Sunday, 25 May 2025
TheStatesTimes

‘RS’ เปิดโปรเจกต์ ‘LONELY LOUD FEST เทศกาลเหงาตะโกน’ ‘นนท์ ธนนท์-อิ้งค์ วรันธร-PIXXIE’ นำทัพมาฮีลใจ เริ่มจองบัตร 30 ก.ค.นี้

(26 ก.ค. 67) อาร์เอส มัลติเอ็กซ์  ภายใต้ อาร์เอส มัลติมีเดีย แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้าโปรเจกต์ใหม่ที่จะมาฮีลใจ พร้อมปลุกไฟคนเหงาให้อ้าแขนโอบกอดรับความสุข กับงาน ‘LONELY LOUD FEST เทศกาลเหงาตะโกน’ งานรวมพลคนเหงา ที่ไม่ว่าจะอกหัก ว้าเหว่ เพื่อนเมิน ก็มาตะโกนเพลิน ๆ ให้โลกได้รู้ว่าคนเหงาก็มีความสุขได้ เตรียมวอร์มและอุ่นเครื่องร่างกายของคุณมาให้พร้อม และมาตะโกนความเหงา พร้อมกันใน วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ ณ UNION HALL ศูนย์การค้า UNION MALL พูดเลยว่างานนี้ ถึงตอนมา จะมาคนเดียว แต่กลับไปแบบไม่เดียวดายแน่นอน คอนเฟิร์ม!

แล้วคนเหงา จะกลับไปแบบไม่เดียวดายจริงหรือ? คำตอบนี้ ไม่มีใครจะการันตีได้ นอกจากใครที่เหงา จะต้องมาสัมผัสและมาพิสูจน์ด้วยตัวของคุณเอง เพราะภายในงาน ‘LONELY LOUD FEST เทศกาลเหงาตะโกน’ เหล่าบรรดาคนเหงา นอกจากจะไม่เหงาใจแล้ว ยังไม่เหงาหูแน่นอน เพราะจะได้พบกับศิลปินสุดขี้เหงา ที่จะทำให้คุณได้ร้องตะโกนให้ดังลั่น กับเพลงช้า เพลงฮีลใจ ปลดปล่อยความเหงาให้สุดเสียง พร้อมมาโดด แต่ไม่เดี่ยวกับศิลปินสุดฮิต แบบนันสต๊อป นำโดย นนท์ ธนนท์, อิ้งค์ วรันธร, PIXXIE, LIPTA, SERIOUS BACON และ WIM หรือ  กานต์-กษิดิ์เดช หงส์ลดารมภ์ 

เท่านั้นยังไม่พอภายในงาน ยังมีกิจกรรมแก้เหงา ให้เหล่าคนเหงาได้มาปล่อยใจ ปล่อยจอย ร่วมสร้างแอคทิวิตี้ด้วยกันอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น โซนเล่นตะโกน  มาเล่นตะโกนระบายอารมณ์กับมุมแปะ POST-IT ระบายความเหงาและ Installation ART, โซน HEAL ด้วยการหาเพื่อนใหม่แบบไม่เดียวดายด้วย QR FRINDS แลก Contact / แจกวาร์ป ช่องทาง ให้คุณไปดีลต่อแบบโดนใจ พร้อมกับกิจกรรม ฮีลใจ ด้วยการนำของเก่ามาแลกของใหม่สุดพิเศษจากงาน ภายใต้คอนเซปต์ ‘เอาแฟนเก่ามาแลกแฟนใหม่’ และแน่นอน การจะมีความรักดี ๆ เรื่องของมูเตลู ก็สำคัญกับโซน เสริมความสุข กับมูชาปอง / ของขลัง / ของมูสายความรัก และที่ขาดไม่ได้เลย กับกูรูที่จะช่วยคุณให้ Move On ให้ก้าวต่อไปแบบไม่หลงทาง มาดูหมอ หามูLOVE ดูดวง แก้ดวง แก้ชง กันจนกว่าจะสบายใจ

โดยความสุขที่คนเหงาทั้งหลายจะได้พบเจอทั้งหมดภายในงาน ‘LONELY LOUD FEST เทศกาลเหงาตะโกน’ ปักหมุดละลายความเหงา ใน วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ ณ UNION HALL ศูนย์การค้า UNION MALL ขอเน้น และขอย้ำให้ทุกคนได้ท่องจำกันจนขึ้นใจ และรีบกดบัตรด่วน สำหรับบัตร EARLY BIRD ราคาทำถึง เพียง 567 บาทเท่านั้น (จากปกติ 789 บาท) ซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม - 30 สิงหาคม 2567 เท่านั้น ที่ THE CONCERT https://www.theconcert.com/concerts/lonely-loud-fest สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง FACEBOOK / X / Instagram /TikTok : RSMultiX ราคาจึ้งขนาดนี้ อย่าลังเล เพราะคุณจะไม่เหงาอีกต่อไป

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ร่วมกับกระทรวงแรงงาน จัดกิจกรรมจิตอาสาฝึกบริการประชาชน

วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นางเธียรรัตน์  ประธานมูลนิธิ ฯ เปิดเผยว่า ในวันนี้ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือกับกระทรวงแรงงาน ร่วมกิจกรรมจิตอาสาเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมอบหมวกกันน็อค ที่ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท นวกิจประกันภัย พร้อมกับกลุ่มไทยสมายล์บัส และขนมขบเคี้ยว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ไบ่ลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด เพื่อมอบให้กับพี่น้องประชาชน และนักเรียน ที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้

กิจกรรมจิตอาสาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในวันนี้ จัดขึ้นโดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยมี พล.ต.ท. จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และ พล.อ.อ.อิทธิศักดิ์ ศรีสังข์ ผู้แทนจากหน่วยราชการในพระองค์ ตรวจเยี่ยมการจัดกิจกรรมต่างๆ

ภายในงานมีกิจกรรม มากมาย อาทิ การฝึกอาชีพ บริการตัดผม และการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น โดยมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงต่างให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก สามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวได้

“พล.ต.ท.ประจวบ ฯ” กำชับตำรวจทางหลวงและตำรวจจราจรทั่วประเทศ เตรียมพร้อมดูแลประชาชนห้วงหยุดยาว ย้ำผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจร ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (หน.คจร.ตร.) ได้สั่งการกำชับให้ตำรวจจราจรทั่วประเทศเตรียมความพร้อม ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่พี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางการจราจร ในห้วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 27 – 29 กรกฎาคม 2567 ซึ่งคาดว่ามีประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และเดินทางท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ จำนวนมาก อาจทำให้เกิดการจราจรติดขัด อุบัติเหตุ หรือเหตุด่วนที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้พร้อมดูแลประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.

มาตรการด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดการจราจรบนถนนทางหลวงสายหลัก และให้พิจารณาเปิดช่องทางเดินพิเศษ (Reversible Lane) ในเส้นทางที่มีความจำเป็น , ให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาจราจร อำนวยความสะดวกการจราจรสำหรับถนนสายรอง ในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น โดยต้องปรากฏกายให้เด่นชัด รวมถึงการจัดระเบียบการจอดรถ โดยเฉพาะสถานที่สำคัญทางศาสนา และสถานที่ท่องเที่ยว , ให้ทุกหน่วยสำรวจและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงเครื่องหมายป้ายจราจร ไฟฟ้าส่องสว่างให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ กรณีที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมผิวถนน ให้ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการคืนพื้นผิวการจราจรให้มากที่สุด และให้จัดทำข้อมูลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงเส้นทางที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม เส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น แสดงป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง ป้ายเตือนจุดเสี่ยงอุบัติเหตุให้ประชาชนเห็นชัดเจน และให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยงสำหรับการเดินทางในถนนทางหลวงสายหลัก รวมทั้งให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมด้านวัสดุอุปกรณ์ในการอำนวยการจราจรและการป้องกันอุบัติเหตุ เช่น รถยกหรืออุปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายรถกรณีที่มีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ ทั้งของราชการและเอกชน เพื่อให้พ้นการกีดขวางการจราจรได้ทันที

สำหรับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กำชับให้ทุกสถานีตำรวจเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยพิจารณาตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ในบริเวณที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจราจร ให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ และตรวจการมีสารเสพติดในร่างกายผู้ขับขี่ทุกราย ดำเนินคดีให้ครบทุกข้อหา และต้องตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามมาตรการเมาแล้วขับซ้ำสอง หากพบว่าผู้ขับรถในขณะเมาสุรามีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะต้องสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ขายสุรา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ 2551 และกรณีผู้ขับรถในขณะเมาสุรามีอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้สอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือบุคคลที่จำหน่ายหรือให้สุราแก่เด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546 มาตรา 26 โดยให้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีไปในคราวเดียวกันกับความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กำชับกองบัญชาการตำรวจนครบาลเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมพิธีต่าง ๆ ในงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในกรุงเทพมหานครด้วย

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คจร.ตร. กล่าวว่า คจร.ตร.ได้กำชับตำรวจจราจรทั่วประเทศ ดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในห้วงวันหยุดยาว วันที่ 27 – 29 กรกฎาคมนี้ อย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเดินทาง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ เตรียมความพร้อมทั้งยานพาหนะ สภาพร่างกาย ก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ครอบครัว ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทาง เดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนหากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือ ประชาชนสามารถสอบถาม แจ้งขอความช่วยเหลือ และแจ้งเหตุขัดข้องด้านการจราจร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่

• โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ
• โทร. 1197  สายด่วนตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
• โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ
• โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สมุทรปราการ-“รพ.เปาโล สมุทรปราการ”เปิดตัว”คลินิกเวชกรรมเปาโล” สาขาซอยมังกร 8.00-20.00 สิทธิประกันสังคมไม่ต้องสำรองจ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 9.00 น.วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ โดย นายแพทย์พิชัย แพร่ภัทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเปาโล เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมทั้งตัดริบบิ้นเปิดตัวคลินิกเวชกรรมเปาโล สาขาซอยมังกร ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ พร้อมด้วย คุณทวีศักดิ์ หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลเปาโล คุณสายพิณ ธรรมาสถิตกุล ผอ.ฝ่ายการพยาบาล ดร.มัทนิน พฤติธนาภัทร ผอ.ฝ่ายบริหาร คุณบุบผา ภู่ทอง ผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และ นายแพทย์อาจ พรวรนันท์ แพทย์อายุรกรรมโรงพยาบาล สมุทรปราการ ตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้

โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ เป็นสถานพยาบาลเอกชนในเครือข่าย BDMS มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่างๆ อาทิ ศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน, ศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง, ศูนย์ศัลยกรรมผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งมีนวัตกรรมการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก (MIS - Minimally Invasive Surgery) ที่ใช้ในการผ่าตัดรักษาโรคได้แทบทุกอวัยวะสำคัญ รวมทั้งมีเทคโนโลยีทางการแพทย์อันเป็นที่ยอมรับและมีมาตรฐาน สามารถวินิจฉัยและตรวจรักษาโรคได้อย่างตรงจุด เพื่อให้วางแผนการรักษาได้อย่างครอบคลุม อาทิ เครื่องมือ MRI และ CT Scan ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทีมแพทย์ ทีมพยาบาลสหสาขาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้บริการตรวจรักษาสำหรับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ

ด้านนายแพทย์ พิชัย แพร่ภัทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ กล่าวว่า โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ ได้เล็งเห็นถึงสุขภาพของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และมีความตั้งใจที่จะขยายบริการด้าน สุขภาพเพื่อเข้าถึงประชาชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มศักยภาพทางการแพทย์ให้เติบโตเคียงข้างไปพร้อมกับประชาชน จึงได้มีการขยายมาตรฐานการรักษาด้วยการเปิดคลินิกเวชกรรมเปาโล สาขาซอยมังกร ซึ่งมีมาตรฐานบริการเดียวกันกับโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ที่มีความสะดวกต่อการเข้ารับการรักษา เข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว และให้ความสำคัญเสมือนคนในครอบครัว

อีกทั้งยังมุ่งหวังให้ผู้ที่มาเข้ารับบริการได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจและได้มาตรฐาน ด้วยการ "รักษาอย่างเข้าถึง ดูแลอย่างเข้าใจ" สำหรับการเปิดตัวคลินิกเวชกรรมเปาโล สาขาซอยมังกร ยินดีให้บริการประชาชนในซอยมังกรและพื้นที่ใกล้เคียงภายไต้มาตรฐานการรักษาเดียวกับโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ที่เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยผู้ที่เข้ามารับบริการสามารถมาใช้บริการได้หลากหลาย อาทิ ตรวจรักษาอาการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากการเกิดอุบัติเหตุ, บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ, บริการด้านการฉีดวัคซีน, บริการออกใบรับรองแพทย์ต่างๆ เช่น Work Permit, ใบขับขี่ หรือเข้ารับอบรม เป็นต้น โดยคลินิกเวชกรรมเปาโล สาขาซอยมังกรจะเปิดให้บริการในทุกวัน เวลา 08.00 - 20.00 น. ในวาระสำคัญนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดี ของการเปิดตัวคลินิกเวชกรรมเปาโล สาขาซอยมังกร และเพื่อตอบแทนทุกความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการทุกท่าน ด้วยกิจกรรมพิเศษต้อนรับการเปิดตัวคลินิกเวชกรรมเปาโลสาขาซอยมังกร กับกิจกรรม "ใกล้บ้าน ใกล้คุณ" ในวันที่ 27ก.ค. 67 เวลา 07.00 - 09.00 น. สามารถลงทะเบียนเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ อาทิ ตรวจประเมินโรคอ้วน (BM), ตรวจสุขภาพสายตา (Eye Vision Test) , ตรวจระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด (FBS) , (Cholesterol) , ตรวจการทำงานของตับและไต (SGOT) (BUN) , ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำหรับผู้ประกันตนอายุ 50 ปี ขึ้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหลายรายการ

ทั้งยังมีสิทธิพิเศษมากมายภายในงาน ที่จะมอบให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรากับการเปิดตัว "คลินิกเวชกรรมเปาโล สาขาซอยมังกร"

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

รมว.ศธ. เป็นสักขีพยานในพิธีรับมอบพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง ระหว่างโรงเรียนสตรีวัดระฆังกับกองทัพเรือ

เมื่อ 25 ก.ค. 67 เวลา 08.10 น. พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เดินทางไปเป็นสักขีพยานในพิธีรับมอบพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง ระหว่าง โรงเรียนสตรีวัดระฆัง กับกองทัพเรือ โดยมี พลเรือโท วิจิตร ตันประภา รองเสนาธิการทหารเรือ สายงานกำลังพล ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี (คตร.) พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้รับมอบพวงมาลัยคล้องคอพระที่นั่ง พร้อมอุบะ เพื่อนำไปคล้องคอประดับตัวเรือสำหรับเรือพระที่นั่ง จำนวน 3 ลำ จาก ว่าที่ร้อยตรีเฉลิมรัฐ ติ่งอ่วม ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดระฆัง พร้อมคณะครูและนักเรียน ณ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ นับเป็นความปลื้มปีติและความภาคภูมิใจของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่งขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา

โดยในปีนี้ กองทัพเรือได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการอัญเชิญเรือพระที่นั่งจำนวน 3 ลำ ประกอบด้วยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เพื่อใช้สำหรับผูกทุ่นประกอบการแสดงเรือพระที่นั่งเฉลิมพระเกียรติ ในวันที่ 28 – 29 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย (ข้างท่าราชวรดิฐ) และบริเวณอาคารราชนาวิกสภา ซึ่งถือเป็นมรดกสำคัญทางวัฒนธรรมของชาติที่ทรงคุณค่า และถือเป็นหนึ่งเดียวในโลก
สำหรับพิธีรับมอบพวงมาลัยคล้องคอพระที่นั่ง ระหว่างโรงเรียนสตรีวัดระฆัง กับกองทัพเรือ
ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมในการแสดงเรือพระที่นั่งเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในวันที่ 28 – 29 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย (ข้างท่าราชวรดิฐ) และบริเวณอาคารราชนาวิกสภา โดยภายในสองวันข้างต้นมีการแสดงวันละ 2 รอบ รอบละ 30 นาที แบ่งเป็น วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 15.00 น. และ 20.30 น. วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 เวลา 17.00 น. และ 20.00 น.

จึงขอเชิญชวนประชาชนแต่งกายสุภาพโทนสีเหลืองร่วมงานเข้าชมการแสดงเรือพระที่นั่งฯ ในวัน เวลาและสถานที่ดังกล่าว โดยพร้อมเพรียงกัน

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645
กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ฯ โดยกองทันตสุขภาพ จัดกิจกรรมโครงการ “ผู้สูงอายุฟันดี”

กองทันตสุขภาพ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ นำโดย นาวาเอกหญิง พิมพ์โพธ สุทธิวรรณ ผอ.กองทันตสุขภาพ พร้อมด้วยทันตแพทย์ พยาบาลทันตกรรม ผู้ช่วยทันตแพทย์ และเจ้าหน้าที่ ให้บริการตรวจสุขภาพช่องปากและให้ความรู้ทาง ทันตกรรมกับผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 ณ กิจการสโมสร โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

'อ.พงษ์ภาณุ' มอง!! รัฐคลอด Digital Wallet ในจังหวะ ศก.ตกต่ำ ถูกช่วง!! ห่วง!! อาจเกิดภาระการคลังเพิ่มเติม แต่ก็ต้องยอมในยามแบงก์ชาตินิ่งเฉย

(28 ก.ค. 67) ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ในมุมมองของ 'ความชัดเจนจากภาครัฐในโครงการ Digital Wallet' โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ในที่สุดข่าวดีที่คนไทยรอคอยก็มาถึง ขณะนี้มาตรการ Digital Wallet มีความชัดเจนมากที่สุด ทั้งในเรื่องของหลักเกณฑ์ ขนาดวงเงิน คุณสมบัติของผู้ได้รับสิทธิและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ กำหนดการลงทะเบียน ตลอดจนแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในโครงการ

แม้ว่าเม็ดเงินจริงจะยังไม่ออกมาจนกระทั่งเดือนธันวาคม แต่ผลจากการประกาศความชัดเจนก็ได้ก่อเกิด Announcement Effect ขึ้นมาแล้ว ประชาชนผู้บริโภคเริ่มมีความคาดหวังจากกำลังซื้อที่จะมีมากขึ้น ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการเริ่มเตรียมแผนเพิ่มกำลังการผลิตและแผนโปรโมชันต่าง ๆ นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ/การลงทุนที่กำลังจะฟื้นตัวขึ้น แม้ว่าหน่วยงานสำคัญอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมยังออกมาแย้งและค้านอยู่เนือง ๆ เข้าทำนองมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ

ในแง่จังหวะเวลา (Timing) Digital Wallet ออกมาในช่วงที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำที่สุด แม้ว่าจะมีสัญญาณดีจากการท่องเที่ยวและการส่งออกที่เริ่มขยายตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ยังดีอยู่ แต่อุปสงค์ในประเทศกลับหดตัวจากนโยบายการเงินที่ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายแต่อย่างใด

ในแง่เป้าหมาย (Target) Digital Wallet มุ่งส่งเสริมการบริโภคและการผลิตสินค้าภายในประเทศอย่างชัดเจน มีการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงิน และมีการควบคุมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ Blockchain ซึ่งป้องกันการรั่วไหล (Leakage) ออกจากการหมุนเวียนในประเทศ ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐครั้งนี้มีพลังทวีคูณ (Multiplier) มากกว่าการใช้จ่ายทั่วไปของรัฐ

ในแง่ความโปร่งใส (Transparency) ต้องถือว่าการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ถูกควบคุมด้วยเทคโนโลยี Blockchain ข้อมูล/สถิติการใช้จ่ายเงินแผ่นดินสามารถติดตามตรวจสอบได้แบบ realtime และ online ไม่เพียงแต่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แต่ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายของรัฐบาลได้ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่

สุดท้าย ความห่วงใยเกี่ยวกับความคุ้มค่าและภาระทางการคลัง ก็ไม่น่าจะเป็นประเด็นอีกต่อไป ต้องยอมรับว่า การใช้จ่ายที่มี Impact ตรงต่อการผลิต/การจ้างงานสูงสุดคือ การลงทุนภาครัฐ แต่เมื่อคำนึงถึงความเร่งด่วนแล้ว คงไม่มีอะไรที่ทำได้เร็วกว่าการแจกเงินตรงถึงประชาชน แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ใช้จ่ายเองตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด นอกจากนี้ Application ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโครงการนี้ ก็น่าจะถือเป็นนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำไปใช้กับโครงการอื่นๆของรัฐในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ในด้านภาระการคลัง ก็ต้องยอมรับว่ามาตรการนี้ก่อเกิดภาระการคลังเพิ่มเติมอยู่บ้าง รัฐบาลเองก็ยอมรับว่าหนี้สาธารณะจะกระเถิบสูงขึ้นบ้าง จาก 62% ของ GDP ในปัจจุบัน เป็นใกล้ ๆ 70% เมื่อจบโครงการ แต่ก็เป็นภาระที่คนไทยต้องยอมรับ ในภาวะที่ธนาคารกลางและนโยบายการเงินไม่ทำหน้าที่ของตนเองที่ควรจะทำ

ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ร่วมพิธีเปิดและตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพบริการประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ โรงเรียนประเทืองทิพย์วิทยา

วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.30 น. นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ร่วมพิธีเปิดและตรวจเยี่ยมกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีเปิด ณ โรงเรียนประเทืองทิพย์วิทยา แขวงคลองถม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) กองทัพอากาศ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน

นางมารศรี กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันได้รับมอบหมายจากท่านปลัดกระทรวงแรงงานเป็นผู้แทนร่วมพิธีเปิดและตรวจเยี่ยมกิจกรรมจิตอาสาออกหน่วยบริการแก่ประชาชนเฉลิมพระเกียรติฯ ของกระทรวงแรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) กองทัพอากาศ และหน่วยงานต่างๆ จัดขึ้น สำหรับที่โรงเรียนประเทืองทิพย์วิทยา เขตสายไหมแห่งนี้ ในส่วนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมการสาธิตและทดลองฝึกปฏิบัติอาชีพอิสระ การประดับและตกแต่งกระเป๋าผ้า ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย กระทรวงแรงงาน จึงขอเชิญชวนประชาชน เข้าร่วมงานและรับบริการฝึกอาชีพได้ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. โดยให้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

Saudi Aramco บริษัทพลังงาน (มหาชน) อันดับหนึ่งของโลก วิสาหกิจของซาอุฯ ที่ ‘พีระพันธุ์’ นำคณะไปสานความสัมพันธ์

เมื่อวันที่ 15-17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ‘รองพีร์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้นำคณะข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงานของไทยไปเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อ...

(1) กระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ 

(2) หารือในประเด็นความร่วมมือต่างๆ ที่สำคัญ ตามที่มีความตกลงร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยโดยกระทรวงพลังและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 โดยเฉพาะเรื่องของการลงทุนด้านพลังงานเพื่ออนาคตคือ ก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งปัจจุบันได้ริเริ่มความร่วมมือผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาโครงการไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Hydrogen) ในไทย รวมทั้งโครงการ Downstream partnership ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ปตท. และ Saudi Aramco บริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกของซาอุดีอาระเบีย ที่ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อสํารวจศักยภาพความร่วมมือด้านพลังงานและการลดคาร์บอน ซึ่งจะช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมและปิโตรเคมีร่วมกันในภูมิภาค

นอกจากนั้นแล้ว ‘รองพีร์’ ยังได้หารือกับซาอุดีอาระเบียในเรื่องของราคาน้ำมัน โดยหลังจากระบบการสำรองเชื้อเพลิงปิโตรเลียมทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของไทยเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานจะสามารถจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงราคามิตรภาพจากซาอุดีอาระเบีย เพื่อเก็บสำรองไว้ในคลัง SPR เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ 50-90 วันต่อไป 

ทั้งนี้ ฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนำโดยเจ้าชาย Abdulaziz bin Salman Al Saud รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้การต้อนรับคณะของ ‘รองพีร์’ เป็นอย่างดียิ่ง พร้อมทั้งจัดเครื่องบินพิเศษให้ ‘รองพีร์’ และคณะได้ไปเยี่ยมชมการทำงานของ ‘Saudi Aramco’ บริษัทพลังงาน (มหาชน) อันดับหนึ่งของโลก ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ เมือง Dhahran จังหวัดตะวันออก (Eastern Province) ซึ่งรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (90.19%) กองทุนการลงทุนมหาชน (Public Investment Fund) 4% และ Sanabil 4% 

Saudi Aramco มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Saudi Arabian Oil Group หรือเรียกสั้นๆ ว่า Aramco (ชื่อเดิมคือ Arabian-American Oil Company) เป็น บริษัทปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ ที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าของ ถือเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ในปี 2022 Saudi Aramco เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเมื่อวัดจากรายได้ โดย Saudi Aramco ถือครองน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับสองของโลก มีปริมาณมากกว่า 270 พันล้านบาร์เรล (43 พันล้านลูกบาศก์เมตร) และเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายวันที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทผู้ผลิตน้ำมันทั้งโลก 

นอกจากนี้ Saudi Aramco ยังมีการดำเนินธุรกิจมากมายทั่วโลก ธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย การสำรวจ การผลิต การกลั่น ปิโตรเคมีภัณฑ์ การจัดจำหน่าย และการตลาด ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงพลังงาน โดยกิจกรรมทั้งหมดของบริษัทจะถูกกำกับดูแลและตรวจสอบโดยกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียร่วมกับสภาสูงสุดด้านปิโตรเลียมและเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ก็มีบทบาท อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบใน Saudi Aramco มากกว่าสภาฯ 

Saudi Aramco มีมูลค่าบริษัทกว่า 7.6 ล้านล้านริยาล (หรือประมาณ 73 ล้านล้านบาท) และติดอันดับ 4 บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก เป็นรองเพียงบริษัทอเมริกันอย่าง Microsoft, Apple และ Nvidia ตามข้อมูลเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2024 เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานและเคมีภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 90 ปี โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1933 ที่ซาอุดีอาระเบียเซ็นสัญญาให้สัมปทานบ่อน้ำมันกับบริษัทน้ำมันสหรัฐฯ Standard Oil Company of California (SOCAL) หรือ Chevron ในปัจจุบัน 

ด้วยต้นทุนการผลิตน้ำมัน 1 บาร์เรลของ Saudi Aramco นั้นอยู่ที่ประมาณ 5-6 USD ต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ ถึง 10 เท่า ในฐานะบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกที่ส่งออกน้ำมันปริมาณมหาศาล จึงแตกต่างไปจากบริษัทน้ำมันส่วนใหญ่ โดยไม่จำเป็นต้องยึดราคาจำหน่ายที่อิงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก สามารถคุมราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ด้วยการเพิ่มหรือลดอุปทานอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในปี 2023 Saudi Aramco ได้รับการจัดอันดับจาก Forbes ว่าเป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุดในโลก

ในปี 2022 ยอดเงินในการลงทุน Saudi Aramco อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2021 โดยประมาณการลงทุนของบริษัทฯ ในปี 2023 อยู่ที่ราว 4.5-5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.6-1.9 ล้านล้านบาท) รวมการลงทุนนอกประเทศแล้ว 

ด้วยความแข็งแกร่งและมั่งคั่ง รวมทั้ง Saudi Aramco เอง ก็มีความสนใจในการลงทุนนอกประเทศอยู่แล้ว โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กอปรกับมีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียจนกลับมาสู่สภาวะปกติ จึงทำให้ ‘รองพีร์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ใช้ความพยายามโน้มน้าวและชักจูงอย่างเต็มที่เพื่อให้ Saudi Aramco ได้เพิ่มการลงทุนในบ้านเรา โดยเฉพาะการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมในด้านพลังงานใหม่ 

โดยการหารือพูดคุยระหว่าง ‘รองพีร์’ กับเจ้าชาย Abdulaziz bin Salman Al Saud รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ได้รับการสนองตอบด้วยท่าที และมิตรภาพอันดียิ่ง 

ดังนั้นการเยือนซาอุฯ ของ 'รองพีร์' ในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสที่ดีมากของไทย ทั้งในด้านความร่วมมือระหว่างกัน และด้านการลงทุนในไทยจากนักลงทุนจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนับว่าเป็นข่าวที่ดีมากๆ สำหรับเศรษฐกิจโดยรวมของไทยในอนาคต

‘ฌอน บูรณะหิรัญ’ เฮ!! ศาลนนทบุรี พิพากษา ‘ไม่มีความผิด’ เผย!! อดทนรอมา 4 ปี กรณีโดนกล่าวหาว่า อมเงินช่วยไฟป่า

เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.67) ‘ฌอน บูรณะหิรัญ’ พิธีกรและนักสร้างแรงบันดาลใจ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่า ฉ้อโกงประชาชน ปมเงินบริจาคช่วยเหลือไฟป่าที่เชียงใหม่ โดยได้ระบุว่า ...

วันนี้ที่ผมอดทนรอคอยมาตลอด4ปี ศาลนนทบุรีพิพากษายกฟ้อง 

จากความเป็นจริง คือ ผมได้นำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมาจากการบริจาคของทุกท่านไปช่วยเรื่องไฟป่าแล้วอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ด้วยความเคารพต่อศาล 4 ปีที่ผ่านมาท้าทายมากๆสำหรับผม และ ครอบครัว

ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัว เพื่อน แฟน ๆ ที่ไม่แม้แต่สงสัยในตัวผม ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม อยู่เคียงข้างผมมาตลอด 
ขอบคุณทนาย และ ที่ปรึกษาทุกท่านที่เมตตาเอ็นดูผม 

ที่สุดคือคำพิพากษาของศาลว่า ผมไม่มีความผิด

ตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้แชร์เรื่องราวให้ทุกคนฟังนะครับ

I’ve been fighting a silent battle for the last 4 years… today the court dismissed all charges and ruled “not guilty”. 

All the allegations and rumors have been proven wrong. The truth is, I did help with forest fire prevention in northern Thailand and I did help hospitals during covid 19. 

The last 4 years have been tough but as the saying goes “tough times don’t last, tough people do.” I can’t wait to tell you guys all about it.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top