Friday, 4 July 2025
ECONBIZ NEWS

‘กระทรวงดิจิทัลฯ - ดีป้า’ จัดงาน SCA on Tour มุ่งกระจายความเจริญ ลดความเหลื่อมล้ำด้วยเทคโนโลยี

(4 มี.ค. 66) ที่จังหวัดปทุมธานี กระทรวงดิจิทัลฯ และ ดีป้า พร้อมเครือข่ายพันธมิตรลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จัดกิจกรรม SCA on Tour ภาคกลาง ขยายความสำเร็จโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 มุ่งสร้างความตระหนักรู้ด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในระดับพื้นที่ ระหว่างนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ และผู้แทนจากหน่วยงานในโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ มุ่งเป้ากระจายความเจริญและลดความเหลื่อมล้ำด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน
เปิดกิจกรรม SCA on Tour ภาคกลาง ที่จัดโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี, พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต, ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า, ผู้บริหารและผู้แทนจากเครือข่ายพันธมิตรทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ, ภาคเอกชน, ภาคประชาชน รวมถึงน้อง ๆ จากโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 (Smart City Ambassadors: SCA Gen 2) และผู้แทนจากหน่วยงานในโครงการฯ (กัปตันเมือง) ร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการขยายความสำเร็จโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 กระทรวงดิจิทัลฯ และ ดีป้า จึงจัดกิจกรรม SCA on Tour ภาคกลาง จังหวัดปทุมธานีขึ้น หลังประสบความสำเร็จอย่างมากจาก SCA on Tour ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 มกราคมที่ผ่านมา โดยกิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความตระหนักรู้ด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และเครือข่ายความร่วมมือผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในระดับพื้นที่ระหว่างนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 กัปตันเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง

“ที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ในระดับท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลตามแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ที่กำหนดให้ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยการผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดระบบบริการที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่การบริหารจัดการเมืองที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง เท่าเทียม พร้อมรองรับนักลงทุน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

สื่อนอกยก ‘เงินบาท’ เป็นสกุลเงินที่มีความยืดหยุ่นที่สุดในโลก ‘บิ๊กตู่’ สั่งเร่งเดินหน้าพัฒนา ศก. ให้สมดุล-ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

(4 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ Financial Times สื่อดังจากอังกฤษที่นำเสนอข่าวสารด้านธุรกิจและการเงิน ลงบทความวิเคราะห์ โดย รูชีร์ ชาร์มา (Ruchir Sharma) เรื่อง The untold story of the world’s most resilient currency ซึ่งได้กล่าวถึง เงินบาทด้วยความชื่นชมในความมีเสถียรภาพและมีความยืดหยุ่นที่สุดในโลก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประเทศไทยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว มั่นคง อย่างสมดุล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีสื่ออังกฤษด้านธุรกิจและการเงิน Financial Times ลงบทความยกให้ ‘เงินบาท’ ของไทย เป็นสกุลเงินที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในโลก (World’s most resilient currency) รวมทั้งยังมีเสถียรภาพ โดยชี้ให้เห็นว่านับตั้งแต่ที่ไทยเผชิญกับวิกฤตการเงินช่วงปี พ.ศ. 2541 เงินบาทได้กลายเป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพในระยะยาว และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อน้อยที่สุดอีกด้วย และแม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่า แต่ไทยก็สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ จากศูนย์กลางของวิกฤตกลายเป็นจุดยึดของความมั่นคง (An anchor of stability) และถือว่าเป็นหนึ่งในบทเรียนแก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ

UTA ลงนามความร่วมมือ 'สนามบินนานาชาติฮ่องกง' พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา สู่ 'มาตรฐานตามหลักสากล'

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จํากัด (UTA) พร้อมคณะผู้บริหาร ได้แก่ นายกวิน กาญจนพาสน์, นายประดิษฐ์ ทีฆกุล, นายภาคภูมิ ศรีชำนิ ร่วมกับ Mr. Simon Li ผู้อำนวยการโครงการ สนามบินนานาชาติฮ่องกง ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง MOU ระหว่าง 'สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และสนามบินนานาชาติฮ่องกง' โดยมี Mr. Jack So ประธานกรรมการ สนามบินนานาชาติฮ่องกง พร้อมคณะผู้บริหารจากทั้งสององค์กร ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงแรม อีสติน แกรนด์ สาทร นายคีรี

นายคีรี กล่าวว่า ความร่วมมือกับสนามบินฮ่องกงในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ให้เป็นสนามบินที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพตามหลักสากล โดยทางสนามบินฮ่องกง จะทำการแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการ และเทคโนโลยีให้กับทาง UTA รวมถึงจะเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ภายใต้ข้อตกลง MOU เพื่อให้ทาง UTA นำไปพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้นไม่มีกำหนด หลัง ครม.ตีกลับร่าง กม.คืนคลัง พิจารณาใหม่

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาคณะรัฐมนตรี ได้ส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ฉบับที่… พ.ศ…หรือการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ (ภาษีขายหุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กลับมายังกระทรวงการคลังแล้ว แต่เนื่องจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ส่งหนังสือคัดค้านการจัดเก็บภาษีหุ้น จึงอาจทำให้ต้องพิจารณาทบทวนการประกาศบังคับใช้ภาษีขายหุ้นไปก่อน

โดยเมื่อเรื่องภาษีขายหุ้น ส่งคืนมายังกระทรวงการคลังแล้ว กระทรวงการคลังจะตั้งทีมงานเพื่อมาวิเคราะห์ และนำข้อเสนอแนะของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยมาประกอบพิจารณาอีกครั้ง ส่วนจะทันประกาศใช้ภายในกลางปีนี้หรือไม่ ขณะนี้ไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องรอการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้แล้วเสร็จ

สถานทูตจีน ย้ำสัมพันธ์ 2 ประเทศแน่นแฟ้น ชู การค้า-การลงทุน พุ่งหลักแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เคลื่อนไหวโพสต์ตามคำถามเกี่ยวกับเรื่องชาวจีนมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกิจสีเทาในไทย ฝ่ายจีนมีความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไร ซึ่งทางโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ก็ได้มองว่า พร้อมหนุนให้รัฐบาลไทยจัดการ หากพบการทำผิด แต่ไม่อยากให้คนไทยเหมารวมว่าคนจีนทั้งหมดไม่ดี การทำผิดเกิดขึ้นเฉพาะบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น

ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ยังได้เปิดเผยถึงแง่มุมความสัมพันธ์ไทย-จีน ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างประเทศร่วมกัน เนื่องจากมองว่าไทยและจีนต่างก็เป็นเมืองพี่ เมืองน้อง โดยมีใจความตอบคำถาม ดังนี้

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีสื่อไทยตั้งคำถามต่อโฆษกสถานทูตจีนเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการไปมาหาสู่กันระหว่างจีน-ไทย ดังต่อไปนี้

Q: คุณคิดว่าความสัมพันธ์จีน-ไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสองประเทศได้พัฒนาเป็นอย่างไร
A: จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี หุ้นส่วนที่ดี และพี่น้องที่ดี หลายปีมานี้ทั้งสองประเทศได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเผชิญกับโรคโควิด-19 และได้เอาชนะความยากลำบากร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้ 'จีนไทยพี่น้องกัน' ของประชาชนทั้งสองประเทศมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เยือนประเทศไทย ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ และหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ทั้งสองประเทศประกาศจะสร้างประชาคมระหว่างจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งได้ชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในยุคใหม่อย่างชัดเจน ด้วยการควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การแลกเปลี่ยนการเยือนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศย่อมจะนำไปสู่ระดับสูงครั้งใหม่ 

จีนเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดและตลาดสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย ในปี 2565 ยอดมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับไทยสูงถึง 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน สินค้าเกษตรของไทยที่ส่งออกไปจีนมีมูลค่า 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในปี 2565 จีนได้กลายเป็นประเทศที่ลงทุนรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีมูลค่าเงินลงทุน 77,381 ล้านบาท ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-ไทยตั้งอยู่บนหลักการเอื้อผลประโยชน์แก่กันและความร่วมมือแบบ win-win และได้ส่งผลประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ให้แก่การพัฒนาและประชาชนของทั้งสองประเทศ 

รีบทำก่อนยุบสภา ‘อลงกรณ์’ จี้นายกฯ พิจารณาโครงการช่วยชาวสวนลำไย วอน!! อย่าอ้างไม่มีงบฯ แล้วโยนให้รัฐบาลหน้า

(2 มี.ค.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565 ว่า ขณะนี้รอเพียงนายกรัฐมนตรีนำโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยที่ประสบความเดือดร้อนจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 ในฤดูกาลผลิตปี 2564/2565 เข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบเท่านั้น จึงฝากท่านนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนลำไยเป็นการด่วน โดยสามารถนำเข้าคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในสัปดาห์หน้าก่อนที่จะมีการยุบสภา เนื่องจากรอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วแต่กลับถูกดึงเรื่องจนถึงวันนี้กลับบอกว่าไม่มีเงิน

“โครงการนี้ฟรุ้ทบอร์ดได้มีมติเห็นชอบโครงการตามข้อเสนอของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนลำไยในภาคตะวันออกและภาคเหนือโดยการนำของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกษตรฯ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีต ส.ส.จันทบุรี นายขยัน วิพรหมชัย อดีตส.ส.ลำพูน และ นายพสิษฐ์ สุขสวัสดิ์ ประธานแปลงใหญ่ลำไย จังหวัดลำพูน ร่วมกับเครือข่ายชาวสวนลำไยทุกกลุ่ม โดยดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามเห็นชอบโครงการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 เสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนผ่านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีลงนามเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ถ้านายกรัฐมนตรีนำเข้าคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ปีที่แล้ว ชาวสวนลำไยก็คงได้รับเงินเยียวยาไปเรียบร้อยแล้ว” นายอลงกรณ์กล่าว

นายอลงกรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นข้ออ้างว่า เงินช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนลำไยใช้เงินจำนวนมากนั้นฟังไม่ขึ้นเพราะกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณใช้เงินหลายแสนล้านในโครงการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มอาชีพต่างๆ ในขณะที่การเยียวยาชาวสวนลำไยใช้เงินเพียง 3 พันล้านเท่านั้น

ส่วนประเด็นข้ออ้างเรื่องวงเงินช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ใช้เต็มวงเงินนั้นขอยืนยันว่าการดูแลช่วยเหลือเกษตรกรจะมีเพดานเงินไม่ได้เพราะหากเกิดภัยแล้งวันนี้ต้องใช้เงินช่วยเหลือเกษตรกรแล้วบอกว่าวงเงินไม่มี พูดแบบนี้อย่าเป็นรัฐบาล ขอแนะนำว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาง่ายมากโดยคณะรัฐมนตรีมีมติเพิ่มวงเงินช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งทำได้อยู่แล้ว เพราะคณะรัฐมนตรีเคยดำเนินการมาแล้วเป็นเงินหลายแสนล้าน จึงขอให้เห็นใจชาวสวนลำไยซึ่งรอเงินเยียวยาโดยกระทรวงเกษตรฯ เสนอไปตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้ว

หาดใหญ่ตีปีก!!! 'สงขลา' คึกคักรับสงกรานต์ หลังยอดจองห้องพักทะลุ 80% อานิสงส์จาก 'ท่องเที่ยวฟื้น-พรรคการเมืองเลือกเป็นพิกัดประชุม'

ท่องเที่ยวสงขลาคึกคัก รับเทศกาลสงกรานต์ ยอดจองห้องพักแตะ 80% ชี้!! รับโหมดการเลือกตั้ง ส.ส. ช่วยผสมโรงดึงเศรษฐกิจหาดใหญ่คึกคัก

(2 มี.ค.66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับ จ.สงขลา กลับมาคึกคัก ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 นี้ ทาง ททท. จึงได้ร่วมกับภาคเอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดงานเทศกาลสงกรานต์ 2 แห่ง คืองานมิดไนท์สงกรานต์ที่ อ.หาดใหญ่ และ งานเทศกาลสงขลา อ.เมืองสงขลา ในวันที่ 13-14 เม.ย.เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีทางเลือกร่วมกิจกรรมตามที่ชอบ

ด้าน นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.สงขลา กล่าวว่า การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ทำให้ อ.หาดใหญ่ จะมีนักท่องเที่ยวเกือบตลอดปี แม้ในบางช่วงจะมีมาก และบางช่วงมีน้อย แต่เชื่อว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะคึกคัดอย่างแน่นอน พิจารณาได้จากการจองห้องพักเฉลี่ยร้อยละ 80 คิดเป็นห้องพักในใจกลางเมืองร้อยละ 90 ในช่วงวันที่ 13-16 เม.ย.

กระตุ้นเที่ยวใต้!! เปิดตัว e-book 'คู่มือเส้นทางท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อมุสลิม' ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว 14 จังหวัดภาคใต้

รัฐบาล เปิดตัว e-book ‘คู่มือเส้นทางท่องเที่ยว ที่เป็นมิตรต่อมุสลิม และการท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ ส่งเสริมการท่องเที่ยว 14 จังหวัดภาคใต้ เชื่อมโยงมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ 

(2 มี.ค.66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและผลักดันภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสลามทั่วโลกที่กำลังเติบโต และเป็นกลุ่มที่มีกำลังใช้จ่ายสูง ให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ รัฐบาลโดยกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เปิดตัวคู่มือเส้นทางท่องเที่ยว ‘Muslim Friendly & Gastronomy Tourism Routes’ หรือ คู่มือเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อมุสลิมและการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ อีกทั้ง ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้ตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวใน 14 จังหวัดภาคใต้

น.ส.รัชดา กล่าวว่า คู่มือเส้นทางท่องเที่ยว Muslim Friendly & Gastronomy Tourism Routes นี้ เป็นการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย เชื่อมโยงกับ 3 ประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาะบาตัม อินโดนีเซีย โดยมี 2 เส้นทางท่องเที่ยว คือ...

1. เส้นทางท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อมุสลิม (Muslim Friendly Tourism Route) เป็นการนำเสนอสถานที่ที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม โดยไม่ขัดต่อหลักศาสนา อีกทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถแวะได้เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมอาหารและกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวมุสลิม และ 2. เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism Route) เส้นทางนี้นอกจากจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปแล้ว ยังนำเสนอร้านอาหารท้องถิ่นและเป็นที่นิยมของแต่ละแห่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นผ่านอาหารในแต่ละมื้ออย่างเต็มอิ่ม

กลุ่ม ปตท. เปิดงาน PTT Group Tech & Innovation Day 'Beyond Tomorrow' โชว์สุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมนำอนาคต

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.66) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ในพิธีเปิดงาน PTT Group Tech & Innovation Day ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Beyond Tomorrow: นวัตกรรม นำอนาคต’ โดยมี ศ.พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่ม ปตท. หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ และเอกชนชั้นนำร่วมในพิธี ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า PTT Group Tech & Innovation Day ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 3 มี.ค. 66 เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญเพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยี และการลงทุนด้านนวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. ตลอดจนสร้างการรับรู้ทิศทางของเทคโนโลยีในอนาคต และหาโอกาสต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ทั้งจากภายในกลุ่ม ปตท. และหน่วยงานภายนอก พร้อมทั้งผลักดันการสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานและเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top