Sunday, 25 May 2025
TheStatesTimes

‘รมว.ปุ้ย’ นำทีมเยือนญี่ปุ่น ศึกษา ‘โมเดลคิตะคิวชู’ เตรียมนำมาประยุกต์ใช้สร้าง ‘นิคมฯ Circular’ ในไทย

(26 ก.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงภารกิจการเยือนประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 24 - 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า ได้มีการประชุมหารือร่วมกับ อธิบดีสำนักสิ่งแวดล้อมเมืองคิตะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ว่า เมืองเชิงนิเวศคิตะคิวชู (Kitakyushu Eco-Town) เป็นหนึ่งในต้นแบบที่ดี ที่กระทรวงอุตสาหกรรมนำมาเป็นแนวทางพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในประเทศไทย เพื่อพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมที่ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและประชาชนในพื้นที่โดยรอบ ให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับเมืองคิตะคิวชู มีความร่วมมือในการพัฒนาเมืองเชิงนิเวศ และได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง ให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้รับการรับรองการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco World Class 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมอบหมายให้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กนอ. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ร่วมกันจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม Circular ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งการเตรียมความพร้อมด้านองค์ความรู้และพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร รวมไปถึงเทคโนโลยี เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Circular โดย กนอ. อยู่ระหว่างการหารือความร่วมมือกับสถานกงสุลใหญ่ฟุกุโอกะ กระทรวงการต่างประเทศ เมืองคิตะคิวชู เพื่อดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน 

โดยเบื้องต้นกำหนดกรอบความร่วมมือ ดังนี้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จในการบริหารจัดการของเสียและวัสดุเหลือใช้ของญี่ปุ่น ประกอบด้วย 

(1) กฎหมายที่ใช้ในการกำกับดูแลโรงงาน ทั้งผู้ก่อกำเนิดของเสียและผู้รับกำจัดของเสีย 

(2) กฎหมายที่ใช้ในการกำกับดูแลนิคมอุตสาหกรรมให้เอื้อต่อการพัฒนารูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน 

(3) บูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการหมุนเวียนทรัพยากรตามแนวคิด end-of-waste และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของนิคมอุตสาหกรรมให้รองรับการตั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการหมุนเวียนทรัพยากร

“เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อภาคอุตสาหกรรมและประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่สนใจลงทุนในประเทศไทย ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการสนับสนุน การประกอบกิจการที่คำนึงถึงความยั่งยืนตามเป้าหมายของประเทศและของโลก การหารือและดูงานครั้งนี้ยังเป็นส่วนสำคัญในการนำปัจจัยความสำเร็จจากเมืองคิตะคิวชูมาเป็นต้นแบบในการบูรณาการเพื่อสนับสนุนให้การทำ BCG Model เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องขับเคลื่อนต่อไป เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมและประเทศไทย” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ได้เข้าเยี่ยมชมกระบวนการรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์ ที่ Recycle-Tech Corporation ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ชินเรียว คอร์ปอเรชั่น ตอกย้ำเป้าหมายของประเทศในการผลักดัน BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อลดปริมาณของเสียและส่งเสริมการนำวัสดุกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งการเยี่ยมชมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากในอนาคตอันใกล้นี้ โลกจะต้องเผชิญกับปัญหาของเสียจากแผงโซลาร์เซลล์จำนวนมาก การรีไซเคิลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เศรษฐกิจหมุนเวียน และความเป็นกลางทางคาร์บอน

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ (24 ก.ค.67) คณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้เข้าเยี่ยมชมกระบวนการรีไซเคิลหลอดฟลูออเรสเซนต์ ของบริษัท เจ-รีไลท์ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เศรษฐกิจหมุนเวียน และความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการรีไซเคิลเพื่อลดของเสีย ซึ่งนิคมอุตสาหกรรม Circular จะเป็นพื้นที่เป้าหมายสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทย โดยนักลงทุนจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน

ด้านนางบุปผา กวินวศิน รองผู้ว่าการ กนอ. (สายงานพัฒนาที่ยั่งยืน) กล่าวเสริมว่า บทบาทของ กนอ. ต่อจากนี้ คือ การอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ช่วยให้ผู้ประกอบการปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ควบคู่กับการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนที่อยู่โดยรอบโรงงานอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยและยั่งยืน โดยความร่วมมือที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะเกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมแก่ภาคอุตสาหกรรมและประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่กำลังจะตัดสินใจมาลงทุนในประเทศไทย ให้เห็นว่าประเทศไทยตั้งใจสนับสนุนและอำนวยความสะดวกการประกอบกิจการ รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายของประเทศ รวมถึงเป้าหมายของโลก โดยมีภาครัฐที่พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ มีกำหนดการเยือนประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 21 - 27 กรกฎาคม 2567 เพื่อร่วมศึกษาดูงานการพัฒนาการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม Circular ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการ 

‘พิธา’ ลงพื้นที่ ‘ชุมชนบุญร่มไทร’ รับฟังปัญหาเช่าที่การรถไฟ ชี้!! ควรให้ระยะผ่อนนานกว่านี้ เปรียบต่างชาติยังได้สิทธิ 99 ปี

(26 ก.ค. 67) ที่ชุมชนบุญร่มไทร กทม. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สส.พรรคก้าวไกล อาทิ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ และ นายเอกกวิน โชคประสบรวย สก.เขตราชเทวี พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ชุมชนบุญร่มไทร เขตราชเทวี ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ เพื่อรับฟังปัญหา

โดยนายพิธา ระบุว่า ต้องการผลักดันการแก้ปัญหาการเช่าที่ดินกับรัฐ มองว่าควรจะได้เช่าระยะยาว เพราะขนาดคนต่างชาติยังได้เช่า 99 ปี และ กทม.นั้นทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ ระหว่างท้องถิ่น สามารถทำงานร่วมกับ สส.ในการผลักดันปัญหาในระดับชาติได้

"ผมเสียดายที่ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่มีรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจบริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่เช่นนั้นก็พอจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้"

นายพิธา กล่าวต่อว่า การให้เช่าที่การรถไฟโดยผ่อน 3,000 บาทต่อปี ถือว่าสั้นเกินไป เมื่อเทียบกับต่างชาติอยู่ได้ 99 ปี ขณะที่ชนชั้นกลางทั่วไป สามารถผ่อนบ้านที่อยู่อาศัยได้ 30 ปี จนถึงเกษียณ แต่ตรงกันข้ามคนที่ถูกไล่ที่ ควรที่จะให้ระยะเวลาผ่อนยาว และยืดหยุ่นให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งก็เข้าใจวิถีชีวิตของชาวบ้านถ้าให้ไปอยู่ตึกสูงของการทำมาหากิน การค้าขายเป็นปัญหา

ด้านตัวแทนชุมชน ระบุว่า ชุมชนนี้ได้รับการแก้ปัญหา เพราะขณะนี้สามารถเช่าที่การรถไฟบริเวณริมบึงมักกะสันได้ทั้งหมดกว่า 7 ไร่แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างและขอใบอนุญาตเข้าพื้นที่ โดยจัดตั้งสหกรณ์เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเป็นความสำเร็จจากการผลักดันของเครือข่ายชุมชนคนจนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ และพีมูฟที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้

‘ยิ่งลักษณ์’ อวยพรวันเกิด ’ทักษิณ’ ครบรอบ 75 ปี ลั่น!! ดีใจปีนี้เป็นปีที่สมบูรณ์ที่สุดของพี่

(26 ก.ค. 67) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชันเอ็กซ์ (x) พร้อมรูปภาพคู่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย โดยระบุว่า…

“Happy Birthday พี่ชายสุดที่รักของน้อง ดีใจที่ปีนี้เป็นปีที่สมบูรณ์ที่สุดของพี่ ขอให้พี่มีความสุข สุขภาพแข็งแรงแบบนี้ตลอดปีและตลอดไปนะคะ ด้วยรักและเคารพพี่ชายเสมอค่ะ” 

'ลายไทยแอปฯ’ ผลงานสุดสร้างสรรค์ 'นิสิตปี 4’ ศิลปนาฏดุริยางค์ แปลงร่าง 'สื่อโซเชียลมีเดีย' ให้กลายเป็นคนด้วย 'ลายไทย'

เมื่อวานนี้ (25 ก.ค. 67) เฟซบุ๊ก 'นภดล มูลนะเมฆ' ได้เผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ ประจำปีพุทธศักราช 2567 ชื่อชุด ‘ลายไทยแอปฯ’ (lai thai application) 50% จากแรงบันดาลใจตัวละคร จิตรกรรมอยากเป็นแอปพลิเคชัน สู่การสร้างสรรค์งานทางด้านนาฏศิลป์ผสมผสานกับเทคโนโลยี นวัตกรรม ของสื่อโซเชียลมีเดีย ที่มีอิทธิพลต่อสังคมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก 

โดยเป็นศิลปนิพนธ์แนวสร้างสรรค์ ชั้นปริญญาตรี ปีที่ 4 คณะศิลปนาฏดุริยางค์ ภายใต้อาจารย์ที่ปรึกษา Trirat Wisutthiphan และ Kwanjai Kongthaworn

ขอบพระคุณครูไก่สุรัตน์ จงดา และครูบิ๊กพีรมณฑ์ ชมธวัช สำหรับคำปรึกษาวิธีการเลือกใช้ผ้าเครื่องแต่งกาย และนุ่งผ้าชักชายสะบัด ขณะที่ผู้สร้างสรรค์แรงบันดาลใจภาพวาด คือ Thinnakorn Pinthong

ทั้งนี้ เจ้าของผลงานยังระบุอีกว่า “ฝากติดตามผลงานเป็นกำลังใจให้กลุ่มพวกเราด้วยนะครับ ฝากกดไลค์กดแชร์ให้หน่อยนะครับ Jutamanee Sayaing Mananya Tabtim ยังมีอีกหลายแอปฯ มาก รอติดตามชมนะครับ”

โดยโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปชื่นชมอย่างต่อเนื่อง และแชร์ออกไปในวงกว้าง ตลอดจนหลายเพจนำไปเผยแพร่ต่อด้วย เช่นว่า

“จึ้ง / นี่แหละสร้างสรรค์ / รอนาง TikTok / เก่งจัง / สวยมากครับ / แต่งหน้าเหมือนตุ๊กตาพลาสติกเลยค่ะ มีความเลื่อม ๆ มัน ๆ เราชอบมากค่ะ ทำถึง / เก่งมาก ๆ ไอเดียดี สวยค่ะ อย่าลืม ใส่ธงชาติไทยน่ารัก ๆ ด้วยนะคะ กันเพื่อนบ้านแสนรักเคลมค่ะ / ชอบมาก สุดยอดความครีเอทีฟ / ทุกครั้งที่เห็นคนไทยทำและสร้างสรรค์ผลงานออกมาแต่ละทีคือจะมีความรู้สึกเสียวสันหลังมากกก ว่าอีเขมรมันต้องก๊อปและเคลมแน่ ๆ”

ขณะที่ คุณ Thinnakorn Pinthong ซึ่งเป็นผู้วาดภาพลายเส้นก็ได้แชร์ผลงานปั้นดังกล่าว พร้อมระบุว่า “นี่แหละ ๆ งานผมจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ แล้วครับ”

‘น้ำเพชร ฏีร์ญาภา’ ซัดสายการบินดัง ซื้อตั๋ว 3.4 แสน แต่ไม่ได้นั่ง Qsuite พร้อมเดือดซ้ำสอง หลังเข้าใจผิด ‘Spin9’ ทำคอนเทนต์พาดพิง

จากกรณีนางงามสาว ‘น้ำเพชร ฏีร์ญาภา’ ออกมาด่ากราดสายการบินดัง หลังจ่ายเงินไปเกือบ 4 แสน หวังว่าจะได้นั่ง Qsuit แต่กลับได้ที่นั่งเกรดต่ำกว่าที่คิด และสายการบินปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ เนื่องจากประเภทของเครื่องบินไม่ได้อยู่ในสัญญา

เนื่องจากที่นั่งของ น้ำเพชร เป็นที่นั่งสำหรับชั้นธุรกิจปกติ เครื่องบิน โบอิ้ง 777-300ER ไม่มีที่นั่งในชั้นเฟิร์สคลาส และไม่ใช่ที่นั่งในชั้น Premium Economy อย่างที่เธอเข้าใจ

แต่เรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาระหว่าง น้ำเพชร และสายการบิน แต่กลับกลายเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต เมื่อจู่ ๆ น้ำเพชร เข้าใจผิดว่า 'อู๋ Spin9' ทำคอนเทนต์พาดพิงถึงเธอ เกี่ยวกับที่นั่ง Qsuite ของสายการบินเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้ว คอนเทนต์ของ อู๋ นั้นทำไว้ตั้งแต่ 3 เดือนก่อน จากนั้น ซู่ชิง ภรรยาของ อู๋ Spin9 จึงโพสต์ตอบกลับ น้ำเพชร

เมื่อ น้ำเพชร ทราบว่าตัวเองเข้าใจผิด ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านไอจีสตอรี่ บอกว่าเคลียร์กับ อู๋ Spin9 เรียบร้อยแล้ว รู้แล้วว่า อู๋ ไม่ได้ทำคอนเทนต์ถึงเธอ แต่เธอก็มีสิทธิ์จะเข้าใจผิดเช่นกัน สุดท้ายนี้ไม่อยากให้ทุกคนดรามา ใครไม่จบเธอก็พร้อมขึ้นศาลด้วย

อย่างไรก็ตาม น้ำเพชร ยังคงถูกพูดถึงในโซเชียล เนื่องจากชาวเน็ตมองว่า เธอยังคงไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดอะไร และยังดึงคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง โพสต์ว่าเคลียร์กับอีกฝ่ายไปแล้ว อยากจบ แต่ก็ยังพูดถึงเรื่องการหาผลประโยชน์ไม่หยุด

‘พิธีกรดัง’ มองมุมกลับ ปมดรามา ‘Apple’ นำเสนอเมืองไทยในมุมล้าสมัย ชี้!! ไม่ใช่การด้อยค่า แต่เป็นการโชว์ความเป็น ‘คนไทย’ ที่ไม่ซ้ำชาติใดในโลก

(26 ก.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'KUL' โดย กุลวิชญ์ สำแดงเดช ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

“Smile Thailand
ดินแดน แห่งรอยยิ้ม

เห็นมีดรามาเรื่องที่ Apple นำเสนอไทย ในโฆษณาล่าสุด ในมุมของความล้าสมัย ดูไม่เจริญ ส่วนตัว ผมมองไม่เห็นจุดด้อยตรงนั้นเลยนะ

เอาจริง ๆ ไทยก็ไม่ใช่ประเทศที่มีจุดขายด้านความศิวิไลซ์ เทคโนโลยีทันสมัยอะไรอยู่แล้ว เขามาเมืองไทยเพราะเขาต้องการมาดูวิถีชีวิตแบบไทย ๆ นี่แหละ

กลับขอบคุณ Apple ด้วยซ้ำ ที่เลือกไทย เป็น Main Content ทำให้เรา ดังไกลไปทั่วโลก

ไม่ได้ดังเรื่องความล้าหลังอย่างที่หลายคนเข้าใจ 
แต่ดังไกลในเรื่อง ‘คนไทย’ หรือ Thai People นี่แหละ

การนำเสนอคนไทย ที่มาพร้อม รอยยิ้ม ขี้เล่น ติดตลก มีไมตรี กับทุกคน นี่แหละ คือ Thai Soft power ที่ Apple ทำออกมา แล้วโคตรดี

ไอ้ความก้าวล้ำด้านวัตถุ หลายประเทศก็มี 
แต่ความเป็นคนไทย มีแต่ไทยนี่แหละที่เป็นได้

เป็น Super Soft Power เอกลักษณ์ของประเทศไทย
แล้ว Apple ก็จับจุดได้ดีจริงๆ ❤👍☺”

'พีระพันธุ์' เยือนซาอุดีอาระเบีย ปิดดีลใหญ่!! ยกระดับความร่วมมือด้านพลังงาน ‘ไทย-ซาอุฯ’

ไม่นานมานี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภารกิจภายหลังการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงพลังงาน และคณะทำงาน ระหว่างวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า ในการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ มีภารกิจสำคัญอยู่ 2 ส่วน

ส่วนแรกคือ การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย

ส่วนที่สองเป็นการติดตามความคืบหน้าในเรื่องของการทำความตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงพลังงานไทยกับกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ที่ได้มีการลงนามไปเมื่อปี 2565  โดยคณะของกระทรวงพลังงานไทยได้มีการหารือกับคณะเจรจาของกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย นำโดย เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน อัล ซาอุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย  และยังมีหน่วยงานชั้นนำของประเทศซาอุดีอาระเบียและของโลกเข้าร่วมหารือด้วย เช่น Saudi Aramco บริษัทน้ำมันชั้นนำระดับโลก บริษัท SABIC ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลก บริษัท ACWA Power  ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้า และ SEEC หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานของประเทศ

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในด้านภารกิจกระชับความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบียหลังจากที่มีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันในรอบ 32 ปีนั้น ได้มีการพูดคุยกันในกรอบการค้า รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่จะเกิดประโยชน์โดยภาพรวมต่อทั้งสองประเทศ ส่วนภารกิจด้านการติดตามความร่วมมือด้านพลังงานตาม MOU เดิมทั้ง 8 ข้อนั้น ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทางซาอุดีอาระเบียในทุกข้อตกลง โดยทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อติดตามและผลักดันความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียต่อไป

นายพีระพันธุ์ ได้เปิดเผยถึงข้อตกลงสำคัญๆ ในการหารือว่า ขณะนี้ทางซาอุดีอาระเบียได้ให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของพลังงานแห่งอนาคต และกำลังพิจารณาที่จะเข้ามาลงทุนด้านนี้ในประเทศไทย โดยเฉพาะพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งรถยนต์ในอนาคต รวมถึงเรื่องของพลังงานเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งสามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้ด้วย

"เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะถ้าหากว่าเราสามารถพัฒนาไฮโดรเจนจนได้ต้นทุนที่ถูกลง ก็จะสามารถนำพลังงานส่วนนี้มาชดเชยก๊าซ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตไฟฟ้า ช่วยลดต้นทุนผลิตไฟฟ้า และลดค่าไฟแก่พี่น้องประชาชนได้ ซึ่งทางซาอุฯ ก็รับปากที่จะมาลงทุนในไทยในเรื่องของพลังงานไฮโดรเจน"

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า การลงทุนผลิตพลังงานไฮโดรเจนในประเทศไทยถือเป็นความร่วมมือระดับ 'บิ๊กดีล' ระหว่างไทยและซาอุฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว เพราะทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศต่างก็มีเป้าหมายจะพัฒนาและลงทุนในด้านนี้

นอกเหนือจากข้อตกลงทั้ง 8 ข้อใน MOU เดิม นายพีระพันธุ์ยังได้เสนอให้เพิ่มเติมความร่วมมือในด้านอื่นๆ ซึ่งได้แก่ การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านพลังงาน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านโครงสร้างพื้นฐานในการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของไทย  ซึ่งทางซาอุดีอาระเบียก็ได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการให้การสนับสนุนด้านวิชาการแก่ 'วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ' ที่กำลังเตรียมจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย เพื่อช่วยยกระดับองค์ความรู้และบุคลากรพลังงานที่จะสร้างประโยชน์ต่อประเทศไทยในอนาคตต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า การเยือนซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของไทย ซึ่งเป็นผลจากการต่อยอดการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน ในฐานะ รมว.พลังงานซาอุฯ รวมถึงบุคลากรระดับสูงของภาครัฐ และผู้นำของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานในซาอุดีอาระเบียต่างให้การต้อนรับคณะของกระทรวงพลังงานไทยเป็นอย่างดีในทุกๆ ด้าน

"การเยือนซาอุฯ ครั้งนี้ เราได้รับการตอบสนองอย่างดีในทุกๆ เรื่อง และเราได้รับการต้อนรับที่ดีจริงๆ เราได้ชมกระบวนการทำงาน เทคโนโลยี และนวัตกรรมขั้นสูงของบริษัทด้านพลังงานระดับโลก และทางซาอุฯ ก็ยินดีที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้เหล่านี้ให้กับประเทศไทย เหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นความตกลงข้อที่ 9 ที่เราได้มา นอกเหนือจาก MOU ทั้ง 8 ข้อ ซึ่งล่าสุดทั้งสองประเทศก็ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกันในทุกๆ ประเด็นความร่วมมือที่มีการพูดคุยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ยังได้เชิญชวนให้ซาอุดีอาระเบียพิจารณาเข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน คลังน้ำมัน ท่าเรือ และท่อขนส่งน้ำมันในพื้นที่ที่มีศักยภาพของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและการสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve : SPR) ให้กับประเทศไทย และสามารถเป็นจุดกระจายน้ำมันจากประเทศไทยไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งลงได้ โดยทาง ซาอุฯ ได้ให้ความสนใจและพร้อมที่จะเข้ามาศึกษารูปแบบการดำเนินระบบ SPR ของไทยทันทีเมื่อไทยมีความพร้อม

ขณะเดียวกัน ทางซาอุดีอาระเบียก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับไทยในเรื่องของการผลิตพลังงานสะอาด และเน้นย้ำนโยบายการขับเคลื่อนพลังงานที่ต้องการผลักดันเพื่อไปสู่เป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย

สำหรับโอกาสการลงทุนในซาอุดีอาระเบียนั้น นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ซาอุฯ มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศสูงมาก แต่ยังไม่สามารถผลิตได้เพียงพอกับความต้องการ จึงส่งสัญญาณผ่านทางกระทรวงพลังงานของไทยไปถึงนักลงทุนไทยที่สนใจจะมาลงทุนโรงไฟฟ้าให้ที่ซาอุฯ ด้วย

"การไปเยือนและเจรจาครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดประตูครั้งสำคัญของสองฝ่าย หลังจากที่ทาง ซาอุฯ เอง ก็รอไทยมาตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งเกือบสองปีเต็มนั้นยังไม่มีอะไร แต่วันนี้ความคืบหน้าของ 'ไทย-ซาอุฯ' เกิดขึ้นแล้ว และแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งผมก็จะเร่งผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป นี่คือสัญญาณที่ดีมากๆ เพราะทุกการเจรจา ทุกความร่วมมือที่กล่าวถึง ทาง ซาอุฯ ไม่ได้มาเพียงเพื่อพูดคุยเล่นๆ แต่เขาเอาจริง" นายพีระพันธุ์กล่าวทิ้งท้าย

ชื่นชม!! ‘โชเฟอร์หนุ่ม’ นั่งรอผู้โดยสารมาเอาเงินที่ทำตกไว้บนรถ ลั่น!! ไม่ชอบเอาเปรียบคน ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่รู้สึกภูมิใจ

(26 ก.ค. 67) กรณีโชเฟอร์แท็กซี่ ผู้ใช้ติ๊กต็อก @dy92z7rm2vo1 โพสต์คลิปเหตุการณ์ ขณะที่ตนกำลังนั่งรอผู้โดยสาร มาเอาเงินสดที่ทำตกไว้ 2,000 บาท คืน พร้อมระบุแคปชั่นว่า ‘ก่อสร้างครับ ใจเขาใจเรา คืนเรียบร้อย’ จนชาวเน็ตมาคอมเมนต์ แห่ชื่นชมจำนวนมาก

ล่าสุด คุณต้อง คนขับแท็กซี่เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า ตนขับแท็กซี่มากว่า 20 ปีแล้ว ชอบถ่ายวิดีโอ ทำคลิปลงติ๊กต็อก ด้วยความที่เวลามีผู้โดยสารลืมของไว้ ตนก็มักจะถ่ายไว้เป็นหลักฐาน จนไปค้นเจอคลิปนี้ที่ยังไม่ได้ลบออก

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของเดือนพ.ค.จำได้ว่ารับผู้โดยสาร แถวสะพานลอยโลตัส พลัสมอลล์ บางใหญ่ มาส่งที่ซอยโรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งแถวนั้นเลยมานิดนึง จะเป็นแคมป์ก่อสร้าง

ผู้โดยสารมากันเป็นครอบครัว มีพ่อแม่ลูกและผู้หญิงอีกหนึ่งคน น่าจะเป็นชาวต่างชาติ เพราะได้ยินพูดภาษาเขมร เดินลงมาจากห้างเรียกแท็กซี่ พร้อมของพะรุงพะรัง ตนซึ่งปกติก็มีรับงานผ่านแอปฯ ไปเรื่อย ๆ วันนั้นอยากหาค่ากับข้าวใกล้ ๆ บ้าน เลยรับผู้โดยสาร ได้เงินมาประมาณ 60 กว่าบาท

ด้วยความที่เขาอาจจะไม่ทันได้ระวังตัวกัน จึงทำให้เงินหล่นออกมาตกลงตรงพื้นรถ พอมีถุงวางทับไว้ เมื่อถึงที่หมาย ผู้โดยสารก็ยกของลง แล้วหันหลังเดินไปเลย โดยไม่ได้สังเกตว่ามีเงินหล่นอยู่กว่า 2,000 บาท ตนนั้นมักจะชอบมองเบาะหลัง เมื่อผู้โดยสารลงรถ เพื่อดูว่ามีใครทำของอะไรหล่นไว้ไหม พอหันมามองก็เห็นว่ามีเงินหล่นอยู่ จึงถ่ายวิดีโอไว้ คิดว่าน่าจะเป็นของผู้โดยสารล่าสุด ก็เลยพูดไปตามคลิปว่า เขาต้องออกมาเอาแน่นอน

“หลังจากถ่ายคลิป ผมก็นั่งรอประมาณ 15 นาที สักพักผู้โดยสารคนดังกล่าวก็วิ่งตาเหลือกกลับมา ซึ่งก็คิดไว้แล้วว่า เขาต้องกลับออกมาแน่นอน จากนั้นก็ถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาก็บอกว่า “พี่เห็นตังค์ผมหล่นไหม” ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำอะไรกับเงินผู้โดยสาร วางไว้ที่เดิม

แล้วถามว่า “นั่นใช่ตังค์น้องหรือเปล่า หล่นเท่าไหร่” เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่มาดูและบอกว่าตังค์เขา ผมเลยให้เขาคืนไป มันก็น่าจะเงินเขานั่นแหละ คิดว่าเขาก็รีบวิ่งมา คงกลัวว่าเราจะไปแล้ว แต่เรายังไม่ไป ยังรออยู่ แต่ถ้าเขาไม่ออกมา ก็กะจะเดินเข้าไปตามหา แต่รอก่อน เพราะในแคมป์ก่อสร้างคนมันเยอะ” คุณต้อง กล่าว

คุณต้อง กล่าวต่อว่า ตอนนั้นก็เกิดความคิดสงสารยังไงไม่รู้ ด้วยความที่ตนเจอผู้โดยสารที่มาใช้บริการ ทั้งไม่มีเงินบ้าง ต้องย้ายห้องบ้าง ส่วนมากจะเป็นคนงานก่อสร้างจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่เป็นแฟนคลับตนก็เยอะ ไประยองบ้าง ไปชลบุรีบ้าง

บางทีก็บอกตนว่าไม่มีเงินนะ ลดให้ได้ไหม ตนก็ช่วยลดให้จากค่าเดินทาง 2,000 บาท ก็คิดแค่ 1,500 บาท ถ้าจะให้เอาเงินให้เลย ตนก็ไม่มีเหมือนกัน แต่ก็พอช่วยแบบนี้ได้ อาศัยว่าวันหน้าเขาคงเรียกใช้บริการอีก

“ด้วยความที่ผมขับแท็กซี่มานาน เจอคนลำบากมาเยอะ บางทีคนต่างชาติมาจากต่างจังหวัด นั่งรถมากทม. แล้วมาโดนหลอกโดนโกงกำเงินมา 5,000 บาท โดนโกงค่ารถไปแล้ว 2,000-3,000 บาท ไหนจะค่าห้อง ค่ากินอีก เดือนหน้าจะอยู่ยังไง และด้วยความที่เป็นคนงานก่อสร้าง ผมก็ไม่รู้ว่าเขาได้เงินวันละเท่าไหร่ แต่เงิน 2,000 บาท มันเยอะสำหรับเขาแน่นอน ก็เลยสงสาร ไม่ชอบคนเอาเปรียบคนอยู่แล้ว การที่ได้คืนเงินให้ผู้โดยสาร ผมรู้สึกภูมิใจ ดีใจ ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ในความรู้สึกคือ จริงใจที่จะให้” คุณต้อง กล่าว

คุณต้อง กล่าวด้วยว่า ฝากบอกทิ้งท้ายสำหรับพี่น้องแท็กซี่ อยากให้หากินโดยสุจริต สำหรับพี่น้องผู้โดยสาร หากมาจากต่างจังหวัด ขึ้นรถขนส่งต่าง ๆ ให้ดูให้ดี ๆ ว่าขึ้นแท็กซี่ตรงไหน ลงตรงไหน ถ้าแท็กซี่เหมาอะไรก็ไม่ควรนั่ง การนั่งลงรถอะไรต่าง ๆ ก็ควรตรวจสอบสิ่งของ เรื่องนี้แท็กซี่เจอบ่อยมาก บางทีก็ไม่ได้คืน กับข้าว เสื้อผ้าก็มี 

นักเรียน ‘รร.สตรีวัดระฆัง’ ร่วมประดิษฐ์พวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง ด้าน ‘ผอ.’ เผย!! เด็กทุกคนภูมิใจได้เป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีสำคัญ

เมื่อวานนี้ (25 ก.ค. 67) ที่อู่เรือธนบุรี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมคณะผู้บริหารของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง 3 ลำ พร้อมอุบะ จาก รร.สตรีวัดระฆัง ให้แก่กองทัพเรือ 

โดยมี ว่าที่ ร.ต.เฉลิมรัฐ ติ่งอ่วมผู้อำนวยการ โรงเรียนสตรีวัดระฆัง พร้อมตัวแทนครูและนักเรียน รวม 11 คน เป็นตัวแทนโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ในการส่งมอบ และพล.ร.ท.วิจิตร ตันประภา รองเสนาธิการทหารเรือ พร้อมคณะ เป็นตัวแทนกองทัพเรือในการรับมอบ 

หลังรับมอบเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือได้นำพวงมาลัยคล้องประดับเรือพระที่นั่งทั้ง 3 ลำ คือ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช 

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้อัญเชิญพุ่มทองมามอบให้แก่ผู้แทนกองทัพเรือ เพื่อประดับบนบุษบก ในเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชด้วย

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดระฆัง กล่าวด้วยความปลาบปลื้มว่า โรงเรียนรู้สึกเป็นเกียรติ ครูและนักเรียนทุกคนภาคภูมิใจและดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการประดิษฐ์พวงมาลัยคล้องคอเรือ ตั้งแต่ปี 2502 โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 16 ที่โรงเรียนได้รับโอกาสในการประดิษฐ์มาลัยคล้องคอเรือ ซึ่งได้เริ่มงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีการปรับปรุงแก้ไขหลายครั้ง เพื่อให้ได้พวงมาลัยคล้องคอเรือที่ประณีตสวยงามที่สุดในวันนี้ 

‘5 แบรนด์จีน’ ทุ่มเงินเป็นสปอนเซอร์ศึก ‘ยูโร 2024’ พร้อมผงาดขึ้นแท่นประเทศที่สนับสนุนมากที่สุด

(26 ก.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (UEFA European Football Championship) เป็นหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลที่มีมายาวนานและได้รับความสนใจจากบรรดาแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะแฟน ๆ ชาวจีนที่ตื่นเต้นกับการแข่งขันยูโร 2024 ในปีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีแบรนด์จีนที่ได้เฉิดฉายในสนามฟุตบอลด้วยองค์ประกอบที่โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงความทรงอิทธิพลของแบรนด์จีนที่กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในตลาดโลก

โดยในรายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรประดับโลกอย่างเป็นทางการจำนวนทั้งสิ้น 13 รายประจำปีนี้ มีแบรนด์จีนถึง 5 ราย อันได้แก่ ไฮเซนส์ (Hisense) ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ, อาลีเพย์ (Alipay) แพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์, อาลีเอ็กซ์เพรส (AliExpress) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน, วีโว (Vivo) ผู้ผลิตโทรศัพท์สัญชาติจีน และบีวายดี (BYD) ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ไฟฟ้า

นับเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่จีนกลายเป็นประเทศที่ครองรายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมากที่สุด

เนื่องจากขยายตัวอย่างรวดเร็วของการค้ากับต่างประเทศและการเติบโตของการส่งออกสินค้าจีน ทำให้แบรนด์จีนกำลังได้รับความนิยมและขยายอิทธิพลในตลาดต่างประเทศทั่วโลกมากขึ้น

ด้าน สภาการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน (CCPIT) รายงานว่า ปัจจุบันมีแบรนด์จีนอยู่ในตลาดกว่า 200 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และมี 48 แบรนด์สัญชาติจีนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุด 500 อันดับแรกของโลก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าส่งออก

แบรนด์จีนจำนวนมากขึ้นได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะแบรนด์เองก็พยายามขยายตลาดพร้อมกับพัฒนาตนเองอย่างมีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมและการปรับตัวให้ตอบโจทย์ลูกค้าในท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top