Thursday, 25 April 2024
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

‘ทิพานัน’ แจ้งข่าวดีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แบงก์ออมสินปล่อยกู้ 5 หมื่นไม่ต้องมีคนค้ำ ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมขอบคุณแทนชาวจอมทอง รับมอบกล่องยังชีพกว่า 1 พันกล่อง ในโครงการ ‘ออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม’

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในหลายภาคส่วน รัฐบาลได้ออกมาตรการทางการเงิน ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยการปล่อยสินเชื่อประชารัฐ ผ่านธนาคารออมสินภายใต้โครงการ ‘ธนาคารประชาชน สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถกู้เงินผ่านธนาคารออมสินได้ง่ายๆ วงเงินกู้ 50,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.75 ต่อเดือน

“รัฐบาลเดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเพื่อเสริมสภาพคล่อง บรรเทาความเดือดร้อนและเป็นต้นทุนในการประกอบอาชีพ เพื่อประคับประคองให้ผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน ฉะนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองช่วยกันประชาสัมพันธ์โครงการดีๆ ของรัฐ ให้กับพี่น้องประชาชนได้เข้าถึงเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

ครม. เคาะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 20 ล้านคน  

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้สามารถเข้าถึงโครงการฯ 

ทั้งนี้มีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน ทั้ง ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่ คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบฯ ของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

‘บัญชีกลาง’ นัดวันโอนเงินสงเคราะห์คนแก่ ส่งเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐงวดแรก 23 เม.ย.นี้

น.ส.วารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางกำหนดการโอนเงินสงเคราะห์ฯ เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ก่อนเดือนที่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์ฯ หลังจากกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แจ้งมติคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ อนุมัติแนวทางการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แล้ว

โดยให้จ่ายเงินสงเคราะห์ฯ ในอัตราการจ่ายเดิม คือ ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 100 บาทต่อเดือน และผู้สูงอายุที่มีรายได้มากกว่า 30,000 - 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 50 บาทต่อเดือน โดยให้จ่ายเป็นจำนวน 10 เดือน งวดแรกสำหรับเดือนตุลาคม 2564 - กุมภาพันธ์ 2565 จะจ่ายในเดือนเมษายน 2565 และงวดถัดไปจะจ่ายเป็นรายเดือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2565 

‘คลัง’ เคาะ!! 5 กันยายน – 19 ตุลาคม 2565 ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม มติเห็นชอบการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 โดยจะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน – 19 ตุลาคม 2565 ทั้ง ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และลงทะเบียน ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนในพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งช่วงเวลาในการเปิดรับลงทะเบียน หากตรงกับวันเสาร์ - วันอาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานรับลงทะเบียนแต่ละแห่ง

ส่วนการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ กระทรวงการคลังจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนภายในเดือนมกราคม 2566 ผ่านทางเว็บไซต์ โดยสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านคุณสมบัติของโครงการฯ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ที่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทยฯ โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ขณะที่ผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติของโครงการฯ สามารถดำเนินการยื่นเรื่องอุทธรณ์ผ่านทางเว็บไซต์ หรือช่องทางที่กระทรวงการคลังกำหนดได้ตั้งแต่วันที่ 9 – 31 มกราคม 2566

'ทิพานัน' แนะ!! ช่องทางตรวจสอบสถานะ ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

รองโฆษกรัฐบาลแนะช่องทางตรวจสอบสถานะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งทางออนไลน์-ออฟไลน์ และไทม์ไลน์ตรวจสอบได้วันไหนบ้าง ย้ำลงทะเบียนได้ทั้งสามี-ภรรยา คนโสดพิสูจน์สถานะด้วยทะเบียนสมรส

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่ชุมชนสุขศิริ ชุมชมวิสุทธิจิตร ชุมชนคอกม้า ในเขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าในการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า...

ล่าสุด ณ วันที่ 9 กันยายน 2565 เวลา 15.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 8,339,614 ราย โดย 6,060,687 ราย ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ และ 2,278,927 รายลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียน จะเห็นได้ว่าประชาชนให้ความสนใจและได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นที่มีช่องทางให้ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์คิดเป็น 72.7% ของผู้ลงทะเบียนทั้งหมด และทุกคนที่ลงทะเบียนไปแล้วไม่ว่าจะทางเว็บไซต์หรือที่หน่วยลงทะเบียนก็สามารถติดตามสถานะการลงทะเบียนด้วยตนเองได้ที่ https://welfare.mof.go.th เพียงกรอกเลขบัตรประชาชนและวันเดือนปีเกิด และหากพบข้อมูลว่า "กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” ก็ไม่จำเป็นต้องนำแบบฟอร์มและเอกสารประกอบการลงทะเบียนไปยื่นที่หน่วยงานรับลงทะเบียนอีก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนผลการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 โดยมีกำหนดรอบดังนี้...

1. ลงทะเบียน 5 – 8 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565

2. ลงทะเบียน 9 – 15 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565

3. ลงทะเบียน 16 – 22 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565

4. ลงทะเบียน 23 – 29 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2565

5. ลงทะเบียน 30 กันยายน – 6 ตุลาคม 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565

6. ลงทะเบียน 7 - 13 ตุลาคม 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565

7. ลงทะเบียน 14 - 19 ตุลาคม 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า หลังการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง ถ้าขึ้น "สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์" ให้ผู้ลงทะเบียนรอผลการตรวจสอบคุณสมบัติต่อไปโดยจะประกาศผลในช่วงเดือนมกราคม 2566 แต่หากพบว่า "สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์" เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลกรมการปกครอง ให้แก้ไขข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 3 พฤศจิกายน 65 ปัจจุบันต้องติดต่อแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเท่านั้น  หากลงทะเบียนทางออนไลน์ให้ไปแก้ไขที่จุดลงทะเบียนที่ไหนก็ได้ แต่หากลงผ่านทางจุดรับลงทะเบียน ต้องกลับไปจุดเดิมเท่านั้น

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯ ขั้นแรกไม่สมบูรณ์  รอตรวจสอบสถานะได้อีกครั้ง 20 กันยายนนี้

'ทิพานัน' แนะผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐขั้นแรกไม่สมบูรณ์ รอตรวจสอบสถานะได้อีกครั้ง 20 กันยายนนี้ แจงหากคู่สมรส-บุตร ไม่สะดวกเดินทางมายื่นให้เซ็นสำเนาบัตรประชาชนมาแทนได้ ย้ำบัตรสวัสดิการเดิมยังใช้ได้จนกว่าจะประกาศสิทธิรอบใหม่เดือนมกราคม 2566

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังประกาศผลการตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 รอบแรกเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลจากกรมการปกครองจำนวน 4,282,429 ราย จากข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 5-8 กันยายนที่ผ่านมาทั้งหมด 5,246,699 ราย โดยผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบสถานะแล้วจะพบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ขอให้รอผลการตรวจสอบคุณสมบัติในช่วงเดือนมกราคม 2566 ต่อไป

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านอีก 964,270 ราย ที่พบข้อความว่า “สถานการณ์ลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” ซึ่งอาจเกิดจากข้อมูลไม่ตรงกับฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ระบบจะขึ้นข้อความระบุสาเหตุของการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ เช่น ข้อความว่า “การลงทะเบียนไม่สมบูรณ์เนื่องจากตรวจสอบกับฐานข้อมูลกรมการปกครองแล้วพบว่าผู้ลงทะเบียนมีคู่สมรส” แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าคู่สมรสของผู้ลงทะเบียนเสียชีวิต และมีใบมรณบัตรของคู่สมรสแล้ว

หรือพบข้อความว่า “การลงทะเบียนไม่สมบูรณ์" เนื่องจากตรวจสอบกับฐานข้อมูลกรมการปกครองแล้วพบว่าผู้ลงทะเบียนแจ้งจำนวนบุตรไม่ครบถ้วน โปรดตรวจสอบจำนวนบุตร และข้อมูลเลขบัตรประชาชนของทุกราย” แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าบุตรของผู้ลงทะเบียนมีอายุเกิน 18 ปีบริบูรณ์แล้ว เป็นต้น 

รัฐขยายระยะเวลาบรรเทาค่าใช้จ่าย 'น้ำ-ไฟ' ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 7 เดือน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2565 - เมษายน 2566 (7 เดือน) โดยใช้งบประมาณจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม จํานวน 1,933.05 ล้านบาท แบ่งเป็นสนับสนุนค่าไฟฟ้า จํานวน 1,786.05 ล้านบาท ช่วยเหลือประมาณ 810,000 ครัวเรือน และงบประมาณสนับสนุนค่าน้ำประปา จํานวน 147 ล้านบาท ช่วยเหลือประมาณ 210,000 ครัวเรือน

ทั้งนี้ มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา มีรายละเอียดดังนี้...

>> ค่าไฟฟ้า
1.) กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกัน 3 เดือน ให้ใช้สิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน 
2.) กรณีใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน ให้ใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ ในวงเงิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน 
3.) กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กําหนด ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระ ค่าไฟฟ้าทั้งหมด 

เช็กเลย!! สิทธิประโยชน์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือน พฤศจิกายน 2565

👉วันที่ 1 พ.ย. 65
✨ซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค 200/300 บาท/เดือน
✨ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า รถโดยสาร บขส. รถไฟ อย่างละ 500 บาท/เดือน
✨ก๊าซหุงต้ม-บุคคล 100 บาท/3 เดือน
✨ก๊าซหุงต้มหาบเร่แผงลอย 100 บาท/เดือน

👉วันที่ 18 พ.ย. 65
✨ค่าไฟฟ้า 315 บาท/เดือน
✨ค่าน้ำประปา 100 บาท/เดือน

'บิ๊กตู่' ช่วยค่าครองชีพกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.2 ล้านคน จัดงบ 2.6 พันล้านบาท เติม 200 บาทต่อคนในเดือนม.ค.66

(27 ธ.ค.65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษ แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนมกราคม 2566 โดยอนุมัติงบกลาง 2,644 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีบัตรฯ จำนวน 13.2 ล้านคน (ข้อมูล ณ เดือน ธันวาคม 65 ) โดยเป็นการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 200 บาท/คน เป็นระยะเวลา 1 เดือน ประจำเดือนมกราคม 2566 โดย...

(1) ผู้มีบัตรฯ ที่เคยได้รับวงเงิน 200 บาท/คน/เดือน (จำนวน 3.54 ล้านคน) จะได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 400 บาท/คน/เดือน 

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพ พปชร. เปิดนโยบายแรก ลั่น ได้จัดตั้ง รบ. เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการทันที 700 ต่อเดือน

‘พปชร.’ คึกคัก ‘บิ๊กป้อม’ เปิดนโยบายแรก ชู เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 ต่อเดือน เกทับเพื่อไทย ค่าแรง 600 บาท ยัน พร้อมสานสัมพันธ์ทุกคน ลั่น พร้อมเป็นนายกฯถ้าประชาชนเลือก

เมื่อเวลา 14.30 น. (17 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะแถลงเปิดนโยบายของพรรคเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารัฐมนตรีของพรรคเดินทางมาเกือบทั้งหมด ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม 

เช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค  ส.ส.รวมถึงว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค ที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ขณะที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการพรรคและโดยรอบพรรค ได้ติดป้ายสโลแกน และป้ายนโยบายบัตรประชารัฐ เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำนวนมาก ทั้งนี้ ยังมีนโยบายที่เตรียมหาเสียง ครอบคลุม 16 ด้าน โดยชูนโยบายที่เป็นไฮไลต์ “บัตรประชารัฐ เพิ่มเงิน-เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน เป็นการสานต่อนโยบาย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับประชาชนไปใช้จ่ายในครัวเรือน เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการเป็นค่าโดยสารรถสาธารณะ ค่าสาธารณูปโภค ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้าและน้ำประปา ขณะที่นโยบายด้านอื่นจะทยอยแถลงเป็นระยะ

จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดนโยบายแรกของพรรค คือ นโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีคณะผู้บริหารพรรค ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จากการที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้งสังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในช่วงที่ผ่านมา พรรคพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และอื่น ๆ ที่มากมาย

“ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยคือ สังคมไทยยังคงมีแตกแยกทางความคิด แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน โดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข" พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ตนขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า พลัง สามัคคี ประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ 

พล.อ.ประวิตร ประกาศว่า พร้อมเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท

“เนื่องจากพรรคพปชร.ได้ดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พรรคได้มีการประเมิน จากการลงพื้นที่ ของส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร พบว่าเงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน ดังนั้นเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิว่า ที่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในการซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ทำให้ประเมินว่า ควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือ อีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน  สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้น”พล.อ.ประวิตร กล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top