Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

รมต.ยุติธรรม มอบเงินให้ญาติเสียชีวิตไฟไหม้ผับ Mountain B 19 ราย 2,090,000 บาท และร้องขอ DSI ช่วยเหลือในคดีเพื่อความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ (19 ส.ค. 65) ที่ห้องประชุมศาลาเอนกประ สงค์เทศบาลเมืองบ้านสวน ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางเข้ามอบเงินช่วยเหลือจากทางส่วนของภาครัฐ ให้กับญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุเพลิงไหม้ Mountain B  อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 19 รายๆ ละ 110,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,090,000 บาท 

ต่อมาทาง ทนายรณรงค์ แก้วเพชร ได้นำญาติผู้เสียชีวิต เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากผ่านมา 10 วัน ยังไม่ได้รับความช่วยจากทางเจ้าของผับเท่าที่ควร พร้อมทั้งกลัวว่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดู ไม่ทำตามคำที่พูดไว้หากผ่านไปเป็นเวลานาน เรื่องก็อาจจะเงียบหาย และต้องการให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษ ให้ DSI เข้ามารับคดีนี้ ไปตรวจสอบ

ทนายเผย 'คดีพิงค์กี้' มีผู้เสียหายนับหมื่นราย มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้าน

ทนายรณรงค์ เผยคดีพิงค์กี้ มีผู้เสียหายนับหมื่นคน รวมค่าเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท มีการไกล่เกลี่ยจ่ายจบจนหลือ 2 พันล้านบาท มีดาราร่วมโปรโมทอีกหลายคนที่รอหมายจับ ส่วนคดีมีสิทธิ์ยื่นประกันตัว แต่อยู่ที่ดุลพินิจของศาล เพราะนายอภิรักษ์ ยังหลบหนีไปแล้ว

ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ได้เปิดเผยว่าวอเล็ต 3 ดี ใช้วิธีการอ้างว่าเป็นการเอาเงินไปลงทุน แต่คนคิดว่าได้เงินจริงเพราะเป็นค่าเงินต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่รองรับในตอนนั้น แต่ปรากฎว่ามีคนสมัครเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพราะมีดาราดังคือ พิงค์กี้ เป็นแอมบัสเดอร์ หรือคนโปรโมทการันตีให้ จึงน่าเชื่อถือ จนกระทั่งมียอดเงินเข้ามากว่า 2 หมื่นล้านบาท มีทั้งประชาชนและมีดาราอีกหลายคนที่หลงเชื่อ แต่พอเป็นคดีความขึ้นมาพิงค์กี้ มีการไกล่เกลี่ยจนหักลบกลบหนี้เหลือกว่า 2 พันล้านบาท และในเคสนี้ มีดารามาร่วมหลายคนในการโปรโมทเป็นพรีเซ็นเตอร์และชักชวนให้คนหลงเชื่อ จนมีผู้เสียหายจากที่ได้พบกับ DSI พบว่ามีดารามีเอี่ยวอีกหลายคน มีรายชื่อทั้งหมดและสมควรที่จะได้รับโทษเหมือนกันเพราะคนที่มาโปรโมท เพื่อเอารายได้จากเงินส่วนนี้ โดยที่ไม่สนใจความเดือดร้อนและเสียหายของชาวบ้าน แต่พิงค์กี้ คือคนเริ่มต้น

'CEO SCB' ส่งสารถึงพนักงานระดับปฏิบัติการ ช่วยเหลือค่าครองชีพ จำนวน 4,000 บาท

(19 ส.ค. 65) นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ส่งสารถึงพนักงานระดับชั้น Staff และ Officer หรือเทียบเท่า ของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยระบุว่า...

เรียน เพื่อนพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ทุกท่านครับ

ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งข่าวดีให้เพื่อนพนักงานได้รับทราบครับ สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อันส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตโดยรวมของพนักงาน โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานระดับปฏิบัติการ 

ด้วยความห่วงใยต่อเพื่อนพนักงาน และความต้องการที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเพื่อนพนักงานที่อาจได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจดังกล่าว โดยสอดคล้องกับทฤษฎีเก้าอี้ 3 ขา ที่มีพนักงานของธนาคารเป็นหัวใจสำคัญ ตามที่ผมได้แถลงไว้ในวัน Townhall ที่ผ่านมา จึงได้มีมติเห็นชอบร่วมกันของคณะกรรมการธนาคาร และฝ่ายจัดการ ซึ่งได้พิจารณาเห็นสมควรจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษครั้งเดียว เป็นจำนวนเงิน 4,000 บาท ให้กับพนักงานธนาคารในระดับชั้น Staff และ Officer หรือเทียบเท่า โดยจะทำการจ่ายเข้าบัญชีของพนักงาน ในวันที่ 1 กันยายน 2565 นี้

'บิ๊กตู่' แง้ม!! กำลังพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ย้ำ!! มีไว้ควบคุมโควิด-19 ไม่มุ่งหวังประเด็นอื่น

'บิ๊กตู่' เผย ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังอยู่ขั้นตอนพิจารณา ยันมีไว้บูรณาการทุกหน่วยงานคุมโควิดเท่านั้น ไม่มุ่งหวังประเด็นอื่น วอน ปชช.ฉีดเข็มกระตุ้น หวั่นเชื้อกลายพันธุ์​ ขณะที่ 'หมออุดม' ยันศบค.ยังไม่เคาะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รอศบค.ชุดใหญ่ถกนัดหน้า

วันที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 11.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 11/2565 ว่า วันนี้เป็นการประชุมศบค.อีกครั้งหนึ่ง และประชุมแต่ละครั้งมีความสำคัญทุกครั้ง ซึ่งได้รับทราบถึงสภาวะโดยรวม ทั้งการแพร่ระบาดและการเตรียมการมาตรการรองรับต่าง ๆ ซึ่งเรามีแผนรองรับไว้ทุกตัว ทุกระดับของสถานการณ์ ทั้งเรื่องวัคซีนและการฉีด สิ่งที่ต้องเน้นในวันนี้ทำอย่างไรให้คนไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมากยิ่งขึ้น และให้ความสำคัญกับคนกลุ่ม 608 มากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากฉีดกัน และจากสถิติพบว่ามีหลายคนไม่อยากฉีด คิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วเลยไม่ฉีด นี่คืออันตรายพอสมควร แม้เป็นการฉีดแบบสมัครใจแต่ก็อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องนี้ วันนี้แม้เราจะปลอดภัยแต่การแพร่ระบาดก็ยังมีอยู่ อย่าเพิ่งคิดว่าเมื่อสถานการณ์ลดลงแล้วระวังตัวน้อยลงอะไรทำนองนี้ ขอให้ระมัดระวังตัวเหมือนเดิมและให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เพราะมีเชื้อกลายพันธุ์อยู่หลายตัวในขณะนี้ แต่จากการได้รับรายงานเรายังสามารถรับมือได้อยู่หลายๆ อย่างด้วยกัน และวันนี้มีความก้าวหน้าของวัคซีนที่เราผลิตเอง ซึ่งมีความก้าวหน้าไประยะที่ 3 แล้ว 

“สิ่งที่นายกฯ อยากจะพูดคือขอร้องให้ทุกคนไปฉีดเข็มกระตุ้น มันมีให้เลือกอยู่แล้วถ้าทุกคนไม่สบายใจยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ก็สามารถเลือกฉีดได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อตัวเองและคนอื่นด้วย สิ่งที่ห่วงและกังวลในตอนนี้คือการท่องเที่ยวของเรากำลังเดินหน้า และการเปิดสถานประกอบการ ศูนย์การค้า ร้านอาหารต่างๆ มากขึ้น ก็จะเป็นรายได้ให้ประเทศและทุกคนได้เข้าถึงรายได้ที่มากขึ้น ดังนั้นถ้าทุกคนช่วยกันก็จะเดินหน้าไปด้วยดี เป็นห่วงเรื่องนี้มากที่สุด ส่วนรายละเอียดต่างๆ โฆษกศบค.จะชี้แจง เพราะการพิจารณาในศบค.มีหลายเรื่อง แต่ยืนยันทุกอย่างเราสามารถที่จะดูแลได้ เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศในโลกใบนี้ แต่อย่าวางใจในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล รวมถึงการใส่หน้ากาก ซึ่งดีใจ ผมมีโอกาสไปประชุมเปิดงานตามศูนย์การค้าต่างๆ คนส่วนใหญ่ยังสวมหน้ากากกันอยู่ ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือให้มากที่สุดในเรื่องการติดเชื้อ การตรวจ ATK อะไรต่างๆ บางคนขณะนี้ก็ตรวจกันเองได้ด้วย ก็ขอให้ระวังตัวเองก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯ กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา การมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เพื่อที่จะเสริมเท่านั้นเอง ถ้าสามารถที่จะลดระดับลงได้ตนก็พร้อมที่จะลดให้ ซึ่งวันนี้ยังหารือกันอยู่ในความจำเป็น เรื่องการบูรณาการ การใช้หน่วยงาน การมีไว้ใช้จะเป็นการสำรองไว้ ตนไม่ได้มุ่งหวังใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อประเด็นอื่นเลย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในเรื่องของโควิด-19 เท่านั้น คือสิ่งสำคัญ เพื่อให้หลายหน่วยงานได้ทำงานร่วมมือกัน อย่างวันนี้เรื่องน้ำท่วมอะไรต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องร่วมมือกันทุกอัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกหน่วยงานพยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือเต็มที่ ขอให้มองในแง่ดีบ้าง มีแล้วมันเกิดประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ลองดูแล้วกัน ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ อยู่ที่สื่อมวลชนด้วยช่วยกันทำความเข้าใจ

สาวกลัทธิ ‘มุนนีส์’ ประท้วงกลางกรุงโซล โวยสื่อญี่ปุ่นโจมตีไม่เป็นธรรม หลัง ‘อาเบะ’ ถูกลอบสังหาร

สมาชิกโบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church) ในเกาหลีใต้หลายพันคนออกมารวมตัวประท้วงที่กรุงโซลโดยร้องเรียน ว่าถูกสื่อญี่ปุ่นเสนอรายงานโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม นับตั้งแต่อดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ถูกคนร้ายลอบสังหารเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา

เมื่อ (18 ส.ค. 65) สมาชิกโบสถ์แห่งสามัคคีหลายพันคน รวมตัวกันในกรุงโซล เพื่อประท้วงที่สื่อญี่ปุ่นไม่เป็นกลาง และไม่ให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับคริสตจักร หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวว่า มารดาของผู้สังหารอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ บริจาคเงินให้กับคริสตจักรดังกล่าวมากมายจนเกิดปัญหาภายในครอบครัว

ผู้ประท้วงตะโกนเรียกร้องเป็นภาษาเกาหลีและญี่ปุ่นให้หยุดการรายงานข่าวที่ไม่เป็นกลางและหยุดกลั่นแกล้งศาสนาที่พวกเขานับถือ พร้อมถือป้ายประท้วงระบุข้อความว่า “เคารพเสรีภาพในการนับถือศาสนา” และ “หยุดการใช้ถ้อยคำเกลียดชัง”

ทั้งนี้ เท็ตสึยะ ยามากามิ ผู้ต้องสงสัยที่สังหารชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่พอใจต่อคริสตจักร โดยกล่าวหาว่าโบสถ์แห่งนี้ทำให้แม่ของเขาล้มละลาย และกล่าวโทษอาเบะที่นำเผยแพร่ข้อมูลของโบสถ์ ตามโพสต์ในโซเชียลมีเดียและข่าวต่าง ๆ

โบสถ์แห่งความสามัคคีมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก (Family Federation for World Peace and Unification) ก่อตั้งขึ้นที่เกาหลีใต้เมื่อช่วงทศวรรษ 1950 โดยสาธุคุณ ซัน เมียงมุน (Sun Myung Moon) ซึ่งอ้างตัวว่าเป็น 'เมสสิอาห์' และกิจกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้กับโบสถ์แห่งนี้เป็นอย่างมากก็คือ 'พีธีสมรสหมู่' ระหว่างสาวกต่างเชื้อชาติ ขณะที่สมาชิกโบสถ์มักจะถูกคนนอกเรียกว่า 'พวกมุนนีส์' (The Moonies)

ม.อ. จับมือ กรุงเทพดุสิตเวชการ ร่วมมือทางวิชาการจัดสหกิจศึกษา และรับมอบเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอน

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) โดยนายแพทย์นรินทร์ บุญจงเจริญ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 6 และ แพทย์หญิงเมธินี ไหมแพง รองประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 1 และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือวิชาการการจัดสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน (Cooperative and Work Integrated Education : CWIE) โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยุพาวดี สมบูรณ์กุล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาสหกิจศึกษา กล่าวรายงานความร่วมมือทางวิชาการ พร้อมด้วย ผู้บริหารทั้งสองหน่วยงาน บุคลากร และนักศึกษา ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมดงยาง 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565

พร้อมกันนี้ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.กฤตย์อังกูร เชษฐเผ่าพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ ยังได้มอบเครื่อง EST หรือ เครื่องวัดสมรรถภาพของหัวใจขณะออกกำลังกาย มูลค่า 1.1 ล้านบาท โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิคม สุวรรณวร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ รับมอบเครื่องมือทางการแพทย์ดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนให้แก่ สาขาชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ อีกด้วย

สาย 8 กำลังจะเปลี่ยนไป บริษัท ไทย สมายล์ บัส พลิกโฉมสายประวัติศาสตร์การเดินรถ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ด้วยรถโดยสายพลังงานไฟฟ้าฝีมือคนไทย เน้นการบริการและความปลอดภัย เริ่มให้บริการ 22 สิงหานี้

วันนี้ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 น. บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้ให้บริการ รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ทำพิธีเปิดการให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 (2-38) ใน คอนเซ็บต์ “We Come To Change Fast 8 To Feel Good เรามาเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกให้ดีขึ้น” โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด โดยนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด, นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน), นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ก พ้อยท์ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ณ อู่บึงกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร


นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานในพิธีเปิดให้บริการ รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 (2-38) ในวันนี้ ได้กล่าวว่า วันนี้นับเป็นวันสำคัญในประวัติศาสต์ชาติไทยของการเปลี่ยนแปลงระบบรถโดยสารสาธารณะครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ที่กำลังจะร่วมกันก้าวข้ามผ่านการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็น 'รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า' ที่ผลิตโดยคนไทย

บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้ได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ได้แสดงศักยภาพ ส่งเสริมประเทศด้วยนวัตกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม นับได้ว่าเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ที่น่ายกย่องและควรจะได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง

​นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า ด้วยในปัจจุบันโลกกำลังร้อนขึ้น จากการเดินทางด้วยรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ และฝุ่นควันมากมาย อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิด PM 2.5 บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด จึงได้นำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า หรือ EV Bus มาใช้ทดแทนรถโดยสารแบบเดิมที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ได้เล็งเห็นถึงโอกาส ในการพัฒนาคุณภาพของการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ อันจะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯ ได้นำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาให้บริการ

'กยศ.' ยืดเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ สามารถชำระหนี้ได้ ถึง 31 ธ.ค. 65

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ 5 มาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ที่จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เลื่อนเป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2565 รวมระยะเวลา 6 เดือน​ โดยมีเงื่อนไขมาตรการ ดังนี้

1.) ลดดอกเบี้ย จากเดิม 1% ต่อปี เป็น 0.01% ต่อปี (สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้)

2.) ลดเงินต้น 5% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี (สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้)

แม่ค้า-พ่อค้าไทย เซ็ง!! เจอชาวจีนไลฟ์ขายของแข่ง โปรฯ ลดแลก-แจกแถมเพียบ!! บ่นอุบ เริ่มอยู่ยาก

อีกขั้นของแม่ค้าสาวชาวจีน ไลฟ์ขายกระเป๋าผ่าน TikTok ในราคาแสนถูก แถมโปรโมชันอีกเพียบ พ่อค้า-แม่ค้าไทย สู้ไหวไหมบอกมา!?

งานนี้เริ่มอยู่ยาก ล่าสุดโลกออนไลน์ได้มีการพูดถึงคลิป TikTok ของสาวจีนรายหนึ่ง ที่ออกมาไลฟ์สดขายกระเป๋า แข่งกับแม่ค้าคนไทยที่รับของมาจากจีน

ที่น่าจับตามองอย่างมากคือ วิธีขายที่พัฒนาไปอีกขั้นของเธอ คือนอกจากตั้งโกดังขายแล้ว ตอนนี้อัปเกรดมาเป็นไลฟ์ขายของแข่งกับคนไทย ด้วยราคาที่ถูกแสนถูกกว่าทุกร้านที่เคยขาย จนรายอื่นต้องร้องจ๊าก!!

โดยในคลิปขายของของเธอ สะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ แม่ค้าชาวจีนหน้าตาน่ารัก พูดไทยไม่ชัดมาก แต่พร้อมงัดไม้เด็ดโปรโมชั่นลดแลก-แจกแถม จัดหนักจัดเต็มให้ลูกค้าคุ้มเงิน

แถมยังมีการอำนวยความสะดวกเก็บเงินปลายทาง ทำให้งานนี้มีสาวกคนแห่กดติดตามกว่า 75,000 คนในเวลาอันรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน บรรดาพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ชาวไทย ต่างบ่นระงมกันในโซเชียลฯ ว่า อยู่ยากขึ้นทุกวัน

ล้างหนี้ กยศ. ไม่ใช่การแก้ปัญหาหนี้ แต่ยิ่งทำให้ผู้กู้ขาดวินัยทางการเงิน

สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุ ล้างหนี้ กยศ. ไม่ใช่การแก้ปัญหาหนี้ แต่ทำให้ผู้กู้ขาดวินัยทางการเงิน

จากกรณีที่ #ล้างหนี้กยศ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ เนื่องมาจากมีการออกมาล่ารายชื่อ 10,000 รายชื่อ เพื่อยื่นแก้ไขกฎหมายกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยให้รัฐบาลเป็นลูกหนี้แทนผู้กู้ โดยมีการลงชื่อผ่านเว็บไซต์ “ศูนย์วิจัยรัฐสวัสดิการ”

ระบุไว้ว่า ปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ กยศ. สูงมากกว่า 60% และก่อหนี้โดยเฉลี่ย 150,000-200,000 บาทต่อคน ใช้เวลาผ่อนชำระถึง 15 ปี และส่วนที่ชำระสูงสุดอาจถึง 50% ของค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ 30% ของเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น สภาพหนี้สินได้ลดแรงจูงใจในการเริ่มชีวิตประกอบธุรกิจ รวมถึงการเข้าแหล่งทุนเพื่อการลงทุนต่าง ๆ ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของชีวิต แถมยังระบุด้วยว่า เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งขัดกับในรัฐธรรมนูญมาตรา 4 แห่งราชอาณาจักรไทย สมควรปรับปรุง พ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยแก้ไข มาตรา 44 เพิ่มเติม วรรคที่ 5 ให้ผู้ทำการกู้ที่สำเร็จการศึกษาเกิน 2 ปี และยังคงมียอดกู้คงเหลือให้ถือว่าสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ โดยให้กองทุนเก็บยอดหนี้คงค้างจากรัฐบาลต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top