Monday, 19 May 2025
NEWS FEED

'แจ็ก หม่า' ย่องดูงานใน ม.เนเธอร์แลนด์ เรียนรู้เกษตรยุคใหม่ ปลุกไฟในวัย 57

ห่างหายจากหน้าสื่อไปนาน สำหรับ 'แจ็ก หม่า' อภิมหาเศรษฐีจีนชื่อดัง ผู้ก่อตั้ง Alibaba แม้วันนี้เขาจะเกษียณตัวเองออกจากตำแหน่งประธานผู้บริหารสูงสุด เพื่ออุทิศตนทำงานการกุศลเพื่อสังคมเต็มตัวแล้วก็ตาม แต่แจ็ก หม่า ในวัย 57 ปี ก็ยังไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ศาสตร์ และวิทยาการใหม่ ๆ อยู่เสมอ

และล่าสุด แจ็ก หม่า ได้ติดต่อขอเข้าไปศึกษาดูงานไกลถึง Wageningen University & Research (WUR) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านงานวิจัยทางการเกษตรมาก

โดยแจ็ก หม่า มีความสนใจด้านการพัฒนาอาหาร และการเกษตรแบบยั่งยืน ซึ่งที่มหาวิทยาลัย WUR แห่งนี้มีทั้งระบบการเพาะปลูกเรือนกระจกแบบไฮ-เทค และศูนย์ศึกษาลักษณะพันธุกรรมของพืชที่ล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์

ที่ทางสถาบัน WUR ตอบรับคำขอของแจ็ก หม่า ที่ต้องการมาดูงานวิจัยในมหาวิทยาลัย เพราะเห็นความตั้งใจของแจ็ก หม่า ที่ได้ก่อตั้งมูลนิธิภายใต้ชื่อของตนเอง และต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม ด้วยความรู้เรื่องการทำฟาร์มปศุสัตว์ ประมง และการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อความมั่นคงด้านอาหารในทุกพื้นที่ รวมถึงในเขตทะเลทรายโกบีด้วย

แจ็ก หม่า ตั้งใจที่จะทำให้วิชาด้านเกษตรกรรม กลายเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจสำหรับคนหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ และวางแผนที่จะทำงานร่วมกับสถาบัน WUR ในอนาคตอีกด้วย

'นายกฯ' ให้กำลังใจคณะผู้จัด 'ศึกวันแดงเดือด' ช่วยหนุนบทบาทไทยสู่แลนด์มาร์กกิจกรรมระดับโลก

(12 ก.ค.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชื่นชมคณะผู้จัดงานทุกคน ที่ช่วยขับเคลื่อนการแข่งขันฟุตบอลรายการ The Match Bangkok Century Cup 2022 แมตซ์พิเศษระหว่าง "ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" กับ"ทีมลิเวอร์พูล"ที่จะแข่งขันในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก โดยเป็นกิจกรรมที่รวมกลุ่มผู้คนจำนวนมากเป็นครั้งแรก ภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการโควิด-19  สร้างความสุขให้คนไทย พร้อมให้กำลังใจให้คณะผู้จัดงาน ให้สำเร็จด้วยดี สร้างความประทับต่อนักฟุตบอลทั้งสองทีม และแฟนบอลชาวไทยทุกคน

'เซเลนสกี้' สั่งเด้งฟ้าผ่า!! ทูตยูเครนใน 5 ประเทศ เหตุไม่ได้ดั่งใจที่ให้ต่างชาติยืนข้างยูเครนไม่ได้

เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน ได้เซ็นคำสั่งเด้งฟ้าผ่าเอกอัครราชทูตยูเครนที่ประจำในเยอรมนี, อินเดีย, สาธารณรัฐเช็ก, นอร์เวย์ และ ฮังการี รวดเดียว 5 ประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต่างประเทศระดับสูงอีกหลายคน โดยไม่ได้อธิบายเหตุผลว่าเกิดจากอะไร มิหนำซ้ำไม่ได้แจ้งด้วยว่า นักการทูตระดับสูงที่ถูกเด้งออกไป จะมีโอกาสได้ย้ายไปทำงานในหน่วยงานอื่นของรัฐบาลยูเครนหรือไม่

สื่อต่างประเทศหลายสำนักพยายามที่จะหาเหตุผลว่า เหตุใดผู้นำยูเครนถึงตัดสินใจปลดเอกอัครราชทูตของตนที่ประจำอยู่ในหลายประเทศชั้นนำอย่างกะทันหันในช่วงเวลาเช่นนี้ 

โดยหนึ่งในสาเหตุ อาจเกิดจากการที่ผู้นำยูเครนพยายามกดดันให้ทูตยูเครนที่ประจำในที่ต่าง ๆ เร่งเจรจากับรัฐบาลต่างประเทศเพื่อระดมทุน และความช่วยเหลือด้านอาวุธส่งเข้ามาให้ยูเครนในการทำสงครามสู้รบกับรัสเซียให้ได้มากที่สุด

แต่เอกอัครราชทูตที่อยู่ในบัญชีถูกปลดบางคน มักประจำอยู่ในประเทศที่มีแนวโน้มเอนเอียงไปทางรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลอินเดีย ที่ตอนนี้ยังคงวางตัวเป็นกลางในสถานการณ์ยูเครน และยังเพิ่มปริมาณการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอีกด้วย 

อย่างคนที่ถูกจับตามากที่สุด คือ นาย แอนเดรย์ เมลนิค ที่ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตยูเครน ประจำกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีมาตั้งแต่ปี 2014 ได้อยู่ในรายชื่อที่ถูกปลดด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ บางส่วนก็มาจากสาเหตุการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไป ตรงมา ผ่านสื่อโซเชียลของทูต แอนเดรย์ เมลนิค ที่พร้อมชนทุกคนที่เห็นต่าง ซึ่งเขาเคยต่อว่านักการเมืองเยอรมนีที่คัดค้านการส่งอาวุธรบให้กองทัพยูเครน ว่าเป็นพวกที่รักสันติแบบผิดที่ ผิดเวลา และยังเคยวิจารณ์นาย โอลัฟ ช็อลทซ์ ผู้นำเยอรมนี ที่ยังไม่ตอบรับคำเชิญในการเยี่ยมเยือนผู้นำยูเครนที่กรุงเคียฟโดยทันทีว่า นายโอลัฟ ช็อลทซ์ ทำตัวเหมือนคนหยิ่งยโส

แต่การใช้คำพูดในการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นเหตุผลเพียงส่วนเดียว เพราะเมื่อไม่นานนี้ มีสัญญาณบางอย่างส่งมาจากรัฐบาลเยอรมนี เมื่อรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของเยอรมนีได้ส่งจดหมายตรงถึงรัฐบาลแคนาดา เรียกร้องให้ส่งเครื่องจักรเทอร์ไบน์ ของบริษัท Siemens ที่ใช้กับท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 แต่ถูกทางการแคนาดายึดไว้ กลับคืนมาให้กับเยอรมนี

เครื่องยนต์เทอร์ไบน์ดังกล่าว ได้เคยถูกส่งไปซ่อมบำรุงในศูนย์ที่แคนาดา แต่เมื่อเกิดกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน รัฐบาลแคนาดาตัดสินใจยึดเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ไว้ เพื่อขัดขวางการส่งออกก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียสู่เยอรมัน และอีกหลายประเทศทางฝั่งยุโรปตะวันตก 

แต่ในวันนี้รัฐบาลเยอรมนีต้องการขอคืนเครื่องยนต์เทอร์ไบน์นี้ แม้แต่ โอลัฟ ช็อลทซ์ ผู้นำเยอรมันเอง ยังเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในประเทศ และจะดีกว่าถ้าเราได้เครื่องยนต์เทอร์ไบน์ของ Nord Stream 1 กลับมา ซึ่งทางรัฐบาลแคนาดาได้ตอบตกลงตามคำร้องของเยอรมันแล้ว

นร.หนุ่มลูกครึ่งไทย - ญี่ปุ่น โชว์เดี่ยวแคนสุดปัง คว้าถ้วยรางวัลพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพฯ

เคนตะ วาทานาเบ้ เด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย - ญี่ปุ่น โรงเรียนนครขอนแก่น สุดปัง โชว์ฝีมือเดี่ยวแคน คว้าถ้วยรางวัลพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ไปครอง

นายอภิชาติ อุ่นเกิด ผู้อำนวยการโรงเรียนนครขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดให้มีการประกวดคลิปดนตรีพื้นบ้านและคลิปการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” รวมศิลป์ไทย ไร้ขีดจำกัด ชิงรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสาน พัฒนาต่อยอดวัฒนธรรมไทยพื้นบ้าน ให้คนไทยทั้งประเทศและทั่วโลก ได้รู้จักเอกลักษณ์ความเป็นไทย กับคอนเซ็ปต์ “รวมศิลป์ไทย ไร้ขีดจำกัด” ผ่านการประกวด 3 ประเภท คือ 

1. ประเภทเดี่ยวเครื่องดนตรี (ภาคเหนือ เดี่ยวปี่ก้อย ภาคกลาง เดี่ยวขลุ่ยเพียงออ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดี่ยวแคน ภาคใต้ เดี่ยวปี่พื้นบ้านภาคใต้)

2. ประเภทวงดนตรีพื้นบ้าน 4 ภาค 

3. ประเภทการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีมรับมอบตัวรองอธิบดีกรมกิจการเด็กพร้อมพวกทำร้ายเด็ก-ข่มขู่ห้ามเด็กช่วยขยายผล

จากกรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งถูกบังคับค้าประเวณีได้จำนวนหนึ่ง จนนำไปสู่การขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นแม่เล้าและผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กรวมทั้งสิ้นกว่า 30 ราย พื้นที่รับผิดชอบ สภ.ขุนทะเล จว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งในกลุ่มลูกค้ามีทั้งลูกอดีตนักการเมือง หมอ ทหาร เป็นต้น ต่อมาเมื่อประมาณเดือน เม.ย.65 หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายสุวัฒน์ (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายพิสิฐ (สงวนนามสกุล) รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ในกรณีที่มีการทำร้ายร่างกายเด็กที่เป็นผู้เสียหายในบ้านพักเด็ก และมีการข่มขู่หัวหน้าบ้านพักเด็ก และครอบครัว จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม นั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (11 ก.ค.65) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อมารับมอบตัว นายพิสิฐฯ  รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและครอบครัว และนายสุวัฒน์ฯ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหา โดยทั้งสองมีพฤติกรรม ในช่วงระหว่างเดือน ธ.ค.64 ถึง ต้นเดือน ก.พ.65 นายพิสิฐฯ ได้มีการโทรศัพท์สั่งหัวหน้าบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้สั่งให้ส่งเด็กที่เป็นผู้เสียหายคดีค้ามนุษย์ดังกล่าวไปรับการดูแลที่อื่น  และไม่ให้มีการขยายผลติดตามเด็กผู้เสียหายหรือผู้ซื้อบริการทางเพศเด็ก เพิ่มเติมอีก อีกทั้งนายสุวัฒน์ฯ ยังได้ทำร้ายร่างกายเด็กผู้เสียหาย ที่ให้ความร่วมมือในการขยายผลกับเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องหาทั้งสองถูกดำเนินคดี ดังนี้

-ดำเนินคดีกับ นายพิสิฐฯ อายุ 55 ปี รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ข่มขืนใจ หรือกระทำการอันมิชอบประการอื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 (5)

-ดำเนินคดี นายสุวัฒน์ หรือเอ็ม อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา โดยมีพฤติการณ์ในการ ทำร้ายร่างกาย ด.ญ.อัน ภายในบ้านพักเด็ก และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ข่มขืนใจ หรือกระทำการอันมิชอบประการอื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์, และ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 (5), ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392

คณะพยาบาลศาสตร์ มช. เปิดตัวแผนกลยุทธ์ก้าวสู่ความเป็นหนึ่งด้วยกันอย่างภาคภูมิใจ (Together We Are PROUD!)

เป้าหมายหลักของทุกองค์กร คือ การมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกด้านเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องและก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากต้องการให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เฉพาะในส่วนของทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องหมายรวมไปถึงความร่วมมือ ร่วมแรงและร่วมใจกันของบุคลากรทุกฝ่ายเพราะถือว่าเป็นกุญแจสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยผลักดันให้องค์กรบรรลุตามวิสัยทัศน์ที่ได้กำหนดไว้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา "ปลุกพลังใจ สร้างไฟในการทำงาน บ้านสีแสดแห่งความภูมิใจ" วิทยากรรับเชิญได้แก่ นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 3 เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ (คณะกรรมการอำนวยการประจำคณะฯ) คุณเบญจมาภรณ์ ฉายานนท์ ที่ปรึกษาด้านการปรับเปลี่ยนองค์กรและกระบวนการปฏิบัติงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ คุณประมาณ จรูญวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานให้กับบุคลากรของคณะฯ รวมทั้งเพื่อสื่อสารและวิพากษ์แผนพัฒนาการศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระยะ 13 (พ.ศ.2566-2570) ให้ทั่วถึงทั้งองค์กร ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม 2565

คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า คณะฯ ดำเนินการตามแผนพัฒนาการศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระยะที่ 13 (พ.ศ.2566-2570) เป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนคณะฯ ให้ตอบสนองต่อเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและความต้องการของสังคมทั้งในระดับพื้นที่และประเทศ โดยเน้นการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถาบันชั้นนำระดับสากลด้านการศึกษาและการวิจัย (พร้อมมุ่งสู่การเป็นสถาบันการศึกษาทางการพยาบาลใน 100 อันดับแรกของโลก ภายในปี 2567) 

'เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่' จัดกิจกรรม จิตอาสาพัฒนา 'เราทำความดีด้วยหัวใจ' เนื่องในวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ที่ภายในซอยศรีสัมพันธ์ (คลองสาม) ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานเทศบาล ร่วมจัดกิจกรรม จิตอาสาพัฒนา เราทำความดีด้วยหัวใจ เนื่องในวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมี นายณัฐพล บุญริ้ว รองนายกเทศมนตรี นางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรี นายบุญธรรม อินทรแย้ม รองนายกเทศมนตรี นายอนุรักษ์ ผ่องโอสถ ปลัดเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ นายธนสัน วสันต์ กำนันตำบลแพรกษาใหม่ ร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

ซึ่งการจัดกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้ ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้รับเกียรติจาก นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายศุภมิตร ชิณศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวมณิฐกานต์ บุญริ้ว สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ พม.สมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาชนจิตอาสา เข้าร่วมในกิจกรรม จิตอาสาพัฒนา เราทำความดีด้วยหัวใจ เนื่องในวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

โดย กิจกรรมดังกล่าวประกอบด้วย การถวายความเคารพต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนาราชณ์มหาราช การถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมทั้ง กล่าวคำปฏิญาณ “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่จิตอาสาและประชาชนจิตอาสาช่วยกันตัดหญ้า เก็บกวาดทำความสะอาดพื้นถนนภายในซอยศรีสัมพันธ์ 

จ่อขึ้นค่าไฟปลายปีแตะ 5 บาท/หน่วย อ้าง กฟผ.แบกต้นทุนแล้วกว่า 8 หมื่นล้าน

จ่อประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า หลังประเมินต้นทุนยังแพง คนไทยอ่วม! อาจจ่ายเพิ่มช่วงครึ่งหลังของปี แตะ 5 บาท/หน่วย กกพ.ชี้ก๊าซแพงแตะ 30 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู แจง กฟผ.แบกต้นทุนหลังแอ่นใกล้แตะแสนล้านปลายปีนี้ 

เมื่อวันที่ (10 ก.ค.) แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนและปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ในงวดใหม่เดือน (ก.ย.-ธ.ค.65) มีแนวโน้มพุ่งสูงถึง 90-100  สตางค์ต่อหน่วย และอาจทำให้ค่าไฟฟ้าอาจต้องปรับเพิ่มสูงถึงเกือบ 5 บาท/หน่วย ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ โดยจะประกาศค่าเอฟทีอย่างเป็นทางการประมาณปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า เนื่องจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้าเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติต้นทุนต่ำในอ่าวไทย และยังมีแนวโน้มราคาแพงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน (พ.ค.65) จนถึงปัจจุบัน

“ปลายสัปดาห์นี้ กกพ.จะต้องประชุมทบทวนอีกครั้ง เพื่อประกาศค่าเอฟที  ราคาแอลเอ็นจีนำเข้าตอนนี้พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน พุ่งสูงแตะระดับกว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูแล้ว จากเดิมอยู่ที่กว่า 20 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เป็นปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม ซึ่ง กกพ.ค่อนข้างหนักใจ ปริมาณก๊าซในอ่าวไทยยังขาดความชัดเจน ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกรับแทนประชาชนอีกกว่า 80,000 ล้านบาทในงวดก่อนหน้าที่ กกพ.อาจจะต้องเข้าไปดูแลช่วยลดภาระต้นทุนผ่านการทยอยปรับเพิ่มผ่านค่าเอฟทีด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ สิ่งที่ กกพ.ต้องเลือกที่จะดูแลความมั่นคงทางพลังงานเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะดูแลผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่าไฟฟ้าต้องไม่ขาด ประชาชนและภาคธุรกิจต้องมีไฟฟ้าใช้ ดังนั้นหากให้ กฟผ.แบกรับภาระทางการเงินแทนผู้ใช้ไฟฟ้าเกินกำลังต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลด้านลบต่อความสามารถในการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับระบบ และการดูแลความมั่นคงทางด้านไฟฟ้าในการประกาศค่าเอฟทีตั้งแต่ต้นปี 65 กกพ.ได้ทยอยปรับเพิ่มค่าเอฟทีโดยขอให้ กฟผ.ได้แบกรับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงแทนประชาชนเป็นมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท และ ครม.ได้มีมติให้ กฟผ.กู้เงินมาเพื่อเสริมสภาพคล่องจำนวน 25,000 ล้านบาท ในช่วงที่มีการแบกรับภาระต้นทุนเชื้อเพลิง

ก.แรงงาน จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรและถวายเทียนพรรษา เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาประจำปี 2565

วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 เวลา 08.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรอาหารแห้งพระสงฆ์ 9 รูป และถวายเทียนพรรษา เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาประจำปี 2565 โดยมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรในการปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้บุคลากรมีคุณธรรมนำการพัฒนา รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกิจกรรมส่งเสริมธรรมาภิบาลและเป็นกลไกในการส่งเสริมการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในการปฏิบัติราชการ ณ บริเวณลานหน้าองค์พระพุทธสุทธิธรรมบพิตรและโถงชั้นล่าง อาคารกระทรวงแรงงาน 

ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ตำรวจและครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก สั่งการทุกพื้นที่จัดชุดปฏิบัติการพร้อมให้การช่วยเหลือทันที เมื่อมีเหตุอุทกภัยและวาตภัย

จากการรายงานสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ระหว่างวันที่ 9-14 ก.ค. 65 ทั่วทุกภาคของประเทศจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่สะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ซึ่งปัจจุบันได้มีรายงานข่าวน้ำท่วมในบางพื้นที่แล้ว

พล.ต.ต.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบในครั้งนี้ จึงสั่งการไปยัง ทุกหน่วยทั่วประเทศ จัดชุดปฏิบัติการ พร้อมให้การช่วยเหลือทันทีที่มีเหตุอุทกภัย วาตภัย หรือที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกอพยพคนและยกสิ่งของขึ้นที่สูง การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ เด็ก และผู้สูงอายุ รวมถึงอำนวยความสะดวกจัดเส้นทางการจราจร นำประชาชนไปยังที่ปลอดภัย ให้ทุกหน่วยในพื้นที่บูรณาการการทำงานกับตำรวจทางหลวง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อให้การปฏิบัติ ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งบูรณาการร่วมกับฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top