Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

สพฐ.เร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รองรับองค์กรราชการ 4.0

เมื่อวันที่ 22-24 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมเดอะ พาลาสโซ รัชดา กรุงเทพมหานคร  นายนิพนธ์ ก้องเวหา
ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยมี นายเสริมฤทธิ์ หวายฤทธิ์ธนกุล ผอ.สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สพฐ. รายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดพัฒนาในครั้งนี้ 

นายนิพนธ์ ก้องเวหา กล่าวว่า “สพฐ. มีภาระกิจด้านการสนับสนุนส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสนับสนุนความสามารถของครูและผู้เรียนในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน จึงได้จัดตั้งกลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกลเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการ ดำเนินการด้านการใช้เทคโนโลยีในสถานศึกษาที่ประกอบด้วย งานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศงานระบบคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร งานการส่งเสริมการจัดการศึกษาทางไกล งานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Smart OBEC”

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 ที่ผ่านมาส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนเปลี่ยนไป มีการใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยการจัดการเรียนการสอน และเห็นว่ามีโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ที่จัดการเรียนการสอนหลากหลายรูปแบบ โดยใช้องค์ประกอบด้านเทคโนโลยีทั้งสิ้น

ซึ่งจะเห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลมีอิทธิพลมากด้านการเรียนการสอน สพฐ.โดยสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวและเพื่อเป็นการพบปะชี้แจง แลกเปลี่ยนสถานการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ให้กับบุคลากรของกลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกลเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง  เพื่อขับเคลื่อน ชี้แจงงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน/สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้เกิดแนว ทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน มีการรวมกลุ่มการประสานงาน มีเครือข่ายความร่วมมือบุคลากรปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างสำนักงาน” นายนิพนธ์ กล่าว

ก.แรงงาน ผนึกกำลัง ตรวจสถานประกอบการที่จ้างคนต่างด้าว ป้องกันค้ามนุษย์ด้านแรงงาน

วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทย และในวันนี้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน บูรณาการการทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ทั้งฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ไปยัง บริษัท เค.พี.เอส.เพลทติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการประเภทตกแต่งและการเคลือบโลหะ ตั้งอยู่เลขที่ 99/92-93 หมู่ที่ 3 ถนนเทพรัตน กม.23 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีแรงงานต่างด้าวในระบบ จำนวน 181 คน การตรวจสถานประกอบกิจการ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดฝึกอบรมความรู้เทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ

วันนี้ (23 ส.ค.65) เวลา 08.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี เปิดการอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 ตามโครงการวิจัย เรื่อง สมาร์ท เซฟตี้ โซน

เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน (Smart Safety Zone for the Safety of People’s Lives and Properties) รุ่นที่ 2 ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยหลังจากได้เปิดการฝึกอบรมโครงการดังกล่าวในรุ่นที่ 1 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 18-19 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ณ สน.ลุมพินี ซึ่งได้ทำการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำอยู่ที่สถานีนำร่องในเขต บช.น. จำนวน 3 สถานี รวมผู้รับการฝึกอบรมจำนวน 105 คน

'เป็กกี้ ศรีธัญญา' รับงานค่าตัว 1.6 แสนบาท เซอร์ไพรส์หนัก!! ในงานมีคนดูแค่ 3 คน

เรื่องเล่าฮา ๆ ให้ได้ขำกันตลอด สำหรับ 'เป็กกี้ ศรีธัญญา' ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยเล่าว่าเคยถูกจ้างให้ไปเอ็นเตอร์เทนแขกเหรื่อในงานศพมาก่อน แต่ล่าสุดสาวเป็กกี้ก็ออกมาเผยว่ามีงานที่ทุบสถิติ พีกกว่างานศพแล้ว เหตุลูกค้าจ้างไปร่วมเอ็นเตอร์เทนในงานไพรเวตปาร์ตี้ ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 1.6 แสน แต่มีคนดูอยู่แค่ 3 คน

โดยสาวเป็กกี้ได้เปิดเผยเรื่องราวขำ ๆ นี้ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมระบุว่า “สร้าง #สถิติ คนดูน้อยที่สุดในโลก🎤เมื่อลูกค้าจ้างไปงานเลี้ยงส่วนตัว (Private Party) ทางเราก็ไม่คิดว่าจะส่วนตัวขนาดนี้อะค่ะ #รักคุณลูกค้านะคะ รับทุกงานเบิกบานทุกที่ค่ะ”

นอกจากนี้ยังเมนต์ตอบป๋อมแป๋มว่ามีเรื่องเล่าในรายการยายแล้ว บทใหม่ของชีวิต #งานศพว่าตื่นตาแล้ว อันนี้ก็ สนุกไม่แพ้กัน


ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9650000080672

'นายกฯ' ปลื้ม 'อาชีวะป้องสถาบัน' ช่วยเหลือคนในชาติ เปลี่ยนทัศนคติ ทำดีให้เด็กรุ่นใหม่ดู

(23 ส.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ที่ประกาศทำดีให้เด็กรุ่นใหม่ได้ดูและได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทำความดี ช่วยเหลือสังคม และช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกมิติ 

โดยสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ร่วมกับกองทัพเรือ ตั้งจุดซ่อมแซมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน บริเวณลานจอดรถอาคารนันทอุทยานสโมสร ถ.อิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุฝนและน้ำท่วม รวมทั้งซ่อมแซมห้องน้ำ ซ่อมแซมอาคาร โรงเรียนบ้านไร่ใหม่พัฒนา จ.เพชรบุรี

'ก.พลังงาน' เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน

กระทรวงพลังงาน เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน คาดใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานว่า ที่ประชุม ได้มีการพิจารณา การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคา LPG 

โดยมีโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) จาก 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มขึ้นอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดโครงการฯ วันที่ 30 กันยายน 2565 นั้น ในที่ประชุม กบง. ได้มีการติดตามความคืบหน้าของโครงการฯ พบว่า...

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – 14 สิงหาคม 2565 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 3,741,994 ราย อย่างไรก็ดีเนื่องจากราคา LPG ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกประมาณ 3 เดือนโดยจะเริ่มประมาณกลางเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2565 

จากนั้นได้มอบหมายให้ กรมธุรกิจพลังงานนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาโครงการฯ และจัดทำคำขอรับงบประมาณเพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการฯ เสนอสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้จากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยได้รับผลกระทบ กระทรวงพลังงานเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการจูงใจให้ภาคประชาชนมีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด 

ดังนั้น ที่ประชุม กบง. จึงได้มีการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และมีมติเห็นชอบแนวทางช่วยเหลือ ดังนี้...

(1) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน 

โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565
- ธันวาคม 2565 (ประกอบด้วยส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนพฤษภาคม 2565 – สิงหาคม 2565 จำนวน 23.38 สตางค์ต่อหน่วย และส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 จำนวน 68.66 สตางค์ต่อหน่วย) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากนโยบายของรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 วันที่ 19 เมษายน 2565 และวันที่ 10 พฤษภาคม 2565

(2) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นกัน โดยการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 แบบขั้นบันไดในอัตรา 15 -75 %

ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการตามแนวทางช่วยเหลือกลุ่ม (1) และ (2) ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ กฟน. และ กฟภ. จะครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 80% ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือคิดเป็น  89% ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย 

สำหรับการดำเนินการให้ครอบคลุมบ้านที่อยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ. และผู้ใช้ไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 2,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 8,000  ล้านบาท สำหรับ 4 เดือน โดยพร้อมมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับสนับสนุนแหล่งงบประมาณในการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. ยังได้มีการพิจารณาปรับปรุงกรอบหลักเกณฑ์การคัดเลือกโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) (กลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม) สำหรับปี 2565 – 2573

'นิวยอร์ก' ยกระดับคุมเข้ม!! หวั่นเหตุร้ายเกิดซ้ำซาก เตือน!! คนเอเชียต้องระวัง หลังกระแสเกลียดชังยังแรง

จากกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ บ่อยครั้งในช่วงระยะหลัง ส่งผลต่อความปลอดภัยทั้งกับคนอเมริกันและคนเอเชียในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Martin Chaiarkorm' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเริ่มยกระดับการป้องกันเหตุความรุนแรงในสหรัฐฯ ไว้บ้างแล้ว ว่า...

ตำรวจคุมเข้มหลาย ๆ พื้นที่ทั่วนิวยอร์ก โดยขึ้นมาในขบวนรถไฟต่าง ๆ​ และเวลารถไฟจอดแต่ละสถานีจะโผล่ออกไปดูทุกสถานี​ และในแต่ละสถานีจะมีตำรวจยืนประจำการแทบจะทั้งหมด​รวมถึง​ในพื้นที่​ทั่ว ๆ ไปด้วย​ ยิ่งเป็นจุด​ Landmark​ ยิ่งต้องเข้ม 

เพราะสถานการณ์​ที่สหรัฐ​ฯ หลาย ๆ ครั้งมีการกราดยิง​ รวมถึงเหตุร้ายอื่น ๆ ที่อาจ​เกิดขึ้น​ด้วย

รู้จัก 'นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์' หมอใหญ่แห่งอุ้มผาง ผู้คว้าแพทย์ดีเด่นของแพทยสภาประจำปี 2565

จากเฟซบุ๊กเพจ 'เรื่องเล่าหมอชายแดน' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ทางแพทยสภาได้ประกาศว่า พี่ตุ่ย...นายแพทย์ วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก ได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นของแพทยสภาประจำปี 2565 ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ ชาวบ้าน หรือหมอด้วยกันทุกคนจะต้องบอกว่าเหมาะสมมาก ๆ 

จริง ๆ พี่ตุ่ยก็เหมาะสมกับรางวัลคนดี คนเสียสละทุกรางวัลบนโลกนี้นะแหละ ตอนฉันเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลอุ้มผางมีหน่วยงานหนึ่งจะมอบรางวัลแพทย์ดีเด่นให้แกซ้ำอีกในปีถัดกัน (คือปีก่อนหน้าได้มา 1 รางวัล) แกบอกว่าขอไม่รับเพราะยังมีหมอท่านอื่นที่ทุ่มเทที่เขาควรได้เหมือนกัน เท่าที่รู้จักแกมาแกไม่เคยยึดติดกับรางวัลอะไรเลยนะ

ความดี ความเสียสละของพี่ตุ่ยมันเป็นสิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ เพราะพี่ตุ่ยทำมันจนผนวกเป็นนิสัย ไม่ต้องพยายาม แกก็พยายามสั่งสอนน้อง ๆ ทุกคนด้วยการทำให้ดูและสอนเชิงธรรมะ ให้เรามีทัศนคติในการปฏิบัติหน้าที่เป็นหมอได้อย่างดี ให้เรารักคนไข้โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ชนชั้นหรือข้อจำกัดใด ๆ ให้นึกถึงแต่ประโยชน์ของคนไข้เท่านั้น 

ยังมีความดีปลีกย่อยที่ฉันสังเกตได้ รับรู้ได้แต่อาจจะยังไม่มีการเผยแพร่ เช่น...

>> พี่ตุ่ยใช้เงินเดือนของตัวเองส่งเด็กเรียน ทั้งบุตรหลานเจ้าหน้าที่ เด็กชาวเขาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ พอจบออกมาก็มาเป็นพยาบาล เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อช่วยชาวบ้าน 

บางปีพี่แกส่งเรียนเกือบ 30 คน ส่วนการใช้ชีวิตส่วนตัวแกประหยัดมากซื้อเสื้อผ้าของใช้ฟุ่มเฟือยน้อยมากจริง ๆ

>> พี่ตุ่ยเสียภาษีทุกบาททุกสตางค์โดยไม่ลดหย่อน ฉันเคยจะสอนแกซื้อกองทุนมาลดหย่อน แกบอกว่าช่างมันเหอะเบียร์เอ็งไม่ต้องสอนพี่ ภาษีมันก็ไปช่วยบริหารประเทศ (โวะ พูดแล้วโมโห 55)

>> พี่ตุ่ยให้โรงครัวทำอาหารเลี้ยงคนไข้และญาติทุกคนเติมได้ไม่อั้น ผ้าห่มก็หามาให้ใช้อย่างเพียงพอ คนไข้จะเอากลับไปก็ไม่ว่า แกบอกว่าที่บ้านคงจะหนาวและไม่มีสักผืน บางปีผ้าห่มหายเป็นพัน ๆ 

>> พี่ตุ่ยทำเรื่องสร้าง สสช คล้าย ๆ รพ.สต แต่เล็กกว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลมาก ๆ ไว้ดูแลคนไข้ก่อนส่งมาโรงพยาบาล 

ส่ง ตชด ไปเรียนรู้เกี่ยวกับงานสาธารณสุขเพื่อมาประจำที่นั่น

พรรคกล้าส่งขุนพลเศรษฐกิจ ลุยโครงการ “กล้าเพื่อปากท้อง” จัดสัมมนาสัญจร สอนชาวบ้านขายออนไลน์ เตรียมขยายผลทั่วประเทศ 'วรวุฒิ' ลั่น ปัญหาคนไทยคือปากท้อง ต้องแก้ด้วยการเพิ่มรายได้  ขายของออนไลน์ทำได้ทุกคน ฝากชาวสงขลาเลือกตั้งครั้งหน้าคิดให้ดี

วานนี้ (22 สิงหาคม 2565) ขุนพลทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานโอท็อปเทรดเดอร์ประเทศไทย ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด คณะทำงานยุทธศาสตร์ภาคใต้ นายจูรี นุ่มแก้ว ดาว tik tok ชื่อดังของภาคใต้ และทีมงานพรรคกล้า ร่วมกันจัดสัมมนาสัญจร โครงการกล้าเพื่อปากท้องในหัวข้อ “สร้างพลังขาย เพิ่มรายได้ สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์” ณ โรงแรมบุรีศรีภู คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยผู้ลงทะเบียนเข้าฟังกว่า 500 คน โดยมีกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองและ กกต.สงขลา สนับสนุนงบประมาณ และร่วมสังเกตการณ์การสัมมนาในครั้งนี้ด้วย

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ในช่วงเช้าได้มีโอกาสไปเดินตลาดกิมหยง พบว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายซื้อของกันมากขึ้นทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ต่างจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ตลาดซบเซาจากวิกฤตโควิด 19 อนาคตอันใกล้ เศรษฐกิจไทยจะโตช้ากว่าเวียดนาม จากเมื่อ 30 ปีก่อนเราเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง เป็นตัวฉุดรั้งประเทศ ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นลักษณะรวยกระจุกจนกระจาย เอื้อทุนใหญ่ผูกขาดประเทศ ไม่ได้กระจายสู่เศรษฐกิจฐานราก เกิดความเหลื่อมล้ำสูงติดอันดับโลก ดังนั้นปัญหาการเมืองจึงต้องหาทางออกด้วยการเลือกนักการเมืองที่มีคุณภาพเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ดึงจุดเด่นประเทศไทยสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่สามารถพัฒนาได้อีกหลายส่วน ทั้งการกระจายรายได้ให้ประชาชน ด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น

“เรื่องสำคัญของประเทศไทยเวลานี้คือ ปากท้อง จึงต้องแก้ด้วยการเพิ่มรายได้ เพราะโลกเปลี่ยนเร็ว ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือ ประเทศไทยจึงต้องการรัฐบาลที่มีศักยภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ เศรษฐกิจไทยเรามีปัญหามาตั้งแต่ก่อนโควิด ถ้ารัฐให้ความสำคัญ มีนโยบายพัฒนาการขายออนไลน์ ทำให้สินค้าท้องถิ่น ไม่ได้ขายแค่เฉพาะท้องถิ่น แต่ต้องขายได้ทั่วประเทศ ทุกคนสามารถทำได้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ประเทศไทยยังผลักดันเรื่องนี้น้อยเกินไป ถ้าทำให้เศรษฐกิจดีได้ คนก็จะมีรายได้เสียภาษี และเราจะมีรัฐสวัสดิการ ฝากประชาชนว่า เลือกตั้งครั้งหน้าคิดให้ดี” นายวรวุฒิ กล่าว

นายวรวุฒิ ยังกล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันแพง ค่าการกลั่น ค่าการตลาดแพงเป็นประวัติการณ์ แล้วรัฐบาลยังไปค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมัน เอาภาษีประชาชนไปจ่าย แต่โรงกลั่นได้กำไรสูงรวย กองทุนน้ำมันติดลบกว่าแสนล้าน มีท่าทีขาดทุนต่อเนื่องไปอีก ราคาน้ำมันไม่มีทางถูก ราคาสินค้าก็จะขึ้นไปอีก คนตัวเล็กต้องดิ้นรนตัวเอง ขยายโอกาสหารายได้ ช่องทางการขายผ่านออนไลน์ จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยได้ คนเป็นรัฐบาล ต้องขยายโอกาสทางการค้าให้คนตัวเล็ก

ภายในงาน ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการตลาดเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดยนายกอุ๊ กรุงสยาม ได้หยิบยกประสบการณ์ตรงจากการเป็นนายกอบต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา  ที่สามารถผลักดันให้ อบต.เล็ก ๆ ที่มีการคอรัปชั่นสูงที่สุดในประเทศ ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่ ให้กลับมาเป็น อบต.ที่ดีที่สุดในระดับต้นของประเทศได้ โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ ในช่วงวิกฤตโควิด 19 ทั่วประเทศได้รับผลกระทบประชาชนขาดรายได้ ขณะที่ ต.บ้านใหม่ ไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแค่ทุกคนมีมือถือและอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเพิ่มช่องทางการตลาดได้ ใช้ไลน์กลุ่มเป็นพื้นที่การค้าขาย สร้างโอกาสให้ชุมชน จากกลุ่มเล็กขยายเป็นกลุ่มใหญ่ เกิดเป็นเครือข่ายระหว่างตำบล ทำให้ธุรกิจต่างๆ ในกลุ่มได้รับผลกระทบจากโควิดน้อยลง สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับครัวเรือน และยังสามารถสร้างมูลค่าของละมุดที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ให้เป็นละมุด GI และพัฒนาเป็นไอศกรีมละมุด 100 ปีคว้าแชมป์ KBO ผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับประเทศ ปี 2565 นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาพื้นที่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครก็ต้องแวะมาจับจ่ายซื้อของ ไหว้พระ

'ชนม์สวัสดิ์' จารึกประวัติศาสตร์!! สานต่ออุดมการณ์พ่อวัฒนา เปิดหอชมเมือง แหล่งท่องเที่ยวแห่งประวัติศาสตร์ เผย กว่าจะถึงวันนี้มันไม่ง่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ภายในอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีพิธีเปิดอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ โดยมีพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้ง มีการแสดงนิทรรศการย้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และนับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ประวัติศาสตร์ต้องจาลึกชื่อนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ริเริ่มจัดทำโครงการเพื่อก่อสร้างเป็นอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของจังหวัดสมุทรปราการและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของประเทศไทย

อีกทั้ง นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ยังเป็นผู้สานต่ออุดมการณ์ของบิดาคือ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงมหาดไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ อดีตหัวหน้าพรรคราษฎร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ 11 สมัย จนได้รับฉายา “เจ้าพ่อเมืองปากน้ำ”

โดย พิธีเปิดในวันนี้ มีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม สส.สมุทรปราการ นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ สส.สมุทรปราการ นายสุนทร ปานแสงทอง รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายสมลักษณ์ ควรสงวน รองนายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย คณะสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ ทหาร ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top