Sunday, 25 May 2025
TheStatesTimes

‘การรถไฟ’ เตรียมเปิดอุโมงค์รถไฟทางคู่ สายอีสาน ผาเสด็จ-หินลับ เพื่อแก้ปัญหาความชัน อนาคตเปิดยกระดับมวกเหล็ก ร่นเวลากว่า 30 นาที

เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.67) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่สายอีสาน โดยได้ระบุว่า ...

28 กรกฎาคม นี้ เตรียมเปิดอุโมงค์รถไฟทางคู่ สายอีสาน ผาเสด็จ-หินลับ อุโมงค์ยาวกว่า 5.4 กิโลเมตร แก้ปัญหาความชัน อนาคตเปิดยกระดับมวกเหล็ก ร่นเวลากว่า 30 นาที

วันนี้เอาอีกหนึ่งข่าวสำคัญของ เนิร์ดระบบรางอย่างเรา ที่ติดตามการพัฒนาโครงการทางคู่กันมาตลอด 

ตอนนี้ถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่สายอีสาน (มาบกะเบา-จิระ) ซึ่งเป็นหนึ่งในสายที่ติดขัดมากที่สุดเลย เพราะทั้งการปัญญาการเวนคืน ปัญหาคัดค้านช่วงเมืองโคราช (พึ่งเคลียร์ไป) 

ซึ่งทำให้หลายๆส่วนยังไม่สามารถก่อสร้างได้ แต่ส่วนไหนที่ทำได้ แล้วเสร็จก็ทยอยเปิดให้บริการกันก่อน

ตอนนี้ก็มาถึงคิวอุโมงค์ผาเสด็จ ซึ่งเป็นอุโมงค์ยาวที่สุดในไทย เพื่อตัดทางใหม่ในการข้ามเขาดงพญาเย็น ในเขตอำเภอมวกเหล็ก เพื่อมุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน 
โดยจาก สถานีมาบกะเบา (บริเวณโรงปูนซิเมนต์ นครหลวง) ถึงสถานีมวกเหล็กใหม่ มีการวางเขตทางใหม่ เพื่อปรับโค้ง และไต่ระดับช่วงเขา ทดแทนเส้นทางเดิมที่ผ่านสถานีผาเสด็จ และสถานีหินลับ 

ซึ่งทางเดิมวิ่งลัดเลาะตามไหล่เขา และซอกเขาเพื่อไต่ระดับ ตามสภาพพื้นที่ และเทคโนโลยีการก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งดำริให้ก่อสร้างทางรถไฟสายอีสาน

รายละเอียดทางรถไฟใหม่ ช่วงมาบกะเบา-มวกเหล็กใหม่ ระยะทางช่วงที่จะเปิด : 13.20 กิโลเมตร
มีอุโมงค์ 2 แห่ง ได้แก่ 
- อุโมงค์ผาเสด็จ เป็นอุโมงค์คู่ทางเดี่ยว ระยะทาง 5.4 กิโลเมตร
- อุโมงค์หินลับ เป็นอุโมงค์เดี่ยวทางคู่ ระยะทาง 0.25 กิโลเมตร
กระบวนการขุดเจาะอุโมงค์ในโครงการทางคู่สายอีสานนี้ ใช้กระบวนการชื่อว่า The New Austrian tunneling method (NATM) 
รายละเอียดขั้นตอนการขุดเจาะอุโมงค์
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/964190120686134/?mibextid=tejx2t

ซึ่งมีความปลอดภัยในการใช้งาน และการอพยพในกรณีฉุกเฉิน พร้อมพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างอุโมงค์ เพื่อเคลื่อนย้ายผู้โดยสารทุก 500 เมตร 

ซึ่งส่วนที่เปิดเพิ่มเติมจะไปบรรจบกับทางรถไฟเดิมบริเวณก่อนถึงสถานีมวกเหล็กใหม่ ก่อนขึ้นทางยกระดับข้ามแอ่งมวกเหล็ก เพื่อให้กลับมาใช้ทางรถไฟเดิมช่วงมวกเหล็ก 

เนื่องจากฝั่งด้านเหนือของทางยกระดับติดปัญหาการเวนคืนที่ดินซึ่งหมดอายุ ต้องขอใหม่ เลยต้องใช้เวลาอีกพอสมควร

รายละเอียดของทางยกระดับมวกเหล็ก
https://www.facebook.com/share/1dBTJ2x5AoVAC5YL/?mibextid=JOZb8W

ถ้าเปิดอุโมงค์ และทางยกระดับอย่างเต็มรูปแบบ สามารถลดระยะเวลาการเดินทางได้กว่า 30 นาทีเลยทีเดียว!!! 

ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ กับรถไฟสินค้าที่จะใช้เส้นทางนี้เป็นหลักในการขนสินค้าเชื่อม ไทย-ลาว-จีน ในอนาคต!!!

แต่แน่นอนว่า การที่เปิดทางรถไฟใหม่ จำเป็นต้องมีการปิดสถานีเดิมที่รถไฟไม่ผ่านแล้ว คือ 
- สถานีผาเสด็จ
- สถานีหินลับ

ซึ่งจะเปิดให้บริการรถไฟโดยสารในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นี้!!! หลังจากเปิดทางรถไฟใหม่ 

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีรถไฟสินค้าคอนกรีตที่มีทางเชื่อมกับทางรถไฟสายหลักเลยอุโมงค์มาแล้ว ทำให้ต้องใช้ทางเก่าในการขนส่งสินค้าอยู่!!!

เปิดใจ 'รร.สตรีวัดระฆัง' ผู้ประดิษฐ์มาลัยคล้องคอเรือพระราชพิธีสำคัญแห่งสยาม ความปลาบปลื้มใจครั้งสำคัญ จากทุกผู้เกี่ยวข้องที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีนี้

รายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ ว่าที่ร้อยตรีเฉลิมรัฐ ติ่งอ่วม ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ในโอกาสที่ได้จัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่งในงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน เมื่อวันที่ 27 ก.ค.67 โดย ว่าที่ร้อยตรีเฉลิมรัฐ ได้กล่าวว่า...

สืบเนื่องจากกองทัพเรือ เป็นผู้ดำเนินการจัดขบวนเรือพระราชพิธี จึงได้มอบหมายให้ทางโรงเรียนสตรีวัดระฆัง จัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9, เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ 

โดยจุดเริ่มต้นของการจัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2502 ซึ่ง นาวาโทสวัสดิ์ พูลสุข ผู้บังคับกองเรือเล็กในขณะนั้น ได้ติดต่อทางโรงเรียนสตรีวัดระฆังผ่านทาง ครูปราณี พูลสุข บุตรสาวของท่าน ซึ่งเป็นทั้งศิษย์เก่าและเป็นครูโรงเรียนสตรีวัดระฆังในขณะนั้น ให้ช่วยประดิษฐ์พวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง เนื่องจากเห็นว่าทางโรงเรียนมีชื่อเสียงในงานฝีมือด้านดอกไม้ใบตอง สามารถทำได้อย่างประณีตสวยงาม และชนะการประกวดอยู่เสมอ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทางโรงเรียนจึงได้รับมอบหมายจากกองทัพเรือให้จัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่งมาโดยตลอด จนเมื่อปี พ.ศ. 2539 ทางโรงเรียนได้จัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งลำ คือ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 รวมเป็นจำนวน 4 ลำ จนถึงปัจจุบัน

ว่าที่ร้อยตรีเฉลิมรัฐ เผยต่อว่า และเมื่อเร็วๆ นี้ทางโรงเรียน จึงได้รับมอบหมายจากกองทัพเรือให้จัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง จำนวน 3 ลำ เพื่อนำไปจัดแสดงเรือพระที่นั่งเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ระหว่างวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2567 ณ ท่าราชวรดิฐ ซึ่งได้ดำเนินเสร็จสิ้นและส่งมอบให้กับกองทัพเรือเรียบร้อยแล้ว 

ส่วนในงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นอกจากทางโรงเรียนสตรีวัดระฆังจะได้รับมอบหมายให้จัดทำพวงมาลัยคล้องคอเรือพระที่นั่ง จำนวน 4 ลำแล้ว ยังได้มีโอกาสประดิษฐ์ดอกไม้สดตกแต่งบัลลังก์กัญญาในเรือพระที่นั่ง ซึ่งต้องอาศัยความละเอียดประณีตตามแบบแผนโบราณ 

ว่าที่ร้อยตรีเฉลิมรัฐ กล่าวว่า ในปัจจุบันทางโรงเรียนมีการสอนหลักสูตรเครื่องแขวนไทย ทำให้นักเรียนได้ฝึกซ้อมด้านเครื่องแขวนไทยมาอย่างยาวนาน เมื่อทางโรงเรียนได้รับมอบหมายก็พร้อมจัดทำได้ทันที ถึงแม้ในปัจจุบันทางโรงเรียนมีครูผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ไม่กี่ท่าน แต่ก็ได้รับความเมตตาจากครูอาวุโสมาช่วยสอนถ่ายทอดองค์ความรู้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูและนักเรียนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการส่งต่อภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อสืบสานภูมิปัญญาของชาติไทยให้คงอยู่ต่อไป ซึ่งทางโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ผู้บริหาร คณะครูอาจารย์ และนักเรียนรู้สึกภาคภูมิใจ ปลาบปลื้มใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีสำคัญครั้งนี้

นอกจากนี้ทางโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ยังส่งเสริมให้นักเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการประกวดสวดทำนองสรภัญญะ เนื่องจากโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ได้รับการอุปถัมภ์จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารมาอย่างยาวนาน 

"การที่โรงเรียนได้ก่อตั้งมาได้ เพราะพระอาจารย์ได้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาร่วมกับการนำธรรมะมากล่อมเกลาจิตใจนักเรียน การสวดทำนองสรภัญญะ จึงเป็นการนำธรรมะมาฝึกปฏิบัติตนของนักเรียนโรงเรียนสตรีวัดระฆังเสมอมา ซึ่งทางโรงเรียนได้ส่งนักเรียนเข้าแข่งขันสวดทำนองสรภัญญะของกรมการศาสนาและได้รับโล่พระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของโรงเรียนสตรีวัดระฆัง" ว่าที่ร้อยตรีเฉลิมรัฐ กล่าวปิดท้าย

อ่านเกม 'ทักษิณ' พยัคฆ์ติดเทอร์โบ บนผังอำนาจใหม่ ในวันที่ 'นายใหญ่' ไม่เหนือกว่า 'ครูใหญ่' อีกแล้ว

ต้องบันทึกไว้ในปฏิทินการเมืองว่าวันที่ 26 ก.ค.2567 วันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 75 ปี ย่างสู่ปีที่ 76 ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของประเทศไทย หากย้อนคิดย้อนมองต้องบอกว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อย...

ทักษิณถูกรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.2549 ขณะไปประชุมยูเอ็นที่สหรัฐฯ ข้ออ้างหลักของรัฐประหารคือ รัฐบาลทุจริต-คุกคามสถาบัน...แทรกแซงองค์กรอิสระ ทักษิณต้องระเหเร่ร่อนอยู่ร่วมปีครึ่ง กระทั่ง 28 ก.พ.2551 ได้กลับบ้านมากราบแผ่นดินช่วง สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ ก.ค.2551 ก่อนศาลฎีกานักการเมืองจะตัดสินคดีที่ดินรัชดา 'ทักษิณ' รู้แกวว่าจะติดคุก ขอเดินทางไปต่างประเทศดูกีฬาโอลิมปิก 'ปักกิ่งเกมส์' แล้วไม่กลับมาอีกเลย ตะลอนร่อนเร่เป็นสัมภเวสีอยู่ร่วม 17 ปี ถูกตัดสินคดีทุจริตอีก 3 คดี กระทั่งได้เดินทางกลับมาตุภูมิเมื่อ 22 ส.ค.2566 เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อรับโทษ แต่ตั้งแต่คืนแรกที่มาถึงก็อ้างป่วยหนักไปนอนพักที่ รพ.ตำรวจ จากนั้นทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี...

นอนพักรักษาตัวจนได้รับฉายา 'นักโทษเทวดา' กระทั่ง 18 ก.พ.2567 ได้รับการพักโทษ ไม่ปรากฏอาการป่วยอีก กระทั่ง 26 ก.ค.2567 จัดงานฉลองวันเกิดครบรอบ 75 ปี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวชินวัตร (75 no place like home)

จากนี้นับถอยหลังไปวันที่ 22 ส.ค.จะถึงวันพ้นโทษ  ได้รับใบบริสุทธิ์ หรือใบสุทธิจากกรมราชทัณฑ์...คาดว่าทักษิณน่าจะเป็นพยัคฆ์ติดเทอร์โบ

ก่อนถึงวันคล้ายวันเกิด 26 ก.ค.ทักษิณไปพักผ่อนสังสรรค์และออกรอบที่รีสอร์ต-สนามกอล์ฟของ อนุทิน ชาญวีรกูล Rancho Charnvee Resort and Country Club ปากช่อง พร้อมนักการเมืองและเจ้าสัวพลังงานอย่าง สารัชถ์ รัตนาวดี เมื่อ19-20 ก.ค. 

หลังจากนั้นวันที่ 24 ก.ค.ซีอีโอของคิงส์ พาวเวอร์  อัยยวัฒน์ เปิดโรงแรมพูลแมน ย่านซอยรางน้ำ เลี้ยงวันเกิดล่วงหน้าให้อีกงาน ตามด้วยค่ำ 25 ก.ค.พบว่าบรรดาเจ้าสัว-นักการเมืองรัฐมนตรีไปร่วมกันจัดเลี้ยงล่วงหน้าให้อีกงานที่โรงแรมยูสาทร...มีเจ้าสัวพลังงานไปปรากฏตัวด้วย...

ทั้งหลายทั้งปวงก็เพียงต้องการบันทึกปรากฏการณ์นี้ไว้...

ที่จะวิเคราะห์ขีดเส้นใต้หมายเหตุไว้สั้น ๆ ณ โอกาสนี้มีเพียงว่า...ภายใต้ปรากฏการณ์นี้ดูเหมือนเส้นทางของ 'นายใหญ่' จะรื่นรมย์สมปรารถนาแทบทุกอย่าง แต่โดยแท้จริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่...

ด่านสำคัญยิ่งคือ ลุ้นระทึกว่า 14 ส.ค.ที่จะถึง 'เศรษฐา ทวีสิน' จะหลุดจากตำแหน่งหรือไม่...ถ้าหลุดว้าวุ่น...งานเข้าแน่นอน เพราะโอกาสที่เกมจะไหลไปถึงอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ นั้นมีค่อนข้างสูง ด้วยเหตุข้อจำกัดของ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร...หรือแม้กระทั่ง ชัยเกษม นิติสิริ...สองแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย

การบุกถ้ำ 'หนู อนุทิน' เมื่อ 19-20 ก.ค. จึงเป็นเกมเหนือชั้นเผื่อเหลือเผื่อขาดของทักษิณ แสดงให้เห็นถึงความแนบแน่นกับอนุทิน 'ลูกน้องเก่า'...ไม่ว่าอนุทินจะขึ้นเป็นนายกฯ หรือไม่ ทักษิณก็โชว์ให้เห็นว่าเป็นหนึ่งเดียวกับอนุทิน...

แต่ลึกลงไป...ทักษิณรู้ดีว่า เหนืออนุทินยังมี เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งขั้วอำนาจสีน้ำเงิน ที่ว่ากันว่า...สามารถสถาปนาสภาสูงชุดใหม่ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด...ชนิดที่ 'ทักษิณ' เห็นแล้วแทบจะเป็นลม...

และอาจจะเป็นลมแบบไม่รู้ตัว หากได้ไปชมงานสุดสัปดาห์มหามงคลที่บุรีรัมย์ งานแสงสีเสียงอลังการ  บทบรรเลงของวงดนตรีซิมโฟนีออร์เคสตร้า กระหึ่ม...

ต้องฟันธงตั้งเอาไว้ตรงนี้เพื่อมาอธิบายขยายความในโอกาสต่อไปว่า...วันนี้ดุลอำนาจของขั้วน้ำเงินนั้นเริ่มเหนือกว่าขั้วแดงจันทร์ส่องหล้า ที่เหลือเพียงจำนวน สส.ที่มากกว่า และยังเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น เพราะหากกางผังอำนาจอย่างอื่น  รวมทั้งสภาสูงที่มีอำนาจพิเศษในการจัด วางองค์กรอิสระ...ต้องบอกว่าวันนี้ 'นายใหญ่' ไม่เหนือกว่า 'ครูใหญ่' อีกแล้ว...

นี่คือ ปฐมเหตุทำให้นายใหญ่...เล่นเกมถอย...ประนอมอำนาจกับขั้วน้ำเงิน...เพื่อซื้อเวลา ตั้งหลักแล้วรุกต่อบนกระดานอำนาจที่ไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว - ทราบแล้วเปลี่ยน!!

‘Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe’ เปิดราคา 6,290,000 บาท จัดเต็มออฟชั่นครบทั้งคัน ไม่ต้องรอนานเป็นปี สิงหานี้ รับรถได้เลย

(27 ก.ค.67) Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ล่าสุด มาถึงประเทศไทยแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งโดยเฉพาะสำหรับแฟนๆ Porsche ชาวไทย รถคันนี้ประกอบขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ Porsche ในประเทศมาเลเซีย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือกว่า ดีไซน์ที่ออกแบบใหม่ ขุมพลังไฮบริดประสิทธิภาพสูง และตัวเลือกการปรับแต่งที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe นับเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์รถยนต์หรูระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถเอสยูวีสปอร์ทคันนี้กลายเป็นรถรุ่นที่ 2 ที่มาจากสายการผลิตของประเทศมาเลเซีย และเป็นรุ่นแรกที่ประกอบในภูมิภาคเพื่อส่งออกมายังประเทศไทย 

Porsche เข้าใจความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าชาวไทย จึงได้ปรับแต่ง Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ให้มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือชั้น มีฟีเจอร์มากมายเมื่อเทียบกับรุ่นพื้นฐานที่นำเข้าจากยุโรป นอกจากนี้ ยังมี Microsite หรือเวบไซต์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการจองรถยนต์รุ่นใหม่นี้ผ่านทางออนไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์การจองที่สะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่สนใจ และรองรับการปรับแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นสีภายนอก ตัวเลือกหนังภายใน และอุปกรณ์เสริมต่างๆ

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ผสมผสานความสปอร์ทอันทรงพลังของ Cayenne S เข้ากับระบบขับเคลื่อนอันล้ำสมัยของ Cayenne E-Hybrid นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตระดับโลกในการมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจ ผสานเทคโนโลยีไฮบริดที่ทั้งทรงประสิทธิภาพ และล้ำหน้า

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 260 กิโลวัตต์/353 แรงม้า (แรงกว่าเครื่องยนต์ใน Cayenne E-Hybrid ถึง 36 กิโลวัตต์/49 แรงม้า เมื่อผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ส่งผลให้ระบบมีกำลังรวม 382 กิโลวัตต์/519 แรงม้า) อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 263 กม./ชม. นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 90 กม. (ตามมาตรฐาน EAER City) เหมาะสำหรับการขับขี่ภายในกรุงเทพฯ ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ปรับปรุงระบบช่วงล่างแบบถุงลมอัจฉริยะแบบใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Porsche Active Suspension Management (PASM) เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ เพิ่มความมั่นคง และง่ายต่อการควบคุมรถยนต์ทั้งบนถนน และทางสมบุกสมบัน เมื่อเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐาน และรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำ และสมรรถนะของการขับขี่ ลดการโคลงของตัวรถในขณะขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งยังช่วยให้การปรับโหมดการขับขี่ระหว่าง Normal, Sport และ Sport Plus แตกต่างกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมของ Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายในการขับขี่ที่มากขึ้น เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ช่วยปรับช่วงล่างได้หลากหลาย ตั้งแต่เน้นความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่สบายๆ ไปจนถึงโหมดสปอร์ทที่เน้นการตอบสนองฉับไว

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง และสปอร์ทยิ่งขึ้น ลูกค้าชาวไทยสามารถเลือกสีตัวถังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ สีขาวเมทัลลิค Carrara White, สีดำเมทัลลิค Chromite Black และสีเงินเมทัลลิค Dolomite Silver

เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ดีไซจ์นใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นด้วยโมดูลความละเอียดสูง 2 ชุด และพิกเซลกว่า 32,000 พิกเซลต่อโคมไฟ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ขณะที่ล้อแมกลายสำหรับรุ่น Cayenne ขนาด 20 นิ้ว สีเทา Vesuvius Grey มอบความหรูหรา และสปอร์ทให้แก่รถเอสยูวีคันนี้ได้อย่างลงตัว

ภายในของ Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ได้รับการยกระดับด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งพวงมาลัย GT Sports และ แพคเกจ Sport Chrono พร้อมนาฬิกา Porsche Design เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยยกระดับความหรูหราให้แก่ผู้ขับขี่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร

รถเอสยูวีสุดหรูรุ่นนี้ ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบเสียงรอบทิศทาง Bose เบาะหนังคุณภาพเยี่ยม เลือกได้ 2 สี คือ สีดำ หรือสีแดงบอร์โดซ์ (Bordeaux Red) พร้อมตราสัญลักษณ์ Porsche บนพนักพิงศีรษะที่เบาะคู่หน้า อีกทั้งระบบควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซน เครื่องฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทางพร้อมระบบจำตำแหน่งสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหลัง และม่านบังแดดด้านหลังที่เปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยจอด (ParkAssist) พร้อมกล้องรอบทิศทาง (Surround View) และรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay มอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งยังเอาใจผู้โดยสารด้านหลังด้วยระบบเตรียมติดตั้ง Rear Seat Entertainment ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถติดตั้งหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย เพื่อยกระดับความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

เพิ่มเติมความทันสมัยให้แก่ห้องโดยสารด้วย Porsche Driver Experience ประกอบด้วย ชุดหน้าปัดดิจิทัลแบบโค้งมนขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา ตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติได้รับการย้ายไปทางซ้ายของพวงมาลัยบนคอนโซลกลาง  การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องเก็บของ และแผงควบคุมระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ดีไซจ์นสวยงามทันสมัยในโทนสีดำ แผงควบคุมระบบปรับอากาศมาพร้อมปุ่มกดขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย พร้อมสวิทช์ปรับอากาศแบบหมุน และปุ่มปรับระดับเสียงแบบสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และดูหรูหรา

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ราคาเริ่มต้นที่ราคา 6,290,000 บาท โดยมีกำหนดส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป สามารถจองรถยนต์รุ่นนี้ผ่านไมโครไซท์ (Microsite) ได้ที่ www.thcayenne.online จากการจัดจำหน่ายโดย AAS Auto Service

‘ธนกร’ ชี้ ‘พณ.-กรมการค้าภายใน’ ต้องลงพื้นที่ ควบคุมราคาสินค้า เผย!! ชาวบ้านบ่นอุบ ข้าวของแพง วอนรัฐบาลเห็นใจ ‘ผู้มีรายได้น้อย’

(27 ก.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาจากที่ตนได้ลงพื้นที่ย่านการค้า ร้านอาหารและตลาดต่าง ๆ ได้รับฟังเสียงสะท้อนปัญหาค่าครองชีพจากพี่น้องประชาชน พบว่า ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าราคาสินค้าปรับราคาขึ้นเกือบทุกชนิด โดยบางรายการแม้ไม่ปรับราคาแต่กลับลดปริมาณลงเพราะต้นทุนวัตถุดิบปรับราคา โดยเฉพาะอาหารตามสั่งที่ต้องใช้วัตถุดิบเครื่องปรุงรส ทั้งน้ำตาล,ผงชูรส รวมถึงผักที่ราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ขายจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาอาหาร ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคตามมาเป็นทอด ๆ 

ทั้งนี้ จึงขอฝากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาแก้ปัญหาในเชิงรุก หากสินค้าประเภทใดที่เป็นสินค้าควบคุมควรจะต้องมีการตรวจสอบว่าผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่  แต่ส่วนไหนที่ไม่ใช่สินค้าควบคุม จะมีมาตรการใดออกมาช่วยลดรายจ่ายประจำวัน ลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนได้

“รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน ออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยตรึงราคา ทั้งค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันดีเซล เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางรวมถึงประชาชนทั่วไปไว้แล้ว แต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกิน ของใช้ในบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภค ยังไม่มีมาตรการใดออกมาที่ชัดเจน จึงขอฝากไปยังกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เร่งออกมาตรการและควบคุมราคาสินค้าประเภทต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือลดค่าใช้จ่าย บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเรื่องค่าครองชีพสูง ค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ปรับขึ้น และช่วงที่เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในช่วงนี้” นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

‘สส.อัครเดช’ ชี้ ‘ค่าเช่าบ้านตำรวจชั้นประทวน’ ควรได้รับการดูแลจากรัฐบาล เพื่อสร้างตำรวจน้ำดี ลดเรียกรับส่วย ‘จุลพันธ์’ ตอบรับทันที มีแผนแก้ปัญหาแล้ว

(27 ก.ค.67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีในกรณีค่าเช่าบ้านของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ตอบกระทู้

นายอัครเดช อภิปรายว่า จากการลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ได้รับการร้องเรียนว่า เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนพลตำรวจแล้ว การเลือกจังหวัดที่ต้องการเพื่อบรรจุแม้จะไม่ใช่จังหวัดภูมิลำเนาก็จะไม่มีสิทธิในการเบิกค่าเช่าบ้านตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม รัฐจะต้องดูแลพี่น้องข้าราชการตำรวจให้ดีเพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรม หากรัฐไม่สามารถดูแลพี่น้องข้าราชการตำรวจให้ดีได้ พี่น้องประชาชนจะสามารถคาดหวังความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร

ปัจจุบันตำรวจมักตกเป็นจำเลยของสังคมในเรื่องความโปร่งใส โดยเฉพาะกรณีการเรียกรับเงิน ซึ่งรัฐต้องยอมรับความจริงในเรื่องนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการดูแลพี่น้องข้าราชการตำรวจยังไม่ดีเท่าที่ควร หากสามารถบริหารจัดการเรื่องค่าเช่าบ้านซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำรงชีวิต หากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เชื่อได้ว่าพี่น้องประชาชนจะได้รับประโยชน์จากกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำก็คือข้าราชการตำรวจที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้กล่าวว่า คำถามที่ทางนายอัครเดชได้สอบถามนั้นตรงกับแนวคิดของนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายให้ดูแลพี่น้องข้าราชการโดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย ลำดับแรกกรณีค่าเช่าบ้านพักนั้น ไม่ได้เป็นสวัสดิการสำหรับข้าราชการทุกคนแต่จะมีเฉพาะผู้ที่ถูกโอนย้าย และโอนเปลี่ยนที่ทำงาน จึงไม่สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ ทางรัฐบาลได้มีแผนแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของพี่น้องข้าราชการ ผ่านการสร้างอาคารที่พักเพิ่มเติมผ่านงบประมาณซึ่งต้องใช้ระยะเวลากว่า 20 ปี จึงจะสามารถแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยได้ซึ่งเป็นไปอย่างล่าช้า โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ใช้กลไกอื่น ๆ ในการแก้ปัญหาที่พักข้าราชการผ่านธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจใต้การกำกับของกรมธนารักษ์ ซึ่งสามารถระดมทุนเพื่อสร้างบ้านพักอาศัยให้กับข้าราชการทั้งหมดได้เร็วยิ่งขึ้น 

หลังจากฟังคำตอบจากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายอัครเดชกล่าวว่า “ขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของพี่น้องข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจชั้นประทวน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแนวคิดในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของข้าราชการจะประสบความสำเร็จโดยเร็ว”

‘Bitkub Chain’ โชว์ยอดธุรกรรมปี 67 แตะ 4 พันล้าน ยึดอันดับ 4 ของโลก ภายใต้ศักยภาพรองรับธุรกรรมเร็วถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที

เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.67) บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เผยความสำเร็จของ Bitkub Chain และแสดงสมรรถนะทางเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในงาน Bitkub Chain Developer Meetup (BKCDM) ครั้งที่ 4 ที่รวมพลนักพัฒนาบล็อกเชนและเจ้าของโปรเจกต์ในระบบนิเวศบล็อกเชน เพื่ออัปเดตข้อมูลใหม่ในวงการบล็อกเชนให้เตรียมพร้อมนำฟังก์ชันใหม่ไปใช้งานต่อยอดกับโปรเจกต์ของตนต่อไป

ซึ่งมีนักพัฒนาและบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก อาทิ ZetaChain บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนรูปแบบ Omnichain ระดับโลก, บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด และบริษัท Sowaka Pte. Ltd. เข้าร่วมงาน

โดยงาน BKCDM ครั้งที่ 4 นี้ ได้ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ Bitkub Chain ผ่าน 3 หัวข้อหลัก ดังนี้…

>> Future Trend for Developer & The Rise of Bitkub Chain

นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ได้นำเสนอความสำเร็จของ Bitkub Chain และเทรนด์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนในปี 2567 โดยระบุว่าปัจจุบัน Bitkub Chain มีจำนวนธุรกรรมกว่า 4 พันล้านธุรกรรม ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำทั่วโลก และได้ยกระดับความสามารถในการรองรับธุรกรรมสู่ขีดจำกัดใหม่ สูงถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที หรือ 25,000 ธุรกรรมต่อบล็อก

ทั้งนี้ตั้งเป้าพัฒนา Bitkub Chain สู่ 100,000 ธุรกรรมต่อบล็อกในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ Bitkub Chain สามารถรองรับการใช้งานจำนวนมากพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมเปิดตัว KUB Improvement Prosposal (KIP) เอกสารให้ข้อมูลหรืออธิบายรายละเอียดฟีเจอร์ใหม่ของ Bitkub Chain สำหรับคอมมิวนิตี และเปิดโอกาสให้คอมมิวนิตี เข้ามามีส่วนร่วมในการโหวตทิศทางของเครือข่ายโดยใช้เหรียญ gKUB อีกด้วย

ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มการใช้งานบล็อกเชนในตอนนี้ที่ภาคธุรกิจหลายส่วนเริ่มนำบล็อกเชนเข้ามาประยุกต์ใช้งานเพื่อแก้ Pain point ต่าง ๆ มากขึ้น และเชื่อว่าจะแพร่หลายมากยิ่งขึ้นในอนาคต พร้อมกับเทคโนโลยี AI ที่ยิ่งสนับสนุนต่อการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงนับเป็นโอกาสสำคัญของ Bitkub Chain ในการร่วมมือกับภาคธุรกิจเพื่อสร้าง Use Case และต่อยอดการใช้งานจริงต่อไป

>> The NEXT Generation of Blockchain Developer

การเสวนาจากเหล่านักพัฒนาบล็อกเชนชั้นนำ โดยมี Leow Liu, Partnership Lead จาก ZetaChain บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนรูปแบบ Omnichain ระดับโลก, นายพนิต เวชศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด, Wataru Matsuda ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sowaka Pte. Ltd. และนายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เข้าร่วม

โดยมีการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมของเทคโนโลยีบล็อกเชน และเชื่อว่าบล็อกเชนมีการเปลี่ยนผ่านตามกาลเวลา โดยมีการใช้งานอย่างแพร่หลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเชื่อว่าจะมีการยอมรับจากภาครัฐในอนาคต

ปิดท้ายด้วยการกล่าวถึง ความท้าทายของนักพัฒนาโปรเจกต์ที่ต้องพบในปัจจุบัน การทำงานร่วมกันระหว่าง AI และเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะสร้างนวัตกรรมและโซลูชันใหม่ ๆ รวมไปถึงการเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

>> Bitkub Chain Beyond Limit

นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ที่เผยถึงฟีเจอร์สำคัญสำหรับนักพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น NEXT SDK ซึ่งมีคุณสมบัติใหม่หลายประการ อาทิเช่น Server to Blockchain ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลเซิฟเวอร์ของคุณกับบล็อกเชนแบบอัตโนมัติ, BKC Compatible ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อกับกระเป๋า Bitkub NEXT ได้อย่างง่ายดาย สะดวก และปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานร่วมทดสอบความสามารถในการรองรับธุรกรรมที่รวดเร็ว ถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที และ 25,000 ธุรกรรมต่อบล็อก ผ่านโปรแกรมการส่งธุรกรรมแบบจำลอง ก่อนปิดท้ายด้วย การเผยถึง Khaosan Network ซึ่งเป็นเครือข่ายบล็อกเชนแบบ Testnet ตัวใหม่ที่จะเปิดตัวและพร้อมใช้ในวันที่ 9 กันยายน 2567 นี้

นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า Bitkub Chain จะผลักดันการใช้งานจริงในวงกว้างต่อไป โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในทุกภาคส่วน เพื่อต่อยอดความสำเร็จให้ Bitkub Chain มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและเป็นรากฐานของนวัตกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งความมุ่งมั่นของเรา ไม่เพียงแค่ขับเคลื่อนอนาคตของบล็อกเชน แต่จะทำให้บล็อกเชนเข้ามาช่วยเสริมสมรรถนะให้ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวเสริมว่า “ความสามารถในการรองรับธุรกรรมได้ถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที และ 25,000 ธุรกรรมต่อบล็อก เรียกได้ว่าเป็นก้าวใหม่ครั้งสำคัญสำหรับ Bitkub Chain ที่ยกระดับมาตรฐานใหม่ในเรื่องความเร็วและความสามารถในการรองรับธุรกรรมของเทคโนโลยีบล็อกเชน ความมุ่งมั่นของเราในด้านนวัตกรรมทำให้มั่นใจได้ว่าบล็อกเชนโซลูชันของเราจะไม่เพียงแค่รวดเร็ว แต่ยังมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ เปิดทางสู่ยุคใหม่ให้กับผู้พัฒนาโปรเจกต์ในอนาคต”

‘นายกฯ’ เชิญชวนปชช. สวมเสื้อสีเหลือง แสดงความภักดี-สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

(27 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชน สวมเสื้อสีเหลือง แสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ใจความว่า … 

ขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่า สวมเสื้อสีเหลือง เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม นี้ ส่วนกลาง ร่วมกิจกรรม ณ ท้องสนามหลวง ส่วนภูมิภาคสถานที่ตามแต่ละจังหวัดกำหนด

‘อนุทิน’ ชวนร่วมงาน ‘ลมหายใจของแผ่นดิน’ 28-30 ก.ค.นี้ สนามช้างอารีน่า เผย!! มีไฮไลต์ ‘ออร์เคสตรา 250 คน’ บรรเลง ดนตรีไทย-ตะวันตก-อีสานใต้

(27 ก.ค.67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตลอดเดือน ก.ค.จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ซึ่งในส่วนของจ.บุรีรัมย์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีกิจกรรมเทิดพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค. ทางจังหวัดพร้อมทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดงาน ‘ลมหายใจแห่งแผ่นดิน’ ซึ่งมีหลากหลายกิจกรรมและการแสดงแสง สี เสียง เสียงระดับโลก ให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ณ สนามช้างอารีน่า อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการแสดงมิวสิคัลชุด “ลมหายใจของแผ่นดิน” ซึ่งได้รวมเยาวชนที่มีความสามารถด้านดนตรีและการแสดงจากทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย นักดนตรีวงดนตรีออร์เคสตรา 250 คน บรรเลงเครื่องดนตรีทั้งไทย เครื่องดนตรีตะวันตก เครื่องดนตรีอีสานใต้ และนักแสดงเดอะมิวสิคัล 70 คน ซึ่งได้ฝึกซ้อมตลอดเวลาหลายเดือนเพื่อการแสดงในงานนี้

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย จะเป็นส่วนหนึ่งของมิวสิคัลชุดนี้ โดยร่วมแสดงในการบรรเลงเพลงจอมราชา ในตำแหน่งเป่าแซ็กโซโฟน ซึ่งที่ผ่านมา รมว.มหาดไทย ได้ร่วมฝึกซ้อมกับเยาวชนนักดนตรีทั้ง 250 คนมาแล้วหลายครั้ง 

“ท่านอนุทิน เชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติในสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่หากมีโอกาสไปเยือนหรืออยู่พื้นที่ใกล้เคียง จ.บุรีรัมย์ ก็ขอเชิญร่วมงานเฉลิมพระเกียรติที่ทางจังหวัดจัดขึ้น นอกจากจะได้ร่วมแสดงออกถึงพลังความรักที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติแล้ว ยังได้ร่วมให้กำลังใจกับน้องๆ นักดนตรี นักแสดงและทีมงาน ให้ทุกคนได้แสดงออกถึงศักยภาพและความสร้างสรรค์ซึ่งอนาคตทุกคนจะกลายเป็นพลังสำคัญของชาติต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

สำหรับงาน ‘ลมหายใจของแผ่นดิน’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค.ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ณ สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ จะมีการแสดงเทิดพระเกียรติสุดยิ่งใหญ่ด้วยเทคโนโลยีการจัดแสดงระดับโลก ได้แก่ การแสดงแสงสีเสียงประกอบ 3D Mapping,วงดนตรีออร์เคสตรา, การแสดง มิวสิคัล, นิทรรศการผลงานประกวดวาดภาพ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึง การบำเพ็ญสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ บริจาคโลหิตส่งต่อผู้ป่วย จำนวน 720 ยูนิตต่อวัน รวม 7,200 ยูนิต โรงทานปันสุข ร้านชื่อดังต่าง ๆ นำอาหารเครื่องดื่มมาบริการแก่ผู้มาร่วมงาน โดยทั้งหมดสามารถเข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

‘วันชัย’ ฟาดใส่ ‘เฉลิม’ น่าสมเพชเวทนา แก่หงำเหงอะ เลอะเลือน ชี้!! วันเวลาฆ่าแม้กระทั่ง ‘ดาวสภา-ขุนศึกฝั่งธน’ หมดคนเกรงกลัว

(27 ก.ค.67) นายวันชัย สอนศิริ อดีตสว. โพสต์ข้อความเรื่อง ‘อยู่ให้คนอิจฉา ดีกว่าอยู่อย่างน่าสงสาร’ ในเพจเฟซบุ๊กทนายวันชัย สอนศิริ เตือนสติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 

กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตอบโต้สั้น ๆ ‘สงสารเขา อายุเยอะแล้ว’ ระบุว่า นายทักษิณได้ตอบคำถามของนักข่าว ที่ถามถึงเรื่องร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์และท้าดีเบตว่า ‘อย่าไปพูดถึงเขาเลย สงสารเขา ผมสงสารเขา เขาอายุเยอะแล้ว’ นั้นถ้าตนเป็นร.ต.อ.เฉลิม จะรู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจ ทะลุเข้าไปถึงตับไตไส้พุง เพราะคำพูดว่า สงสาร เขาอายุเยอะแล้ว มันเหมือนกับคำพูดที่ว่า สมเพชเวทนา แก่แล้ว หมดสภาพแล้ว ไม่อยากยุ่งด้วย ปล่อย ๆ เขาไปเถอะ

มีคำสั่งสอนที่พูดกันมานานว่า ต้องอยู่ให้คนอิจฉา อย่าอยู่อย่างน่าสงสาร หมายความว่าคนที่ประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง มั่งคั่ง มีฐานะมีตำแหน่ง มีเกียรติยศชื่อเสียง คนมักจะอิจฉาตาร้อนริษยานินทาว่ากล่าว น่าหมั่นไส้ แต่คนที่ยากจนข้นแค้นต้อยต่ำ ไม่มีฐานะตำแหน่งชื่อเสียงเกียรติยศ หมดสภาพ แก่หงำเหงอะ เลอะเลือน คนเขาก็จะสมเพชเวทนา ช่างน่าสงสารเสียจริง เป็นมนุษย์จึงต้องอยู่ให้คนอิจฉา อย่าให้คนสงสาร นายวันชัยระบุ

นายวันชัย ระบุต่อว่า คุณเฉลิม ออกมาคราวนี้ เสียงก็เหือดแห้ง แรงก็โหยหา น้ำยาก็หมด จะกระโชกโฮกฮากใส่ใครก็ไม่มีใครเกรงกลัว หลานอุ๊งอิ๊งก็ยังดีดออก คุณทักษิณก็บอกว่าสงสารเขา เขาอายุเยอะแล้ว คงไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ วันเวลามันฆ่าทุกสิ่งทุกอย่าง ฆ่าแม้กระทั่งดาวสภา ขุนศึกฝั่งธน ฉลามและเฉลิม ผมละสงสารจับใจ ว่าง ๆ ไปกราบหลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชค วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน บ้างก็จะดีนะ จะได้มีคนอิจฉา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top