที่การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศของรัฐบาล ทั้งกระบวนการนำเข้าเพื่อจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่นำร่องกลุ่มแรกใน จ.สระแก้ว เมื่อ 1 ก.พ.65 ที่ผ่านมา และการผ่อนผันขยายเวลาทำงานในประเทศให้กับแรงงานต่างด้าวเดิมที่ลงทะเบียนอยู่ในระบบถึง 13 ก.พ.66 นั้น ให้ กอ.รมน. ส่วนภูมิภาค อำนวยการประสานร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด ภาคเอกชน สถานประกอบการและประชาชน ปฏิบัติตามขั้นตอนนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ในช่องทางที่กำหนดอย่างถูกต้อง และมีการคัดกรองป้องกันโควิด-19 ตามแนวทางกรมควบคุมโรคอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, พัฒนาระบบจ้างงานในประเทศ และเพื่อให้ภาคธุรกิจ สถานประกอบการต่างๆ มีแรงงานที่เพียงพอ ได้รับสวัสดิการและสิทธิตามกฎหมาย เพิ่มการผลิต เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รับนโยบายการเปิดประเทศต่อไป

ส่องหลายประเทศ เริ่มคลายล็อก-ใช้ชีวิตกับโควิดเร็ว ความน่ากังวล ‘ยอดป่วย-ตาย’ ขยับหวนคืน

ปัจจุบันหลายประเทศกำลังผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด เพื่อให้ผู้คนใช้ชีวิตปกติ ล่าสุดนิวซีแลนด์ประกาศเปิดประเทศ ยกเลิกกักตัวคนเดินทาง ส่วนบริษัทใหญ่เกาหลีใต้ขอให้พนักงานตรวจหาเชื้อก่อนมาทำงาน หรืองดมาทำงาน 2 สัปดาห์ ขณะที่บังกลาเทศขยายการปิดโรงเรียนต่อไปอีก เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

แม้ในความเป็นจริง การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 จะยังคงดำรงอยู่ แต่ขณะนี้มีหลายชาติเพิ่มมากขึ้นที่ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนกลับไปใช้ชีวิตด้วยการปาร์ตี้ในไนต์คลับ นั่งดูภาพยนตร์ติดกัน และไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอีกครั้ง

แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งประเทศจำนวนมากค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด ท่ามกลางความหวังว่าการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนน่าจะผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว ซึ่งอาจถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่งหลังการแพร่ระบาดที่ยาวนานเกือบสองปี และอาจนำไปสู่การรับมือกับโควิดในวิธีเดียวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัด

ยุโรปซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดมานานหลายเดือน มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มมากที่สุด ไม่ว่าจะในอังกฤษ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงหลายประเทศที่ได้ยุติหรือผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม เช่นเดียวกับในสหรัฐฯ ที่หลายเมืองได้มีการยุติคำสั่งให้ผู้คนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ แต่ยังบังคับให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยในโรงเรียนและระบบขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกมากกว่า 370 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5.6 ล้านคน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศยกเลิกข้อบังคับให้ผู้คนเข้ารับการกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงนิวซีแลนด์รวมถึงเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับเสียงตอบรับด้วยความยินดีจากชาวนิวซีแลนด์หลายพันคนที่ยังคงติดค้างอยู่ในต่างประเทศ และเฝ้ารอที่จะเดินทางกลับบ้าน ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 นิวซีแลนด์กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบังคับใช้มาตรการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดมากที่สุด โดยผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องกักตัวในโรงแรมที่กำกับดูแลโดยทหารเป็นเวลา 10 วัน

ขณะที่บริษัทใหญ่ในเกาหลีใต้บางแห่งใช้มาตรการสกัดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการขอให้พนักงานตรวจหาเชื้อก่อนมาทำงานในวันนี้ หรืองดมาทำงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากคนจำนวนมากเพิ่งกลับจากการเดินทางวันหยุดปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ ตัวอย่างเช่น กาเกาคอร์ป บริษัทแอปพลิเคชันแชตรายใหญ่ ห้ามพนักงานเข้าสำนักงานจนถึงวันที่ 18 ก.พ. โดยจะยกเว้นให้เป็นบางกรณี ซึ่งต้องตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองในพื้นที่ที่จัดไว้และมีผลตรวจเป็นลบเท่านั้น และหลังจากวันที่ 18 ก.พ. พนักงานต้องตรวจหาเชื้อก่อนมาทำงาน ด้านเอสเคอินโนเวชัน บริษัทด้านพลังงาน และแอลจีเอเนอร์จีโซลูชัน ผู้ผลิตแบตเตอรี ได้แจกชุดตรวจให้พนักงานตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และขอให้ตรวจก่อนกลับมาทำงานตั้งแต่วันนี้ ขณะที่หน่วยงานรัฐบาลเกาหลีใต้ก็ใช้มาตรการลักษณะเดียวกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top