Wednesday, 2 July 2025
NEWS FEED

กษัตริย์นักพัฒนาผู้ยิ่งใหญ่ ที่ UN ให้การยกย่องเทิดทูน

กว่า 70 ปีที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชย์ ไม่เพียงเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยทั้งชาติเท่านั้น

แต่พระองค์ท่าน ยังทรงงานหนัก เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของปวงชนชาวไทย อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เพียงเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์อยู่ดีกินดี เห็นได้จากโครงการที่เกิดจากพระราชดำริ กว่า 4,000 โครงการ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการดำเนินพระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพของพระองค์อย่างเด่นชัด

ด้วยทรงพระเมตตาพระราชทานแนวทางในการดำรงชีพให้แก่ราษฎรด้วยแนวทางปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเน้นหลักการ ความพอดี สำนึกในคุณธรรม และมีความหลากหลายทางการเกษตรและผลผลิต มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอที่จะต้านทานและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ อันเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์

การทรงงานของพระองค์ท่าน ไม่เพียงปรากฏในสายตาประชาชนคนไทยเท่านั้น แต่ในระดับนานาชาติ องค์กรระหว่างประเทศ ต่างเทิดทูนพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน และได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล เป็นเครื่องยืนยันพระอัจฉริยภาพของพระองค์มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดรัชสมัยมากถึง 13 รางวัล

รางวัลที่ยังความปลาบปลื้มต่อคนไทย เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 เมื่อ โคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในขณะนั้น ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “ความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์” (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) ของโครงการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549

ซึ่งนับเป็นรางวัลความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์ ที่ยูเอ็นดีพีริจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อมอบแก่บุคคลดีเด่นที่ได้อุทิศตนตลอดช่วงชีวิต สร้างความกระจ่างต่อสาระสำคัญของการพัฒนาคนอย่างยั่งยืน มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรมในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านความเป็นธรรมในสังคม การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียม ความมั่นคงในชีวิต สนับสนุนธรรมาภิบาลในระบอบประชาธิปไตย และสิ่งแวดล้อม ยังประโยชน์นานัปการต่อประชาชน และผลักดันความก้าวหน้าในการพัฒนาคนอย่างยั่งยืน

ไม่เพียงเท่านั้น หน่วยงานในสังกัดสหประชาชาติ ยังตระหนักถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน และได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเพิ่มเติมอีกมากถึง 9 รางวัล อันได้แก่

1.) เหรียญฟิแล Philae Medal
2.) เหรียญทองเทิดพระเกียรติ ในฐานะที่ทรงอุทิศตนเป็นแบบอย่างในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ธรรมชาติ
3.) เหรียญทองสุขภาพดีถ้วนหน้า
4.) รางวัลเทิดเกียรติ ในฐานะที่ทรงมีบทบาทโดดเด่นในความพยายามที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของยาเสพติดในไทย

บ้านหลังแรกของรัชกาลที่ 9

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ารัชกาลที่ 9 ทรงมีพระประสูติกาลในอเมริกา ไม่ใช่สวิสเซอร์แลนด์ แต่พระองค์เสด็จพระราชสมภพในโรงพยาบาลเคมบริดจ์ ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์

ก่อนหน้าจะทรงมีพระประสูติกาล สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกของรัชกาลที่ 9 นับเป็นพระราชนิกุลพระองค์แรกที่เสด็จฯ ไปศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทรงเข้าศึกษาในชั้นเตรียมแพทย์ก่อนเป็นเวลา 1 ปี และลงทะเบียนเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในปี พ.ศ. 2460

ระหว่างทรงศึกษาในอเมริกา พระโอรสพระองค์ที่สองมีประสูติกาลที่โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ 2470 ภายใต้การดูแลของนายแพทย์ DR. W. STEWART WHITTEMORE เมื่อแรกพระบรมราชสมภพ รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนามในสูติบัตรว่า 'เบบี้สงขลา' (Baby Songkla) ซึ่งมาจากพระนามของสมเด็จพระบรมราชชนก ที่มีพระนามในต่างประเทศว่า Mr.Mahidol Songkla

หลังจากที่ทรงพระราชสมภพได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมง สมเด็จพระบรมราชชนกทรงส่งโทรเลขถึงสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ว่า...

"ลูกชายเกิดเช้าวันนี้ สบายดีทั้งสอง ขอพระราชทานนามทางโทรเลขด้วย"

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามว่า 'ภูมิพลอดุลยเดช' ซึ่งแปลว่า 'พลังแห่งแผ่นดิน'

ครอบครัวมหิดลประทับอยู่ที่นี่ช่วงปี พ.ศ. 2469-2471 ในอพาร์ตเมนต์เลขที่ 63, Longwood avenue, Brookline จนกระทั่งสมเด็จพระบรมราชชนกทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ. 2471  

'พระครูแจ้' เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี จัดพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต

ที่วัดบางพลีใหญ่กลางตำบลบางพี่ใหญ่อำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม

ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้จัดพิธีทางพระพุทธศาสนาเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วย คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 33 รูป ร่วมประกอบพิธี คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางสดับปกรณ์

โดยมี นายสกล สุขพรหม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี พร้อมด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลบางพลีใหญ่ ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลบางพลี เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ศูนย์แพทย์ชุมชนวัดบางพลีใหญ่กลาง คณะครูโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนคณะไวยาวัจกร ร่วมในพิธี

อีกทั้ง ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี ทางหน่วยงานราชการ รวมทั้ง พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจึงได้ร่วมกันประกอบกิจกรรมและพิธีทางศาสนา อาทิ กิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ทำความสะอาดเก็บขยะ กำจัดวัชพืช เก็บผักตบชวา เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9

ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบ 'ช่างแอร์ในตำนาน' โชว์คลังแสงปืนลงโซเชียล

วันนี้ (13 ต.ค.65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เปิดเผยกรณี ช่างซ่อมแอร์เจ้าของสนามบีบีกันโพสภาพอาวุธปืนลงในโลกออนไลน์หวั่นสร้างความหวาดกลัวต่อประชาชน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากโลกออนไลน์ได้ปรากฎภาพของ "ช่างเปิ้ล" หรือ นายอภิสิทธิ์ มั่งมี อายุ 42 ปี อดีตเคยเปิดสนามยิงปืนบีบีกัน ชื่อว่า “สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน” ปัจจุบันมีพฤติกรรมโพสภาพอาวุธปืนสงครามในโลกออกไลน์ หวั่นสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ตนจึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วสันต์​ เตชะอัครเกษม ​รอง ผบช.ภ.8 , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT5) , พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 , พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 , PCT ชุดที่ 5  เข้าค้นสถานที่ต้องสงสัย 3 แห่ง ดังนี้

1. บ้านเลขที่ 196/18 ม.5 ถ.อำเภอ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.249/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

2. “สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน” เลขที่ 174/7 ม.5 ถ.โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.251/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

​3. บ้านเลขที่ 122/25 ซ.โฉลกรัฐ 26 ม.1 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.250/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

ผลการตรวจค้นพบ

​1.บีบีกัน จำนวน 46 กระบอก 
​2.อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก (ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก)
​3.เครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 30 นัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" จากนั้น พฐ. ได้เดินทางมาทำการตรวจพิสูจน์ปืนบีบีกันทั้งหมด โดยมี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมการตรวจสอบด้วย โดยหลังเสร็จสิ้นการตรวจสอบจะนำตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

งานวิจัยเมืองผู้ดีแนะคุมบุหรี่ไฟฟ้าสกัดนักสูบเยาวชน

เดอะ การ์เดี้ยน สื่อใหญ่ของอังกฤษรายงานข่าวผลการศึกษาซึ่งทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน (King’s College London) ได้ทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 400 ฉบับที่เคยได้รับการตีพิมพ์ ระบุว่าผู้สูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนจะลดการได้รับสารพิษก่อมะเร็ง โรคปอด และโรคหลอดเลือดหัวใจลดลงอย่างมาก แต่ยังคงระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่ จึงไม่แนะนำให้ผู้ที่ไม่เคยไม่สูบบุหรี่เริ่มใช้ทั้งบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมเน้นให้สร้างสมดุลระหว่างการสกัดนักสูบเยาวชนกับการให้ทางเลือกผู้สูบบุหรี่

การศึกษาฉบับนี้ เป็นงานวิจัยอิสระที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพัฒนาสุขภาพและความเหลื่อมล้ำแห่งกรมอนามัยและสังคมสงเคราะห์ นับเป็นการทบทวนความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ครอบคลุมที่สุดในปัจจุบัน ผู้วิจัยอ้างอิงถึงผลการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์กว่า 400 ฉบับจากทั่วโลก ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับสัญญาณอันตรายหรือระดับสารพิษในร่างกายภายหลังการสูบการบุหรี่และใช้บุหรี่ไฟฟ้าในระยะสั้นหรือระยะกลางของการสูบบุหรี่หรือการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับนิโคติน สารจำเพาะที่บ่งชี้การเกิดมะเร็ง รายงานพบว่าระดับสารพิษ เช่น ไนโตรซามีน (Nitrosamines) คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายอื่นๆ ในร่างกายของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นใกล้เคียงหรือต่ำกว่าผู้สูบบุหรี่ ในขณะที่ในร่างกายของผู้ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินใดๆ มีระดับของสารเหล่านี้ต่ำที่สุด

ทีมวิจัยเห็นว่าจำเป็นต้องทำการศึกษาต่อถึงผลกระทบด้านสุขภาพในระยะยาวหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องไปอีกหลายปี

ปัจจุบัน ผู้สูบบุหรี่ในอังกฤษมีจำนวนที่ลดลงในขณะที่จำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มในกลุ่มเยาวชนนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้น จากผลรายงาน การสูบบุหรี่ในกลุ่มคนอายุ 11-18 ปีอยู่ที่ 6.3% ในปี 2019 และ 6% ในปี 2022 ขณะที่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 4.8% เป็น 8.6% ในปีก่อน อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในกลุ่มคนอายุ 16-18 ปี แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง (Disposable Vapes) นั้นเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 7.8%

ทีมนักวิจัยจึงได้เรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุมที่ดีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานขายจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็ก และให้มีระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อจัดการการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่เพิ่มขึ้นสูงในเยาวชน โดยกล่าวว่า “การโฆษณา บรรจุภัณฑ์ และการทำการตลาดผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งกับกลุ่มเยาวชน ควรถูกสอบสวน และต้องมีมาตรการที่เหมาะสมกว่านี้เพื่อลดการดึงดูดเยาวชน

“เราควรทำให้มั่นใจว่าผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงของบุหรี่ไฟฟ้าและวิธีที่จะใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ และขณะเดียวกันก็ควรให้ความรู้แก่เยาวชนที่จะไม่สูบบุหรี่และป้องกันไม่ให้พวกเขาเริ่มสูบบุหรี่ และยังต้องบังคับใช้กฎควบคุมอายุในการซื้อขายรวมถึงการโฆษณาอีกด้วย” เขากล่าว “หากเราสามารถหาความสมดุลในเรื่องนี้ได้ บุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนประวัติศาสตร์การสูบบุหรี่ของประเทศอังกฤษเลยทีเดียว”

ชายคนนั้นคือใคร ?? เด็กช่วยเข็นรถยนต์พระที่นั่ง ที่ติดหล่ม…

เมื่อ พ.ศ. 2501 ขณะที่เด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกลางทุ่งนากับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งไม่ห่างจากถนนชนบททุรกันดารมากนัก จู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาติดหล่มเลน อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา และติดอยู่อย่างนั้น

ภายในรถมีชายสวมหมวกแบบธรรมดาคนหนึ่ง ขับมาคนเดียวและพยายามจะขับรถขึ้นจากหล่มอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถขึ้นได้ เขาและเพื่อนจึงวิ่งเข้าไปช่วยเข็น ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง ใช้ความพยายามอยู่นานมาก ราวร่วมชั่วโมง แถมยิ่งออกแรงเร่งเครื่องมากเท่าไหร่ ล้อรถก็ยิ่งจมเลนลึกลงไปทุกที

จนชายสวมหมวก ลงจากรถมาช่วยเข็นด้วย เข็นอยู่นาน และในที่สุด ทุกคนก็หมดแรง ต่างหยุดพักกันครู่ใหญ่ อยู่ตรงนั้น

“หนูเคยเห็นคนนี้ไหม”

เสียงของชายเจ้าของรถเอ่ยถาม ขณะนั่งพัก พร้อมทั้งยื่นธนบัตรใบละหนึ่งบาท (สมัยนั้น) ให้พวกเด็ก ๆ ดู เด็ก ๆ ต่างตอบกลับชายคนนั้นไปว่า...

“เคยเห็นแต่รูปที่เงินแบงก์ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง”

ชายคนนั้นถอดหมวกที่สวมอยู่ออก แล้วถามกลับมาอีกว่า...

“เหมือนเราไหม”

ในวินาทีนั้น เด็กชายทั้ง 3 คนตกตะลึงอยู่สักครู่ พอตั้งสติได้จึงรู้ว่า ผู้ชายที่เห็นแต่งกายธรรมดา ผู้ที่พวกเขากำลังสนทนาอยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร ต่างก็นิ่งอึ้ง และเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงกลางเลน กราบลงแทบพระบาท พระองค์...

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสอย่างช้า ๆ ว่า...

"ลุกขึ้น ลุกขึ้น ลุกเถอะ อย่านั่งเลย มันเลอะ เห็นไหม"

หลังจากนั้น พระองค์ท่านก็ทรงมีพระอักษรใส่เศษกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้เด็กชาย ทรงแจ้งให้ช่วยนำไปส่งให้ครูที่โรงเรียนเทศบาลเขาเต่า

ผบ.ตร.สั่งหน่วยเตรียมรับมือ ออกช่วยเหลือประชาชน ช่วงฝนตกหนัก 14-15 ต.ค.หวั่นซ้ำเติมประชาชนที่เดือดร้อนน้ำท่วม

ตามประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (279/2565) ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2565 แจ้งว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ทวีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลางช่วงวันที่ 13 - 14 ตุลาคม 2565 ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 14 - 15 ตุลาคม 2565 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง  

ประกอบกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้ติดตามการคาดหมายลักษณะอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าช่วงครึ่งหลังของเดือนตุลาคม 2565 ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านบริเวณภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและอาจมีส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ใน 14 จังหวัดภาคใต้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทุกภัย ฝนตกหนักในพื้นที่  ที่จะกลายเป็นความเดือดร้อนซ้ำเติมประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมาต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน กำชับผู้บังบัญชานำกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ (รถยนต์/เรือ) อุปกรณ์อื่นๆ ออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ และให้ ดูแลเอาใจใส่บำรุงขวัญ และช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพิ่มกำลังสายตรวจทั้งทางบกและทางน้ำ วางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อป้องกันมิให้ถูกคนร้ายฉวยโอกาสช้ำเติมผู้ประสบภัย

พระราชอารมณ์ขัน

เรื่องเล่า ‘พระราชอารมณ์ขัน’ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วคุณจะรักในหลวงมากขึ้น

>> เรื่องที่ หนึ่ง 
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวงดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน

ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดชขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"

เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อ ในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า

"เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."

ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

>> เรื่องที่ สอง 
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถแต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า

"ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"

ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อย ๆ กับอธิการบดีว่า

"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"

>> เรื่องที่ สาม 
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน

เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า

"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."

มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า 

"มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไปทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลยและทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"

เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

>> เรื่องที่ สี่ 
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า

"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"

ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว" 

>> เรื่องที่ ห้า 
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท

แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้อีกตั้งมากมาย แต่ในหลวงก็ทรงเฉย ๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร

แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤทัย หรือไม่ 

แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเพราะพระองค์ทรงตรัสว่า

"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"

หน้าที่ของนักดนตรี

“การดนตรีเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดความปิติ ความสุข ความยินดี ความพอใจได้มาก หน้าที่ของนักดนตรีนั้นคือ ทำให้ผู้ฟังเกิดความพอใจ ความสุข ความครึกครื้น ความอดทน ความขยัน มีความเข้มแข็ง และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือนอกจากจะสร้างความบันเทิงแล้ว ควรแสดงในสิ่งที่จะเป็นทางสร้างสรรค์ เช่น ชักนำให้คนเป็นคนดีด้วย”

#พระบรมราโชวาท
#พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงพระราชทานแก่คณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกรานต์ กราบแทบพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้


ที่มา : ประวัติศาสตร์ของกษัตริย์

เติมสัมพันธ์ 2 ชาติ 'กรณ์' หารือรัฐมนตรีการค้าคนใหม่อังกฤษ ถกยุทธศาสตร์อุตฯ อาหาร-มอบเสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า ระบุว่า ได้รับเชิญรับประทานอาหารเช้ากับ นายมาร์คัส ฟิช (Marcus Fysh MP) รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีป้ายแดงในรัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีนางลิซ ทรัสส์  (Liz Truss)  

นายกรณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐมนตรีการค้าอังกฤษ เลือกเดินทางมาไทยเป็นประเทศแรก โดยทางอังกฤษหาช่องทางการค้าขายเพิ่มเติมตามยุทธศาสตร์การลดการพึ่งพาสหภาพยุโรป เราได้คุยกันถึงโอกาสด้านการลงทุนในไทยโดยอุตสาหกรรมอาหารของอังกฤษเพื่อแปรรูปสินค้าเกษตรของไทย และการขยายความสัมพันธ์เพิ่มเติมระหว่างสองราชอาณาจักร

“ท่านรัฐมนตรีมีความรู้เกี่ยวกับประเทศเราดีมาก ท่านเคยทำงานสายการลงทุนในภูมิภาคนี้ในตำแหน่งงานเดียวกันกับผมที่ SG Warburg (ท่านเข้ามาในแผนกที่ผมได้ร่วมก่อตั้งไว้ก่อนที่ผมจะกลับมาไทยเพื่อเปิดบริษัทหลักทรัพย์ของตัวเองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว) แถมท่านยังเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมเดียวกับผมที่อังกฤษ และเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย เราเลยมีเรื่องคุยกันเยอะจนเจ้าหน้าที่สถานทูตต้องมายุติการสนทนาเพื่อไม่ให้ท่านพลาดนัดหมายต่อไป” นายกรณ์ กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top