Wednesday, 4 December 2024
ECONBIZ NEWS

‘KIHA 183’ รถไฟมือสองญี่ปุ่นทดลองวิ่งฉลุย การรถไฟฯ เผยเตรียมเปิดให้บริการปลายปีนี้

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจาก รฟท. ได้รับมอบรถดีเซลรางปรับอากาศ รุ่น KIHA 183 จากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR HOKKAIDO) ประเทศญี่ปุ่น มาจำนวน 17 คัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วย รถดีเซลรางปรับอากาศ แบบมีห้องขับสูง (High Cab) 40 ที่นั่ง จำนวน 8 คัน  รถดีเซลรางปรับอากาศ แบบไม่มีห้องขับ 68 ที่นั่ง จำนวน 8 คัน และรถดีเซลรางปรับอากาศ แบบมีห้องขับต่ำ (Low Cab)  52 ที่นั่ง จำนวน 1 คัน และได้มีการส่งมอบรถมาถึงเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เพื่อทำการดัดแปลงเป็นตู้รถไฟ สำหรับให้บริการแก่ประชาชน และส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศนั้น

ล่าสุด รฟท. โดยฝ่ายการช่างกล ได้ดำเนินการปรับปรุงรถดีเซลรางปรับอากาศ รุ่น KIHA 183  เสร็จสมบูรณ์แล้ว 3 คัน พร้อมกับได้นำมาเปิดทดลองเดินรถจากเส้นทางสถานีมักกะสัน - ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพ เป็นครั้งแรก โดยมีคณะสื่อมวลชนร่วมทดลองใช้บริการ ประกอบด้วย รถดีเซลรางปรับอากาศ แบบมีห้องขับสูง จำนวน 2 คัน และรถดีเซลรางปรับอากาศ แบบไม่มีห้องขับ จำนวน 1 คัน ซึ่งการทดลองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งภายหลังจากทดสอบประสิทธิภาพขบวนรถชุดแรกแล้วเสร็จ รฟท. จะเร่งปรับปรุงรถคันอื่นที่เหลือ เพื่อเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2566  

สำหรับการปรับปรุงรถดีเซลรางปรับอากาศ รุ่น KIHA 183 รฟท. ได้มีการปรับขนาดความกว้างของล้อจาก 1.067 เมตร ให้เป็นขนาด 1 เมตร ตามมาตรฐานทางรถไฟไทย รวมถึงได้ทำการทดสอบสมรรถนะของรถ โดยวางแผนปรับปรุงรถเป็น 4 ชุด ๆ ละ 4 คัน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งาน ควบคู่กับการรักษาเอกลักษณ์กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น

GWM ฉลุยตลาดไทย!! วางแผนลงทุนต่อ 22,600 ลบ. ดันไทยศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ป้อนอาเซียน

GWM (เกรท วอลล์ มอเตอร์) ประกาศความสำเร็จในปีที่สองของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมเฉลิมฉลอง การผลิตรถยนต์คันที่ 10,000 จากโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ที่จังหวัดระยอง

โดยรถยนต์คันที่ 10,000 คือ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV

ปัจจุบัน GWM ลงทุนในไทยไปแล้วกว่า 12,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่ง 

ทั้งนี้ GWM มีแผนที่จะลงทุนในไทยอีก รวมทั้งสิ้น 22,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลาง R&D และเป็นศูนย์กลางการผลิตออกสู่ตลาดอาเซียน

นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายศูนย์อะไหล่และบอดี้พาร์ท เพื่อรองรับอัตราการขยายตัวของตลาดและยอดจำหน่ายที่โตต่อเนื่อง 

‘สุริยะ’ สั่ง กนอ.สำรวจความพร้อมรับมือน้ำท่วม คลายกังวลให้นักลงทุน - ชุมชนใกล้เคียงนิคมฯ

‘สุริยะ’ สั่ง กนอ.สำรวจความพร้อมรับมือน้ำท่วมในทุกนิคมฯ อย่างใกล้ชิด ด้าน ‘วีริศ’ มั่นใจ ทุกนิคมอุตสาหกรรมบริหารจัดการสถานการณ์ได้ แม้ปีนี้มีแนวโน้มปริมาณฝนมากกว่าปีก่อน 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรม ติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งเตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วม เพื่อลดผลกระทบจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย โดยได้ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กำชับไปยังนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 67 แห่งทั่วประเทศ ให้ติดตามและเฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และนิคมอุตสาหกรรมนครหลวง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มต่ำและติดแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ที่พื้นที่อยู่ใกล้ทะเล อาจจะเกิดน้ำทะเลหนุนได้ในบางช่วง และยังอยู่ใกล้กับชุมชนอีกด้วย

“ผมได้สั่งการไปยัง กนอ.ให้กำชับทุกนิคมอุตสาหกรรมติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วม รวมถึงกรณีที่อาจมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุน ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงเกิดความวิตกกังวล โดยเฉพาะแรงงานที่ต้องเดินทางมาทำงานในนิคมฯ นั้น ต้องหาแนวทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้เท่าที่สามารถจะทำได้ ทั้งนี้ได้รับรายงานจาก กนอ.ว่าแต่ละนิคมอุตสาหกรรมมีมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างชัดเจน และบางนิคมอุตสาหกรรมยังมีการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำได้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันได้มีการติดตามข้อมูลการระบายน้ำจากทั้ง 3 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระราม 6 อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตรวจสอบระดับน้ำและปริมาณน้ำฝนตลอด 24 ชั่วโมง” นายสุริยะ กล่าว

'แบงก์ชาติ' สั่ง 'ธ.ทีเอ็มบีธนชาต' แจงข้อเท็จจริง ปมแอปพลิเคชัน 'ttb' ขัดข้อง กระทบผู้ใช้งาน

นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้รับรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรณีที่ระบบ Mobile Banking ของธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ttb ขัดข้อง ระหว่างวันที่ 1 - 3 กันยายน 2565 ทำให้ลูกค้าไม่สามารถใช้งานได้หรือใช้เวลานานในการทำธุรกรรมในช่วงดังกล่าว

ทั้งนี้ได้สั่งการให้ ttb เร่งช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบให้ได้อย่างครบถ้วนและทันท่วงที ซึ่ง ttb ได้ขยายช่องทางให้บริการสำรองแก่ลูกค้า รวมทั้งขยายเวลาการให้บริการสาขานอกห้างและจัดเตรียม Call Center ให้พร้อมรองรับการให้ความช่วยเหลือและการทำธุรกรรมของลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกกรณี

แม้ปัจจุบันสถานการณ์การให้บริการ Mobile Banking เริ่มคลี่คลาย ธปท. ได้กำชับให้ ttb ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการจะไม่สะดุดลงอีก พร้อมกับสั่งการดังนี้

'ดร.กอบศักดิ์' หวั่น!! สงครามเศรษฐกิจยกสอง G7-รัสเซีย 'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน' คงตกตายตามกัน

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพและประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลัง G7 ประกาศนโยบายใหม่... 

Russian Oil Price Cap 

โดยหวังกดรายได้จากการส่งออกน้ำมันของรัสเซียให้ลดลง ไม่ให้มีเงินไปทำสงคราม พร้อมช่วยกดราคาพลังงานในตลาดโลก เพื่อช่วยลดปัญหาเงินเฟ้อ 

ท่านปูติน ก็ย้อนศร แลกหมัด โดยให้ประกาศว่า...

ท่อก๊าซของรัสเซีย Nord Stream 1 รั่วชำรุด คงไม่สามารถส่งก๊าซให้ยุโรปได้อย่างไม่มีกำหนด ทำให้เกิดผลพวงทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ตามมา มากมาย 

จากลมปากของทั้งสองฝ่าย ที่ยังรบกันทางเศรษฐกิจไม่เลิก สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการเงิน อย่างกว้างขวาง

🎯 หุ้นสหรัฐ Dow Jones ที่ขึ้นดี ๆ 370 จุด เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

จากข้อมูลตลาดแรงงานที่ยังไปได้ดี ยังสร้างงานประมาณ 3.15 แสนตำแหน่ง แต่หลังจากท่านปูตินประกาศว่า คงไม่สามารถส่งก๊าซให้ได้ Dow ก็ตกลงมาระหว่างวันถึง -844 จุด!!! (แข่งกับสถิติท่านประธานเฟดที่มาเขย่าตลาด -1,008 จุด เมื่อไม่นานมานี้)

🎯 เงินยูโรที่อ่อนแล้ว ก็เริ่มอ่อนอีก 

ล่าสุดเช้านี้ไปแตะ 0.9904 ยูโร/ดอลลาร์ โดยหลายสำนักเช่น Goldman Sachs คาดว่า คงจะต้องอ่อนลง ต่อไปอีกระยะ

🎯 ราคา Gas Future ที่เหวี่ยงขึ้นลงไปมา 

ฆาตกรรมนักลงทุนในตลาด Future ที่ถูก Margin Call ขาลง ในช่วงที่ประกาศนโยบาย Price Cap และกำลังจะถูก Margin Call เช้านี้ หากราคาในยุโรปกระโดดขึ้นสูงอีกรอบ

🎯 ที่น่าสงสาร ก็คือ คนยุโรปตาดำดำ ซึ่งจะต้องแบกรับผลพวงจากสงคราม จากผู้นำของเขา ที่รบกันไม่ยอมหยุด 

ราคาไฟฟ้า ราคาก๊าซที่สูงลิ่ว เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้ร้านอาหารในยุโรปบางส่วนอาจจะต้องปิดกิจการ โดยร้านอาหารหนึ่งในไอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์ว่า...

"ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มมากกว่า 4 เท่าจาก 2,370 มาเป็น 9,836 ยูโร ไม่แน่ใจว่า จะเปิดต่อได้อีกนานเท่าไร"

โรงงานในยุโรปกำลังจะต้องคิดถึงการปิดโรงงานลง เช่น โรงงานหลอมอะลูมินัม และโลหะอื่น ๆ ที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากในการหลอม

ล่าสุด ก็อาจจะต้องปิดโรงงานลง กระทบต่อ Supply Chain ต่างๆ เช่นรถยนต์ เครื่องบิน ขนส่ง อาวุธ เครื่องจักรต่าง ๆ ที่ต่อเนื่องมา และการจะกลับมาก็ยาก เพราะการจะเปิดได้ต้องใช้เวลาเริ่มหลายเดือน

🎯 สำคัญที่สุด ฤดูหนาวที่จะมาถึง

คงเป็นฤดูหนาวที่ลำเค็ญของคนยุโรป เพราะก๊าซที่มีอาจจะไม่พอสำหรับช่วงดังกล่าว

โดย Klaus Mueller, ประธาน FNA หน่วยงานกำกับด้านพลังงานของเยอรมันบอกว่า ในกรณีที่เยอรมันสามารถสำรองก๊าซไว้ได้ 95% ของถังเก็บ ก็จะสามารถใช้ได้เพียง 2.5 เดือน หากรัสเซียปิดท่อก๊าซลง

แต่ปัจจุบัน สำรองไว้ได้เพียง 85% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ต่อไปนอกจากราคาพลังงานจะสูงลิ่ว คนยุโรปอาจจะต้องแบ่งปันการใช้ก๊าซกัน

🎯 สุดท้าย นำไปสู่ความกังวลใจว่ายุโรป คงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยง Recession ได้

จากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิม บวกกับต้นทุนดอกเบี้ยที่จะเพิ่ม จากการสู้ศึกเงินเฟ้อของ ECB และการขาดแคลนก๊าซในช่วงต่อไป 

การถดถอยทางเศรษฐกิจที่จะเกิด อาจมาเร็วกว่าที่คิด และอาจจะลึกกว่าที่คิดไว้

🎯 ทั้งหมดจึงมีนัยยะต่อไปยังเสถียรภาพทางการเมืองของยุโรป

ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ใน Czech Republic ได้มีการประท้วงใหญ่ที่มีคนประมาณ 7 หมื่นคนเข้าร่วม แสดงความไม่พอใจกับการที่รัฐบาลไม่สามารถที่จะควบคุมราคาพลังงาน และเงินเฟ้อได้

ช่วยจุดประกายให้กับประชาชนในประเทศอื่นๆ ที่กำลังลำบาก ไม่พอใจรัฐบาล ให้คิดเรื่องนี้เช่นกัน 

ซึ่งความลำบากเพิ่มขึ้นในช่วงหนาวมากกว่านี้ 

เมื่อธุรกิจต้องปิดตัวลง ก็จะกระทบต่อประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อันจะนำมาซึ่งความไม่พอใจและการประท้วงในวงกว้างต่อไป 

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ในเพียง 2-3 วันที่ผ่านมา

หลังท่านปูตินประกาศไม่ส่งก๊าซ ประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ต้องเร่งประกาศมาตรการออกมาเพื่อลดผลกระทบ

- รัฐบาลเยอรมัน ตั้งวงเงินไว้ 6.5 หมื่นล้านยูโร เพื่อช่วยครัวเรือนรับภาระ
- รัฐบาลสวีเดน เตรียมเงินไว้ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยให้เกิดสภาพคล่องในตลาดทุน 
- รัฐบาลฟินแลนด์ เตรียมเงินไว้ 1 หมื่นล้าน เพื่อช่วยสภาพคล่องตลาดทุนเช่นกัน

นี่แค่เบื้องต้น และต่อไปคงต้องมีมาตรการออกมาช่วยเหลืออีก 

'อลงกรณ์' เร่งเครื่อง 'เพชรบุรีโมเดล-เมืองสร้างสรรค์อาหาร' ทุกมิติ เดินหน้าเร็วโครงการเกษตรปลอดภัย อาหารปลอดภัย

'อลงกรณ์' เร่งเครื่อง 'เพชรบุรีโมเดล-เมืองสร้างสรรค์อาหาร' ทุกมิติ เดินหน้าเร็วโครงการเกษตรปลอดภัย อาหารปลอดภัย มอบ 'เกษตรฯ' ส่งเสริมทุกอำเภอ 'มกอช.' ทำไวได้จริง เปิดตัวร้านอาหาร Q ที่เพชรบุรีแห่งแรก ผู้ประกอบการแฮปปี้ ผู้บริโภคพอใจ พร้อมหนุนเกษตรปลอดภัย ใช้สินค้า Q

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า การขับเคลื่อน 'เพชรบุรี โมเดล' เป็นต้นแบบการปฏิรูปเมืองในทุกมิติมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะมิติการยกระดับศักยภาพจังหวัดในฐานะที่องค์การยูเนสโก (UNESCO) ขององค์การสหประชาชาติคัดเลือกให้เป็น 'เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร' (City of Gastronomy) และเพชรบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองเกษตร จำเป็นต้องเชื่อมโยงการพัฒนาภาคเกษตรภาคอาหารและผู้ประกอบการภายใต้นโยบาย 'มาตรฐานเกษตรปลอดภัย อาหารปลอดภัย' ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยส่งเสริมให้ร้านอาหารใช้มาตรฐานเกษตรปลอดภัยหรือตรา Q (Quality) เพื่อสร้างความมั่นใจของลูกค้าและความปลอดภัยของผู้บริโภค 

ล่าสุดทางสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้ดำเนินการคิกออฟโครงการร้านอาหาร Q ที่เพชรบุรีเป็นแห่งแรก และมอบหมายให้ขยายโครงการให้ครบทุกอำเภอ ๆ ละ 1 แห่ง เป็นอย่างน้อย โดยร่วมมือกับจังหวัดเพชรบุรี หอการค้าจังหวัด สมาคมท่องเที่ยวและสถาบันเกษตรกรแบบบูรณาการทำงานเขิงรุกทุกภาคส่วนภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

BYD ปักธงไทย แห่งแรกในอาเซียน ทุ่ม 1.7 หมื่นล้าน ตั้งโรงงานผลิตรถ EV ใน EEC

BYD รถยนต์ EV สัญชาติจีน ที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก เซ็นสัญญาซื้อที่ดินตั้งโรงงานแรกในพื้นที่ EEC และถือเป็นแห่งแรกในอาเซียน ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท

Reporter Journey เผยว่า BYD รถยนต์ไฟฟ้าจีนพร้อมลงทุนใน EEC โดยวันที่ 8 กันยายน จะเซ็นสัญญาซื้อที่ดิน WHA นิคมฯ ระยอง 36 เพื่อสร้างโรงงานแห่งแรกในอาเซียนมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท

รายงานจากบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 กันยายนนี้ บริษัทเตรียมจัดพิธีเซ็นสัญญาซื้อ-ขายที่ดินระหว่าง WHA Group และ บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลกจีน ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตรถ EV แห่งแรกของ BYD ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

'แอปฯ เป๋าตัง' คว้ารางวัล The Disruptor ตอกย้ำผู้นำดิจิทัลแพลตฟอร์มแห่งปี

แอปพลิเคชัน 'เป๋าตังค์' รับรางวัลด้านเทคโนโลยีชั้นนำแห่งปี ในงาน Techsauce Global Summit 2022 

โดยนายจักรกฤษณ์ กลิ่นสมิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ได้เป็นผู้แทนธนาคารรับรางวัลด้านเทคโนโลยีชั้นนำแห่งปี ในงาน Techsauce Global Summit 2022 ซึ่งแอปพลิเคชัน 'เป๋าตัง' ได้รับรางวัล The Disruptor จากความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการดิจิทัล ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการทุกกลุ่มในทุกมิติ สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการลดความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนเศรษฐกิจยั่งยืน

สำหรับ แอปฯ เป๋าตัง นั้น สามารถตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ทั้งในด้านการลดความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนเศรษฐกิจยั่งยืน เป็น Thailand Open Digital Platform ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) เปิดกว้างให้ทุกคนใช้งานโดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สามารถเชื่อมต่อกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน ผ่านบริการ G-wallet กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ช่วยขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งต่อมาตรการรัฐให้ถึงมือประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง โปร่งใส ลดความเหลื่อมล้ำ

ต่างชาติหอบเงินลงทุน 7 ด.แรกกว่า 7 หมื่นลบ. ชี้ เกิดการจ้างงานคนไทยแล้วกว่า 3 พันคน

แรงงานไทยเฮ! รัฐบาล อวด ตัวเลขเงินลงทุนต่างชาติ 7 เดือนแรก สูงเกือบ 7.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่แรงงานไทยได้ประโยชน์จากการจ้างงานแล้วกว่า 3 พันคน

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในไทยสูงถึงกว่า 7 หมื่นล้านบาท ในช่วง 7 เดือนแรก ปี 2565 (มกราคม – กรกฎาคม) และคาดการณ์ว่าช่วงเดือนที่เหลือยังคงมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนเล็งเห็นศักยภาพของไทย และนโยบายการส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจน รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนในทุกมิติ ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 ไทยอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 323 ราย โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และจีน ตามลำดับ คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นกว่า 73,635 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 3,308 คน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ช่วงเดือนเดียวกัน พบว่า มีการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเกือบ 28,925 ล้านบาท

‘สุริยะ’ เคาะ 4 แนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย เน้นสอดรับแผนพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน

กอช. เคาะ 4 แนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยฝ่าวิกฤตสู่ความยั่งยืน เน้นบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันนี้ การประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งที่ 1/2565 มีการพิจารณา 4 เรื่องสำคัญที่จะขับเคลื่อนภาคการผลิตเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศมีทิศทางที่สอดรับกับแผนพัฒนาประเทศในทุกระดับ รวมทั้งจะเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วภายใต้การบูรณาการของทุกภาคส่วน 

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้จะเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีเอกภาพภายใต้การบูรณาการของหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอย่างรอบด้าน ครอบคลุม ตลอดห่วงโซ่มูลค่าในทุกมิติ โดยที่ประชุม กอช. ได้มีมติเห็นชอบใน 4 เรื่องสำคัญ ดังนี้

1. (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2565-2570)

สาระสำคัญของเรื่อง เพื่อเสนอที่ประชุมพิจารณา (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2565-2570)  โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตอุปกรณ์และระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะในอาเซียน และมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองภายในปี 2570 ภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 : ยกระดับศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะเดิม และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ มาตรการที่ 2 : กระตุ้นอุปสงค์เพื่อสร้างตลาดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะในประเทศ และต่อยอดการสร้างหรือพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และมาตรการที่ 3 : สร้างและพัฒนา Eco System สําหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

โดยที่ประชุมคณะกรรมการ กอช. มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2565-2570) และมอบหมายให้ อก. นำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ เสนอสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)/ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป

2. (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ (พ.ศ. 2566-2570)
สาระสำคัญของเรื่อง เพื่อเสนอที่ประชุมพิจารณา (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ (พ.ศ. 2566- 2570) โดยตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตสาหกรรม  แห่งอาเซียน (Industrial Hemp Hub of ASEAN)  ภายใน 5 ปี ภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1) สนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่กัญชง 2) ส่งเสริมการผลิตและแปรรูปเชิงพาณิชย์ 3) ส่งเสริมด้านการตลาด และ 4) สร้างปัจจัยสนับสนุนให้เอื้อต่อการประกอบการ โดยแบ่งการดําเนินการเป็น 3 ระยะ คือ 1. ระยะ 1 ปี : เร่งสร้าง Enabling และความมั่นคงทางวัตถุดิบ 2. ระยะ 3 ปี : ยกระดับการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์กัญชง และ 3. ระยะ 5 ปี : สนับสนุนการผลิตนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก ระยะ 5 ปี

โดยที่ประชุมคณะกรรมการ กอช. มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ (พ.ศ. 2566-2570) และมอบหมายให้ อก. นํา (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ เสนอ สศช./ ครม. เพื่อพิจารณาตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป

3. การส่งเสริมและแก้ไขปัญหาอุปสรรคเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
สาระสำคัญของเรื่อง เพื่อเสนอที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบ เรื่อง การส่งเสริมและแก้ไขปัญหาอุปสรรคเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยประเด็นพิจารณา 2 ประเด็น คือ 1. พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการ กรอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ปี พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งเป็นแผนระดับ 3 ด้านการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของประเทศไทย ภายใต้การบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 10 กระทรวง 2. พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการ การจัดตั้งกองทุนอุตสาหกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ หรือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการประกอบกิจการโรงงาน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ แก้ไขปัญหาการกระทําผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน รวมทั้งใช้เป็นเงินช่วยเหลือ อุดหนุนกิจการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการประกอบกิจการโรงงาน หรือเพื่อเป็นมาตรการป้องกันการเกิดอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม อันเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน

โดยที่ประชุมคณะกรรมการ กอช. มีมติเห็นชอบในหลักการกรอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ปี พ.ศ. 2566-2570 และแนวทางการจัดตั้งกองทุนอุตสาหกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

4. กลไกขับเคลื่อนการดําเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ 
สาระสำคัญของเรื่อง เพื่อให้การขับเคลื่อนการดําเนินงานของ กอช. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อก. จึงเสนอที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ภายใต้ กอช. เพื่อทําหน้าที่กําหนดกรอบและแนวทางการดําเนินงาน จัดทําและเสนอแนะนโยบาย แผนยุทธศาสตร์ มาตรการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรค รวมทั้งประสานและบูรณาการการดําเนินงานในประเด็นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และรายงานผลการปฏิบัติงานต่อ กอช. เป็นระยะ ตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 กลไกสำคัญ ดังนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top