‘ปักกิ่ง’ ผุดบัตรสวัสดิการเวอร์ชันจีน แจก 200 บาท/เดือน ให้ผู้มีรายได้ต่ำ

ในบ้านเราต้องยอมรับว่า ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ตามสไตล์ ‘บิ๊กตู่โมเดล’ หรือตอนนี้บางคนอาจจะเรียกติดปากกันไปแล้วว่า ‘บัตรลุงตู่’ นั้น เป็นหนึ่งในมาตรการแก้ปัญหาที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันมีการลงทะเบียนสมบูรณ์แล้วราว 19 ล้านคน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในสภาวะของแพง ทั้งอาหารเอย แก๊สหุงต้มเอย ได้ลดภาระค่าครองชีพ และสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการทางสังคมอย่างทั่วถึง 

แนวคิดดังกล่าวค่อนข้างช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับการลงทะเบียนก่อนหน้ากว่า 10 ล้านคน ได้มีโอกาสลดภาระด้านค่าครองชีพลง และช่วยหมุนเศรษฐกิจไปในตัวได้ในระดับหนึ่ง จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าต้นปีที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ นี้ พี่จีนของเรา กำลังเดินตามคอนเซปต์บัตรลุงตู่อยู่หรือไม่

Reporter Journey รายงานว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้เปิดเผยตัวเลขราคาอาหารจากทางการจีน ว่า ราคาอาหารแพงขึ้นเฉลี่ย 6% โดยอาหารที่มีสัดส่วนราคาพุ่งมากที่สุดคือ เนื้อหมู ที่คนจีนนิยมบริโภคมากที่สุด รองลงมาคือ สารพัดผลไม้ที่ราคาปรับตัวแพงขึ้นตาม

แม้ 6% เป็นสัดส่วนที่ทั่วโลกก็เจอกันโดยปกติ ตั้งแต่เรื่องของสงครามรัสเซียยูเครนประมาณ 1 ปี แต่สำหรับจีนเอง มีปัจจัยภายในที่ประชาชนค่อนข้างกระอักกระอ่วนในเรื่องของการทำมาหากิน จากนโยบายโรคระบาดเป็นศูนย์ ที่เจอคนติดเชื้อที ปิดพื้นที่ไปที ทำให้รายได้ของภาคธุรกิจและบริษัทเข้ามาไม่ต่อเนื่อง

เรื่องนี้จึงถือเป็นตัวแปรกระทบต่อคนจีน ประกอบกับเจอเรื่องของเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ที่กำลังเป็นขาขึ้น จึงทำให้ จีนที่ยังไม่ฟื้น เหมือนเจอพิษซ้ำกรรมซัดกระหน่ำจากปัจจัยของโลกไปอีกคำรบ

ดังนั้นการอุดหนุนค่าใช้จ่าย โดยการ ‘โปรยเงิน’ จึงน่าเป็นทางเลือกหนึ่งของการช่วยเหลือ หลังจาก่อนหน้านี้ราวปี 2554 จีนเคยเปิดตัวโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ด้วยการมอบเงินสดให้กับผู้ยากไร้ที่ประสบอยู่ในสภาวะเงินเฟ้อ หรือราคาอาหารแตะระดับที่กำหนด ซึ่งแต่ละเมืองจะมีกำหนดมาตรฐานของตัวเอง เนื่องจากค่าครองชีพแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

ทว่าในครั้งนี้ ทางการปักกิ่ง ตัดสินใจเตรียมมอบเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ 300,000 คน ในปักกิ่ง เดือนละ 40 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทย 200 บาท ในระยะยาวโดยที่ยังไม่มีการกำหนดสิ้นสุดโครงการ เพื่อเป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพในเบื้องต้น

เรื่องนี้ทำให้คนในจีนพูดกันอย่างกว้างขวาง ในเรื่องจำนวนเงิน 200 บาทต่อเดือน ว่าเพียงพอหรือไม่ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียอย่าง Weibo เพราะบางส่วนก็มองว่า เงินจำนวนนี้อาจไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพได้มากขนาดนั้น เนื่องจากเงินก้อนนี้สามารถซื้อของได้ในจำนวนที่จำกัดมากๆ เช่นกัน 

แต่อย่างว่า ถ้าซื้อของจำเป็น ปรับใช้ตามกำลังแบบผู้ได้รับสวัสดิการคนไทยรับจากบัตรลุงตู่ มันก็พอถูไถ ลดภาระบางส่วนที่ต้องพึ่งพิงผู้มีรายได้หลักในครอบครัวได้พอสมควรเหมือนกันนะ


ที่มา: Reporter Journey
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0JFaZ2SrmVk3fP2qtwN5VsaREBRVeDLKJWh9i9HimWYE36vPH9LayrAuxAgCHk6qel&id=100044184738486&mibextid=Nif5oz