Sunday, 25 May 2025
TheStatesTimes

'บอสใหญ่ ปตท.' จัดกิจกรรม ‘เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ พร้อมเผยแพร่พระราชกรณียกิจสำคัญ เพื่อคนไทยได้ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

(25 ก.ค. 67) ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และพนักงานกลุ่ม ปตท. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

ดร.คงกระพัน เปิดเผยว่า ในวันนี้คณะผู้บริหารและพนักงานกลุ่ม ปตท. ได้ร่วมกันผนึกพลังแห่งความจงรักภักดี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยพร้อมใจกันแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง ร่วมตักบาตรพระสงฆ์และสามเณรจากวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดประจำในรัชกาลปัจจุบัน พร้อมด้วยวัดธรรมมงคลและวัดศรีเอี่ยม รวมจำนวน 73 รูป และได้ร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นพนักงานที่ดีและพลังของแผ่นดิน รวมทั้งมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ และร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสาผลิต ‘ถุงมือพิทักษ์ Tub’ สำหรับใช้ป้องกันการดึงสายน้ำเกลือ สายยางให้อาหารและท่อช่วยหายใจ เพื่อส่งต่อให้กับผู้ป่วยในสถานพยาบาลต่าง ๆ ต่อไป

“โครงการและกิจกรรมพิเศษที่ กลุ่ม ปตท. ร่วมดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่พระราชกรณียกิจและโครงการตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างสังคมไทยให้แข็งแรง สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ 'ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย' และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” ดร.คงกระพัน กล่าว

อนึ่ง ในปี 2567 นี้ กลุ่ม ปตท. ได้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ ประกอบไปด้วย 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่...

1.โครงการพัฒนาพื้นที่กำแพงเพชร 6  ปตท. จัดสรรพื้นที่จำนวน 10 ไร่ ขนานแนวโครงการพัฒนาคลองเปรมประชากรเฉลิมพระเกียรติฯ ดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ทั้งท่าเรือและพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชน โดยการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ พร้อมลานกิจกรรมและเส้นทางจักรยาน รวมถึงจัดสร้างอาคารนิทรรศการ 'ชลวิถีธีรพัฒน์' บอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาสายน้ำ เพื่อ 'สืบสาน รักษา และต่อยอด' ตามพระราชปณิธาน โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ต่อไป

2.โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการหลวงเลอตอ อ.แม่ระมาด จ.ตาก กลุ่ม ปตท. และโครงการหลวง ร่วมสืบสานพระราชปณิธาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา ซึ่งถือเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแห่งแรกในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10

3.ปลูกป่า 72,000 ไร่ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ แหล่งต้นน้ำ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยครอบคลุมพื้นที่ป่าทั่วประเทศ ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 70,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

4.ผลิตหนังสั้นเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล จำนวน 2 เรื่อง เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจและผลสัมฤทธิ์ของโครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตประชาชน ตามพระบรมราโชบาย จำนวน 10 โครงการทั่วประเทศ เผยแพร่ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 สิงหาคม 2567 ทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์

5.กิจกรรมแสดง แสง สี เสียง เฉลิมพระเกียรติ ‘ลำนำนที วารีสมโภช’ โดย ปตท. ได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษ ณ สวนสันติชัยปราการ (ป้อมพระสุเมรุ) ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2567 เวลา 15.00-21.00 น. โดยภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ เปิดล่องเรือเส้นทางพิเศษ เยี่ยมชมการพัฒนาสายน้ำและวิถีชุมชนคลองบางลำพู ตามพระบรมราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ 10 ชมหนังสั้นเฉลิมพระเกียรติฯ การแสดงแสง สี เสียง ‘พรจากสายน้ำ’ ด้วยเทคนิค Immersive 3D Mapping ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การละเล่นจากชุมชนบางลำพูและดนตรีในสวน พร้อมร่วมทำกิจกรรม Workshop ศิลปะบนผืนผ้าใบ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย อีกทั้งชิมช้อปอาหารเด็ดย่านบางลำพู และ Street food ระดับมิชลิน และร้านค้าชุมชนมากมาย

สำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถร่วมกิจกรรมในวันและเวลาดังกล่าว พร้อมทั้งร่วมพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 19.00 น. ณ สวนสันติชัยปราการ (ป้อมพระสุเมรุ) ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ

ชวนรู้จัก ‘ตั๋วแลกเงิน หรือ Bill of Exchange’ อีกทางเลือกในยามที่กู้เงินจากแบงก์ไม่ได้

ข่าวใหญ่ที่เราเห็นกันเต็มหน้าสื่อในสัปดาห์นี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นข่าวของบริษัทในตลาดหุ้นที่ขอเลื่อนเวลาชำระตั๋ว BE ซึ่งในช่วงหลัง ๆ มานี้น้อยครั้งที่เราจะเห็นข่าวที่เกี่ยวกับตั๋วนี้ เพราะข่าวของบริษัทที่มีปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นในรูปของการผิดชำระหุ้นกู้เสียมากกว่า 

วันนี้เลยจะพาไปเจาะลึกตั๋ว BE แบบ 101 กันว่าตั๋วนี้คืออะไร? และทำงานอย่างไร?

ตั๋วแลกเงิน BE หรือ Bill of Exchange เป็นตราสารหนี้รูปแบบหนึ่งที่ถูกเอามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความสำคัญในการทำธุรกิจ และถือว่าเป็นหนึ่งในการระดมทุนของบริษัทเช่นเดียวกันกับหุ้นกู้

แต่อดีตตั๋วแลกเงินเป็นผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารใช้เพื่อปล่อยกู้ให้กับบริษัทเอกชน และธนาคารนำไปขายต่อให้กับนักลงทุนอีกทอดหนึ่ง โดยธนาคารจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นการค้ำประกันตั๋วแลกเงินหรือที่เรียกว่า ‘การอาวัลตั๋ว’ โดยธนาคารจะร่วมรับผิดชอบหากผู้กู้เงินไม่สามารถชำระเงินคืนได้ แต่หลัง ๆ มาก็มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นบริษัทเอกชนออกตั๋วแลกเงินเพื่อกู้กับนักลงทุนโดยตรง โดยไม่ผ่านตัวกลางอย่างธนาคารค่ะ

การระดมทุนรูปแบบนี้เป็นไปเพราะบริษัทเอกชนต้องการเงินทุนในการดำเนินงานและต้นทุนในการกู้เงินที่ต่ำกว่าการกู้ธนาคาร หรือไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ โดยผู้ให้กู้หรือเจ้าหนี้ก็จะได้รับผลตอบแทนการจากให้กู้ค่ะ แต่ความต่างระหว่างหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินจะอยู่ที่ระยะเวลาอายุของตราสารหนี้นั้น ๆ กล่าวคือ ถ้าตราสารหนี้นั้นมีอายุมากกว่า 1 ปี เราจะเรียกว่าตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งมาในรูปแบบของหุ้นกู้ แต่ถ้าตราสารหนี้ไหนที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งแบ่งย่อยออกได้เป็น ตั๋วแลกเงิน (BE), หุ้นกู้ระยะสั้น (Short-Term Debenture) หรือ ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Permission Note: P/N)

ซึ่งตั๋ว BE เองก็ถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกับหุ้นกู้ หรือที่เรียกว่า Credit-Rating และไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะนำเอาหุ้นกู้ของตนเองไปทำ Credit-Rating ค่ะ เพราะมันถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องให้บริษัทจัดอันดับเข้ามาประเมินสถานะบริษัท หรือถ้าบริษัทไหนที่มีสถานะทางการเงินที่มีความเสี่ยงก็จะต้องชดเชยการถูกจัดอันดับนั้นด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อจูงใจนักลงทุนค่ะ ซึ่งการจัดอันดับจะมีทั้งระดับที่ลงทุนได้และระดับที่เสี่ยง หรือแบบ Non-rated BE ซึ่งแบบหลังนี้ก็จะมีกฎตามมาด้วยว่าจะขายให้ได้เฉพาะสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้นค่ะ

และเพราะตั๋ว BE มีอายุสั้น ผลตอบแทนที่ได้รับจากอยู่ในรูปของส่วนลด (Discount) แทนที่จะเป็นดอกเบี้ยอย่างหุ้นกู้ระยะยาว อย่างเช่น ตั๋วแลกเงินมูลค่า 1,000,000 บาท ส่วนลด 10% ระยะเวลา 1 ปี เพราะฉะนั้นผู้ซื้อตั๋วแลกเงินหรือผู้ให้กู้ก็จะให้เงินเพียงแค่ 900,000 บาท โดยมีส่วนลด 100,000 บาท และตอนคืนเงินผู้กู้ก็จะต้องคืนเงินจำนวน 1,000,000 บาทค่ะ

ข้อดีของตั๋วแลกเงินอีกอย่างที่นอกเหนือจากระยะเวลาถือครองสั้นแล้วที่ทำให้ตั๋วแลกเงินเป็นที่นิยม คือการเปลี่ยนมือได้ ผู้ให้กู้อาจขายตั๋วที่ได้รับ ไปให้ผู้อื่น และผู้ที่ซื้อตั๋วหรือผู้ถือตั๋วเงินมีสิทธิรับเงินโดยตรงจากผู้ออกตั๋วหรือผู้จ่ายเงินได้ แต่ถ้าผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ คนที่ซื้อตั๋วต่อไปจะไม่สามารถไปตามเอากับคนที่มีชื่ออยู่บนหลังตั๋วหรือคนที่ขายให้ได้

ข้ามมาดูในด้านความเสี่ยงกันบ้าง การลงทุนในตั๋วแลกเงินจะมีความเสี่ยงในด้านการผิดนัดชำระหนี้หรือว่าเกิด Default ก็คือการที่ผู้ออกตั๋วไม่สามารถชำระเงินได้เนื่องจากปัญหาจากตัวธุรกิจเองหรือปัญหาอื่น ๆ หรือความเสี่ยงด้านราคา

ในกรณีที่ผู้ให้กู้อยากขายก่อนครบกำหนด อาจจะทำให้ต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น รวมไปถึงความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่อง เพราะเนื่องจากตลาดรองในการขายตั๋วแลกมีสภาพคล่องไม่มากทำให้ผู้ให้กู้อาจจะไม่สามารถขายได้ในทันทีค่ะ 

นอกจากกรณีของ EA แล้ว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีหลายบริษัทจดทะเบียนที่เกิดปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินตามที่เราเห็นได้จากข่าวค่ะ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ เราจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์นั้นอย่างละเอียด และดูไปถึงความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเราด้วยค่ะ

‘ศิโรตม์’ อัดคลิปขอโทษ ‘สนธิ’ ปมจัดรายการพาดพิงสมัยอยู่วอยซ์ทีวี อ้าง!! พาดหัวหลายข่าว พร้อมใช้ภาพสนธิประกอบ ทำให้ผู้ชมเข้าใจผิด

(25 ก.ค. 67) เพจ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ โพสต์ข้อความ ระบุว่า…นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ ผู้ดำเนินรายการช่องยูทูปมติชนทีวี อดีตนักจัดรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งปิดกิจการไปแล้วก่อนหน้านี้ โพสต์วิดีโอคลิปขออภัยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ทางยูทูบ SiroteTalk ความยาว 1.22 นาที เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา

เนื้อหาในคลิประบุว่า "สืบเนื่องจากข้าพเจ้า นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ได้จัดรายการข่าว Overview เผยแพร่ทางช่องวอยซ์ทีวี 2 รายการ รายการที่หนึ่ง 6 มี.ค. 2566 พาดหัวข่าวว่า ‘Overview ชูวิทย์ฟาดสนธิแฉสารพัดโกง เปิดความลับฉาวหลังฉากม็อบ’ รายการข่าวที่สอง วันที่ 29 มี.ค. 2566 พาดหัวข้อข่าวว่า ‘Overview ชูวิทย์ลากไส้สนธิ ลิ้มฯ กร่างยันคุก เผยแผนชั่วซื้อประเทศไทย 1 หมื่นล้าน’ ข้าพเจ้าขอชี้แจงว่าในการจัดรายการข่าวทั้งสองวัน ใช้เวลาจัดรายการครั้งละประมาณ 28-30 นาที

ข้าพเจ้าได้นำหลายข่าวมาอ่านในเวลาต่อเนื่องกัน มีข่าวคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ วิจารณ์นักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลว่ามีปัญหาทุจริตเชิงนโยบาย ข่าวพรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจน พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่นำเข้าเนื้อหาเข้าสู่ระบบได้พาดหัวข่าวจากข่าวหลายเรื่องมารวมกัน และนำภาพของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล มาลงในข่าว จนอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน เข้าใจผิดหมายถึงข่าวทั้งหมดหมายถึงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทำให้เกิดความเสียหายต่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ข้าพเจ้าจึงขออภัยมา ณ ที่นี้"

คลิกชม >> https://youtu.be/NNNEzNAot04

NETA เปิดราคา NETA X ตัวท็อป ไม่ถึง 8 แสนบาท ชูจุดเด่นเทคโนโลยีล้ำ-นั่งสบาย พร้อมส่งมอบต้นเดือน 8

(25 ก.ค.67) NETA ประกาศเปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV เสริมทัพผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ชูจุดเด่นภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย 80% ของพื้นที่ห้องโดยสารเป็นวัสดุบุนุ่ม หน้าจอระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วยเหลือ ผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

ด้าน นาย ชู กังจื้อ (Mr. Shu GangZhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า NETA เดินหน้าสานต่อพันธกิจในการเป็นผู้สรรค์สร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ เพื่อสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมตามปรัชญา ‘Tech For All’ โดยล่าสุดได้ประกาศเปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นรถรุ่นที่สองของ NETA ที่เปิดตัวในปีนี้ ภายหลังจากการแนะนำ NETA V-II รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ City Car เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน NETA มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เลือก 2 สไตล์ รองรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยอย่างต่อเนื่องในทุกปี

“ปัจจุบันเรามีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA วิ่งอยู่บนถนนทั่วประเทศไทยแล้วกว่า 17,000 คัน ผมต้องขอขอบคุณลูกค้าคนไทย รวมไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มอบความไว้ใจและสนับสนุนการดำเนินงานของแบรนด์ NETA ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เราพร้อมและยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นในทุกมิติ สำหรับการเปิดตัว NETA X นอกจากจะเป็นการตอกย้ำแผนการดำเนินงานในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์ ‘All in Thailand, All for Thailand’ ในการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ทรงพลังและติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง แล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NETA ในการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งคนไทยสามารถเป็นเจ้าของได้ สอดคล้องกับพันธกิจหลักของ NETA เพื่อสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยี อย่างเท่าเทียมสําหรับทุกคน หรือ ‘Tech For All’ ชู กังจื้อ กล่าว

NETA X ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด และสโลแกน ‘เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง’ ชูจุดเด่นด้าน พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 รวมถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยมาพร้อมระบบส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ หรือ 163 แรงม้า ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 9.5 วินาที

NETA X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ NETA X รุ่น Comfort มาพร้อมแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออนขนาด 51.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)และ NETA X รุ่น Smart จับคู่กับแบตเตอรี่ ขนาด 62 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Onyx Black) สีน้ำเงิน (Glacier Blue) และสีขาว (Pearl White) ภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (PrestigeBlack) ในรุ่น Comfort และสีน้ำตาล (Elegant Brown) ในรุ่นSmart

NETA X ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 ติดตั้งเซ็นเซอร์ รอบคันและเรดาร์รวม 11 จุด รองรับระบบควบคุมความเร็วในการขับขี่ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะย่านความเร็วสูง (ICA) และความเร็วต่ำ (TJA) รวมไปถึงการควบคุมรถให้อยู่ในเลน อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน และระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมระบบตรวจจุดอับสายตา เป็นต้น

NETA X มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความยาวตลอดทั้งคัน 4,619 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,628 มม. โดยมีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,770 มม. ให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมพื้นที่ เก็บสัมภาระท้ายรถจุถึง 508 ลิตร เบาะพับได้สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1388 ลิตร พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ 24 จุด กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร

NETA X มอบความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งปรับได้ถึง 6ทิศทาง พร้อมวัสดุบุนุ่มห้องโดยสารถึง 80% ของพื้นที่ มาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) ช่องเชื่อมต่อ USB / Type-C และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมฟังก์ชัน V2L(Vehicle-to-Load) จ่ายกำลังไฟได้ สูงถึง 3.3 กิโลวัตต์ สามารถดึงพลังงานจากรถยนต์ไปใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้า

NETA X มาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูง ขนาด 15.6 นิ้ว สามารถเข้าถึงระบบนําทางแบบออนไลน์ การสตรีมมิ่งเพลง และการเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบรถยนต์เป็นไปได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังมีระบบสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะแบบเรียลไทม์

NETA X ใช้โครงสร้างที่ทำจากเหล็กแรงดึงสูง (High-strength Steel) ถึง 75% ของตัวถังมาพร้อมระบบถุงลมนิรภัย ถึง 6 จุดและแบตเตอรี่ที่ผ่านการทดสอบ IP68 ซึ่งเป็นระดับกันน้ำและกันฝุ่นระดับสูงสุดในตลาด โดยสามารถผ่านการทดสอบการกันน้ำอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 48 ชั่วโมง

NETA X ให้การใช้พลังงานและค่าบํารุงรักษาที่ต่ำ เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ถึง 3 เท่า จึงทําให้ NETA X เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตัวเลือกที่ให้ความประหยัดและคุ้มค่าในระยะยาว

ผู้ทำเพลง ‘คิดถึงลุงตู่’ แจง!! หลังคลิประบาดในติ๊กต็อก ยัน!! ทำเพราะคิดถึงจริงๆ ‘ไม่ใช่ไอโอ-ไม่ได้ค่าจ้าง’

(25 ก.ค. 67) รายงานข่าวแจ้งว่า บนแพลตฟอร์มติ๊กต็อกได้มีผู้ใช้นามว่า Celestial Sound ได้ทำเพลงที่ชื่อว่า ‘คิดถึงลุงตู่’ เพื่อรำลึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี โดยพบว่าดนตรีมีกลิ่นอายคล้ายกับเพลง We Don't Talk Anymore ของ ชาร์ลี พูท (Charlie Puth) ศิลปินเพลงสากลชื่อดัง

โดยผู้ทำเพลงดังกล่าวระบุว่า เพลงดังกล่าวเนื้อร้องแต่งเอง ได้แรงบันดาลใจมาจากช่องครูแหม่ม ส่วนเสียงร้องและดนตรีใช้ AI ซึ่งเพลงดังกล่าวมีกลุ่มผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นำแผ่นเสียงเพลงดังกล่าวในติ๊กต็อก ไปทำวิดีโอคลิปจำนวนมากถึง 20,400 โพสต์ นอกจากนี้ ยังมีเพลง ‘ลุงตู่สบายดีไหม’ ซึ่งเป็นการดัดแปลงเพลง รักแรก (First Love) ของ นนท์ ธนนท์ จำเริญ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ออกมาคอมเมนต์ว่า "ขยันทำงานจริง ๆ เลยนะไอโอ" เจ้าตัวตอบกลับว่า "แหม ๆ ช่วงเลือกตั้งเพลง กก. (ก้าวไกล) ขึ้นเต็มฟีด บอกหัวคะแนนธรรมชาติ พอเพลงคิดถึงลุงตู่ขึ้นฟีดบ้าง บอกไอโอ ดิ้นกันใหญ่ จะรั่ว ยังจำเพลงนี้ได้ป่ะ" พร้อมกับโพสต์เพลง ไม่เป็นรอง ของ โอม ค็อกเทล หรือนายปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำ ที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลนำไปใช้หาเสียงในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผู้ทำเพลงดังกล่าวระบุว่า "ขออภัยพี่ ๆ นักข่าว ที่อินบอกซ์มาขอสัมภาษณ์ เราไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น เราทำเพลงเพราะคิดถึงลุงตู่จริง ๆ ไม่ได้เป็นไอโอ ไม่ได้ค่าจ้าง หรือสังกัดพรรคการเมืองใด...จบนะ"

‘ดีอี’ แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนลงทะเบียน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ผ่าน ‘แอปทางรัฐ’ เท่านั้น ระมัดระวังอย่าหลงเชื่อโจรออนไลน์ ฉวยโอกาสส่งลิงก์ปลอมหลอกลวงประชาชน

(25 ก.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย กระทรวงการคลัง ได้แถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการลงทะเบียนของประชาชน ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567  โดยจะมีการเปิดให้มีการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างเป็นทางการ ตามกำหนดเวลา ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นได้ ซึ่งแยกกลุ่มผู้ลงทะเบียนเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่  1.ประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 , 2.ประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟน สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 , 3.ร้านค้า เบื้องต้นเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป และจะเริ่มใช้จ่ายสินค้าด้วยเงินดิจิทัลได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567

สำหรับคุณสมบัติของประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการ มีดังนี้ 
- สัญชาติไทย มีชื่อและที่อยู่ในทะเบียนบ้าน 
- อายุ 16 ปีขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 กันยายน 2567) 
- เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาท/ปี (นับตามปีภาษี 2566) 
- เงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท เป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 
- ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ 
- ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ 
- ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ 

ทั้งนี้ประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน สามารถดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยไม่มีการจำกัดจำนวน ซึ่งรัฐบาลได้ประมาณการประชาชนเข้าร่วมโครงการไว้จำนวน 45 - 50 ล้านคน ขณะเดียวกันประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” พร้อมลงทะเบียนยืนยันตัวตน สมัครใช้งานแอปพลิเคชันได้ก่อนล่วงหน้า เพื่อความสะดวก และรวดเร็ว ก่อนที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ในวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ต่อไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอปพลิเคชัน “Google Play” สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) บนโทรศัพท์สมาร์ตโฟน

สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. GCC 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง  

“กระทรวง ดีอี ขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ผู้มีสมาร์ตโฟนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ เท่านั้น อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ หลอกลวงส่งลิงก์ หรือแพลตฟอร์มปลอมต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นช่องทางการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้เกิดการหลุดรอดของข้อมูลส่วนบุคคล หรือสูญเสียทรัพย์สินได้ หรือหากมีการส่งต่อ แชร์ลิงก์ปลอมดังกล่าวไป อาจส่งผลให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชนในสังคม” นายประเสริฐ กล่าว

คณะกรรมการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง โรงพยาบาลตำรวจ จัดกิจกรรมร่วมฟังธรรมจาก พระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวฑฺฒโก

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องประชุมชัยจินดา1 ชั้น 20 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ คณะกรรมการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง โรงพยาบาลตำรวจ นำโดย พล.ต.ท. ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ/ที่ปรึกษาคณะกรรมการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง โรงพยาบาลตำรวจ เป็นประธานเปิดกิจกรรม และ พล.ต.ต.หญิง พันวดี รัตนสุมาวงศ์ นายแพทย์ (สบ 7) โรงพยาบาลตำรวจ/ประธานคณะกรรมการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง โรงพยาบาลตำรวจ เข้าร่วมฟังธรรมจาก พระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวฑฺฒโก ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น ท่านเจ้าคุณพระภาวนาวชิรสุนทร ในการนี้ พระวิระชัย เมตตาธีโร ร่วมแสดงธรรมในโครงการดังกล่าวด้วย

พระวิระชัย เมตตาธีโร คือ พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา
ปัจจุบัน พระวิระชัย เมตฺตาธีโร วิทยฐานะ น.ธ.ตรี, รป.บ., รป.ม., รป.ด. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ดำรงตำแหน่งฐานานุกรม "พระครูปลัดดิลกวรวัฒน์"  ทั้งนี้เพื่อเป็นการฝึกจิตใจ และสมาธิให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน“

#โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
#กลุ่มงานพยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ
#PGH
#โรงพยาบาลตำรวจ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์สื่อสารองค์กรและโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ
 

สถาปนาวันครบรอบยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ครบรอบ 16 ปี

วันนี้ 25 ก.ค.67  นายไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายกเทศมนตรีตำบลเขตรอุดมศักดิ์ เป็นประธานจัดกิจกรรมสถาปนาวันครบรอบยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ครบรอบ 16 ปี ณ อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี ข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หน่วยงานกองทัพเรือ คณะผู้บริหาร สมาชิกเทศบาล พนักงาน เจ้าหน้าที่ ส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำชุมชน  ชุมชน สมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุข สมาชิก อปพร. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนประชาชนทั่วไปร่วมเป็นเกียรติในพิธี พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดี

ในวันสถาปนาครั้งนี้ ได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ และฉันภัตตาหารเพล เพื่อความเป็นสิริมงคล และอุทิศส่วนบุญกุศลแด่ดวงพระวิญญาณ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตลอดจนข้าราชการที่ล่วงลับไปแล้ว

นายไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายกเทศมนตรีตำบลเขตรอุดมศักดิ์ กล่าวว่า เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ได้กำหนดจัดงานวันครบรอบยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ครบรอบ 16 ปี เพื่อให้คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้ร่วมแสดงความภาคภูมิใจ สมัครสมานสามัคคี รัก และห่วงแหนองค์กร และได้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี โดยจัดให้มีพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อจะได้ก่อให้เกิดขวัญกำลังใจ และเป็นสิริมงคลในหน่วยงาน ร่วมสร้างองค์กรตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ที่มุ่งมั่นทำงานทั้งกาย และใจ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์สืบไป

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

5 สิงหาคม พ.ศ. 2430 ‘ในหลวง ร.5’ ทรงพระราชทานกำเนิด ‘โรงเรียนนายร้อย จปร.’ มุ่งมั่นผลิตนายทหารที่มีคุณลักษณะตามกองทัพต้องการ

‘โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า’ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชทานกำเนิดเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2430 ณ บริเวณพระราชวัง สราญรมย์ ต่อมาเมื่อปี 2451 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขยายที่ตั้งโรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยมมาอยู่ที่ถนนราชดำเนินนอก เนื่องจากมีผู้นิยมเข้าเรียนจำนวนมากและสถานที่เดิมคับแคบ จนกระทั่งปี 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายที่ตั้งมาอยู่ที่บริเวณเขาชะโงก จังหวัดนครนายก ด้วยเหตุที่สถานที่ตั้งเดิมแออัด ประกอบกับสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยในการฝึกศึกษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พลเอกหญิง สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2524 และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแห่งนี้ เมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ยังความปลาบปลื้มแก่บรรดานักเรียนนายร้อย ศิษย์เก่า และกำลังพลของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าอย่างหาที่สุดมิได้

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง เริ่มแรกใช้ชื่อว่า ‘คะเด็ตสกูล’ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนให้เหมาะสม ได้แก่ โรงเรียนทหารสราญรมย์ โรงเรียนสอนวิชาทหารบก โรงเรียนทหารบก โรงเรียนนายร้อยชั้นปฐมและโรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยม โรงเรียนนายร้อยทหารบก โรงเรียนเท็ฆนิคทหารบก จนกระทั่ง 1 มกราคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามโรงเรียนนายร้อยทหารบกว่า ‘โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า’ ต่อมาเมื่อปี 2493 ได้พระราชทานตราอาร์มหรือตราแผ่นดินในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ใช้เป็นตราประจำโรงเรียน และยังให้ใช้เป็นเครื่องหมายเหล่าและสังกัดของนักเรียนนายร้อยด้วย

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้พัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้เหมาะสมกับยุคสมัย นับตั้งแต่หลักสูตรการศึกษาวิชาสามัญและวิชาทหารหลักสูตรตามแนวทางของโรงเรียนโปลีเทคนิค ประเทศฝรั่งเศส 5 ปี หลักสูตรตามแนวทางของโรงเรียนนายร้อยทหารบกเวสต์ปอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา 5 ปี ต่อมาในปี 2544 ได้ปรับปรุงหลักสูตร 4 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการศึกษาของกองทัพบก และมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการศึกษาของกองทัพบกใช้ชื่อหลักสูตรว่า ‘หลักสูตรนักเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พุทธศักราช 2544’ ต่อมาหลักสูตรนี้ได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน มีการประเมินและปรับปรุงหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต 9 หลักสูตร หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต 6 หลักสูตร และหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต 3 หลักสูตร การจัดการศึกษาในแต่ละภาคการศึกษาประกอบด้วย การศึกษาวิชาการ วิชาทหาร และการเสริมสร้างคุณลักษณะผู้นำ

ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าจะได้รับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรตามสาขาวิชาที่เลือกศึกษา พิธีพระราชทานกระบี่ได้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อมีนาคม 2471 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานกระบี่และรางวัลการศึกษา ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ถนนราชดำเนินนอก นับตั้งแต่นั้นมาได้มีการจัดพิธีพระราชทานกระบี่ขึ้นเป็นประจำจนถึงทุกวันนี้ 

ต่อมาเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลเอกหญิง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้บัญชาการพิเศษโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตลอดระยะเวลาหนึ่งร้อยกว่าปีที่ผ่านมา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามุ่งมั่นผลิตนายทหารสัญญาบัตรหลักที่มีคุณลักษณะตามที่กองทัพต้องการ มีความเป็นสุภาพบุรุษ นักรบ นักพัฒนา เป็นผู้นำที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ เทิดทูนชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มุ่งพัฒนากองทัพและประเทศชาติ พร้อมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย

‘ลุงวัย 70 ปี’ ถูกสุนัข 3 ตัวรุมกัดเสียชีวิต ขณะกำลังเดินในซอยบ้าน ด้านลูกชายผู้ตายวอนเจ้าของสุนัขมาคุยกัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

เมื่อวานนี้ (25 ก.ค. 67) นายประเสริฐ สีปาก อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.15 ต.กุดขอนแก่น อ.ภูเวียงจ.ขอนแก่น ได้เข้าติดต่อห้องเก็บศพโรงพยาบาลศรีนครินทร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อติดต่อรับร่างนายเหล็ก สีปาก อายุ 70 ปี หลังถูกสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่กัดเสียชีวิตที่ถนนในหมู่บ้าน บ.ค้อ ม.1 ต.กุดขอนแก่น อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา

นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนเองได้ไปทำงานที่ จ.ชลบุรี ก่อนได้รับการติดต่อจากญาติว่าพ่อของตนเองถูกสุนัขกัดกำลังนำตัวส่งไปยัง รพ.ฯ จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงญาติโทรกลับมาบอกว่าพ่อได้เสียชีวิตแล้วโดยได้นำร่างมาชันสูตรที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มข. จึงรีบกลับมาบ้านเพื่อติดต่อราชการและนำร่างพ่อกลับมาทำพิธีทางศาสนาที่บ้าน

"ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยปกติพ่อตนเองจะเดินไปมาในหมู่บ้านตามปกติแต่คืนเกิดเหตุนั้นตนเองไม่ทราบว่าพ่อไปถูกสุนัขกัดได้อย่างไร เพราะอะไร ในวันเกิดเหตุพ่อกำลังไปเก็บเงินค่ากบที่เพื่อนบ้านได้มาซื้อไป แต่กลับถูกสุนัขมากัดขย้ำจนเสียชีวิต เบื้องต้นตนเองยังไม่ได้พูดคุยกับเจ้าของสุนัขทราบว่าเป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่นำร่างของพ่อกลับไปทำพิธีที่บ้านแล้วจะมีการเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของสุนัขเพราะอยากให้มารับผิดชอบด้วย" นายประเสริฐ กล่าว

ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น โดยพบกับ นายสุทธิรักษ์ ดวงตาน้อย นายก อบต.กุดเพียขอม ลงพื้นที่มาที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของนายสกล ครองยุติ อายุ 49 ปี และนางเสาวนีย์ ครองยุติ อายุ 46 ปี เพื่อให้คำแนะนำในเรื่องของการเลี้ยงสุนัขดุ และแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นซ้ำ พร้อมทั้งสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้แนะนำให้มีการติดป้ายเตือนว่าที่บ้านมีสุนัขดุ และมีรั้วรอบขอบชิด

จากการพูดคุยกับทางเจ้าของสุนัขบอกว่าไม่ได้มีการแสดงอาการอะไร และมีเพียงอาการอีสุกอีใสก็พาไปพบสัตวแพทย์แต่ก็ไม่ได้มีอาการอะไร ขณะที่บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ก็พบว่าประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูเหล็ก สูงประมาณ 1.50 เมตร และพบกับนางเสาวนีย์ เจ้าของบ้านพาดูกรงเหล็กที่ขังสุนัขไว้จำนวน 3 ตัว ชื่อเดอบี้ อายุ 3 ปี ลิซ่า อายุ 3 ปี และเจ้าน้อย อายุ 1 ปี

ขณะที่ นางเสาวนีย์ เจ้าของสุนัข ได้พาผู้สื่อข่าวดูจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งยังมีรถจักรยานสีแดงของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ที่เกิดเหตุ และมีร่องรอยคราบเลือดอยู่เกลื่อนถนนหน้าบ้าน

นางเสาวนีย์ กล่าวว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุนั้นตนเองออกไปซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้าน โดยตอนออกไปนั้นได้ปิดประตูมิดชิด ผูกสายไฟคล้องเอาไว้ 3 ชั้น ทั้งชั้นบน ชั้นกลาง และชั้นล่าง รวมทั้งคล้องแม่กุญแจเอาไว้แต่ไม่ได้ล็อก เมื่อกลับมาก็พบผู้เสียชีวิตถูกสุนัขของตนเอง 3 ตัวรุมกันที่บริเวณศีรษะและใบหน้า ส่งเสียงร้อง โดยมีรถจักรยานของผู้เสียชีวิตล้มอยู่หน้าบ้าน ตนเองจีบไล่สุนัขไปขังไว้ในกรงในบ้าน ก่อนจะเรียกรถกู้ชีพมาช่วยเหลือผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนั้นยังร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

ทั้งนี้ที่ผ่านมาสุนัขของตนเองไม่เคยกัดคน จะเลี้ยงไว้ภายในบ้านเท่านั้น จะไม่เปิดให้ออกไปนอกรั้วบ้าน ในวันเกิดเหตุตนเองก็ไม่อยู่เพราะไปซื้อของจึงไม่ทราบเหตุการณ์แต่กลับมาพบว่าประตูเปิดกว้างอยู่ ไม่มั่นใจว่าผู้เสียชีวิตจะเปิดประตูเองหรือไม่ ในส่วนของการช่วยเหลือนั้นก็จะมีการช่วยเหลือเรื่องของค่าทำศพ แต่ทั้งนี้จะต้องรอพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้งในเรื่องของจำนวนเงินที่จะช่วยเหลือ

ขณะเดียวกันที่วัดสำราญ ต.กุดเพียขอม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นวัดในหมู่บ้าน ทางลูกชายและญาติ ๆ ได้รับศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมไว้ความอาลัยอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top