Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

'ผลสำรวจ' ชี้!! คนไทยอยากทำธุรกิจลดลง พบเกินครึ่ง!! 'กลัวเจ๊ง-ล้มเหลว-ขาดทุน'

(9 ก.ค. 67) ไม่นานมานี้ ผลสำรวจของกรุงเทพโพลล์ร่วมกับคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เรื่องคนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ประจำไตรมาสสองของปี 2567 โดยเก็บข้อมูลประชาชนทั่วไปจำนวน 1,228 คน ในช่วงวันที่ 18-28 มิ.ย.2567 (เปรียบเทียบกับผลสำรวจก่อนหน้านี้ในเดือน มี.ค.67) พบประเด็นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้...

- ร้อยละ 43.9 เห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในอนาคตมากที่สุด ลดลงร้อยละ 8.4 จากการสำรวจครั้งก่อน

- ร้อยละ 38.7 มีความรู้ ความสามารถ รวมถึงทักษะ และประสบการณ์ที่จำเป็นในการที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ลดลงร้อยละ 5.9 จากการสำรวจครั้งก่อน

- ร้อยละ 59.9 ไม่อยากลงทุนทำธุรกิจเพราะกลัวความล้มเหลว เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากการสำรวจครั้งก่อน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 50.4 กลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน รองลงมาร้อยละ 45.1 บอกปัญหาข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง, ร้อยละ 43.6 ไม่มีเงินทุนมากพอ, ร้อยละ 31.1 บอกน้ำมันเชื้อเพลิงต่าง ๆ ราคาสูงขึ้น และ ร้อยละ 27 บอกขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ

'อาจารย์ มช.' เตือน!! อย่า #Saveทับลาน จนลืมมองมุมทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน ชี้!! ผืนดินทำกินต่างหากที่ถูกเฉือนไปเซ่นป่าอนุรักษ์มานานแล้วหลายสิบปี

(9 ก.ค.67) ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ระบุทางเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีสังคมให้ความสนใจและถกเถียงการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี จ.นครราชสีมา และ จ.สระแก้ว (ปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จากการสำรวจแนวเขตเมื่อปี พ.ศ.2543 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566) ทั้งนี้ หากโหวต ‘เห็นด้วย’ จะเป็นการยอมรับการเพิกถอนพื้นที่ อช.ทับลาน 265,000 ไร่ ถ้า ‘ไม่เห็นด้วย’ คือการไม่ยอมรับการเพิกถอนพื้นที่ อช.ทับลาน 265,000 ไร่

พร้อมกันนี้ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ยังกล่าวถึงรายงานข่าวที่อ้างถึงคนในพื้นที่เห็นด้วยกับแนวเขตใหม่ อช.ทับลาน

ศ.ดร.ปิ่นแก้วระบุว่า สิ่งที่พวกกลุ่มอนุรักษ์ตั้งใจไม่พูดถึงคือ อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง จัดตั้งโดยไม่เคยสนใจที่จะสำรวจและกันพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่อยู่มาก่อนออกก่อนที่จะประกาศเป็นเขตป่า สนใจแต่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากเข้าไว้ แต่ไม่สนสี่สนแปดว่า ป่าที่จัดตั้งขึ้นนั้นไปแย่งที่ทำกินของใครเขามาบ้าง กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง เผชิญหน้าระหว่างรัฐกับชุมชนเรื้อรังมานานหลายทศวรรษ อุทยานแห่งชาติทับลาน ก็เช่นกัน

การใช้วาทกรรม ‘ผืนป่าที่ถูกเฉือน’ ของกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่ม จึงเป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปั่นกระแสเขียวตกขอบในหมู่ชนชั้นกลางอย่างจงใจ ทั้งที่ในความเป็นจริง ผืนดินทำกินของชาวบ้านต่างหากที่ถูกเฉือนไปเซ่นป่าอนุรักษ์มานานหลายสิบปี อุทยานประกาศปี 2524 ชาวบ้านบางกลุ่มอยู่กันมาตั้งแต่ก่อนปี 2515 ด้วยซ้ำไป แบบนี้ไม่เรียกว่าอุทยานบุกรุกที่ชาวบ้าน จะให้เรียกว่าอะไร

การใช้ข้ออ้างเรื่องกลัวกลุ่มทุนจะมาฮุบที่เหมาเข่ง ดังนั้น จึงไม่ควรเพิกถอนป่าที่ไปแย่งชาวบ้านเขามา และคืนสิทธิให้กับเจ้าของที่ดินที่อยู่มาก่อน จึงเป็นตรรกะที่วิบัติมาก

ที่น่าแปลกคือ สื่อส่วนใหญ่ก็พากันไปกับกระแสเขียวตกขอบ แทบไม่เห็นสื่อไหนที่เสนอข้อเท็จจริงจากชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากข่าวนี้

'แม่ฆาตกรชิงทองที่เชียงใหม่' ยอมรับ!! เลี้ยงลูกผิด 'ให้เล่นเกมแต่เด็ก-ดูหนังฆาตกรรม' เคยเตือนให้ลด แต่ลูกไม่ฟัง

(9 ก.ค.67) บรรยากาศที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว นายนิพิฐพนธ์ ผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุชิงทอง โดยเจ้าหน้าที่ยังคงควบคุมตัวนายนิพิฐพนธ์ อยู่ในห้องคุมขังและอยู่ระหว่างการนำตัวออกมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของ สภ.แม่ปิง (เหตุชิงทอง) ก่อนจะส่งตัวผู้ต้องหาต่อไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในกรณีฆ่าคนตาย

โดยเช้าวันนี้พ่อและแม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาที่ สภ.แม่ปิง เพื่อมาเยี่ยมลูกชาย ที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องคุมขัง ซึ่งทีมข่าวได้พูดคุยกับแม่ผู้ก่อเหตุให้ผู้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมากกับการกระทำของลูก เพราะลูกเป็นคนที่ดีสำหรับตน และในสายตาของตนลูกนั้นยังเด็กและลูกนั้นไม่เคยดื้อ

ยอมรับว่าตนเลี้ยงลูกผิด ตรงที่ให้ลูกเล่นเกมตั้งแต่เด็กและลูกติดเกมมาก รวมถึงลูกชอบดูหนังที่เป็นลักษณะของการวางแผนฆาตกรรม และหนังที่มีเนื้อหาที่รุนแรง ซึ่งเรื่องนี้ตนก็เคยคุยกับลูกแล้ว ว่าให้ลดพฤติกรรมแบบนี้ แต่ลูกก็ไม่เชื่อ

ส่วนการวางแผนการก่อเหตุของลูกนั้น คาดว่าลูกน่าจะเห็นจากในเกมและวางแผนการก่อเหตุตามรูปแบบของเกม แต่ตนยืนยันว่าลูกไม่เคยมีพฤติกรรมลักษณะรุนแรงหรือก้าวร้าวแสดงให้เห็นมาก่อน เพราะลูกจะเป็นคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด

ในฐานะที่ตนเป็นแม่อยากขอโทษฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยใจจริง และตนเองจะประสานครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อเข้าไปขอขมาผู้ตาย และญาติ ที่งานศพได้ด้วย ส่วนจะไปเมื่อไหร่ยังไงนั้น ต้องทาง จนท.ตำรวจประสานให้อีกครั้ง

ด้านพ่อของผู้ก่อเหตุวันนี้ได้นำข้าวมาให้กับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเมนูข้าวเหนียวไก่ย่าง ของโปรดของลูกชาย เมื่อเดินมาถึงที่หน้าห้องควบคุมผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้าวจากพ่อและนำไปมอบให้กับผู้ก่อเหตุภายในห้องคุมขัง ก่อนพ่อของผู้ก่อเหตุจะเดินออกไป

โดยพ่อของผู้ก่อเหตุได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ปัญหาเรื่องเงินลูกชายทราบมาตลอด แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะทำแบบนี้ ซึ่งยอดที่ตนและภรรยาโดนโกงคือประมาณ 300,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (10 ล้านบาท) และก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ก็เคยโดนโกงคดีฟอเร็กซ์ไปประมาณ 2 ล้าน

ซึ่งเมื่อวานก่อนเกิดเหตุยังเจอลูกชาย ซึ่งลูกชายก็มีท่าทีปกติขับรถออกจากบ้านไป ตนคิดว่าไปหาเพื่อน และลูกก็กลับมาช่วงบ่าย ไม่ได้มีท่าทีเครียดหรือกังวลอะไร แต่ตนมาทราบภายหลังจากข่าวออกว่าลูกไปชิงทอง จึงได้ไปถามลูก ซึ่งลูกมีท่าทีนิ่งเฉยไม่ตอบอะไร และตนมารู้ภายหลังตอนเย็นว่าลูกไปฆ่าคนตายมาก่อน ยิ่งทำให้ตนรู้สึกหดหู่ใจ และเสียใจมาก

ไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุรุนแรงแบบนี้ เพราะปกติตนจะให้ลูกชายมานั่งสมาธิสวดมนต์ด้วยกันทุกวัน แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลูกชายไม่มานั่งสมาธิด้วยกัน บอกว่าเดี๋ยวนั่งเองในห้อง ตนไม่รู้ว่าลูกชายจะคิดวางแผนก่อเหตุแบบนี้

ตนจึงอยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย เพราะเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะตนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ และไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นด้วย

แอบทำกันเงียบๆ เอาป่าสงวนอุทยานทับลาน เข้าโครงการ One Map แน่ใจได้อย่างไร ว่าที่ดินจะตกถึงมือเกษตรกร ไม่ไปอยู่ในมือนายทุน?

จากกรณีที่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช บอกว่ายินดีรับฟังเสียงของประชาชน กรณี มติครม. จะเอาป่าสงวนอุทยานแห่งชาติทับลาน 265,286 ไร่ มาเข้าโครงการ One Map และยกที่ดินเข้าสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (สปก.) นั้น

หากลงในรายละเอียดแล้ว โครงการ One Map มีเป้าหมายให้ทุกส่วนราชการใช้แผนที่เดียวกันในการแก้ปัญหาข้อโต้แย้ง ที่เดิมต่างฝ่ายต่างมีแผนที่ของตัวเอง ซึ่งน่าจะเป็นผลดี แต่ในทางปฏิบัติเมื่อไปยึดสัดส่วน 1:4000 จึงก่อให้เกิดปัญหามีที่ดินเหลือ จึงจะยกให้ สปก.ไปจัดสรรให้เกษตรกรทำกิน 

แต่จะแน่ใจได้อย่างไร ว่าที่ดินจะตกถึงมือเกษตรกร ไม่ไปอยู่ในมือของนายทุน?

ในวงประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่ดินก็ตั้งข้อกังวลเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังจะเดินหน้าเพิกถอนพื้นที่บางส่วนของอุทยานแห่งชาติทับลาน เอาไปให้แจกจ่ายกัน

ประเด็นข้อสงสัยทำไมต้องยึดสัดส่วน 1:4000 เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าจะทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าไม้ไป 265,000 ไร่ ซึ่งตามหลักวิชาการ ต้องมีพื้นที่ป่าไม่น้อยกว่า 25% เมื่อหลายปีก่อนพบว่า เรามีพื้นที่ป่าไม่ถึง 18% เวลาผ่านมาหลายปี ไม่รู้ว่าเวลานี้เรามีพื้นที่ป่าเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์ 

เราจึงไม่ควรสูญเสียพื้นที่ป่าไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มีเพียบจะร่วมกันรณรงค์ไม่บุกรุกพื้นที่ป่า รณรงค์ให้ปลูกป่าเพิ่มขึ้น แต่ผู้ดูแลป่ากลับจะยกพื้นที่ป่าให้เอาไปทำลายกัน เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้ และไม่ต้องอ้างว่า ต้นเรื่องมาจากรัฐบาลก่อน ถ้าไม่เห็นชอบก็ยกเลิกได้ แค่มติ ครม.

น่าแปลกใจว่าเรื่องนี้ ‘แอบทำกันเงียบ ๆ’ มาโผล่เป็นข่าวเมื่อต้องทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นของประชาชน เสียงค้านจึงอื้ออึงขึ้นพร้อมกันทั้งประเทศ ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเอาพื้นป่าที่ดีที่สุดของชาติ ไปพัฒนาแบบผิด ๆ ป่าทับลานมีพื้นที่รวมกันถึง 1,398,000 ไร่ รัฐบาลจะเอาไปใช้ในชุดแรก 18.59%

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น มรดกโลกกำลังถูกคุกคามครั้งใหญ่ ประชาชนเริ่มออกมาปกป้องกันแล้ว ถ้าไม่ออกมาอาจจะสายเกินแก้ ผลงาน สปก.ที่นายทุนเอามาทำรีสอร์ท กว่า 400 แห่งยังไม่สามารถรื้อถอนได้ทั้ง ๆที่มีคำสั่งศาลให้รื้อถอนแล้ว นี่คือการสะสมปัญหาใหม่ชัด ๆ

จากความพยายามให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินไทยได้ถึง 99 ปีและยังจะให้ต่างชาติถือครองคอนโด ได้อีก 75% เรื่องนี้ยังไม่จบ จะมาเอามาทับลานไปพัฒนาอีกแล้วจะพัฒนาอะไรกันนักหนา ขยันผิดปกติไปหรือเปล่า?

ทรัพยากรป่าไม้ของเรา เหลือน้อยเต็มทีแล้ว อย่าให้ใครมาทำลายอีกเลย หาวิธีการแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นเถอะครับ

‘รัดเกล้า’ เผย!! ‘กสศ.’ เพิ่มเงินอุดหนุน ‘เด็กประถม-ม.ต้น’ รายหัว 1,200 บาทต่อปี ช่วยนักเรียนทุนเสมอภาค บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายแก่ ‘ครัวเรือนยากจน’

(9 ก.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ปีการศึกษา 2566 มีเด็กและเยาวชนในช่วงอายุ 3-18 ปีกว่า 1,025,514 คน ที่ไม่พบข้อมูลในระบบการศึกษา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 23-26 กรกฎาคม 2567 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จะได้ทยอยจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาคกลุ่มต่อเนื่องใน 6 สังกัดทั่วประเทศ จำนวนกว่า 8 แสนคน ซึ่งนับเป็นหนึ่งมาตรการสำคัญของรัฐบาลในการป้องกันการหลุดจากระบบการศึกษาของเด็กและเยาวชนจากครัวเรือนยากจนระดับรุนแรง โดยในปีนี้ เป็นปีแรกของการจัดสรรอัตราใหม่ตามที่ กสศ. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาระดับประถมศึกษา - มัธยมศึกษาตอนต้นจากอัตรา 3,000 บาท เป็น 4,200 บาท/คน/ปี และระดับชั้นอนุบาลคงเดิม อัตราจำนวน 4,000 บาท/คน/ปี  ซึ่งเงินอุดหนุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนค่าอาหารเช้าให้แก่กลุ่มนักเรียนทุนเสมอภาคเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนยากจน

สำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มที่มีความยากจนเสี่ยงหลุดจากระบบและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่  8 ก.ค.- 1 ส.ค. 2567 นี้ กสศ. ได้เปิดระบบทุนเสมอภาคให้สถานศึกษาบันทึกข้อมูลนักเรียนกลุ่มนี้เข้ามา (นร./กสศ.01) ผ่านระบบ cct.eef.or.th เพื่อคัดกรองความยากจนและให้ได้รับการช่วยเหลือ ในปีการศึกษา 2567 ภาคเรียนที่ 1 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษกลุ่มใหม่ได้รับความช่วยเหลืออีกราว 5 แสนคน ทำให้ในปีการศึกษา 2567 กสศ.จะสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงของนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษ ไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษารวมกลุ่มต่อเนื่อง ราว 1.3 ล้านคน

ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดพบนักเรียนที่มีความเสี่ยงหลุดจากระบบ และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ สามารถแจ้งกับโรงเรียนที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ หรือ โรงเรียนใกล้เคียงจุดที่พบ ใน 6 สังกัดดังนี้  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)  สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และกรุงเทพมหานคร เพื่อบันทึกข้อมูลเข้าในระบบเพื่อให้ได้รับช่วยเหลือจากทุนเสมอภาค ของ กสศ. ทั้งนี้ สามารถติดตามและสอบสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยที่ผ่านมา กสศ. ให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งสิ้น 1,200,161 คน และพบว่าทุนเสมอภาค ส่งผลให้นักเรียนทุนร้อยละ 95.95 ยังคงอยู่ในระบบการศึกษา

“นายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา สั่งการให้ทุกหน่วยงานเดินหน้ามาตรการ Thailand Zero Dropout ต้องไม่มีเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา พร้อมย้ำว่าเด็กและเยาวชนคือผู้กำหนดอนาคตของประเทศชาติ ทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถนั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และประเทศชาติ” นางรัดเกล้า กล่าว

ผู้ช่วยทูต กลับถิ่นสานสัมพันธ์ทัพเรือไทยมาเลเซีย แน่นแฟ้น

คณะผู้แทน ทร. โดยมี พล.ร.ต.เทพฤทธิ์ ลาภเหลือ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ อดีตผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และกำลังพล กองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ 2 นาย กรมการสื่อสารและสารสนเทศทหารเรือ 1 นาย กรมยุทธการทหารเรือ 2 นาย เดินทางไปร่วมประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้น ณ กองบัญชาการกองเรือดำน้ำ รัฐซาบาร์ ก.บอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย 

ผลการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นสอดคล้องที่จะเสนอเพื่ออนุมัติในการแลกเปลี่ยนการศึกษาและการฝึกตามแผน การเยี่ยมเยือนและจัดกิจกรรมของ ผู้บังคับบัญชา ประจำปี (golf top ten) ตามที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ทร.มาเลเซียยังได้เปิดให้เยี่ยมชม กองเรือดำน้ำ และหน่วยบิน UAV (SCAN EAGLE) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตามโครงการ MSI (Maritime Security Initiative) ที่ได้เคยหารือไว้จากการประชุมครั้งที่ผ่านๆ มา สรุปการดูงาน ประกอบด้วย

การเยี่ยมชมกองเรือดำน้ำ จัดให้ชมทั้งหมดประกอบ อาทิ กองบัญชาการ โรงงานซ่อมเรอดำน้ำ (ด.) และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด อาคารฝึกกำลังพล เครื่องฝึก simulator การดำ ห้องฝึกซ่อมบำรุงเครื่องกล ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ห้องฝึกการนำเรือ ห้องฝึก ศูนย์ยุทธการ อาคารฝึกการช่วยเหลือกำลังพล ด. Submarine escape เครื่องฝึกป้องกันความเสียหาย

โดยมีข้อมูลที่สำคัญคือ ขณะนี้ ทร.มาเลเซีย สามารถฝึกกำลังพล และซ่อมบำรุง ด. ได้เองทั้งหมดเกือบ100% โดยในระยะแรกสร้างอู่ โดยใช้เงินรัฐบาลและจ้างบริษัทฝรั่งเศส ดำเนินการซ่อมบำรุง แล้วค่อยๆ สร้างบริษัท ของมาเลเซียมาทดแทน จนในปัจจุบัน บริษัท ของมาเลเซียทดแทนได้ทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 10 ปี มีเพียงการ refit โปรแกรมทุก 7 ปี ที่ยังต้องมี บริษัท ฝรั่งเศสช่วยบางส่วน โครงสร้างกำลังพลกองเรือ ด. ประมาณ 200 กว่านาย อู่บริษัท เอกชน 200-300 นาย ปัญหา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องกำลังพล ที่ฝึกไม่ผ่าน หาคนมาอยู่เรือ ด. ยาก ตามนิสัยมีครอบครัวใหญ่และรักครอบครัวของคนมาเลเซีย และต้องมาอยู่ เกาะบอร์เนียว ที่ไกลบ้าน

การเยี่ยมชมหน่วยบิน UAV - scan eagle นั้น ได้จัดให้ชม อุปกรณ์ทั้งหมด การควบคุมและใช้งาน การซ่อมบำรุง ข้อมูลสำคัญ ไม่แตกต่างจาก black jack ใช้จากฐานบินฝั่งเป็นหลัก เพราะอุปกรณ์ปล่อย และเก็บ UAV ใหญ่มาก ไม่สามารถเอาไปกับเรือที่ ทร.มาเลเซีย มีได้ แต่จะพัฒนาหารุ่นใหม่ ที่นำไปกับเรือได้ต่อไป เพื่อใช้ในพื้นที่ เกาะบอร์เนียวและ ทะเลจีนใต้เป็นหลัก

‘จ๊ะจ๋า พริมรตา’ เจอ ‘เด็ก 15 ปี’ คุกคาม ส่งกล้วยมาอวด ลองใช้ความอ่อนโยนตอบโต้ จนสุดท้ายขอโทษ-หยุดไปเอง

(9 ก.ค.67) คงถึงที่สุดแล้วจริงๆ ถึงทำให้ดาราสาว ‘จ๊ะจ๋า พริมรตา’ ถึงกับออกอาการโกรธได้ ต้องออกมาโพสต์ภาพและข้อความแฉ หลังถูกเด็ก 15 คุกคาม ส่งภาพของสงวนมาให้ดู ผ่านข้อความทางอินสตาแกรม

โดยระบุว่า "เอาจริงคนพวกนี้น่าสงสารนะคะ ว่ากันตรง ๆ เขาก็เป็นมนุษย์แบบเรา มีหัวใจ มีความรู้สึก แต่เหตุผลที่ทำให้เขาส่งอะไรแบบนี้มามันก็คงมีหลายอย่างเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ… นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอหรอกค่ะ เมื่อก่อนเคยทั้งด่า บลัฟกลับ เงียบใส่ แต่ก็เหมือนยิ่งกระตุ้นให้เขาทำมากขึ้น ๆ ลบแล้ว บล็อกแล้วก็มีมาอีกเรื่อย ๆ

ครั้งนี้จ๋าเลยคิดว่า…ลองใช้ความเมตตาตอบโต้เขาดูซิ อาจจะดูโลกสวยนะ แต่มันอาจจะแตกต่างจากคนอื่นแล้วกระตุกใจให้เขาหยุดคิดได้บ้าง… อืม เขาหยุดค่ะ เขาขอโทษ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำกับคนอื่นต่อไหม แต่ถ้าสิ่งที่จ๋าทำไปมันทำให้เขาคิดได้ไม่ทำอีก มันก็จะดีกับผู้หญิงอีกหลาย ๆ คน รวมถึงตัวเขาเองด้วย

เอามาแชร์ค่ะ ว่าครั้งหนึ่งเคยรับมือกับความหยาบคายด้วยดอกไม้ แทนการหันหลัง หรือโยนหินกลับไป…"

'อดีตทูตนริศโรจน์' หวั่น!! รัฐลำดับความสำคัญแบบกลับหัวกลับหาง ชี้!! มนุษย์โยกย้ายที่อยู่ได้ แต่สัตว์และป่าสงวนโยกย้ายที่อยู่ไม่ได้

(9 ก.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า…

เมื่อสักครู่ฟังข่าววิทยุ ภาครัฐก็พยายามพูดแต่เรื่องให้คำนึงถึงพื้นที่ทำมาหากินของชาวบ้าน 

ผมนี้ร้องเฮ้ยเลย เพราะนี่เท่ากับเรียงลำดับความสำคัญแบบกลับหัวกลับหางหมดเลย  

ในภาษาอังกฤษมีคำว่า Relocate คือการโยกย้ายหาพื้นที่ใหม่ ซึ่งมนุษย์สามารถทำได้ 

แต่กับป่าสงวนมัน Relocate ไม่ได้  !!

ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่ป่าสงวนมาก่อนเป็นสำคัญครับ 

ส่วนพื้นที่ทำมาหากินของมนุษย์เป็นหน้าที่ของภาครัฐต้องไปจัดสรรหาให้เขาใหม่ และต้องไม่ใช้พื้นที่ป่าสงวนเด็ดขาด !

#saveป่าทับลาน

'สส.เพื่อไทย-ปทุมธานี' ลั่น!! ถูกกล่าวหารีดส่วยรถบรรทุก แจง!! ปชช. เดือดร้อนจากการบรรทุกดิน จึงลงไปตรวจสอบ

(9 ก.ค.67) นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สส.เพื่อไทย ปทุมธานี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่มีการแชร์คลิปสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตน ในประเด็นส่วนรถบรรทุก โดยระบุว่า…

จากกรณีที่มีการแชร์คลิปที่มีเนื้อหาไม่ครบถ้วนทั้งเหตุการณ์ จงใจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผม 

1.เหตุการณ์ในคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลา 23:47 น. วันที่ 11 มีนาคม 2567 

2.ก่อนหน้านี้ทางผู้ใหญ่บ้าน ทางเทศบาล และผม ในฐานะ สส.ปทุมธานี ได้รับการร้องเรียนทางวาจา และเป็นลายลักษณ์อักษรจากประชาชนในพื้นที่ ประมาณ 30 ราย ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการบรรทุกดิน ทั้งผลกระทบจากฝุ่นละออง เสียงดังรบกวน และแรงสั่นสะเทือน จนทำให้บ้านเรือนประชาชนมีรอยแตกร้าว ชำรุดเสียหาย สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจ ไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ 

3.ผมในฐานะตัวแทนพี่น้องประชาชนชาว จ.ปทุมธานี ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมผู้ใหญ่บ้าน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งโทรศัพท์สอบถามข้อมูลไปยังนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ซึ่งเป็นบิดาว่าพื้นที่คลองหก ได้มีการขออนุญาตให้มีการบรรทุกดินหรือไม่ ซึ่งพบว่า ‘มีการขออนุญาตบรรทุกดิน’ แต่เป็นการกระทำการในยามวิกาล สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน อาจเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้

4.ต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม 2567 กลุ่มคนดังกล่าวหยุดดำเนินการ พร้อมขนย้ายอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ทั้งหมด 

5.คลิปที่มีการเผยแพร่นั้น ‘ถูกนำเสนอแค่บางช่วงบางตอน’ ในแคปชัน ยังมีการตั้งคำถามเชิงกล่าวหาว่า มีการรีดไถเงินหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริง คลิปดังกล่าวจงใจบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม

หากไม่ยุติการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จดังกล่าว ผมจะขอใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมาย และขอเรียกร้องให้ผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลนี้ หยุดการกระทำดังกล่าวด้วยครับ 🙏

‘ชาวบาร์เซโลนา’ เดือด!! ฉีดน้ำใส่ นทท. ประท้วงต่อต้านการท่องเที่ยวมวลชน หลังสร้างผลกระทบ ‘ค่าครองชีพพุ่ง-คุณภาพชีวิตคนท้องถิ่นถดถอย'

(9 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่ที่เมืองบาร์เซโลนาของสเปน หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

โดยชาวเมืองจำนวนมากได้ออกมาเดินขบวนผ่านพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวชอบมา และฉีดปืนฉีดน้ำใส่พวกเขา พร้อมตะโกนว่า “นักท่องเที่ยวกลับไป” ขณะที่ผู้ประท้วงบางส่วนถือป้ายที่มีข้อความเขียนว่า ‘บาร์เซโลนาไม่ได้มีไว้ขาย’ หรือ ‘การท่องเที่ยวมวลชนกำลังฆ่าเมืองของเรา’

การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านการท่องเที่ยวมวลชน (Mass Tourism) ในสเปน ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น

การประท้วงครั้งนี้เกิดจากกลุ่มองค์กรท้องถิ่นมากกว่า 100 องค์กร นำโดย Assemblea de Barris pel Decreixement Turístic (การชุมนุมของท้องถิ่นเพื่อความเสื่อมโทรมของการท่องเที่ยว)

ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ เฉพาะปี 2023 มีนักท่องเที่ยวแบบพักค้างคืนเดินทางมาภูมิภาคบาร์เซโลนาเกือบ 26 ล้านคน เกิดการใช้จ่ายเงิน 1.27 หมื่นล้านยูโร (ราว 5 แสนล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม Assemblea de Barris pel Decreixement Turístic กล่าวว่า นักท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้สินค้าขึ้นราคาและสร้างแรงกดดันต่อบริการสาธารณะ ในขณะที่ผลกำไรจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ถูกกระจายอย่างไม่ยุติธรรมและเพิ่มความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม

กลุ่มผู้ประท้วงได้เผยแพร่ข้อเสนอ 13 ฉบับเพื่อลดจำนวนนักท่องเที่ยวและเปลี่ยนเมืองสู่รูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงการปิดท่าเรือสำราญ กฎระเบียบที่พักนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม และการยุติการใช้จ่ายสาธารณะเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

ด้าน เจาเม คอลโบนี นายกเทศมนตรีเมืองบาร์เซโลนา เน้นย้ำมาตรการต่าง ๆ ที่เขาได้ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อลดผลกระทบของการท่องเที่ยวมวลชน รวมถึงการเพิ่มภาษีนักท่องเที่ยวต่อคืนเป็น 4 ยูโร (เกือบ 160 บาท) และการจำกัดจำนวนผู้โดยสารบนเรือสำราญ

เมื่อปลายเดือน มิ.ย. คอลโบนียังได้ประกาศว่า จะยุติการเช่าอะพาร์ตเมนต์สำหรับนักท่องเที่ยวภายในปี 2028 ด้วยการยกเลิกใบอนุญาตการเช่าระยะสั้นสำหรับอะพาร์ตเมนต์มากกว่า 10,000 แห่ง

มาตรการนี้จะช่วยทำให้ที่อยู่อาศัยมีราคาไม่แพงมากสำหรับผู้อยู่อาศัยระยะยาว หลังช่วง 10 ปีที่ผ่านมาค่าเช่าเพิ่มขึ้น 68% ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านเพิ่มขึ้น 38%

อย่างไรก็ตาม คอลโบนีถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า อนุญาตให้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงแฟชั่นโชว์ของ หลุยส์ วิตตอง เมื่อเดือน พ.ค. รวมถึงการแข่งขันเรือใบ America's Cup ที่กำลังจะมีขึ้น

การประท้วงลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวจากช่วงโควิด-19

แม้การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวอาจส่งผลดีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและผลกำไรของธุรกิจการบริการ แต่ก็มีข้อเสียที่น่าสังเกตเช่นกัน ได้แก่ เสียงรบกวนที่เพิ่มขึ้น มลพิษ การจราจร และความเครียดต่อทรัพยากร คุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่นลดลง และอื่น ๆ อีกมากมาย

นั่นทำให้ไม่น่าแปลกใจที่สถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น, เวนิส ฯลฯ เริ่มมีความคิดริเริ่มและข้อจำกัดที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อสู้กับการท่องเที่ยวที่มากจนเกินไป รวมถึงการขึ้นภาษีหรือค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว มาตรการกีดกันนักท่องเที่ยวที่มีปัญหา และการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top