Sunday, 25 May 2025
TheStatesTimes

‘ปลาหมอคางดำ’ กับ การรับมือสถานการณ์วิกฤต ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง กรมประมง ต้องหาความจริง!! ดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้ที่สร้างความเสียหาย

(27 ก.ค.67) ปลาหมอคางดำ (Blackchin tilapia) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Sarotherodon melanotheron Rüppell เป็น ปลาหมอ (ปลานิล) สายพันธุ์พื้นเมืองที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งแอฟริกาตะวันตก มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตกตั้งแต่มอริเตเนียไปจนถึงแคเมอรูน มีสีค่อนข้างซีดแตกต่างกัน เช่น ฟ้าอ่อน ส้ม และเหลืองทอง โดยปกติจะมีจุดสีเข้มตรงคางของปลาที่โตเต็มวัย จึงถูกเรียกว่า ‘ปลาหมอคางดำ’

‘ปลาหมอคางดำ’ สามารถทนต่อความเค็มสูงได้ และพบได้มากในบริเวณป่าชายเลน และสามารถอพยพไปยังน้ำจืด เช่น ลำธารตอนล่าง และน้ำเค็ม ในแอฟริกาตะวันตก ปลาชนิดนี้จะอาศัยอยู่ใน ทะเลสาบ น้ำกร่อยและปากแม่น้ำเท่านั้น และพบมากในป่าชายเลน ซึ่งจะรวมฝูงกันและหากินเวลากลางคืนเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะหากินในเวลากลางวันแต่ก็ไม่บ่อยนัก อาหารส่วนใหญ่จะเป็นหอยสองฝาและแพลงก์ตอนสัตว์ โดยจะกินอาหารด้วยการกัดกลืน 

การวางไข่จะเกิดขึ้นใกล้ชายฝั่งในน้ำตื้น ตัวเมียจะเกี้ยวพาราสีตัวผู้ ขุดหลุม และนำในการผสมพันธุ์ ในที่สุดตัวผู้จะตอบสนองในลักษณะค่อนข้างเฉื่อยชา แล้วคู่จะผสมพันธุ์กัน เป็นปลาที่ฟักไข่โดยใช้ปากของปลาตัวผู้ แต่ปลาตัวเมียสายพันธุ์หนึ่งในกานาก็สามารถฟักไข่โดยใช้ปากได้เช่นกัน ปัจจุบัน ‘ปลาหมอคางดำ’ ถูกจัดเป็นปลาพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (Invasive alien species) ในหลายพื้นที่อาทิ มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ดูเหมือนว่า ‘ปลาหมอคางดำ’ จะถูกนำเข้ามาโดยอาศัยการลักลอบนำเข้าจากการค้าสัตว์น้ำ มีข้อสงสัยว่ามีการปล่อยปลาเหล่านี้โดยเจตนา ในบางพื้นที่พบ ‘ปลาหมอคางดำ’ คิดเป็น 90% ของค่าชีวมวลของปลาทั้งหมด ในมลรัฐฮาวายเรียกปลาชนิดว่า "ปลาหมอน้ำเค็ม" เนื่องจากปลาชนิดนี้สามารถอยู่รอดและขยายพันธุ์ได้ในน้ำทะเลได้ ตามเกาะต่าง ๆ จะพบ ‘ปลาหมอคางดำ’ บริเวณชายหาดและในทะเลสาบรอบเกาะโออาฮูและรวมถึงเกาะอื่น ๆ ด้วย ‘ปลาหมอคางดำ’ ถือเป็นศัตรูพืชในคลองและอ่างเก็บน้ำในฮาวาย เพราะขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

ฟิลิปปินส์ ซึ่งเรียกปลาชนิดนี้อย่างไม่เป็นทางการว่ากลอเรียหรือติลาเปียง อาร์โรโย ตามชื่อของอดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย เนื่องจากปลาชนิดนี้มีขนาดเล็ก และมีเม็ดสีเข้มคล้ายไฝใต้ขากรรไกรล่าง ซึ่งคล้ายกับรูปร่างเตี้ยและไฝที่แก้มซ้ายของอดีตประธานาธิบดี เชื่อกันว่าในช่วงต้นปี 2015 มีลักลอบนำเข้า ‘ปลาหมอคางดำ’ เพื่อการค้า และแอบปล่อยสู่ธรรมชาติในแหล่งน้ำใกล้จังหวัดบาตานและบูลากัน ‘ปลาหมอคางดำ’ ถือเป็นภัยคุกคามต่อบ่อปลาเนื่องจากขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและกินพื้นที่รุกล้ำปลาชนิดอื่นโดยเฉพาะปลากะพงเลี้ยง ถูกพบในอ่าวมะนิลาเช่นกัน

สำหรับบ้านเรา ‘ปลาหมอคางดำ’ กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงที่มีการกล่าวถึงในสังคมโซเชียล ปลาชนิดนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำเข้า ไม่ว่าการหลุดรอดลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติจะเกิดจากใครก็ตาม กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน้าที่สืบสวนหาความจริง และดำเนินการตามกฎหมาย โดยการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อเจ้าพนักงานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้จะต้องมีผู้กระทำผิดที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งทางแพ่งและอาญา เนื่องจากพบการระบาดรุนแรงในหลายพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผู้เลี้ยงปลาและกุ้งจำนวนมากได้รับความเสียหาย รัฐบาลโดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศว่าจะกำจัด ‘ปลาหมอคางดำ’ ให้หมดสิ้น โดยมาตรการการกำจัดอย่างหนึ่งคือ การปล่อยปลาล่าเหยื่อ เช่น ปลากะพงขาวสู่ธรรมชาติเพื่อควบคุมจำนวนประชากรของ ‘ปลาหมอคางดำ’ ซึ่งต้องติดตามผลการดำเนินการดังกล่าวต่อไป

สำหรับประเทศที่ประสบปัญหาลักษณะนี้มากที่สุดในโลกได้แก่ สหรัฐอเมริกา เพราะชาวอเมริกันจำนวนมากที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลกๆ สัตว์หายาก แต่เมื่อเบื่อหรือเลี้ยงไม่ไหวแล้วแทนที่จะกำจัดทิ้ง กลับแอบปล่อยสู่แหล่งธรรมชาติ ทำให้ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมลรัฐฟลอริดา มีสัตว์พันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานสัตว์พื้นถิ่นในระบบนิเวศอยู่มากมาย หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้คือ ‘สำนักงานบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ’(United States Fish and Wildlife Service : USFWS หรือ FWS) หน่วยงานรัฐบาลกลางในสังกัดกระทรวงมหาดไทย จึงมีมาตรการต่าง ๆ ที่มีความทันสมัยในการจัดการกับทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน ตัวอย่างของสัตว์พันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในสหรัฐฯ ได้แก่ หอยแมลงภู่ Quagga และ Zebra สัตว์ฟันแทะ (Rodents) ปลาคาร์พหัวโต, สีเงิน, สีดำ และปลาคาร์พหญ้า (Bighead, Silver, Black และ Grass Carp) ซึ่งเป็นอันตรายต่อการประมง การพักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ โดยมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี ปลาพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานเหล่านี้เข้ายึดครองแหล่งที่อยู่อาศัยและคุกคามปลาสายพันธุ์พื้นเมือง และส่งผลกระทบต่อกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของชุมชนหลายแห่ง  

‘สำนักงานบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ’ จัดการกับปลาคาร์พพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานเหล่านี้ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญทำการวิจัยและให้ความช่วยเหลือด้านกลยุทธ์ ด้วยการพัฒนา “แผนการจัดการและการควบคุมสำหรับปลาคาร์ปหัวโต เงิน ปลาดำ และปลาคาร์พหญ้า ในสหรัฐอเมริกา” ซึ่งสามารถใช้เป็นพิมพ์เขียวระดับชาติในการจัดการปลาคาร์พพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานได้ ทั้งยังได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่สำคัญเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกิดจากช่วงชีวิตของปลาคาร์พพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในทุกช่วง (ไข่ ตัวอ่อน ลูกปลา และปลาตัวเต็มวัย) และปรับปรุงการตรวจจับตั้งแต่เนิ่น ๆ และมีกระบวนการตอบสนองที่รวดเร็ว

ปัญหาการระบาดของ ‘ปลาหมอคางดำ’ คนไทยทุกคนต่างมีส่วนเกี่ยวข้องได้รับผลกระทบทั้งสิ้น การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการระบุชนิดของสัตว์พันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานจึงเป็นสิ่งสำคัญ การช่วยเหลือในการตรวจจับตั้งแต่เนิ่น ๆ การตอบสนองอย่างรวดเร็ว และความตระหนักรู้ของคนไทยทุกคนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะเมื่อสัตว์สายพันธุ์ที่รุกรานระบาดแล้ว ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำจัดให้สิ้นซาก วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดจากสัตว์สายพันธุ์ที่รุกรานคือการป้องกันไม่ให้พวกมันเข้ามาในประเทศ เราท่านสามารถมีส่วนร่วมในการป้องกันสัตว์สายพันธุ์ที่รุกรานได้หลายวิธี อาทิ งดเว้นการเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ สัตว์หายาก แต่เมื่อเลี้ยงแล้วต้องระวังไม่ปล่อยให้พวกมันหลุดหนีไป เพราะสัตว์สายพันธุ์ที่รุกรานสามารถสร้างความเสียหายให้กับสัตว์พื้นเมืองและถิ่นที่อยู่ได้ เมื่อพวกมันหลบหนีหรือถูกปล่อยออกไป ต้องยอมมอบสัตว์เลี้ยงให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากไม่สามารถดูแลมันได้อีกต่อไป ให้ทำอย่างมีความรับผิดชอบ แหล่งข้อมูลที่ดีเยี่ยมอื่น ๆ สำหรับวิธีป้องกันการแพร่กระจายของชนิดพันธุ์รุกราน 

กระบวนการในการจัดการตาม “แผนการจัดการและการควบคุมสำหรับปลาคาร์ปหัวโต เงิน ปลาดำ และปลาคาร์พหญ้า ในสหรัฐอเมริกา” ของ ‘สำนักงานบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ’ เป็นเรื่องที่กรมประมงสมควรได้เร่งนำมาพิจารณาและศึกษาเพื่อปรับใช้เป็นแนวทางและการปฏิบัติในการจัดการ การควบคุม และการกำจัด ‘ปลาหมอคางดำ’ ให้มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป

บุรีรัมย์ - ร่วมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อม ปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

(26 ก.ค.67) ที่ผ่านมา ณ บ้านกึ่งวิถีเพื่อการสงเคราะห์ วัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท  หมู่ที่ 3 ตำบลหนองปล่อง อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ นายโชคชัย  สว่างรัตน์ นายอำเภอชำนิ มอบหมายให้ นางสาวสุนันทา ละเอียด ปลัดอำเภอชำนิ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี กิจกรรมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว และ โครงการ ร่วมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ร่วมกับ พระครูปลัดวิชาญ ธัมมฺโชโต ดร. เจ้าอาวาสวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท อาจารย์ วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม นายสุนทร ฉายโอภาส ที่ปรึกษาประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม นายชัยสิทธิ์ เครือสูงเนิน ผอ.สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง จิตอาสาพระราชทาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมหน่วยงานรายการกับผู้ที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ อาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่ายภาครัฐบาล และเอกชน  ประชาชนทั่วไป จำนวน100 คน

นายชัยสิทธิ์ เครือสูงเนิน กล่าวว่า ในนามของผู้เข้าร่วมโครงการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ร่วมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา๖ รอบ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง และอาสาสมัครคุมประพฤติอำเภอชำนิ จัดขึ้นในครั้งนี้

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่๒๘ กรกฎาคม๒๕๖๗ รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมการแสดงพลังความดีของกลุ่มผู้ต้องขังและผู้กระทำผิด ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเป็นลักษณะงานบริการสาธารณะการดูแลรักษา และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม๒๕๖๗ 

เพื่อให้ผู้ที่เคยกระทำผิดได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ดี มีคุณค่า และเป็นประโยชน์การชดเชยความผิดที่เคยได้กระทำมาแล้วให้กับสังคม กรมคุมประพฤติ เป็นหน่วยงานหนึ่งในกลุ่มภารกิจด้านการพัฒนาพฤตินิสัยของกระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชนให้กลับตนเป็นพลเมืองดี การทำงานบริการสังคมหรือการทำงานสาธารณประโยชน์เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ศาลกำหนดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในลักษณะงานที่มุ่งเน้นการแก้ไขฟื้นฟูและสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบต่อผู้อื่นและสังคมเพื่อชดเชยความผิดและความเสียหายที่ก่อขึ้น ซึ่งกรมคุมประพฤติได้จัดกิจกรรมทำงานบริการสังคมและงานสาธารณประโยชน์อย่างต่อเนื่องตลอดมา เพื่อปลูกจิตสำนึกให้ผู้ถูกคุมความประพฤติตระหนักและเห็นคุณค่าในตนเอง เกิดความภาคภูมิใจในการทำประโยชน์ให้แก่สังคม ตลอดจนก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้นสำหรับการจัดโครงการในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการฯประกอบด้วย จิตอาสาพระราชทาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้ที่อยู่ในความดูแลของสำนักงาน คุมประพฤติ อาสาสมัครคุมประพฤติ เครือข่ายคุมประพฤติ ภาคีเครือข่ายภาครัฐและ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป จำนวน ๑๐๐ คน

นางสาวสุนันทา ละเอียด  ปลัดอำเภอชำนิ เปิดเผยว่า ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการร่วมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอ ๒๘ กรกฎาคม๒๕๖๗ ที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง และคณะอาสาสมัครคุมประพฤติอำเภอชำนิ จัดขึ้นในครั้งนี้

ตามที่ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอได้รายงานวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการนั้น นับว่าเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งกรมคุมประพฤติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในกลุ่มภารกิจด้านการพัฒนาพฤตินิสัยขอกระทรวงยุติธรรม ที่มีภารกิจในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชนให้กลับตนเป็นพลเมืองดี โดยจัดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติทำงานบริการสังคมหรือการทำงาสาธารณประโยชน์ ด้วยการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกิจกรรมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ อันเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งกรมคุมประพฤติได้จัดกิจกรรมทำงานบริการ สังคมและงานสาธารณะประโยชน์ ในครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ดีในการปลูกจิตสำนึกให้ผู้ถูกคุมความประพฤติได้ตระหนักและเห็นคุณค่าในตนเอง ตลอดจนสร้างจิตสำนึก รักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดความภาคภูมิใจในการทำประโยชน์ให้แก่สังคม ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งโครงการนี้ ได้มีจิตอาสาพระราชทาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาษีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย อันเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นสถาบันกษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของชาติไทยเราสืบต่อมา

ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินโครงการฯ ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับ สังคมส่วนรวม และเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชน และขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ให้ความร่วมมือ และให้การสนับสนุนการจัดโครงการในครั้งนี้

‘กฟผ.’ พร้อมรับมือแหล่งก๊าซฯ JDA-A18 หยุดจ่ายก๊าซฯ 16 วัน มั่นใจ!! ไม่กระทบผู้ใช้ไฟฟ้าภาคใต้ เตรียมมาตรการรับมือไว้ 5 ด้าน

(27 ก.ค.67) กฟผ. เตรียมมาตรการ 5 ด้าน พร้อมรับมือการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) เพื่อซ่อมบำรุงประจำปี ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2567 ยืนยันไม่ส่งผลต่อการใช้ไฟฟ้าภาคใต้ พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคใต้ร่วมประหยัดพลังงานในช่วงเวลา 18.00-21.30 น.

นายณัฐวุฒิ ผลประเสริฐ รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า แหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ JDA-A18 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีกำหนดซ่อมบำรุงรักษาประจำปี ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2567 รวม 16 วัน ส่งผลให้ไม่สามารถส่งจ่ายก๊าซฯ ให้กับโรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม กฟผ. ได้วางแผนมาตรการรองรับ 5 ด้าน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในภาพรวม ประกอบด้วย

• ด้านเชื้อเพลิง สำรองปริมาณน้ำมันดีเซลที่โรงไฟฟ้าจะนะและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้ากระบี่ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในช่วงเวลาหยุดจ่ายก๊าซฯ รวมทั้งมีแผนรองรับหากการซ่อมบำรุงล่าช้ากว่ากำหนด

• ด้านระบบผลิต เตรียมโรงไฟฟ้าจะนะให้สามารถเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซล พร้อมประสานโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ในภาคใต้ให้มีความพร้อมเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า และสามารถรับไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียได้ทันทีในกรณีฉุกเฉิน 

• ด้านระบบส่ง ตรวจสอบสายส่งเชื่อมโยงจากภาคกลางมายังภาคใต้ สายส่งไฟฟ้าและอุปกรณ์สำคัญในพื้นที่ให้พร้อมใช้งาน รวมถึงงดการทำงานบำรุงรักษาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง

• ด้านบุคลากร จัดเตรียมทีมงานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเข้าแก้ไขสถานการณ์ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

• ด้านผู้ใช้ไฟฟ้า กฟผ. ขอความร่วมมือจากภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ร่วมกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลา 18.00-21.30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้

“กฟผ. พร้อมดำเนินการตามมาตรการรองรับการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA-A18 อย่างเต็มที่ และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้จะมีความมั่นคงและเพียงพอ ไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน” นายณัฐวุฒิ ผลประเสริฐ ได้กล่าวย้ำในตอนท้าย 

ครูชาวอเมริกัน เดือด!! แอปเปิลไม่น่ารัก ทำโฆษณาเหยียดหยาม ‘ประเทศไทย’ กระทบภาพลักษณ์ ทำให้ดูแย่ในสายตาชาวโลก ประกาศชัด ‘เปลี่ยนใช้ซัมซุงดีกว่า’

(27 ก.ค.67) ชาวโซเชียลแชร์วิดีโอคลิปของนายเดวิด วิลเลียม ครูสอนภาษาอังกฤษชาวอเมริกัน และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ซึ่งได้ออกมาวิจารณ์ภาพยนตร์โฆษณาของแอปเปิล (Apple) บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน ที่ถ่ายทำในประเทศไทย เพื่อฉายให้เห็นถึงฟังก์ชันการทำงานของระบบปฏิบัติการไอโอเอส ระบุว่า ตนรับไม่ได้และถามว่านายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมงานแอปเปิลเป็นอะไร เพราะชาวต่างชาติที่มาประเทศไทย บรรยากาศไม่ได้เป็นแบบในโฆษณา ตนชมโฆษณาแล้วสงสัยว่าเป็นประเทศไทยเมื่อ 50-70 ปีที่แล้วหรือไม่ ทำไมไม่แสดงให้เห็นถึงความทันสมัยในวันนี้ หากค้นหาใน Google จะพบว่าประเทศไทยทันสมัย โดยเฉพาะสนามบินที่ทันสมัยกว่าสนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเสียอีก หากค้นหาจะพบว่าสนามบินในไทยดีมาก จะหาสนามบินที่ดูเก่าแก่ที่สุดไปเพื่ออะไร

อีกฉากหนึ่ง เมื่อครอบครัวในคลิปขึ้นแท็กซี่ ยังจะหาแท็กซี่ที่มีสภาพเก่าแก่ ตนสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำในฐานะชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยมานาน ตั้งแต่อยู่ที่นี่ไม่ว่าจะขึ้นรถแท็กซี่กี่คัน ไม่เคยขึ้นแท็กซี่ที่ดูแย่กว่านี้ และโรงแรมที่ครอบครัวในคลิปเลือกมา น่าจะเป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุด จำเป็นหรือไม่ที่ต้องหาทุกอย่างที่ดูแย่ขนาดนี้ ตนกล้าพูดว่าทุกอย่างในคลิปนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของคนไทยในสายตาของชาวโลกดูแย่ที่สุด สิ่งที่แอปเปิลควรรู้ไว้ก็คือ ในเมื่อชาวต่างชาติอีกส่วนหนึ่งชอบเหยียดคนไทย จำเป็นหรือไม่ที่ออกมาซ้ำเติมคนไทยแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่น่ารักแม้แต่นิดเดียว

นอกจากนี้ ยังมีบรรดาผู้ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลในไทย หรือติ่งแอปเปิล ออกมาปกป้องและหาข้ออ้างว่า ไม่ใช่คลิปดูถูกประเทศไทย แอปเปิลพัฒนาไม่หยุด และอัจฉริยะไม่หยุด ลักษณะคลิปที่ถ่ายออกมาตั้งใจให้ดูย้อนยุค ย้อนสมัย อยากจะให้ดูว่าเป็นประเทศไทยเมื่อ 30 ปีก่อน ถ้าสังเกตดีๆ ถ้าจินตนาการของแอปเปิลคือประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ขอถามว่าสมาร์ทโฟนอย่างไอโฟน 15 (iPhone 15) ปรากฏในโฆษณานี้ได้อย่างไร ถามว่าในวันนั้นไอโฟนเกิดขึ้นมาบนโลกแล้วหรือยัง คำตอบคือไม่ ถ้าแอปเปิลรักคนไทยจริงๆ ให้เกียรติหรือเอ็นดูคนไทยจริงๆ จะไม่ทำคลิปแบบนี้แน่ๆ

เพราะภาพยนตร์ฮอลลีวูด ทุกครั้งที่ฉากในสหรัฐอเมริกาปรากฏออกมา สังเกตได้ว่าทำไมทุกเมืองดูดี ดูสะอาด ซึ่งความจริงสกปรกกว่านี้ และมีคนไร้บ้าน (Homeless) มากกว่านี้ แต่จุดสำคัญก็คือ ถ้าไปดูภาพยนตร์โฆษณาของแอปเปิลที่ถ่ายทำในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์กหรือชิคาโก ก็มีคำถามว่าทำไมบ้านตัวเองถึงดูดี ดูเท่ จากโฆษณานี้ทำให้ตนจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงแทน เพราะให้เกียรติคนไทยมากกว่า แต่สิ่งที่แอปเปิลจะต้องเข้าใจก็คือ ถ้าจะมาขายของให้คนไทย แล้วมาดูถูกคนไทย หรือทำให้คนไทยดูแย่มากในสายตาชาวโลก จะไม่อุดหนุนต่อไปแน่นอน

‘ทายาทยาหอมอยุธยา’ เปิดตัวสวมเสื้อ ‘พลังประชารัฐ’ โปรไฟล์ไม่ธรรมดา เคยลุยการค้า!! ในตลาดต่างประเทศ

(27 ก.ค.67) ประวิทย์ สุวรรณสัญญา คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงวัย 30 ปี ได้มีความตั้งใจที่จะรับใช้ประเทศชาติ ล่าสุดได้ก้าวเข้าสู่ถนนสายการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยการเข้าร่วมกับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ที่มุ่งมั่นจะทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน 

‘ประวิทย์ สุวรรณสัญญา’ เขาอาจจะเป็น ‘นักการเมืองหน้าใหม่’ แต่ในแวดวงของการทำธุรกิจแล้ว ‘เขาไม่ใช่มือใหม่’ แต่เขาคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของ ‘ยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก’ ที่วางจำหน่ายในตลาด มาอย่างยาวนานเกินกึ่งศตวรรษแล้ว

ในปัจจุบันตลาดยาไทยนั้น มียาหอมอยู่หลายตำรับ ‘ยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก’ นั้นเป็นยาไทยที่คนทั่วไปมักจะคุ้นชิน และเรียกขานว่า ยาหอมเครื่องบิน (บางคนเรียกเรือบิน) 

ซึ่งคุณประวิทย์ ทายาทสายตรงของผู้ให้กำเนิด ‘ยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก’ ก็ได้เผยว่า ยาหอมเครื่องบินลูกโลกนั้น เกิดขึ้นที่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ 69 ปีที่แล้ว โดยนายเช็ง แซ่โค้ว หมอยาจีน ที่ตั้งใจนำสมุนไพรจีนมาผสมกับยาหอมไทย จึงเกิดยาหอมเครื่องบินลูกโลกขึ้นมา ผลิตและจำหน่ายภายใต้ บริษัท สุวรรณโอสถ (โค้วเตี่ยหมง) จำกัด

“หลายคนถามว่าทำไมถึงต้องใช้ตราเครื่องบิน เรื่องนี้เตี่ยผม นายอนันต์ สุวรรณสัญญา ทายาทรุ่นที่ 2 เล่าให้ฟังว่า สมัยท่านได้เริ่มช่วยนายเช็ง ช่วงแรก ๆ นั้น เตี่ยพูดเสมอว่า ‘โลโก้’ เป็นสิ่งสำคัญ และท่านเป็นคนที่ชื่นชอบในเครื่องบินเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเดินทางได้ไปไกลทั่วโลก และสะดวกรวดเร็วกว่าเดินทางโดยเรือ ท่านจึงตั้งชื่อ เครื่องบินลูกโลก เพราะหวังอยากให้ยาของท่านได้ไปไกลทั่วโลก” คุณประวิทย์ เล่าให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจ

คุณประวิทย์ เล่าต่อว่า ปัจจุบันยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งใน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ยาดี ราคาไม่แพง มีติดตัวไว้ ดมก็สดชื่น ทานก็ชื่นใจ สามารถใช้ได้ทุกวัย ไม่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่มีความผูกพันกับยาไทย เพราะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก จึงขออาสาสืบทอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เป็นทายาทรุ่น 3 ที่จะต่อยอดและขยายตลาดยาหอม ไปยังไปต่างประเทศ

ซึ่งจะเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน เนื่องจากสมุนไพรไทย ได้รับการยอมรับอย่างสูงในต่างประเทศ และที่ผ่านมาก็มีการซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากกันอยู่แล้ว โดยมีแผนปรับแพ็กเกจให้ดูน่าใช้ทันสมัยมากขึ้น แต่สูตรยังเป็นสูตรตำรับเดิม เนื่องจากได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย

แต่กว่าจะถึงวันนี้ คุณประวิทย์ บอกว่า ช่วง พ.ศ. 2520 สมัยที่เตี่ยดูแลกิจการ เกิดไฟไหม้ร้านและยาเสียหายเกือบหมด เตี่ยใช้เวลาเป็นสิบปี กว่าจะยืนกลับมาได้ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำงานให้หนัก ประหยัดมากขึ้น ท่านจึงมีวันนี้ได้

นอกจากยาหอมแล้ว คุณประวิทย์ ก็ยังทำยาสมุนไพรพ่นแก้ปวด ครีมนวดบรรเทาอาการปวด ซึ่งต่อยอดธุรกิจ มาจากยาหอม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่หน้าจอมือถือนาน ๆ หรือคนวัยทำงาน พนักงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งทำงานจนเป็นออฟฟิศซินโดรม กลุ่มคนขับรถ รถรับจ้าง รถประจำทาง ซึ่งอาจจะมีอาการปวดเมื่อย จากการนั่งอยู่ในรถเป็นเวลานาน และรวมถึงกลุ่มนักกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา

‘ยาไทย ภูมิปัญญาไทย ยาดีไม่แพ้ชาติใดในโลก’

นี่คือ วิสัยทัศน์อันกว้างไกล ของ ‘ประวิทย์ สุวรรณสัญญา’ นักธุรกิจหนุ่มคนรุ่นใหม่ ที่วันนี้มีความตั้งใจ ขออาสา ทำงานรับใช้ พี่น้องประชาชนทุกคน

‘นักเรียนดี’ เปิดตัว งานนิทรรศการเมต้าเวิร์ส ในหลวงรัชกาลที่ 10 ‘King Rama X’ เพื่อให้ ‘พระราชกรณียกิจ’ ของกษัตริย์ผู้ปิดทองหลังพระ ได้เผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก

(27 ก.ค.67) ‘นักเรียนดี’ เปิดตัวงานนิทรรศการเมต้าเวิร์สในหลวงรัชกาลที่ 10 ‘King Rama X’ เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่สายตาคนทั่วโลกบน VR Metaverse เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยสามารถเข้าชมได้ผ่านแพลตฟอร์ม Spatial. io ซึ่งสามารถเข้าได้ผ่าน Website หรือ Mobile Application ทั้ง Oculus / IOS และ Android

โดยในงานแบ่งการจัดแสดงออกเป็น ‘6 ส่วน’ ตามธีมนิทรรศการดังนี้

1. โซนพระราชประวัติ
2. โซนพระราชกรณียกิจ
3. โซนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
4. โซนภาพวาดฝีพระหัตถ์
5. โซนพระราชกรณียกิจที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
6. โซนห้องภาพแห่งความทรงจำ

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชน

งานนิทรรศการเมต้าเวิร์สในหลวงรัชกาลที่ 10 ‘King Rama X’ จึงเป็นนิทรรศการที่พสกนิกรจะร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงปิดทองหลังพระและทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทยโดยเสมอมา

โดยท่านสามารถสมัครและ login เข้าไป จากนั้นค้นหา นิทรรศการ ‘Metaverse King Rama X’ หรือคลิกลิงก์ในโพสต์ตามลิ้งที่เราได้แนบไว้ หรือสแกน Qrcode แล้วท่านจะพบความประทับใจอันล้ำค่าที่พร้อมเผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก บน Spatiol. io ที่จัดทำกันโดยกลุ่มนักเรียนดี ได้แล้ววันนี้

เข้าไปชมงานที่ลิงก์นี้ได้เลยจ้า
> https://bit.ly/3Sr7vkG

'อัษฎางค์' อัดพวกนิ้วไม่ครบโยงหนัง 'สืบสันดาน' แซะสถาบัน ชี้!! แค่หามุมมาล้างสมองกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มคนที่ไม่รู้

(27 ก.ค.67) นายอัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ โดยระบุว่า ...

เมื่อคืนดู ‘สืบสันดาน’ ดูเกือบจบแล้วครับ

ผมว่า ดาราแสดงดี ขนาดตัวละครเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังแสดงได้ดีเลย โปรดักชันดี ดนตรีประกอบดี คือดูแล้วก็แอบดีใจว่า ละครไทยพัฒนามาไกลมาก

แต่ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควรคือ บทละคร ผมว่ายังทำไม่ถึง ยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่นิดหน่อย มีความไม่สมเหตุสมผล หรือทำให้เราดูแล้วว่า มันมาแบบนั้นแบบนี้ได้ยังไง

ถ้าเอาไปเทียบกับ ‘เลือดข้นคนจาง’ ซีรีส์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นละครแนวดราม่า ฆาตกรรม สืบสวน แย่งมรดก ซึ่งเป็นแนวใกล้เคียงกันแล้วเทียบไม่ติด เลือดข้นคนจาง บทละครดีมาก ซับซ้อน สมจริง
อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นซีรีส์ที่มีพัฒนาการที่ดี และก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

แต่ถ้าถามมาว่าชอบมั้ย ตอบว่า ส่วนตัวไม่ได้ชอบ ตามมาลองดูเพราะเห็นว่ากระแสแรงและมีข่าวเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กัน ก็ตามมาดูเพื่อหาความจริง

ส่วนตัวชอบการแสดงของชาย ชาตโยดม เป็นดาราที่สวมบทได้หลากหลายและมักตีบทแตก แต่เรื่องนี้เหมือนยังไปไม่ถึง ขาดอีกนิดนึง ถ้าจะโทษคงโทษผู้กำกับที่ได้ดารามากฝีมือแต่ดึงศักยภาพออกมาไม่หมด ตัวแสดงที่คิดว่าชอบคือ คนที่เป็นเมียเจ้าสัว ดูสภาพเป็นเด็กรับใช้จริง ๆ ซึ่งก็ต้องชมผู้กำกับ

อ่านมาถึงตรงนี้ อาจฟังดูงงๆ ว่าตกลงดีหรือไม่ดี ก็คงพูดให้หายงงว่า ส่วนตัวคิดว่า มันยังขาด ๆ เกิน ๆ บางอย่างดี บางอย่างยังไม่ดี บางอย่างเกือบดี และไอ้ตรงที่ดีมากก็มี ไอ้ตรงที่อึดอัดไม่ดีเลยก็มี

นอกจากนี้ ถือว่าเป็นหนังราคะ ที่ดูฉากราคะแล้วคลื่นไส้ ถ้าเทียบกับหนังหรือซีรีส์ราคะฝรั่งแล้วฝรั่งจะทำสวยงามกว่านี้ และไม่ดูน่าคลื่นไส้

แต่ก็ถือว่าเป็นซีรีส์ไทยที่ตั้งใจทำออกมาได้ดี และดีกว่าละครไทยทั่วไป เพียงแต่ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงขั้นชอบ ผมว่าโดยรวมถือว่า เกือบดี แต่ตรงที่ว่ายังไม่ดี ผมว่ามันติดอยู่อีกนิดนึง ซึ่งก็น่าจะเป็นที่บท ดูแล้วอึดอัด แต่ยังไงก็ยังคงชื่นชมในความพยายามที่จะทำให้ดี ปรับปรุงเรื่องบทละครอีกนิดจะดีมาก

ทั้งหมดนั้นเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ เชื่อว่ามีคนจำนวนมากเห็นต่างจากผม คือส่วนใหญ่น่าจะชอบและมองว่าดีแล้ว

ส่วนประเด็นที่วิจารณ์กันว่า เป็นละครแซะสถาบัน ผมก็พยายามดู แต่ยังไม่หาเจอว่ามีเนื้อหาแบบนั้นเลย หรือว่าผมยังดูไม่ถึงตรงนั้น ใครเจอว่าอยู่ตรงไหน ช่วยบอกหน่อยครับ

แต่ผมว่า ซีรีส์เขาทำมาดีแล้วแต่มีคนนิ้วไม่ครบคิดไปเอง โยงไปเองมากกว่ากระมัง

เพราะผมมักไปเจอเรื่องราวที่ปกติ เช่นประวัติศาสตร์ วรรณกรรม เรื่องสั้น ที่เราเคยอ่านมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่คนมีนิ้วไม่ครบ ก็เอามาเล่าใหม่ เขียนกันใหม่ให้มันไม่ปกติ ด้วยการโยงเพื่อแซะกร่อนสถาบันหรือโยงไปเรื่องความไม่เท่าเทียม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เยอะมาก เพื่อเอามาล้างสมองกลุ่มคนที่เปราะบางหรือกลุ่มคนที่ไม่รู้

‘เศรษฐา’ โพสต์ข้อความผ่าน X เผย ‘นโยบายฟรีวีซ่า’ ทำท่องเที่ยวฟื้นตัว ชี้!! ยอดนักท่องเที่ยว ‘อินเดีย-ไต้หวัน’ พุ่งสูง คาดสิ้นปีนี้ มีทะลุ 2 ล้านคน

(27 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า … 

ปีนี้นักท่องเที่ยวไต้หวัน และอินเดียเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทำสถิติสูงสุดเมื่อเทียบจากจำนวนนักท่องเที่ยวหลังโควิด และมีแนวโน้มจะสูงกว่าปี 2019 ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเรามีมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวัน โดยการขยายระยะเวลาพำนักเป็น 60 วัน (เริ่มไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 และขยายโครงการไปจนถึงวันที่ 11 พ.ย. 67) ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนกำลังทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพียงครึ่งปี 2024 เราดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดใหญ่อย่างอินเดียได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้

นายเศรษฐา ยังได้ระบุอีกว่า เรายังเดินหน้าขยายเวลาการพำนัก 60 วัน ให้อีก 93 ประเทศ เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายต่อหัวสูงด้วย ขณะที่ทาง ททท. ก็เตรียมกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศตลอดทุกเดือนด้วย ขอให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเตรียมตัวให้พร้อม วันนี้ประตูบานใหญ่ของประเทศไทยเปิดแล้ว

'พล.ต.ท.นิธิธรฯ' ชมเชยการตัดสินใจแห่งชีวิต ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริปฏิบัติหน้าที่แข่งกับเวลา ส่งต่อหัวใจดวงที่ 100 ให้แก่ผู้รับบริจาคได้สำเร็จทันเวลา อีก 8 นาที ครบ 4 ชั่วโมง เดตไลน์ในการต่อชีวิต

(27 ก.ค.67) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ชมเชยตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ในการวางแผนและการตัดสินใจในการนำส่งอวัยวะหัวใจดวงที่ 100 ให้แก่ผู้รับบริจาค ซึ่งประสบปัญหาสภาพการจราจรทางอากาศคับคั่งทำให้เครื่องบินดีเลย์ และอีกทั้งสภาพการจราจรที่หนาแน่นในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเวลาค่ำของวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยอวัยวะหัวใจดังกล่าวนำส่งถึงทีมแพทย์ที่รอทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ โรงพยาบาลศิริราช ได้อย่างทันเวลา 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 15.50 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ได้รับแจ้งว่ามีภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจดวงที่ 100 จากจังหวัดพิษณุโลก โดยเครื่องบินพาณิชย์โดยสาร มาลงยังสนามบินดอนเมือง เพื่อนำส่งไปให้กับผู้รอรับบริจาค ณ โรงพยาบาลศิริราช โดยทีมแพทย์แจ้งว่า หัวใจที่ได้รับการบริจาคดวงนี้ได้รับการผ่าตัดออกจากร่างของผู้บริจาคในเวลา 16.00 น. ซึ่งอวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย นั่นหมายความว่าอวัยวะหัวใจดวงนี้ต้องส่งถึงมือศัลยแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช ในเวลาไม่เกิน 20.00 น. พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) จึงได้นำกำลังตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริรุดไปยังสนามบินดอนเมืองเพื่อรอปฏิบัติภารกิจดังกล่าว โดยมีทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลศิริราชที่รอรับอวัยวะหัวใจ ร่วมกันวางแผนการนำส่งเพื่อให้ถึงทีมศัลยแพทย์ที่รอทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ได้ทันในเวลา 20.00 น.

แต่เนื่องจากปัจจัยของสภาพการจราจรทางอากาศทำให้เที่ยวบินนี้เกิดความล่าช้า มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองในเวลา 19.22 น. ระยะทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงโรงพยาบาลศิริราช 33 กิโลเมตร ด้วยสภาพการจราจรในเวลาดังกล่าวต้องใช้เวลาประมาณ 50 นาที หากเดินทางด้วยรถพยาบาล พ.ต.ท.ทศพร กลีบแก้ว รอง ผกก.2 บก.จร. จึงได้เสนอว่าหากนำส่งด้วยรถจักรยานยนต์จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น พ.ต.อ.จิรกฤตฯ เป็นผู้รับกล่องบรรจุอวัยวะหัวใจดวงนี้จากทีมแพทย์ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของ พ.ต.ต.พีรวุฒิ ใหม่อ่อง สว.งาน 2 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร (ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ) โดยมีตำรวจจราจรทางด่วนและตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ นำทางและอำนวยความสะดวกจราจร โดยทุกคันจำเป็นต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูง ด้วยภารกิจนี้มีชีวิตเป็นเดิมพัน พร้อมประสานกับตำรวจจราจรท้องที่ในเส้นทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงโรงพยาบาลศิริราช โดยใช้เวลา 18 นาทีถึงโรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 19.50 น. วิ่งเต็มสปีดส่งต่อให้กับทีมศัลยแพทย์หัวใจในห้องผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยในเวลา 19.52 น. ทันเวลาแบบฉิวเฉียด

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า การนำส่งอวัยวะหัวใจถือเป็นภารกิจที่สำคัญ เนื่องจากผู้บริจาคอวัยวะหัวใจ และครอบครัวของผู้บริจาค ยอมมอบบริจาคหัวใจ เพื่อส่งต่อโอกาสและชีวิตใหม่ให้กับผู้รอรับบริจาค ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งปลูกถ่ายให้ผู้รับ มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา ที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมืออย่างเต็มที่จากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ที่เปิดทางให้กับรถฉุกเฉินเมื่อได้ยินสัญญาณไซเรนท์ขอทาง โดยกรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 100 แล้ว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้ ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าการผ่าตัดเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในกระบวนการสังเกตอาการของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลศิริราช ทราบในเบื้องต้นว่าหัวใจของผู้บริจาคสามารถเข้ากันกับหัวใจของผู้รับบริจาคได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรทุกนายที่มีส่วนร่วมในภารกิจนี้ ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ รวมถึงตำรวจจราจรทุกท้องที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในเส้นทาง ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สมกับจิตวิญญาณของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง “สุภาพบุรุษจราจร” เพื่อยกระดับการบริการประชาชน และสร้างความเชื่อถือศรัทธา 

'อดีตทูตนริศโรจน์' วิจารณ์พิธีเปิดโอลิมปิก ขัดแย้งต่อการ 'รู้แพ้-รู้ชนะ-รู้อภัย' หลังฝรั่งเศสนำเรื่องราวทารุณกรรม พระนางมารีอังตัวเนตต์ มาแสดง

(27 ก.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า…

โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการนำเอาเรื่องราวของบุคคลในประวัติศาสตร์การเมืองที่ถูกประหารชีวิตอย่างทารุณกรรมด้วยการบั่นคอ เช่น พระนางมารีอังตัวเนตต์มาแสดงประกอบในพิธีเปิดงานมหกรรมกีฬา ที่เน้นเรื่องการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไม่เน้นความรุนแรง 

ใครจะมองว่าเป็น art อะไรก็ตาม แต่ผมมองว่ามันขัดแย้งกับ spirit ของการกีฬาของคนทั้งโลก !

กอปรกับเคยได้อ่านการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ว่า พระนางมารีอังตัวเนตต์ นั้น ถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคณะปฏิกษัตริย์อย่างบิดเบือน จนทำให้พระนางดูร้ายเกินจริงจนมากมาย เลยทำให้ภาพองค์รวมของพิธีเปิดโอลิมปิคปารีสเกมส์ดู drop ลง ! 

Spirit Of Sport Not Violence !

พร้อมกันนี้ นายนริศโรจน์ ยังได้กล่วเสริมอีกว่า "นำเสนอเรื่องราวต่างๆได้หมด แฟชั่น สถาปัตยกรรม ความศิวิไลซ์ ไม่เว้นแต่ความรุนแรงในประวัติศาสตร์ของชาติตัวเอง...ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่นำเสนอคือ การเข้าไปยึดครองประเทศอื่นเป็นอาณานิคมด้วยวิธีการเจ้าเล่ห์เพทุบาย เข้าไปสร้างความแตกแยกในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในอินโดจีน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top