Friday, 14 February 2025
NEWS FEED

พิษสงครามฉุด GDP ยูเครนร่วงหนัก มูลค่าหายไปกว่าครึ่ง ด้านรัสเซียกดดันต่อ ถล่มสนามบินที่เมืองดนิโปร

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 7 ของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ซึ่งตอนนี้มีการโยกย้ายศูนย์กลางการปะทะลงมาทางด้านตะวันออกของยูเครน ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะเป็นการสู้รบครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

แต่ก่อนจะถึงศึกใหญ่นั้น หากประเมินผลกระทบจนถึงตอนนี้ ก็สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจยูเครนอย่างหนักหนาสาหัสมากแล้ว จากการประเมินของธนาคารโลกวันนี้ คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของยูเครนในปี 2022 นี้อาจหดตัวมากถึง 45.1% และตัวเลขนี้อาจเพิ่มได้อีกหากการสู้รบยังคงดำเนินต่อไป 

และถ้าประเมินเป็นตัวเลขความเสียหายรวมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือนประชาชน มูลค่านั้นสูงกว่า 5.6 แสนล้านเหรียญไปแล้ว ซึ่งฝ่ายรัฐบาลยูเครนกำลังเรียกร้องค่าเสียหายนี้จากทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารของชาติตะวันตก

'ผู้นำสิงคโปร์' เตือน!! สหรัฐฯ อย่าโดดเดี่ยวจีนจากปัญหายูเครน ลั่น!! ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ตามทางของตน

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีประเทศในแถบเอเชีย ที่เริ่มกล้าออกมาแสดงจุดยืนที่ห้าวหาญในประเด็นการเมืองโลก โดยล่าสุด Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีของสิงค์โปร์ ได้ออกคำเตือนไปยังสหรัฐฯ โดยตรงว่า "อย่าพยายาม โดดเดี่ยวจีน จากประเด็นเรื่องยูเครน เพราะทุกวันนี้โลกของเรา "ก็มีปัญหามากพออยู่แล้ว" และยังลั่นอีกด้วยว่าในอนาคต สหรัฐฯ อาจไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป 

นายกฯ สิงคโปร์ กล่าวไว้ชัดเจนว่า ถ้าหากสหรัฐฯ ยังหันมาเปิดศึกกับจีน จะยิ่งเป็นการแบ่งแยกระบอบประชาธิปไตยกับเผด็จการอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ปัญหา Supply Chain โลกซับซ้อนเข้าไปอีก และแน่นอนว่าถ้าลุกลามถึงขั้นคว่ำบาตรจีน ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกสูงกว่าการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นอย่างมาก

“คุณต้องระวังให้มากที่จะไม่กำหนดปัญหายูเครนในลักษณะที่จะทำให้จีนเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่แรกเริ่มโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น การทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและเผด็จการ”

(You have to be very careful not to define the problem with Ukraine in such a way that automatically, China is already on the wrong side, for example, by making this a battle of democracies against autocracies.)

“เราทุกคนมีปัญหาในยูเครน ผมคิดว่าถ้าเราพูดถึงอธิปไตย ความเป็นอิสระ และบูรณภาพแห่งดินแดน หลายประเทศสามารถเข้าร่วมได้ แม้แต่จีนเองก็ยังไม่คัดค้านและยังมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอย่างแข็งขันเป็นการส่วนตัวด้วย แต่ถ้าคุณ (สหรัฐฯ) บอกว่านี่เป็นเรื่องของประชาธิปไตยกับระบอบเผด็จการของปูติน ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ยากพออยู่แล้ว และถ้าคุณยังบอกอีกว่าประชาธิปไตยต้องสู้กับเผด็จการ นั่นถือเป็นการกำหนดให้ประเทศจีนเป็นฝ่ายที่ผิดตั้งแต่แรก และทำให้สิ่งต่างๆ จะยากขึ้นไปอีก”

(We all have a problem in Ukraine. I think if we talk about sovereignty, independence and territorial integrity, a lot of countries can come along. Even China would not object to that, and would actually privately strongly support that. But if you say it is democracies versus Putin’s autocracy, I think that already is difficult. If you say democracies versus autocracies – plural – that already defines China into the wrong camp, and makes things even more difficult.)

นอกจากนี้ นายกฯ สิงคโปร์ยังสอนมวยสหรัฐฯ อีกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายมีความไว้วางใจกันน้อยมาก และมันไม่ง่ายเลยที่จะหาระดับที่เหมาะสมในความสัมพันธ์ ขณะที่สิงคโปร์จะเลือกเดินตามทางของตัวเองในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เรื่องทั้งหมดบานปลาย

ดังนั้นสหรัฐฯ ต้องรู้ตัวแล้วว่า ถ้าเศรษฐกิจยังคงต้องพึ่งพากันและกันกับจีน ก็ไม่ควรวาง 80% ของจุดยืนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ในมุมของการเป็นปรปักษ์หรือศัตรูกัน แล้วมาบอกว่าความสัมพันธ์อันดี 20% ที่เหลือคือการ "Win-Win" ทั้ง 2 ฝ่าย

เขากล่าวชัดเจนว่าแนวคิดนี้ "ควรจะครอบงำรัฐบาลสหรัฐฯ" (กล่าวคือสหรัฐฯ ควรตระหนักเรื่องนี้โดยด่วน) และนอกเหนือจากยูเครนแล้ว สหรัฐฯ ควรรู้ด้วยว่าภูมิภาคเอเชียนี้ ถือเป็นสมรภูมิสำคัญที่สหรัฐฯ ต้องวางจุดยืนของตัวเองให้ดี 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ควรหันมามองเรื่อง "ความน่าเชื่อถือของตัวเอง" โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงและความสม่ำเสมอในการทำธุรกิจ (ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงการคว่ำบาตรด้วย) เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงมาก และอาจทำให้ประเทศอื่น ๆ ลดความไว้เนื้อเชื่อใจสหรัฐฯ ลงในอนาคต

Lee เสริมว่า ในภายภาคหน้านี้ สหรัฐฯ อาจจะไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป แต่จะยังคงเป็น 1 ในแนวหน้าทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก ซึ่งเขากล่าวว่ามันอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่จะทำใจยอมรับได้สำหรับสหรัฐฯ แต่เขาก็ปลอบใจว่าเมื่อเวลาผ่านไป สหรัฐฯ จะปรับตัวได้เอง

คมนาคมคาด บขส.คนทะลักกลับสงกรานต์วันละ 4 หมื่นคน

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานกรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ตรวจเยี่ยมการอำนวยความสะดวกและการให้บริการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จุดจอดรถโดยสารขนาดเล็ก (รังสิต) และสถานีเดินรถรังสิต โดย บขส. ประเมินว่า จะมีประชาชนเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์กว่า 40,000 คนต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาประมาณ 30% เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น 

ดังนี้นจึงได้มอบหมายให้ บขส. เตรียมรถโดยสารทั้งรถ บขส. รถร่วม รถตู้ไว้อำนวยความสะดวกและป้องกันผู้โดยสารตกค้างเฉลี่ยวันละ 3,700 เที่ยว ส่วนเที่ยวกลับคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยวันละ 38,000 คนและใช้รถโดยสารประมาณ 3,700 เที่ยว

ทั้งนี้ บขส. ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่ประจำทางมาวิ่งเสริมเที่ยววิ่ง ประมาณ 700 คัน และได้ทำหนังสือขออนุญาตต่อนายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก รวมทั้งได้ประสานขอเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกมาอำนวยความสะดวกออกใบอนุญาตนำรถออกวิ่งนอกเส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ระหว่างวันที่11 -12 เมษายน 2565 

สธ. ไฟเขียว ลดวันกักตัว กลุ่มเสี่ยงเหลือ 5 วัน จ่อเสนอ ศบค. ประกาศใช้หลังสงกรานต์

คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจาก 7 วัน เหลือ 5 วัน ติดตามอาการ 5 วัน จ่อเสนอ ศปก.ศบค.พิจารณาใช้หลังสงกรานต์นี้

วันนี้ (11 เม.ย.) ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในทุกจังหวัดแต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการมากในกลุ่มสีเหลืองและสีแดงต้องเข้ารักษาตัวใน รพ.อัตราครองเตียงประมาณ 30% ซึ่ง สธ. ได้เตรียมพร้อมยาต้านไวรัสที่จะใช้รักษาผู้ป่วยโควิด ทั้งยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพ็กซ์โลวิด รวมถึงจัดหาเวชภัณฑ์ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันชนิดออกฤทธิ์ยาว หรือ Long acting antibodies

สำหรับฉีดในผู้ที่มีความเสี่ยงและมีภูมิคุ้มกันต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อจนมีอาการหนักด้วย ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด ภาพรวมไปแล้วกว่า 130 ล้านโดส ครอบคลุมเข็มแรกกว่า 80% เข็มที่สอง 73% และเข็มที่สาม 35% แต่ยังมีผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยติดเตียงจำนวนหนึ่งที่เดินทางไม่สะดวกทำให้ยังไม่ได้รับวัคซีน ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจึงมีการรณรงค์ “Save 608 by booster dose” เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมกับอสม. ออกสำรวจ และให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุกถึงบ้านโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเสียชีวิต

เกาหลีเหนือจวก ‘ไบเดน’ ชายแก่ที่ 'สมองเลอะเลือน' หลังตราหน้า 'ปูติน' ก่ออาชญากรรมสงคราม

รัฐบาลเกาหลีเหนือกล่าวโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ว่าเป็น “ชายแก่ที่สมองเลอะเลือน” หลังออกมาครหา วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน

ถ้อยคำวิจารณ์เจ็บแสบนี้มีขึ้นหลังจาก ไบเดน ตราหน้าผู้นำหมีขาวเป็นอาชญากรสงคราม และเรียกร้องให้นำตัว ปูติน ขึ้นศาลระหว่างประเทศเพื่อไต่สวนความผิดฐานเข่นฆ่าพลเรือนในเมืองบูชา (Bucha)

“ประมุขฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ กล่าวให้ร้ายประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย โดยอาศัยข้ออ้างที่ไม่มีมูลความจริง” สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันเสาร์ (9 เม.ย.)

“คำพูดพล่อยๆ เช่นนี้มีแต่จะออกมาจากปากของพวกลูกหลานแยงกี้ ซึ่งถนัดเรื่องการรุกรานและวางแผนโจมตีผู้อื่น”

สื่อโสมแดงยังวิจารณ์ ไบเดน ว่าเป็น “ประธานาธิบดีที่ใครๆ ก็รู้ว่าปากไม่มีหูรูด” ทว่าไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรงๆ

“สิ่งที่เราสรุปได้ก็คือ เขามีปัญหาในเรื่องกระบวนการคิด และคำพูดที่ขาดความยับยั้งชั่งใจก็คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสะเพร่าของชายแก่ที่สมองเริ่มเลอะเลือน”

“อนาคตของสหรัฐฯ ดูจะมืดมนเสียแล้ว เมื่อปล่อยให้คนเช่นนี้ขึ้นมาเป็นผู้นำ”

'จรจัดสรร' ที่พักพิง 'สุนัขจรจัด' จากสถาปัตยกรรมขนาดเล็กพับเก็บได้ เซฟน้องหมา-สร้างจุดสังเกตแก่คนกลัวให้เดินเลี่ยง

ไวรัล! ที่พักพิง "จรจัดสรร" อีกทางเลือกแก้ปัญหาหมาจรจัด ด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก บังแดด-กันฝนให้หมาจรจัด แลนด์มาร์กให้อาหารเป็นหลักแหล่ง และเป็นจุดสังเกตให้คนกลัวหมา หวังลดความขัดแย้งในชุมชน

หมาจรจัดเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน โดยเฉพาะความขัดแย้งในชุมชนระหว่างคนกับหมา ทั้งเรื่องความสกปรกจากการกินและคุ้ยอาหาร หรือความปลอดภัยจากการถูกกัด หรือวิ่งตัดหน้ารถ ซึ่งที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการรณรงค์จากทั้งหน่วยงานรัฐและ NGO ให้แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง อย่างขอให้แต่ละคนประเมินความพร้อมก่อนตัดสินใจเลี้ยง หรือขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง แต่สุดท้ายจำนวนหมาจรจัดก็ยังไม่ได้หมดไป

กลุ่มจิตอาสาคนรักหมาแต่ละกลุ่ม ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาและลดความขัดแย้งเท่าที่จะทำได้ ทั้งการจัดโครงการสุนัขชุมชนในแต่ละพื้นที่ หรือการสนับสนุนศูนย์พักพิงหมาจรจัดต่าง ๆ

ล่าสุด ในสื่อสังคมออนไลน์ มีการส่งต่อโพสต์ไวรัลเกี่ยวกับอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ไขปัญหาหมาจรจัดอย่าง "ที่พักพิง" โครงการจรจัดสรรเป็นงานวิจัยระดับปริญญาเอก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบเชิงวัฒนธรรม คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ริเริ่มโครงการจากความเป็นคนรักหมา จึงต้องการดูแลสวัสดิภาพหมาให้ดีขึ้น

"อาจารย์ยศพร จันทองจีน" เจ้าของโครงการ ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสว่า ที่พักพิงโครงการจรจัดสรร เป็นการสร้างสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก ใช้อุปกรณ์เพียงแค่เหล็กและไวนิลซึ่งได้รับบริจาคจากโรงพิมพ์ แต่ช่วงนี้เหล็กราคาแพง ทำให้ราคา 1 ชุด อยู่ที่ 1,500 - 2,000 บาท โดยจรจัดสรรจะเลือกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจากชุมชน และไม่เกะกะขวางทาง มีอาสาสมัครคอยดูแลความเรียบร้อยและความสะอาด เพื่อเป็นการจัดการหมาจรจัดในชุมชนอย่างเป็นระบบ

“จุดประสงค์แรกเราคือ อยากหาที่บังฝนและบังแดดให้หมาจรจัดที่เขาไม่มีบ้านอยู่ เพื่อให้สวัสดิภาพชีวิตของเขาดีขึ้น”

เบื้องต้น นำร่องทำความร่วมมือกับจิตอาสากลุ่มสุนัขชุมชนเมืองทอง โดยติดตั้งที่พักพิงไปแล้ว 10 ชุด บริเวณข้างมหาวิทยาลัยศิลปากร 2 ชุด ข้างลานจอดรถอิมแพ็กอารีนา 5 ชุด และบริเวณปั๊มน้ำเมืองทอง อีก 3 ชุด ซึ่งคนในพื้นที่แจ้งว่า มีหมาเข้าไปพักเพื่อบังแดดอยู่บ้าง และเมื่อมีอาสาสมัครนำข้าวไปวางไว้ ก็มีหมาเข้าไปกินอาหารด้านในด้วย

“ที่พักพิงนี้เป็นจุดให้จิตอาสานำอาหารมาให้หมาได้แบบไม่เกะกะหรือรบกวนคนทั่วไป และเป็นสถาปัตยกรรมขนาดเล็กที่พับเก็บได้ ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งของคนในชุมชน และเป็นจุดสังเกตสำหรับคนที่กลัวหมาให้เดินเลี่ยงได้”

หลังเปิดเผยภาพไปจนกลายเป็นไวรัล อาจารย์ยศพร ยอมรับว่า รู้สึกดีใจที่ทำให้ประชาชนในวงกว้างได้ตระหนักถึงปัญหาหมาจรจัดที่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด และหวังจะให้ทุกคนร่วมแชร์ไอเดียแก้ไขปัญหาผ่านโซเชียล รวมถึงให้หน่วยงานที่ได้มาเห็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาหมาจรจัดและลดความขัดแย้งในชุมชนได้

“เราอยากให้เข้าใจว่า การทำโครงการนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อให้หมาจรจัดเพิ่มขึ้น ไม่ใช่การสร้างปัญหา แต่เป็นอีกหนึ่งทางแก้ปัญหาสำหรับกลุ่มคนรักหมาที่พอจะทำได้ด้วยกำลังที่มี”

ก.แรงงาน จับมือ 12 หน่วยงาน เอ็มโอยูเชื่อมข้อมูลจัดหางานช่วยเหลือระบบเพื่อนครอบครัว

วันที่ 11 เมษายน 2565 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ 
นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การขับเคลื่อนการให้บริการและความช่วยเหลือในระบบเพื่อนครอบครัว : Family Line โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

นายวรรณรัตน์ กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกฝ่ายตกลงร่วมมือกันดำเนินการขับเคลื่อนการให้บริการและความช่วยเหลือในระบบเพื่อครอบครัว : Family Line เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการให้คำปรึกษา ติดตาม ช่วยเหลือ จัดสวัสดิการคุ้มครองสิทธิ และส่งต่อผู้ใช้บริการและครอบครัว

รวมทั้งพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ออนไลน์ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสื่อสร้างสรรค์ด้านครอบครัว สำหรับสมาชิกครอบครัวทุกช่วงวัย ในส่วนของขอบเขตความร่วมมือของกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จะสนับสนุนบุคลากรร่วมเป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาในระบบเพื่อนครอบครัว : Family Line ในประเด็นการหางาน สนับสนุนการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับการจัดหางาน สนับสนุนการติดตาม ช่วยเหลือ และส่งต่อผู้ใช้บริการและครอบครัว รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว และการขับเคลื่อนระบบเพื่อนครอบครัว : Family Line

ทอท.คาดสงกรานต์คนนั่งเครื่องบิน 1 ล้านคน

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ทอท. เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ซึ่งจะมีวันหยุดยาวหลายวัน อาจได้เห็นภาพบรรยากาศการเดินทางที่คึกคักของประชาชนมากขึ้นจากปีก่อน โดย AOT คาดปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2565 จะมีเที่ยวบินประมาณ 9,310 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินภายใน ประเทศประมาณ 6,820 เที่ยวบิน ลดลง 2.79% และเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 2,490 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 123.14% 

ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 103.07% แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 843,220 คน เพิ่มขึ้น 62.08% และผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 238,800 คน เพิ่มขึ้น 1,798.07% 

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีตัวเลขที่น่าสนใจคือเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศที่สนามบินดอนเมือง และภูเก็ต มีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่สุวรรณภูมิคาดว่าจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 1,790 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 70.52% และมีผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 160,300 คน เพิ่มขึ้น 1,179.37% 

‘อนุทิน’ รับมอบ ‘แพ็กซ์โลวิด’ ล็อตแรก คาดส่งให้ผู้ป่วยสูงวัยที่ติดโควิดหลังสงกรานต์

เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานพิธีส่งมอบยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ น.ส.เด็บบราห์ ไซเฟิร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในจำนวนการจัดซื้อ 50,000 คอร์ส รวม 1.5 ล้านเม็ด กำหนดทยอยส่งมอบให้ครบภายในเดือนเม.ย. ซึ่งมีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้รับจัดเก็บและกระจายยาลงพื้นที่แต่ละจังหวัด

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเข้าถึงยารักษาโควิด-19 ที่มีประสิทธิผล มีข้อมูลทางวิชาการหรือผลการศึกษาวิจัยที่มีคุณภาพเพียงพอในการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบาย เพื่อพิจารณาเลือกและจัดหายาที่เหมาะสมในการนำมาใช้กับผู้ติดเชื้อโควิด ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ยาต้านไวรัสรักษาผู้ป่วยโควิด ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาเรมเดซิเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาตัวใหม่ที่กำลังนำมาใช้ คือ ยาแพ็กซ์โลวิด ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อใช้รักษาโควิดโดยตรง ไม่ใช่เป็นเพียงยาต้านไวรัสทั่วไป ซึ่งปัจจุบันพบว่าผู้ติดเชื้อที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปส่วนหนึ่งยังมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ สธ. โดยกรมการแพทย์ ดำเนินการจัดซื้อจัดหายาที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตลง ทั้งนี้ ไม่ใช่เป็นทางเลือกแต่เพื่อสร้างความมั่นคงทางยา ให้ประชาชนมั่นใจว่าเรามียาครบถ้วนและเพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วยทุกอาการ โดยจะกระจายยาลงไปยังแต่ละจังหวัด ในโรงพยาบาลศูนย์ และให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้บริหารจัดการยาต่อไป

“แม้เราจะมียาดีอย่างไร สู้กับการไม่เจ็บป่วยไม่ได้ ฉะนั้นขอให้ประชาชนยังคงมาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างและล้างมือ ลดเข้ากิจกรรมเสี่ยง และฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน” นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้ตอบคำถามกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจัดซื้อยามาในปริมาณเพียง 50,000 คอร์ส ว่า ประเทศไทยรักษาผู้ป่วยมากกว่า 2 ล้านคน แต่ละคนมีอาการต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่จะอาการไม่รุนแรง ฉะนั้นขอให้มั่นใจว่ายาแต่ละขนานที่แพทย์ให้มาจากหลักวิชาการ เราไม่ต้องไปบอกแพทย์ว่าเราจะรับยาอะไร ผู้ป่วยจะต้องเชื่อแพทย์ที่จะจ่ายยาที่เหมาะสมที่สุดกับผู้ป่วย ยืนยันว่าไม่ได้ซื้อน้อย เพราะไม่ได้ซื้อเพียงครั้งเดียว หากพบว่ามีความจำเป็นเราก็พร้อมจะจัดซื้อเพิ่มให้เหมาะสมเพียงพอ

“ไม่มีคำว่าขี้เหนียว เก็บรักษาเอาไว้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามการรักษาโดยดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งยาทุกชนิดที่นำมาใช้กับผู้ป่วยทั้งต้านไวรัสหรือยาแก้ไอ ลดน้ำมูกทั่วไป ยาฟ้าทะลายโจร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ยาแพ็กซ์โลวิดหรือฟาวิพิราเวียร์ทุกคน ยิ่งไม่ได้รับ ก็ต้องถือว่าผู้ป่วยมีสุขภาพดี อาการไม่รุนแรง เป็นสิ่งที่น่ายินดี เพื่อให้เราเก็บยาไว้รักษาผู้ที่มีความจำเป็น” นายอนุทินกล่าว

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยยาแพ็กซ์โลวิดในผู้ป่วย 1,379 คน พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาล (รพ.) หรือเสียชีวิตลงได้ 88% เมื่อผู้ป่วยได้รับยาภายใน 5 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ โดยกลุ่มที่ได้ยานอน รพ. 0.77% และไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนกลุ่มที่ได้รับยาหลอก นอนรพ. 6.31% และมีผู้เสียชีวิต 13 คน ถือว่ามีประสิทธิผลสูง ซึ่งยาแพ็กซ์โลวิด จะนำไปใช้รักษาผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง เช่น คนอายุมากกว่า 60 ปี มีภาวะอ้วน เป็นเบาหวาน เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคไตเรื้อรัง ภูมิต้านทานร่างกายต่ำ เป็นต้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือการรักษาตัวในรพ.

ชาวพม่าในไทยเดือด!! ไม่พอใจคำขู่สถานทูตพม่าในไทย ห้ามหนุน NUG - PDF รุดเขียนจดหมายด่าติดเต็มกำแพงที่ ถนนสาทร

เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) ที่สถานทูตพม่า ประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ กรุงเทพฯ ชาวพม่าจำนวนหนึ่งซึ่งทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้แสดงความไม่พอใจสถานทูต โดยเขียนข้อความด่าทอ ต่อว่าจำนวนมาก แล้วนำไปติดไว้บริเวณป้ายและกำแพงสถานทูตเต็มไปหมด

เนื้อความที่เขียนด่า ส่วนมากเป็นการโจมตีบทบาทของสถานทูตที่ให้การสนับสนุนสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) หรือที่คนพม่าซึ่งอยู่ฝ่ายต่อต้านเรียกสั้นๆ ว่า “สภาทหาร” ที่กำลังทำหน้าที่บริหารประเทศพม่าอยู่ในขณะนี้ หลายเนื้อความใช้ถ้อยคำรุนแรงในทำนองที่ว่า สถานทูตทำตัวเป็นทาสรับใช้ทหาร สถานทูตเป็นพวกก้มหัวรับใช้ทหาร เราไม่ต้องการสถานทูต

ปฏิกิริยาไม่พอใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2565 สถานทูตพม่า ประจำประเทศไทย ได้ออกประกาศเตือน เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ และเพจทางการบนเฟซบุ๊ก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top