Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

ไม่นานเกินรอ!! 'รถไฟไทย-จีน' มิติใหม่ของการท่องเที่ยว คาด!! อีก 5 ปี พร้อมเปิดให้บริการ

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ 'Bangkok I Love You' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับรถไฟไทย-จีน ไว้อย่างน่าสนใจว่า...

"รถไฟไทย เชื่อมรถไฟโลก"

เมื่อทางรถไฟไทย - จีน (กรุงเทพ เวียงจันทน์ คุณหมิง) สร้างแล้วเสร็จ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 - 5 ปี มิติใหม่ของการเดินทางท่องเที่ยวก็จะเกิดขึ้น ตลอดสองข้างทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก 

โดยที่รถไฟสายนี้จะมีจุดเริ่มต้นที่ สถานีรถไฟ Woodlands ในประเทศสิงคโปร์ ขึ้นเหนือผ่าน สถานีรถไฟเซ็นทรัลกัวลาลัมเปอร์ เลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ผ่านพรมแดนประเทศไทยที่ ปาดังเบซา ผ่าน สงขลา ผ่านนครศรีธรรมราช เลียบอ่าวไทยขึ้นมา ผ่านสุราษฎร์ธานี ซึ่งสามารถต่อเรือไปเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า ได้ (และในอนาคตอันใกล้ก็จะมีสะพานข้ามไปยังเกาะสมุย) ผ่านเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ราชบุรี นครปฐม แล้วเข้าสู่ศูนย์กลางขนส่งทางรางของอาเซียนที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพมหานคร 
ซึ่งจากที่นี่สามารถต่อรถไฟความเร็วสูงซึ่งใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงถึงเวียงจันทน์ โดยผ่านเมืองมรดกโลกอย่าง พระนครศรีอยุธยา และมรดกทางธรรมชาติอย่างเขาใหญ่ ที่สถานีปากช่อง และข้ามแม่น้ำโขงที่ หนองคาย จากนั้นก็จะผ่านพรมแดนบริเวณท่านาแร้ง เวียงจันทน์

จากเวียงจันทน์ต่อรถไฟสาย เวียงจันทน์ คุณหมิง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง ผ่านวังเวียง เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง และอีกเพียงไม่เกิน 8 ชั่วโมงก็เข้าถึงคุนหมิง

จากนั้นต่อ รถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง - คุนหมิง ซึ่งเป็นทางรถไฟที่ยาวที่สุดของประเทศจีนด้วยความยาว 2,760 กิโลเมตร จะวิ่งผ่านเมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น เมืองสือจยาจวง มณฑลเหอเป่ย, เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนัน, เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย, เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน และนครกุ้ยหยัง มณฑลกุ้ยโจว และที่สำคัญที่คุนหมิงนี่เองสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปทางรถไฟสายหลังคาโลก ต้าหลี่ ธิเบตได้ 

เมื่อถึงปักกิ่งแนะนำให้แวะเที่ยวมหานครที่ร่ำรวยวัฒนธรรมซัก 3-4 วัน โดยจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นเช่น พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน หอฟ้าเทียนถาน ย่านเมืองเก่าหู่ตง สนามกีฬารังนก เป็นต้น 

จากนั้นขึ้นรถไฟสายทรานส์มองโกเลีย ช่วงเส้นทางระหว่างกรุงปักกิ่ง-อูลันบาตอร์ รถไฟจะไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมุดเข้าไปอยู่ในเขตภูเขา เป็นภูเขาแนวยาวตลอดเส้นทางเลยทีเดียว ช่วงนี้จะมีอุโมงค์ที่เจาะทะลุภูเขากว่า 50-60 อุโมงค์ได้ และทุกๆ ครั้งที่รถไฟโผล่พ้นจากอุโมงค์เราก็จะพบกับโตรกผาและแม่น้ำแบบอลังการตลอดเส้นทาง และที่พลาดไม่ได้ก็คือกำแพงเมืองจีนนั่นเอง จากนั้นก็จะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้า กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มี Ger District หรือที่อยู่อาศัยแบบเกอร์ของคนท้องถิ่น เป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงอูลันบาตอร์

นายกฯ แจ้งข่าวดี แก้หนี้ครัวเรือนคืบหน้า ช่วยกลุ่มเปราะบางได้รับความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ ผมมีข่าวดี ที่เป็นความคืบหน้า สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” โดยล่าสุดก็ได้มีการกำหนดให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ คิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) แบบ "ลดต้น ลดดอก" ซึ่งจะต้องคิดดอกเบี้ยจาก "เงินต้นคงเหลือ" ในแต่ละงวด ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยแบบ "เงินต้นคงที่" (Flat rate) แบบเดิม ที่ทำให้ลูกค้า/ผู้ที่เช่าซื้อเสียเปรียบบริษัทเช่าซื้อ หรือลีสซิ่ง

นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อใหม่ ได้แก่ (1) รถยนต์ใหม่ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% ต่อปี (2) รถยนต์ใช้แล้ว : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (3) รถจักรยานยนต์ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 23% ต่อปี และสำหรับผู้ที่สามารถปิดบัญชีได้ก่อน ก็จะต้องให้ "ส่วนลด" กับผู้เช่าซื้อด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว (หรือวันที่ 11 มกราคม 2566) ครับ

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง มีหนี้สินติดตัว ให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ผลักดันให้การเปลี่ยน "ฐานคำนวณดอกเบี้ย" จากเดิมที่คิดดอกเบี้ยจากยอด "เงินต้นคงค้างทั้งหมด" มาเป็นการคิดดอกเบี้ยจาก "เงินต้นเฉพาะเดือนที่ผิดนัดชำระ" เท่านั้น หลักการนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนที่เป็นหนี้ ขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะบรรดาเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา มนุษย์เงินเดือน คนหาเช้ากินค่ำ ที่มีความจำเป็นจะต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาใช้ดำรงชีวิต และเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ตลอดจนกลุ่มลูกหนี้นอกระบบ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ให้ชำระดอกเบี้ยลดลงอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัด "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้" เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขหนี้ครัวเรือนให้ประชาชน เราได้เดินสายไปทุกจังหวัด ทั่วประเทศ สามารถลดปัญหาหนี้สินประชาชนได้ กว่า 200,000 ราย มูลหนี้มากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน-ลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการเก็บตกและต่อยอด จึงจัดให้มี "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้" เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ยังไม่กลับมาเต็มที่ และอาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งภายหลังจากดำเนินการมาได้ 2 สัปดาห์ ณ 14 ตุลาคม 2565 มีคำขอแก้หนี้เข้ามาแล้ว 158,539 รายการ จากลูกหนี้ 62,595 ราย เฉลี่ยคนละ 2-3 รายการ ส่วนใหญ่เป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น

ป่วยที่ไหนไปนั่น!! 'นายกฯ' ช่วยไว!! ให้สิทธิผู้ป่วยบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วม 'รักษาฟรี - ที่ไหนก็ได้' แม้ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิ

(15 ต.ค. 65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับส่วนราชการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และให้ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม มีการจัดระบบให้สามารถรับการรักษาต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยสามารถใช้บริการที่หน่วยบริการ หรือ สถานพยาบาลที่ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทางหน่วยบริการจะเบิกค่าใช้จ่ายจากสปสช. ตามขั้นตอนต่อไป

'เผ่าภูมิ -ทีมนโยบายเพื่อไทย' ร่ายเป็นฉากๆ ยกแนวคิด 'เขตธุรกิจใหม่4ภาค' ของเพื่อไทย เหนือกว่า EEC ระบุ เข้าไปแก้ไขต้นตอ สร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบ ครอบคลุมทุกด้าน ทุนย่อยและ SMEs ให้แข่งขันกับทุนใหญ่ได้

14 ต.ค.2565- นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงข้อแตกต่างที่ทำให้นโยบายเขตธุรกิจใหม่ 4 ภาค ของพรรคเพื่อไทย เหนือกว่า อีอีซี (EEC) 10 ข้อ ดังนี้ 1. อีอีซี แก้ปัญหาด้วยปลายเหตุด้วยสิทธิประโยชน์มาล่อใจ เขตธุรกิจใหม่ เข้าไปแก้ไขต้นตอ ทั้งด้านกฎหมายที่เป็นอุปสรรค (โดยการสร้างกฎหมายธุรกิจชุดใหม่) สร้างสิทธิประโยชน์ชุดใหม่ และสร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบ

2. กฎหมายพิเศษในอีอีซี คือกฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์ แต่ในเขตธุรกิจใหม่ จะมีแพคเกจกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ที่ครอบคลุมทุกด้าน เช่น ใบอนุญาต ที่ดินทำกิน การผูกขาดและการแข่งขันทางการค้า การนำเข้าส่งออก แรงงาน วีซ่า ภาษี สิทธิประโยชน์ ธุรกรรมการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา ระบบยุติธรรม เป็นต้น

3. อีอีซี สนับสนุนทุนใหญ่ อุตสาหกรรมหนักไม่กี่ด้าน เพิ่มการผูกขาด แต่เขตธุรกิจใหม่ สนับสนุน เปิดโอกาส และเป็นเขตบ่มเพาะทุนย่อยและ SMEs ให้แข่งขันกับทุนใหญ่ได้ เขตธุรกิจใหม่ผนวกกับกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ จะเป็นกลไกที่เข้าต่อสู้กับปัญหาทุนผูกขาด ผ่านระบบใบอนุญาตชนิดพิเศษ

4.อีอีซี ขาดสิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ แต่เขตธุรกิจใหม่ มีกฎหมายที่สนับสนุนและรับรอง เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) และบล็อกเชนของไทย เพื่อธุรกรรมที่ไร้รอยต่อ ค่าใช้จ่ายเข้าใกล้ศูนย์

5. อีอีซี คือจิกซอว์ไม่ครบวงจร แต่ใน เขตธุรกิจใหม่ ระบบนิเวศน์ที่ครบวงจรจะเป็นฐานให้ภาคเอกชน ทั้งสาธารณูปโภค ทั้งพื้นฐานและด้านดิจิทัล โลจิสติกส์ การเชื่อมมหาวิทยาลัย การผลิตคน และการจับคู่คนกับงาน ผ่านเพลตฟอร์มกลาง รวมทั้งระบบธนาคารและการค้ำประกันสินเชื่อที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะ

ชาวสวนชุมพรปลื้ม!!! “จุรินทร์”ควง”สินิตย์”รุกสร้างเงินให้มังคุดใต้ปีหน้า นำเอกชนทำสัญญาซื้อล่วงหน้า 4,000 ตัน เพิ่มราคาให้ 20%

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดกิจกรรม “พาณิชย์เดินหน้าอมก๋อยโมเดล@ชุมพร สินค้ามังคุด และเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามสัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมการค้าภายใน การซื้อขายมังคุด และพบปะเกษตรกร โดยมีนางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ ผู้ตรวจราชการรักษาการรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และนายกองเอกพุทธ กฤชคงพันธุ์รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เข้าร่วมด้วยที่วิสาหกิจชุมชนมังคุดคุณภาพวังใหม่  อําเภอเมือง จังหวัดชุมพร

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือโอกาสมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรคนชุมพรที่ปลูกมังคุด ช่วง 2 ปีมานี้ถือเป็นยุคทองของเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั่วทั้งประเทศ เพราะราคาผลไม้ในภาพรวมดีมาก โดยเฉพาะ 2 ตัวสำคัญ เช่น 1.ทุเรียน 2.มังคุด แต่บางช่วงราคาตกเพราะผลผลิตออกมาก ที่จังหวัดชุมพรปลูกมากคือ ทุเรียนและมังคุด สำหรับทุเรียนปีที่แล้วราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ หมอนทองเกรดส่งออกเฉลี่ย 145 บาท/กก. มังคุดเกรดส่งออกเฉลี่ย 60 บาท/กก. มังคุดเกรดคละเฉลี่ย 37 บาท/กก. เงาะโรงเรียน เฉลี่ย 25.50 บาท/กก. ภาพรวมถือว่าราคาผลไม้ทั้งประเทศถือว่าดีมาก ปีนี้เป็นห่วงว่าจะส่งออกได้ไหมเพราะตลาดจีนมีปัญหาเรื่องด่าน สุดท้ายราคาไม่ตกเพราะกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯจับมือภายใต้วิสัยทัศน์ “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” ประชุมผู้ส่งออก  และโลจิสติกส์เปลี่ยนระบบการขนส่งจากเดิมที่ส่งออกทางบกเป็นหลักเป็นทางเรือแทน ทำให้ผลไม้ไทยสามารถส่งออกไปจีนได้ ซึ่งปีนี้ประสบความสำเร็จราคาผลไม้ดีมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการทำงานเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯจับมือกันประสบความสำเร็จ และปีนี้จะใช้โมเดลนี้เดินหน้าต่อ ไม่ให้ผู้ปลูกผลไม้เดือดร้อน ซึ่งอยากให้ปีหน้าดีกว่าปีนี้ ซึ่งพี่น้องต้องช่วยทำผลไม้ที่มีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นจะเสียชื่อทั้งหมด ต้องรักษาคุณภาพ ซื่อสัตย์กับตัวเองและลูกค้า ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าทำได้ เราช่วยพี่น้องได้

ไต้หวัน ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากไทย นับเป็นประเทศแรกในโลกที่มาเยือน หลังเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

เพจเฟซบุ๊ก Taiwan in Thailand ได้โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า ไต้หวันเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยกลุ่มแรกมีผู้เดินทางทั้งหมด 45 คน ออกเดินทางจากประเทศไทยถึงไต้หวันวันที่ 13 ต.ค. เวลา 00:16 น. ซึ่งถือเป็นวันแรกชั่งโมงแรกของการเปิดประเทศไต้หวันอย่างเป็นทางการ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มแรกของโลกที่ได้เยือนไต้หวันหลังโควิด

หลังจากนักท่องเที่ยวเดินทางถึงไต้หวัน OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มายังสนามบินเถาหยวน เพื่อต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยว มอบของที่ระลึกให้ด้วยตัวเอง ยังมีกิจกรรมจับรางวัล "Taiwan Travel: Super Package" ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษให้เฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก โดยมี คุณธิดารัตน์ เป็นผู้โชคดี ผ.อ. จาง ประกาศว่า การท่องเที่ยวไต้หวันได้กลับมาอย่างเป็นทางการแล้ว ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกเยือนไต้หวัน !

เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังจากหายไปนาน สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดให้ OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มาทักทายผู้โดยสารในห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าพร้อมมอบของที่ระลึกต้อนรับทีละคน - หมอนรองคอลาย OhBear และอื่น ๆ ได้แก่ บิสกิตรูป OhBear เค้กไต้หวัน หน้ากากลายลิมิเต็ดของการท่องเที่ยวฯ และ บัตรอินเทอร์เน็ต 5 วัน

ฉะเชิงเทรา-กสทช.มอบรางวัลโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News

ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News และกิจกรรมพิธีมอบรางวัลการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News"

  เวลา 13.30 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ฉะเชิงเทรา นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี  ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News และกิจกรรมพิธีมอบรางวัลการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News" ร่วมด้วย  รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ภู่ผะกา รักษาราชการแทนอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์  คณบดี คณาจารย์ นักศึกษา ผู้บริหารห้างโรบินสันฉะเชิงเทรา และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมภายในงาน
       สำหรับโครงการรู้ทัน เข้าถึงเข้าใจ ภัย Fake News ในการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทันยับยั้ง Fake News" ชิงโล่เกียรติยศจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ในครั้งนี้ เนื่องด้วยปัจจุบัน Fake News หรือ ข่าวปลอม ได้ถูกแพร่กระจายบนสื่อดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นักเรียน เยาวชน นักศึกษา รวมถึงผู้สูงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ที่ถือได้ว่าอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้ social media มากที่สุดเราจึงจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้และสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ใช้สื่อ social ให้ห่างไกลจากภัย  Fake News และอาชญากรรมบนโลกออนไลน์  ซึ่งเริ่มดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 โดยมีรูปแบบกิจกรรมใน รูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ อาทิ การจัดรายการสตรีมสด "ถกเรื่องเล่า จากคนเล่าเรื่อง" การลงพื้นที่กิจกรรมรณรงค์รู้ทันภัย Fake News วัย Baby Boom และการจัดโครงการประกวด VDOCLIP "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News" โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการ  เพื่อให้เด็กนักเรียน/นักศึกษา ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงความรู้ด้านการรู้เท่าทันสื่อ / เพื่อสร้างสรรค์ผลงานด้านการผลิตสื่อในการรู้เท่าทันสื่อ / เพื่อสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม การทำงานด้านการรู้เท่าทันสื่อ

ผบ.ตร.ชื่นชม จราจรบุคคโล กวาดเศษหินป้องกันอุบัติเหตุ หน่วยเตรียมเสนอชื่อรับรางวัลจราจรดีเด่นพบประวัติเคยนำส่งผู้ป่วยวูบกลางถนนส่งรพ. 

    จากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง เผยแพร่ภาพจากกล้องหน้ารถ ระบุข้อความ “เมื่อเช้าขับรถมาทำงาน จอดติดไฟแดงแยกมไหสวรรค์ เห็นน้าตำรวจแกออกมากวาดหินที่หล่นบนพื้นถนน แกคงกลัวรถมอเตอร์ไซค์จะลื่นล้ม น่ารักมากๆเลยครับ #ทำดีต้องขอชื่นชมครับ  #ตำรวจดีๆมีเยอะครับ”จนมีผู้มาแชร์และแสดงความชื่นชมตำรวจนายนี้จำนวนมากนั้น
     ล่าสุด 14 ต.ค.2565 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผย ตรวจสอบแล้วตำรวจจราจรในคลิปคือ ร.ต.อ.พูนศักดิ์ สัมพันธ์กาญจน์ รอง สว.จร.สน.บุคคโล ปฎิบัติเหน้าที่ร้อยเวรจราจร ได้ออกตรวจสภาพการจราจร เมื่อมาถึงแยกมไหสวรรย์ พบกองกรวดทราย ซี่งไหลมากับน้ำฝนที่ตกหนักในคืนที่ผ่านมา เมื่อน้ำแห้งแล้วก็กลายเป็นก้อนกรวดทรายกองอยู่บริเวณกลางถนนแยกมไหสวรรย์ เกรงจะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้รถใช้ถนน จึงได้นำไม้กวาดมากวาดออก จนมีประชาชนถ่ายคลิปไว้ แล้วนำไปโพสจนมีผู้เข้ามาชื่นชมจำนวนมาก ขอบคุณแทนผู้ใช้รถถนนทุกคนด้วย 
   

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งบรรเทาทุกข์ชาวอุบลราชธานี จัดทีมกู้ชีพ กู้ภัย นำอุปกรณ์ และโรงครัวเคลื่อนที่ ลงพื้นที่เร่งอพยพ และเข้าช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วม

ตามที่มวลน้ำในหลากหลายอำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี ยังคงมีระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก วานนี้ (วันที่ 13 ตุลาคม 2565) นายวิเชียร เตชะไพบูลย์  ประธานกรรมการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบหมายให้ทีมบรรเทาสาธารณภัย นำโดย นายสมบูลย์ ขวัญอ่วม หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมอุปกรณ์ เรือท้องแบน โรงครัวเคลื่อนที่ ถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค ชุดยาเวชภัณฑ์ อาหารสุนัขและแมวออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบบราชธานี พร้อมจัดทีมกู้ชีพ กู้ภัย พร้อมอุปกรณ์การช่วยเหลือ ลงพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยตามความประสงค์ของประชาชน  โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดตั้งกองอำนวยการและโรงครัวเพื่อประกอบอาหารปรุงสุก ณ มูลนิธิการกุศลอุบลราชธานี (จีตัมเกาะ)  จังหวัดอุบลราชธานี

และในวันนี้ (วันที่ 14 ตุลาคม 2565)  นับตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสมบูลย์ ขวัญอ่วม หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย จัดทีมเจ้าหน้าที่-อาสาสมัคร กู้ชีพ-กู้ภัย ลงพื้นที่อพยพ - เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่ประสบภัย ไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงจัดทีมประกอบอาหารปรุงสุกบรรจุกล่องพร้อมน้ำดื่ม ถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ บรรทุกเรือท้องแบน เพื่อลงพื้นที่ออกแจกจ่าย พร้อมจัดทีมกู้ชีพนำอุปกรณ์ตรวจวัดไข้ ความดัน และชีพจร ออกตรวจสุขภาพแก่ผู้ป่วยและผู้สูงอายุเบื้องต้นในพื้นที่ประสบภัยเพื่อประเมินการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยบริเวณพื้นที่อำเภอเมือง รวมถึงลงพื้นที่สำรวจในพื้นที่ อำเภอตาลสุม และอำเภอสว่างวีระวงศ์ และพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดอุบลราชธานี  ในทันที โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี  พร้อมคณะ ได้เข้าตรวจเยี่ยมโรงครัวเคลื่อนที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมให้กำลังใจทีมบรรเทาสาธารณภัยที่เข้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นอกเหนือจากจังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนี้ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดพิจิตร

ผู้ว่าสุพรรณฯ ทำหนังสือชี้แจงด่วนที่สุดถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมมอบหมายให้นิติกรชำนาญการ สำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ‘แอ๊ด คาราบาว’ ปมด่ากราดบนเวที

กรณีมีผู้ใช้บัญชีติ๊กต็อกรายหนึ่ง โพสต์คลิปเหตุการณ์ช่วงหนึ่งขณะ ‘น้าแอ๊ด คาราบาว’ ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังเมืองไทย ระเบิดอารมณ์ออกมาบนเวทีคอนเสิร์ต ถึงกับสวดยับ ‘บิ๊กข้าราชการ’ อย่างดุเดือด จนบรรดาคนดูถึงกับตกใจสอบถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางคนอัดคลิปช่วงขณะเกิดเหตุการณ์บนเวทีเอาไว้ โดยน้าแอ๊ด มีทีท่าค่อนข้างโมโหอย่างมาก จนถึงกับเปรยออกมาว่า ‘เล่นไม่ได้แล้วโมโห’ ซึ่งหลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน นั้น

ล่าสุดนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้โพสต์คลิปชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด การจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ประจำปี 65 จังหวัดเตรียมจะจัด เพราะจัดมาต่อเนื่องทุกปี แต่ช่วงโควิดเว้นวรรคจะจัด 18 ม.ค.-1 ก.พ. แต่เจอปัญหาโควิดมาตั้งแต่ปี 64 จึงไม่ได้จัด เลื่อนมาเลย คาดว่าปีนี้ 65 จัดงานมีสัญญากับเอกชนไว้ ก่อนตัวเองจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่ถึงเวลาจริง ไม่สามารถจัดได้เพราะสถานการณ์โควิดรุนแรงมากขึ้น เลยคิดว่าต้องเลื่อน จึงได้คุยกับคณะกรรมการเลื่อนไปเป็นช่วงประมาณเดือน มี.ค. รูปแบบการจัดงานเหมือนเดิม มีการแสดงยุทธหัตถี ออกร้านโอทอป แสดงนิทรรศการของอำเภอ แต่ในส่วนคอนเสิร์ต ซึ่งไม่ใช่งานของจังหวัด ภาคเอกชนดูแลมีการล้อมรั้ว เก็บบัตรผ่านประตูเอง ไม่เกี่ยวกับบัตรผ่านประตูของทางจังหวัด พร้อมเตรียมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี

ความคืบหน้าเมื่อ วันที่ 14 ต.ค.65 นายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยความจริงกรณีของแอ๊ด คาราบาว ด่าผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี บนเวทีคอนเสิร์ต ที่ อ.สองพี่น้อง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากกรณีแอ๊ดโกรธ ที่ไม่ถูกจ้างมาเล่นงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์

ความจริงคือ

1. ผู้ว่าฯ ย้ายมาสุพรรณฯ เมื่อ 1 ต.ค.2563

2. ปี 2564 ไม่มีการจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์เนื่องจากสถานการณ์โควิด

3. ปี 2565 สถานการณ์โควิดผ่อนคลายลง มีการจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ แต่ก็หลังจากช่วงเวลาปกติ ที่เคยจัดระหว่าง 18 ม.ค. - 1 ก.พ. เป็นช่วงเดือนมีนาคม 2565

4. ช่วงของการจัดงาน สุพรรณฯ เป็นพื้นที่สีส้ม งดการจัดการแสดงมหรสพ แต่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่สีฟ้า ก็มีการจัดงานดอนเจดีย์ และจ้างแอ๊ดไปเล่น แอ๊ดก็มีการกล่าวบนเวทีด่าผู้ว่าสุพรรณฯ ว่าไม่ให้แอ๊ดไปเล่นดนตรีที่สุพรรณฯ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย

5. การจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ที่สุพรรณบุรี มีการประมูลพื้นที่จำหน่ายสินค้า โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ชนะประมูลพื้นที่เป็นคนจัดหามหรสพ (ยกเว้นปี 2565 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ว่าฯ คนปัจจุบันเข้ามารับผิดชอบการจัดงานฯ และเป็นปีที่คณะกรรมการจัดงานฯ มีมติให้งดจัดมหรสพ เนื่องจากให้เป็นไปตามมติ ศบค. ที่ให้กำหนดโซนพื้นที่ตามสีต่างๆ และสุพรรณฯ เป็นพื้นที่สีส้ม จึงไม่สามารถจัดมหรสพได้ แต่พื้นที่สีฟ้าสามารถจัดได้)

6. จากข้อ 5 เมื่อการจัดมหรสพเป็นหน้าที่ของผู้ชนะการประมูลพื้นที่จำหน่ายสินค้า ผู้ว่าฯ จึงไม่เกี่ยวข้องกับการจ้างวงดนตรีต่างๆ มาแสดงในงานฯ แต่อย่างใด

7. จากการสอบถามผู้ชนะการประมูลพื้นที่ว่า ทำไมไม่จ้างแอ๊ดมาเล่น ได้รับคำตอบว่าเคยจ้างแอ๊ดมาเล่นในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ โดยการเปิดเวทีพิเศษเป็นบางวัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีคนมาเที่ยวงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์มากขึ้น มีการปิดกั้นพื้นที่การแสดง และเก็บบัตรเข้าชมการแสดง ปรากฏว่าค่าจ้างวงคาราบาวสูงมาก เก็บรายได้ไม่คุ้มกับค่าจ้าง โดยขาดทุนเป็นเงินหลักแสน ขณะที่ดนตรีเพื่อชีวิตอื่นๆ ยังพอมีกำไรบ้างเล็กน้อย เพราะไม่ได้หวังกำไรมาก จุดประสงค์เพียงเพื่อดึงดูดคนให้มาเที่ยวชมงาน แต่ถ้าขาดทุนเป็นแสน จึงไม่คุ้มกับการจ้าง

8. จากข้อ 7 การที่แอ๊ด คาราบาว อยากมาเล่นที่สุพรรณบุรี เป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องของคนสุพรรณอยากมาเปิดการแสดงที่สุพรรณแต่อย่างใด จึงเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าจ้าง ว่าจะจ้างการแสดงของวงดนตรีคณะใดเช่นกัน

9. ไม่ใช่แอ๊ดเป็นคนสุพรรณคนเดียว ผู้ว่าฯ ก็เป็นคนสุพรรณฯ เช่นกัน เกิดที่อำเภอศรีประจันต์...รอผู้ว่าฯ แถลง และแจ้งความดำเนินคดีกับแอ๊ดฯ ในขั้นตอนต่อไปครับ
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top