Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

ศรชล. จับเรือดัดแปลงลักลอบขนน้ำมันเถื่อน 4,500 ลิตรกลางทะเล พร้อมผู้ต้องหา 3 คน รวมของกลางมูลค่าล้านบาท

วันนี้ 16 ต.ค. 2565 ที่ตำรวจน้ำจังหวัดสตูล ศรชล.บูรณาการกำลังร่วมจับกุมเรือประมงดัดแปลงลักลอบ โดยนาย จำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ได้มอบหมาย ให้นาวาเอก แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล ทำการบูรณาการกำลัง ร่วมกันโดยมี น.ท.รัฐพล แก้วกระจาย หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล  และเรือหลวงมันนอก ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ตำรวจนัำ ศุลกากร เจ้าท่า ในจังหวัดสตูล เข้าทำการควบคุมเรือโชคอดินันท์ซึ่งบรรทุกน้ำมันดีเซลจากมาเลเซียเพื่อนำเข้าประเทศโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร พร้อม ผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 3 คน คือ    

1. นายวินัย เตูะปูยู อายุ 42 ปี (ผู้ควบคุมเรือ)   
2. นายอิบรอฮิม เต๊ะปูยู อายุ 31 ปี
3. นายฮาเล็ม ปูหยัง อายุ 30 ปี ซึ่งทั้ง 3 ราย มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดสตูล

จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่ามีน้ำมันดีเซลในระวางประมาณ 4,500 ลิตร และผู้ควบคุมเรือยอมรับว่า ออกเรือจากท่าเรือในตำบลตำมะลังในเวลาประมาณ 19.00 น. หลังจากนั้นได้แล่นข้ามเขตแดนไปรับน้ำมันดีเซลจากเรือสัญชาติมาเลย์ แล้วแล่นเรือกลับมาจนถูก เจ้าหน้าที่ควบคุมได้ บริเวณ ปากร่องน้ำตำมะลัง

ศรชล.ภาค 1 - ทรภ.1 ค้นหาและช่วยเหลือลูกเรือประมงป่วยและพลัดตกทะเล 

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) จัดเรือค้นหาผู้ประสบภัยพลัดตกน้ำ และช่วยเหลือลูกเรือที่เจ็บป่วย

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ได้รับแจ้ง จาก นางอรัญญา แสนกระจาย ซึ่งเป็นเจ้าของเรือประมงชื่อ ทรัพย์อมรสินธุ์ 99 ว่าขณะที่ไต๋เรือคือ นายสมนึก มุ่งปาน และลูกเรือ ได้นำเรือออกไปทำการประมง บริเวณด้านทิศตะวันของเกาะคราม อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี ห่างประมาณ 2 ไมล์ มีลูกเรือชื่อนายสุรี มีนาคะ ประสบเหตุพลัดตกน้ำ โดยในเบื้องต้นไต๋เรือได้นำเรือออกค้นหาในบริเวณดังกล่าว พร้อมกับมีเรือประมง อีก 3 ลำ มาช่วยทำการค้นหาแต่ก็ยังไม่พบผู้ประสบเหตุ จึงได้ทำการยุติการค้นหาไป เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 14 ต.ค. 65 เวลา 19.45 น. ที่ผ่านมา

ต่อมา วันที่ 15 ต.ค.65 เวลา 09.20 น. ศรชล.ภาค 1 ได้บูรณาการร่วมกับ ทรภ.1 และกู้ภัยสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ออกค้นหาลูกเรือประมง ตามที่ได้มีการประเมินพื้นที่ค้นหา จากกองอุตุนิยมวิทยา ศูนย์ข้อมูลข่าวกรองภูมิศาสตร์ สารสนเทศทางอุทกศาสตร์ กรมอุทกศาสตร์ (กอต.ศภอ.อศ.) โดยในส่วนของ ทรภ.1 ได้จัดเรือ ต.82 ให้การสนับสนุน 

'ดร.ธรณ์' โพสต์ภาพเปรียบเทียบ 'ก่อน-หลัง' อ่าวมาหยา ลุ้น!! ทุกอย่างจะกลับไปสู่ความเศร้าในอดีตอีกหรือไม่?

จากเฟซบุ๊ก 'Thon Thamrongnawasawat' โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความการเปลี่ยนของอ่าวมาหยาไว้ ว่า...

ผมตั้งใจทำภาพเปรียบเทียบ before/after ที่อ่าวมาหยา เพื่อบอกว่าการท่องเที่ยวยุคก่อนกับยุคนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ภาพบนปี 2560 ภาพล่างเพิ่งถ่ายวันนี้ สิ่งที่ชัดเจนคือเรือหายไปหมด

เรือคือสิ่งคุกคามระบบนิเวศในอ่าวมาหยา

เรือมากมายทำให้ตะกอนฟุ้งกระจาย เรือมากมายทิ้งสมอในแนวปะการัง

เรือมากมายวิ่งไปวิ่งไปวิ่งมา จนฉลามไม่สามารถใช้อ่าวมาหยาเป็นบ้าน

เรือมากมายยังทำให้อ่าวมาหยากลายเป็นที่จอดเรือ ไม่ใช่อ่าวสวยที่สุดในโลก

ซึ่งนั่น มันเกินไป

มันเจ็บใจ มันเจ็บปวด มันบาดลึกในหัวใจคนรักทะเล

พวกเราจึงลุกขึ้นมา “ช่วยกัน” ในคืนที่ฟ้ามืดถึงที่สุด

“ช่วย” ใช้การลงมือทำ “ช่วย” มุ่งหวังที่ผลลัพธ์ มันจะเกิดขึ้นให้จงได้

ในวันนี้ อ่าวมาหยาเปิดอีกครั้ง แต่ไม่มีเรือมากมายอีกแล้ว

ในอ่าวมีเพียงปะการังที่กำลังเติบโต มีฝูงฉลามที่กลับมา “บ้าน”

เป็นภาพที่ตอบคำถามว่า เปิดท่องเที่ยวในอ่าวมาหยาอีกครั้ง ทุกอย่างจะกลับไปสู่ความเศร้าในอดีตอีกหรือไม่ ?

'แอ๊ด คาราบาว' ขอโทษ ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี หลังใช้คำพูดไม่เหมาะสม ยัน!! พร้อมรับความผิด

(16 ต.ค. 65) จากกรณีที่มีคลิป เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ 'แอ๊ด คาราบาว' ศิลปินแห่งชาติ ได้กล่าวถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีบนเวทีงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ด้วยความไม่พอใจ หลังจากเจ้าตัวไม่ได้เล่นคอนเสิร์ต งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ประจำปี 65 จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากถึงความเหมาะสม

ต่อมา นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี ทราบเรื่องได้โพสต์ชี้แจงว่า การจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ประจำปี 65 ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายงานเอกชนดำเนินการ ก่อนที่ตัวเองจะเข้ามารับตำแหน่ง ยืนยันไม่ใช่งานของจังหวัดแต่อย่างใด ก่อนจะมอบหมายให้ นิติกรชำนาญการสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ

ได้กลิ่นความเจริญ!! ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ระยะที่ 2 เมกะโปรเจกต์ฝั่ง EEC ว่าที่ 'ถนนเลียบทะเลที่สวยที่สุด' ของประเทศไทย

เมื่อไม่นานมากนี้ เพจ 'Open Up' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับถนนเลียบทะเล หรือ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ระยะที่ 2 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า...

“กลิ่นความเจริญมาเต็ม” ไทยกำลังจะมีถนนเลียบทะเลที่สวยที่สุดอีกสาย

วันนี้ผมจะมาเรามาทำความรู้จักและอัปเดตอีกหนึ่งโครงการเมกะโปรเจกต์แบบเบิ้ม ๆ ที่ตอนนี้เขากำลังพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทางฝั่งระยอง ซึ่งโครงการนี้เป็นเหมือนหนังภาคต่อ จากถนนเส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิต หรือที่รู้จักกันติดปาก ถนนชล - จันท์ เชื่อมการเดินทางระหว่าง จ.ชลบุรี - จ.ระยอง - จ.จันทบุรี - จ.ตราด เข้าไว้ด้วยกัน

โดยถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ระยะที่ 2 คือถนนที่เชื่อมโยงพื้นตั้งแต่ อู่ตะเภา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี เข้าไว้ด้วยกันครับ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดนั้น ๆ  อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานภายใต้แผนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

นอกจากนี้นะครับ เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่เลียบติดกับชายทะเล ของฝั่งภาคตะวันออก และด้วยระยะทางกว่า 95 กิโลเมตร ที่เชื่อมโยงกับ EEC ทั้ง 2 โครงการ คือ เมืองการบินสนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือมาบตาพุด เรียกได้เลยว่าลงจากสนามบินก็เจอกับถนนสวย ๆ มารองรับถึงที่เลยทีเดียว

แถมยังโดยตัดผ่านกับหาดและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายจุด เช่น อนุสาวรีย์สุนทรภู่
แหลมแม่พิมพ์, สวนสน, หาดแม่รำพึง, แหลมรุ่งเรือง, หาดแหลมเจริญ, หาดแสงจันทร์, หาดสุชาดา, หาดทรายทอง, หาดพยูน และหาดพลา โคตรเยอะนี่พิมจนเหนื่อยคิดเอา 55555555 

นอกจากการพัฒนาเส้นทางสายนี้แล้ว ทางโครงการก็ตั้งเป้าที่จะยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวเดิม ให้มีเสน่ห์และดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น การปรับปรุงถนนคนเดินตลาดบ้านเพ ปรับปรุงอนุสาวรีย์สุนทรภู่ จัดการเดินทางใหม่ให้เชื่อมโยงถึงกัน และเชื่อมต่อในพื้นที่ปากน้ำด้วยสะพาน ปากน้ำระยอง โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรม ในการดำเนินการศึกษาออกแบบทั้งหมดอีกด้วย 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขานรับนโยบาย นายกรัฐมนตรี เร่งปราบปรามและเตือนภัย มิจฉาชีพหลอกลงทุนอ้างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

วันนี้ (15 ต.ค.65) เวลา 15.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยกรณีมีการแชร์ ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลอกเปิดพอร์ตลงทุนสินทรัพย์ ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงเป็นเหยื่อ 

พล.ต.ต.อาชยนฯ เผยว่า กรณีสื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย)ได้มีการแชร์ข่าวชักชวนร่วมลงทุน ข้อความว่า “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดให้ซื้อรถในฝันได้ด้วยพอร์ตหุ้น 1,000 บาท, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดให้ซื้อบ้านหรูด้วยพอร์ตหุ้น เพียง 1,000 บาท, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดลงทุนเป็นเจ้าของคอนโดได้ ด้วยพอร์ตหุ้น 1,000 บาท, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดพอร์ตลงทุนสินทรัพย์น้ำมัน เริ่มต้น 1,000 บาท” ซึ่งไม่ได้รับอนุญาติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand) ได้ตรวจสอบไปที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว มีการนำโลโก้ (SET) มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตแต่อย่างใด ซึ่งการผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสนนั้น การกระทำของผู้โพสต์ เข้าข่าย โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันเป็นการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(1) และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีโทษทั้งจำและปรับ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอม และผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจัง

บิ๊กเด่นนำทีม PCT ลุยค้นปืนเถื่อน 4 จุด สั่งซื้อทางยูทูบดังพบปืนพร้อมกระสุนเพียบ

ปัจจุบันในประเทศไทยมีการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญที่มีการใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิดอยู่บ่อยครั้ง  สร้างความหวาดกลัวของประชาชนไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนโดยเร่งด่วน ซึ่งในห้วงที่ผ่านมานั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการระดมกวาดล้างมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ชุด ศปอส.ตร. (PCT) ชุด5 ขยายผลจากการจับกุมในห้วงที่ผ่านมา โดยขยายผลมายังกลุ่ม “ผู้ซื้อ” กว่าหลายแห่งในประเทศไทย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้  พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง. นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT5), พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สืบสวน ภ.จว.ระยอง, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สว.(สอบสวน) สน.บางกอกใหญ่, พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี สว.(สอบสวน) สน.เตาปูน, พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี สว.(สอบสวน) สน.เตาปูน, พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.ภัสส์กร เฉลียวบุญ รอง สว.สส.สภ.บางปะกง, ร.ต.อ.วุฒินันท์ คงดี รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ., ร.ต.อ.ปรมา ปราณี รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 ทำการสืบสวนนำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม

เมื่อวันที่ 13-14 ตถลาคม2565 เจ้าหน้าที่ชุด pct 5 เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย จำนวน 4 จุด ดังนี้.

1. บ้านเลขที่ 27/71 ม.3 ม.กิตติชัยวิลล่า 7 ถ.มิตรไมตรี คู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาที่ 677/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค.2565 ได้จับกุมตัว นายก. นามสมมติ อายุ 17 ปี ที่อยู่ 27/71 ม.3 ม.กิตติชัยวิลล่า 7 ถ.มิตรไมตรี คู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร พร้อมลูกกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 4 นัด และซองปืนสีดำ 1 อัน อยู่ภายในห้องครัวที่บ้านพักหลังดังกล่าว 

เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวในข้อหา “มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดย นายกฤตเมธฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า ลูกกระสุนปืนดังกล่าว ตนเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งรุ่นพี่ให้มา และยอมรับว่าเคยมีอาวุธปืนดัดแปลง ชนิดลูกโม่ .38 ซื้อจากรุ่นพี่คนหนึ่ง ด้วยราคา 10,000 บาท แต่ขายไปให้กับรุ่นพี่อีกคน พร้อมกับปืนแบลงค์กันอีก 1 กระบอก ในราคา 20,000 บาท จากนั้นได้ควบคุมตัวนายกพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำหิน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

2. ขยายผลจากจุด 1 ค้นบ้านเลขที่ 193/1 ถ.แบนชะโด แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญามีนบุรีที่ 678/2565 ลงวันที่ 13 ต.ค.2565 พบและจับกุมตัว

นายสมชาย นิลขำ อายุ 50 ปี ที่อยู่ 437 ม.3 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางประกอบด้วย 

1.ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ขนาด 9 มม. สีเงิน จำนวน 1 อัน 
2.เครื่องกระสุนปืน ลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด 
3.ระเบิดปิงปอง(ทำเอง) พันด้วยเทปสีดำ จำนวน 2 ก้อน 
4.ลูกประทัด (ลูกบอล) จำนวน 21 ลูก อยู่ภายในบ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหา “มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยนายสมชายฯ ให้การรับสารภาพตลอด และรับว่า ของกลางลำดับที่ 1 และ 2 เป็นของตนจริง ส่วนของกลางลำดับที่ 3 และ  4 เป็นของคนรู้จัก จึงขยายผล และส่ง พฐ. ตรวจสอบจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ไทยติดอันดับที่ 5 ของเอเชีย อันดับ 2 อาเซียน ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022

(15 ต.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของอาเซียน และอันดับที่ 28 ของโลกสำหรับประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022 (U.S. News & World Report Best Countries Rankings) ของ usnews.com เว็บไซต์ที่จัดอันดับความนิยมด้านต่างๆ ( https://www.usnews.com/news/best-countries/rankings)

ซึ่งพบว่า จากผลสำรวจทั้งหมด 85 ประเทศทั่วโลกในปี 2022 ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกคือ สวิตเซอร์แลนด์ และอันดับ 2 ถึง 5 เรียงตามลำดับ คือ เยอรมนี แคนาดา สหรัฐอเมริกา และสวีเดน สำหรับ 5 อันดับสูงสุดของ ทวีปเอเชียได้แก่ ญี่ปุ่น อันดับ 6, จีน อันดับ 17, สิงคโปร์ อันดับ 19, เกาหลีใต้ อันดับ 20 และประเทศไทย อันดับที่ 28

'เพจอิลสลิก' ร่ายยาวตอบโต้เจ้าของร้านคู่กรณี ยัน!! รับเงินแต่ไม่ได้แสดงถูกแล้ว เหตุร้านไม่ทำตามสัญญา

เพจ 'อิลสลิก' ออกมาชี้แจงตอบโต้เจ้าของร้าน Subscribe Rama 7 ยันรับเงินค่าจ้างแต่ไม่แสดงทำถูกต้องด้วยกฎหมาย ชี้เพราะร้านไม่ได้ทำตามข้อตกลงในสัญญา จนเป็นเหตุทำให้ทีมงานไม่สามารถแสดงต่อไปได้จึงจำเป็นต้องยึดเงินดังกล่าว โว พี่อิลไม่ได้ออกมาทำการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อเงิน ปล่อยยูทูบก็อยู่ได้สบาย

กรณี 'อิลสลิก' แร็ปเปอร์ ยกเลิกคอนเสิร์ตที่ร้าน Subscribe Rama 7 ร้านดังย่านนนทบุรี อ้างอุปกรณ์ร้านไม่มีมาตรฐานเพียงพอ ต่อมาอิลไปขึ้นโชว์อีกร้าน ได้กล่าวพาดพิงถึงร้าน Subscribe ทำนองเหยียดทีมงานเรียกว่าไอ้อี ทำเครื่องดนตรีพัง อีกทั้งยังเปรียบเทียบตัวเองกับ 'ตูน บอดี้สแลม' ท้าให้มาประชันกันบนเวที ยกตัวเองเป็นนักกวีอย่าเอาไปเทียบกับนักวิ่ง ดรามาไม่จบง่ายๆ เพราะต่อมาเจ้าของร้าน Subscribe เข้าร้อง 'ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด' เพื่อเอาผิดแร็ปเปอร์ชื่อดัง โดยยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกอิลสลิกกล่าวหา จะขอเงินค่าตัว 4.5 แสนคืน พร้อมให้ชดเชยค่าเสียหาย เพราะร้านได้รับความเสียหายกว่าล้าน

ล่าสุดเมื่อวาน (14 ต.ค.) เจ้าของร้าน Subscribe Rama 7 ออกมาแฉ 'อิลสลิก' ผ่านรายการโหนกระแส ขอเงินค่าตัว 4.5 แสนคืน เพราะร้านได้รับความเสียหายกว่าล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ (14 ต.ค.) เพจ 'Illslick - Thikhumporn Whetthaisong' ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการโพสต์ข้อความยาวเหยียด ชี้แจงประเด็นตอบโต้ทางเจ้าของร้าน โดยได้ระบุข้อความว่า

"จากกรณีที่ทางร้านได้ให้สัมภาษณ์กับทางรายการหนึ่ง ทางทีมขอชี้แจงดังนี้

1. กรณีรับเงินค่าจ้างสำหรับการแสดงเต็มจำนวนแม้ไม่ได้แสดงเพราะมีการยกเลิกการแสดง เป็นการดำเนินการใช้สิทธิตามสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย

ตามรายละเอียดที่เคยแจ้งไว้เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมมีการเดินทางไปจนถึงพื้นที่ตั้งแต่ก่อนทำการแสดง 1 วัน เพื่อเตรียมความพร้อม จัดการแผนงานทุกอย่าง และเข้าทำการซาวนด์เช็กแล้วในวันแสดงจริงตั้งแต่เวลากลางวันอย่างเต็มที่ ใช้ทีมงานจำนวนหลายคน แต่ปรากฏว่าเกิดความผิดพลาดบกพร่องขึ้นเพราะทางร้านไม่ได้ทำตามข้อตกลงในสัญญา จนเป็นเหตุทำให้ทีมงานไม่สามารถแสดงต่อไปได้ ทางทีมงานจึงมีความจำเป็นต้องยึดเงินจำนวนดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกก่อนตกลงว่าจ้าง ซึ่งทางร้านได้เซ็นสัญญาไว้แล้วด้วยความสมัครใจตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2565 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นค่าชดเชยค่าเหนื่อยค่าเสียเวลาของทีมงานทุกคน ชดเชยค่าเสียโอกาสของศิลปินสำหรับคิวแสดงในวันนั้น และค่าเสียหายอื่นๆ การยึดเงินดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิตามข้อสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย

ก่อนหน้านี้ทางร้านทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีและได้ขอโทษทีมงาน โดยทางร้านได้ส่งข้อความมาทางแอปพลิเคชันไลน์แจ้งทีมงาน เช่น “…..ผมเป็นเจ้าของร้าน ผมรับผิดทุกอย่าง ขอโทษที่ไม่สอนพนักงานให้ดีพอให้มากพอ….” “ทางร้าน ทีมซาวนด์ของร้านขอโทษด้วยนะครับ” “เขาหวังดีครับพี่ ไม่ได้คิดจะเปรียบกับศิลปินอื่นเลยครับพี่” “…เหตุเกิดจากคนคนเดียวทำให้ต้องเป็นแบบนี้ แต่ทางร้านเสียหายจนไม่เหลืออะไรเลยครับพี่ดอม” “ซึ่งทางผมน้อมรับผิดที่ดูแลลูกน้องไม่ดี……” และบทสนทนาอื่นๆ นอกจากนี้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 20.08 น. ทางร้านก็ออกมาโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กยอมรับเองว่า “ทุกอย่างเป็นความจริงตามเพจ ILLSLICK โพสต์ทุกประการ ทางร้านกราบขอโทษอีกครั้งนะครับ”

สัญญาส่วนนี้ถูกเขียนขึ้นจากประสบการณ์การทำงานของเราที่เคยพบปัญหา เคยเสียหายและเสียเปรียบมาก่อนหน้าเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรารู้ตัวดีว่าเราทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่มีค่ายดูแล ไม่มีคนช่วยเหลือ ใช้เพียงประสบการณ์เป็นบทเรียนแล้วหาทางแก้ไข สัญญาจึงระบุไว้เพื่อปกป้องตนเองและทีมงานทุกคนที่พี่อิลนับถือเป็นเพื่อน พี่น้อง และครอบครัวที่ร่วมลำบากด้วยกันมาอย่างเต็มที่จนอาจถูกมองว่าเอาเปรียบ ทางทีมเข้าใจความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ทีมก็ต้องรับผิดชอบในส่วนความเสียหายของทีมเช่นเดียวกัน การยกเลิกการแสดงมิใช่ความต้องการของเรา เราตั้งใจเตรียมพร้อมออกไปเพื่อพบแฟนเพลง เมื่อเราจำเป็นต้องยกเลิก เราเองก็มีความเสียหายเพราะย่อมถูกมองว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่มีสปิริต ซึ่งเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงที่ได้รับก็เป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดพลาดของทีม ซึ่งในเวลานั้นพี่อิลเลือกจะแบกรับความเสียหายต่อชื่อเสียงนี้แทนการปล่อยให้คนฟังเสียเงินจำนวนมากเข้ามาดูโชว์ที่ไม่ได้คุณภาพ ทีมต้องขอโทษที่สัญญาของทีมระบุไว้เช่นนั้น และทีมยืนยันว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามนั้นเพื่อเป็นมาตรฐานต่อไป

เราเคยตกลงงานกับร้านแห่งหนึ่งที่มัดจำและจ่ายส่วนที่เหลือแล้วเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นร้านไม่สามารถจัดแสดงในวันเวลาที่กำหนดตามสัญญา ทางทีมยึดมัดจำตามสัญญา แต่คืนส่วนที่เหลือให้ 50% เพราะเรายังไม่ได้เดินทางไปในพื้นที่ ยังไม่ได้ใช้ทีมงานเข้าไปทำงาน ไม่ได้เข้าไปทำการซาวนด์เช็ก และการยกเลิกครั้งนั้นเราได้คิววันแสดงนั้นกลับคืน แม้ว่าเราจะไม่ได้รับงานอื่นทดแทนก็ตามแต่ก็ไม่ได้ยึดส่วนที่เหลือเป็นค่าชดเชย จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ารายละเอียดของสัญญาเป็นเช่นนี้ และได้เน้นย้ำทำข้อตกลงกับทางร้านก่อนแล้ว

ทีมงานได้พยายามเจรจาแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้วเพื่อจะให้โชว์สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีคุณภาพ ถ้ามีการเปิดคลิปกล้องวงจรปิดในร้านทั้งหมดทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียงจะเห็นได้ว่าทีมงานพยายามทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถแล้วเท่าที่ศิลปินคนหนึ่งจะทำได้เพื่อต้องการให้โชว์ออกมาดีที่สุด ถ้าคลิปกล้องวงจรปิดทั้งหมดทุกช่วงเวลาไม่บังเอิญเสียทั้งภาพและเสียงเราจะเห็นความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งทางทีมจะขอให้ผู้ที่มีอำนาจเรียกหลักฐานส่วนนี้มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของทีมงานตามกระบวนการกฎหมายต่อไป

ไม่นานเกินรอ!! 'รถไฟไทย-จีน' มิติใหม่ของการท่องเที่ยว คาด!! อีก 5 ปี พร้อมเปิดให้บริการ

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ 'Bangkok I Love You' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับรถไฟไทย-จีน ไว้อย่างน่าสนใจว่า...

"รถไฟไทย เชื่อมรถไฟโลก"

เมื่อทางรถไฟไทย - จีน (กรุงเทพ เวียงจันทน์ คุณหมิง) สร้างแล้วเสร็จ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 - 5 ปี มิติใหม่ของการเดินทางท่องเที่ยวก็จะเกิดขึ้น ตลอดสองข้างทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก 

โดยที่รถไฟสายนี้จะมีจุดเริ่มต้นที่ สถานีรถไฟ Woodlands ในประเทศสิงคโปร์ ขึ้นเหนือผ่าน สถานีรถไฟเซ็นทรัลกัวลาลัมเปอร์ เลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ผ่านพรมแดนประเทศไทยที่ ปาดังเบซา ผ่าน สงขลา ผ่านนครศรีธรรมราช เลียบอ่าวไทยขึ้นมา ผ่านสุราษฎร์ธานี ซึ่งสามารถต่อเรือไปเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า ได้ (และในอนาคตอันใกล้ก็จะมีสะพานข้ามไปยังเกาะสมุย) ผ่านเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ราชบุรี นครปฐม แล้วเข้าสู่ศูนย์กลางขนส่งทางรางของอาเซียนที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพมหานคร 
ซึ่งจากที่นี่สามารถต่อรถไฟความเร็วสูงซึ่งใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงถึงเวียงจันทน์ โดยผ่านเมืองมรดกโลกอย่าง พระนครศรีอยุธยา และมรดกทางธรรมชาติอย่างเขาใหญ่ ที่สถานีปากช่อง และข้ามแม่น้ำโขงที่ หนองคาย จากนั้นก็จะผ่านพรมแดนบริเวณท่านาแร้ง เวียงจันทน์

จากเวียงจันทน์ต่อรถไฟสาย เวียงจันทน์ คุณหมิง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง ผ่านวังเวียง เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง และอีกเพียงไม่เกิน 8 ชั่วโมงก็เข้าถึงคุนหมิง

จากนั้นต่อ รถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง - คุนหมิง ซึ่งเป็นทางรถไฟที่ยาวที่สุดของประเทศจีนด้วยความยาว 2,760 กิโลเมตร จะวิ่งผ่านเมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น เมืองสือจยาจวง มณฑลเหอเป่ย, เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนัน, เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย, เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน และนครกุ้ยหยัง มณฑลกุ้ยโจว และที่สำคัญที่คุนหมิงนี่เองสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปทางรถไฟสายหลังคาโลก ต้าหลี่ ธิเบตได้ 

เมื่อถึงปักกิ่งแนะนำให้แวะเที่ยวมหานครที่ร่ำรวยวัฒนธรรมซัก 3-4 วัน โดยจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นเช่น พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน หอฟ้าเทียนถาน ย่านเมืองเก่าหู่ตง สนามกีฬารังนก เป็นต้น 

จากนั้นขึ้นรถไฟสายทรานส์มองโกเลีย ช่วงเส้นทางระหว่างกรุงปักกิ่ง-อูลันบาตอร์ รถไฟจะไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมุดเข้าไปอยู่ในเขตภูเขา เป็นภูเขาแนวยาวตลอดเส้นทางเลยทีเดียว ช่วงนี้จะมีอุโมงค์ที่เจาะทะลุภูเขากว่า 50-60 อุโมงค์ได้ และทุกๆ ครั้งที่รถไฟโผล่พ้นจากอุโมงค์เราก็จะพบกับโตรกผาและแม่น้ำแบบอลังการตลอดเส้นทาง และที่พลาดไม่ได้ก็คือกำแพงเมืองจีนนั่นเอง จากนั้นก็จะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้า กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มี Ger District หรือที่อยู่อาศัยแบบเกอร์ของคนท้องถิ่น เป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงอูลันบาตอร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top