Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

เมื่อ 'แก๊งสามกีบ' ถูกหลอก ติดคุกฟรี พรรค 'ซุกกระโปรงเด็ก' โดนคดี ติดคุกยาว

สังคมไทยในห้วงเวลานี้มีแต่ข่าว 'คนหลอกคน' ไม่จบไม่สิ้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีทั้งข่าวอดีตดาราสาวใหญ่ยืมเงินนางแบบแล้วไม่คืน จนลูกหนี้ออกมาทวงผ่านสื่อพร้อมทนายฝีมือเก๋า เมื่อเรื่องดังทำให้ผู้เสียหายในทำนองเดียวกันรายอื่น ๆ ปรากฏตัวอีกเพียบ และข่าวประธานมูลนิธิช่วยเหลือสังคมพัวพันการขาย 'วุฒิการศึกษา' เมื่อเรื่องดังอีกเช่นกัน เรื่องฉาว ๆ ที่เคยปกปิดไว้ จึงถูกเปิดเผยจากคนวงใน กลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน เปลือยให้เห็น 'สันดานดิบ' ของ 'คนดัง' ได้เป็นอย่างดี

ภาพสวย ๆ ที่เราเห็นในจอ ฉากหลังอาจจะไม่จริงเสมอไป

แต่ทั้ง 2 ข่าวก็แค่เป็นการ 'หลอกต้มผู้ใหญ่' ในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งจะเทียบไม่ได้เลยกับ 'การหลอกต้มเด็ก' ให้ไปติดคุก หรือต้องหนีคดี จนต้องหมดอนาคต กลายเป็นคนมีตำหนิติดตัวไปตลอดชีวิต 

อาชีพ 'คนต้มคน', 'นักต้มตุ๋น' หรือ 'จอมลวงโลก' ย่อมไม่ใช่คนดี แม้จะมีตรรกะพิสดารมาอวดอ้างในการกระทำของตนเองให้ดูว่าถูกต้อง แต่ก็ยากที่สังคมจะให้ราคา หรือไว้เนื้อเชื่อใจอีกต่อไป 

'เด็กสามนิ้ว' หรือ 'แก๊งสามกีบ' หลายคนถูกหลอกจากกลุ่มคนที่อวดอ้างว่าเป็น 'นักการเมืองรุ่นใหม่' คอยยุยง ปลุกปั่น ยกยอ สร้างภาพลวง ๆ หลอกเด็กใจถึงที่ยังคิดไม่เป็น และรู้ไม่เท่าทันเหลี่ยมเล่ห์ของ 'คนใจบาป' ให้เดินหน้ากระทำผิดกฎหมาย 112 เพื่อสั่นสะเทือนไปถึงสถาบันเบื้องสูงตาม 'เกมเนรคุณชาติ' ที่ตนเองวางแผนไว้ 

ถึงวันนี้ ทั้ง 'เด็กสามนิ้ว' ที่ถูกหลอกใช้ โดนคดี 112 จนติดคุกฟรีหลายคน ฝ่ายที่ 'ชักใยนรก' คอย 'ซุกกระโปรงเด็ก' อยู่ในที่ต่ำ ๆ ลับ ๆ มืด ๆ ก็กำลังจะเกมโอเวอร์บนศาลไม่น้อย 

บาปกรรมใดก็ไม่หนักหนาเท่ากรรมที่มาจากการหลอก 'ทำลายชีวิต' ผู้คน ให้ต้องติดคุกติดตะราง นั่นเพราะไม่ต่างจากการ 'ตายทั้งเป็น' ผลที่ตามมาก็มักจะจบลงในแบบเดียวกัน 

คนไทยที่คิดร้ายต่อสถาบัน ยังไม่พบว่าอยู่แบบสบายดีจนแก่ตาย 

อัปเดต ‘พ่อค้าหนุ่ม’ ไลฟ์สดขายรองเท้า 2 ปี คนดูไม่เกิน 5 คน ปัจจุบันชีวิตเปลี่ยน-ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ชาวเน็ตแห่ร่วมยินดี

(9 ก.ค. 67) ชาวเน็ตจำนวนมาก ต่างพากันแสดงความยินดีกับหนุ่มพ่อค้าไลฟ์สดขายรองเท้ามือสอง 2 ปี มีคนดูไม่เกิน 5 คน จนกลายเป็นคลิปไวรัลในโซเชียล

มีสื่อต่าง ๆ หลายสำนักมานำเสนอ ซึ่งปัจจุบันชีวิตของพ่อค้าดังกล่าวคือ นายไพลิน จ่อยสาครู หรือน้องปื๊ด เปลี่ยนไปอย่างมาก

ล่าสุด น้องปื๊ด ได้ออกมาอวดภาพบ้านหลังงามที่เพิ่งสร้างใหม่ได้อย่างสวยงามกว้างขวาง มีญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก

โดยเป็นภาพบรรยากาศพิธีขึ้นบ้านใหม่ มีการเชิญพระ มีญาติพี่น้องมาร่วมยินดี โดยเพจรองเท้ามือสองของแท้ P&N ได้โพสต์ภาพบรรยากาศพร้อมข้อความระบุว่า…

“วันนี้ฤกษ์ดี ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่แบบอีสานบ้านเรา ให้อยู่เย็นเป็นสุข สงบ บ้านนี้อยู่แล้วรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป ขอบคุณพี่ ๆ ที่ ซัปพอร์ตมาโดยตลอด

ขอบคุณพี่ชมพู่เพจ Kunchom เสื้อผ้าแบรนด์เนม จุดเริ่มต้นที่ทำให้มีคนรู้จักเยอะขนาดนี้ #ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีด้วย

‘แบงก์โลก’ เผย!! ‘รัสเซีย’ ขยับขึ้นสู่ประเทศที่มีรายได้สูง สวนทางความพยายามชาติตะวันตกคว่ำบาตรนานกว่า 2 ปี

(9 ก.ค. 67) เฟซบุ๊ก ‘Salika’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…ธนาคารโลกชี้การเติบโตทางเศรษฐกิจของรัสเซียสวนทางกับการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่กินเวลายาวนานกว่า 2 ปีแล้ว

การจัดอันดับรายได้ประชาชาติประจำปีของธนาคารโลกล่าสุด แสดงให้เห็นว่า รัสเซียได้เลื่อนระดับจากประเทศที่มีรายได้ ‘ปานกลางระดับบน’ ไปเป็นประเทศที่มีรายได้ ‘สูง’ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ธนาคารวัดรายได้มวลรวมประชาชาติ (GNI) ตามวิธีการย้อนหลังไปถึงปี 1989 และอัปเดตการจัดหมวดหมู่นี้ทุก ๆ วันที่ 1 กรกฎาคม โดยอิงตาม GNI ต่อหัวของปีปฏิทินก่อนหน้า รายได้วัดในหน่วยเทียบเท่ากับดอลลาร์สหรัฐ

“กิจกรรมทางเศรษฐกิจในรัสเซียได้รับอิทธิพลจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทหารในปี 2566 ในขณะที่การเติบโตยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการค้า (+6.8%) ภาคการเงิน (+8.7%) และการก่อสร้าง (+6.6%)” บล็อกของธนาคารโลกระบุ

“ปัจจัยเหล่านี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นทั้ง GDP ที่แท้จริง (3.6%) และ GDP เล็กน้อย (10.9%) และ GNI (ตามวิธีคำนวณ Atlas Method) ของรัสเซียต่อหัวเพิ่มขึ้น 11.2%” ธนาคารโลกกล่าวเสริม

การเติบโตทางเศรษฐกิจนี้เกิดขึ้นแม้หลังจากที่สหรัฐฯ และพันธมิตรเรียกเก็บมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหลายพันครั้งจากความขัดแย้งในยูเครน โดยระบุอย่างเปิดเผยว่าเป้าหมายของพวกเขาคือการทำลายเศรษฐกิจรัสเซียและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในมอสโก

“ไม่มีเศรษฐกิจใดในโลก แม้แต่จีน ที่สามารถทนต่อการรุกรานทางการเงินและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับรัสเซียได้” ศาสตราจารย์ Alexander Dynkin นักเศรษฐศาสตร์ชาวรัสเซียและประธานสถาบันวิจัยแห่งชาติ Primakov ด้านเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกับ The Economic Times

“เราพึ่งพาตนเองได้ในด้านทรัพยากรพลังงาน วัตถุดิบ และอาหาร เรามีตลาดแรงงานที่มีทักษะ วิทยาศาสตร์พื้นฐานของเราอยู่ในระดับโลก ระบบนวัตกรรมระดับชาติของเราประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาอำนาจอธิปไตยทางเทคโนโลยีและเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มที่ว่างอยู่”

ประธานาธิบดี Vladimir Putin ของรัสเซีย กล่าวถึงนักลงทุนที่งานประชุมเศรษฐกิจนานาชาติเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อเดือนที่แล้วว่า เศรษฐกิจรัสเซียกำลังเติบโตแม้จะมีการคว่ำบาตรจากนานาชาติอย่างหนัก และประเทศได้ขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย AP รายงาน

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัสเซียคือการต่อสู้ในยูเครน ซึ่งขณะนี้มีความสำคัญต่อรัสเซียในเชิงเศรษฐกิจพอ ๆ กับในทางการเมือง แบรนด์ระดับโลกส่วนใหญ่ก็หายไป หรือกลับมาทำธุรกิจใหม่ในคราบของแบรนด์รัสเซีย แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักในเชิงเศรษฐกิจสำหรับชาวรัสเซียส่วนใหญ่ โดยการใช้จ่ายของรัฐจำนวนมหาศาลสำหรับยุทโธปกรณ์ทางทหาร และการจ่ายเงินจำนวนมหาศาลให้กับทหารอาสาสมัคร ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแข็งแกร่ง

เศรษฐกิจของรัสเซียจะเติบโตต่อไปในปีนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ตามข้อมูลจากธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งยุโรป (EBRD) ในลอนดอน

EBRD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ของรัสเซียจะขยายตัว 2.5% ในปี 2024 และกลับมาอยู่เหนือระดับที่เห็นก่อนปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนในปี 2022 นั่นแสดงถึงการยกระดับครั้งใหญ่จากคำแนะนำก่อนหน้านี้ที่ 1.0% ที่ให้ไว้ในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ในขณะที่รัสเซียชดเชยผลกระทบของการคว่ำบาตรด้วยรายจ่ายมหาศาลสำหรับเครื่องจักรสงครามของตน แต่ยังคงชะลอตัวลงอย่างมากจากการเติบโต 3.6% ในปี 2566

“มันไม่สมจริงเลยที่จะคาดหวังว่าการคว่ำบาตรรัสเซียจะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจและการเงินครั้งใหญ่ ดังที่หลาย ๆ คนคาดหวังไว้” Beata Javorcik หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ EBRD กล่าวกับ AFP ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัสเซียได้ “มุ่งความสนใจไปที่เศรษฐกิจของตนไปที่ความพยายามในการทำสงคราม” เธอกล่าว “นี่กำลังนำไปสู่การเติบโตที่เร็วขึ้น” แต่ “การเติบโตนี้แปลไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้คนหรือเปล่า เป็นเรื่องที่น่าสงสัย” 

“การเติบโตของรัสเซียในระยะกลางจะต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในกรณีที่ไม่มีการคว่ำบาตร” เธอกล่าว

ทั้งนี้ ในการพิจารณาว่าประเทศใดมีรายได้สูง ประเทศนั้นจะต้องมีรายได้ประชาชาติ หรือ GNI (ผลรวมของรายได้ประเภทต่าง ๆ ของบุคคลในระบบเศรษฐกิจ ได้รับในฐานะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต ในรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ) มากกว่า 14,005 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจาก 13,845 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณก่อนหน้า การปรับค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ GDP deflators (ตัววัดค่าเฉลี่ยของระดับราคาของสินค้าทุกชนิดที่รวมอยู่ใน GDP) ของจีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และยูโรโซน

ธนาคารโลกกำหนดเศรษฐกิจของโลกไว้ 4 กลุ่มรายได้ ได้แก่ ต่ำ ปานกลางระดับล่าง ปานกลางระดับบน และสูง ซึ่งการจำแนกประเภทจะได้รับการอัปเดตทุกปีในวันที่ 1 กรกฎาคม

การแบ่งประเภทประเทศตามประเภทรายได้มีการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญตลอดช่วงเวลานับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980 โดยในปี 1987 พบว่า 30% เป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำ และ 25% เป็นประเทศที่มีรายได้สูง สำหรับปี 2023 ประเทศที่มีรายได้ต่ำลดเหลือ 12% และประเทศที่มีรายสูงถึง 40% ในหมวดผู้มีรายได้สูงเพิ่มขึ้นเป็น 40%

อย่างไรก็ตาม ขนาดและทิศทางของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก นี่คือไฮไลต์บางส่วนของแต่ละภูมิภาค

- 100% ของประเทศในเอเชียใต้ถูกจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำในปี 1987 ในขณะที่ส่วนแบ่งนี้ลดลงเหลือเพียง 13% ในปี 2023

- ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือมีส่วนแบ่งของประเทศที่มีรายได้ต่ำในปี 2023 (10%) สูงกว่าในปี 1987 ที่ไม่มีประเทศใดถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้

- ในละตินอเมริกาและแคริบเบียนสัดส่วนของประเทศที่มีรายได้สูงเพิ่มขึ้นจาก 9% ในปี 1987 เป็น 44% ในปี 2023

- ยุโรปและเอเชียกลางมีสัดส่วนของประเทศที่มีรายได้สูงในปี 2023 (69%) ต่ำกว่าปี 1987 (71%) เล็กน้อย

- นอกจากรัสเซีย แล้วยังมีอีก 2 ประเทศ คือ บัลแกเรียและปาเลา ที่ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีรายได้สูง

‘หนุ่มน้อยวัย 13 ปี’ มุ่งมั่นช่วยแกะสลักเทียนพรรษา วัดโบสถ์คงคาล้อม เผย ตนใฝ่ฝันอยากเป็น ‘ช่างแกะ’ ฝีมือดี เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น

เมื่อวานนี้ (8 ก.ค. 67) ที่วัดโบสถ์คงคาล้อม ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักของชาวบ้านที่ต่างพากันเร่งหล่อ และแกะสลักต้นเทียนพรรษา เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาประจำปี 2567 ที่เทศบาลตำบลโชคชัย จะจัดขึ้นในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ก่อนนำไปร่วมในงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาของจังหวัดนครราชสีมา ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค. 67

โดยขณะนี้ ขบวนต้นเทียนพรรษาของวัดโบสถ์คงคาล้อม มีความคืบหน้าไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากวัดแห่งนี้ ขาดหายจากงานแห่เทียนไปเกือบ 10 ปี โดยเพิ่งเริ่มต้นทำขบวนต้นเทียนพรรษาแทบทั้งหมด เพราะเพิ่งได้ช่างแกะสลักเทียนลูกหลานในหมู่บ้านกลับมาช่วย ภายหลังจากไม่มีช่างแกะสลักเทียนมานานหลายปีแล้ว แต่ที่สะดุดตาที่สุด คือ ช่างแกะสลักเทียนจูเนียร์ ที่มุ่งมั่นช่วยแกะเทียน และทำงานช่วยทุกอย่าง หลังเลิกเรียนมาก็รีบมาช่วยงานหามรุ่งหามค่ำทุกวัน

ต่อมาทราบชื่อคือ เด็กชายพัฒนศักดิ์ ต้องกระโทก อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี ช่างแกะเทียนจูเนียร์ ที่มีความมุ่งมั่น อยากให้ขบวนแห่เทียนของวัดดังกล่าว ได้มีโอกาสไปโชว์ในงานแห่เทียนพรรษาอีกครั้ง ภายหลังห่างหายไปนานกว่า 10 ปี

ทั้งนี้ เด็กชายพัฒนศักดิ์ ต้องกระโทก เปิดเผยว่า เห็นกิจกรรมแกะสลักเทียนพรรษามาตั้งแต่เล็ก ๆ และเคยมาช่วยหล่อเทียนกับวัดเกือบทุกปี ซึ่งก็ห่างหายไปกว่า 10 ปีแล้ว ที่วัดจะมีขบวนแห่เทียน ดีใจมากที่วัดกลับมาฟื้นฟูขบวนแห่เทียนอีกครั้ง ตนเองมีความใฝ่ฝันอยากเป็นช่างแกะเทียนที่มีฝีมือดี เพื่อจะได้มาสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่มีความสวยงาม และอยากเห็นคนรุ่นใหม่สนใจประเพณีวัฒนธรรม หวังสืบทอดรุ่นต่อรุ่น และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะงานแห่เทียนพรรษาอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา

ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า มอบเงินสนับสนุนสร้างขาเทียม ผ่านมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ รับมอบเงิน จำนวน 100,000 บาท จากนายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ณ  บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า  จำกัด ถ.บางพูน - รังสิต ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์และคณะได้มารับมอบเงินจาก ผู้บริหารบริษัทไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า เพื่อส่งต่อไปยังมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สำหรับใช้จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ในการผลิตขาเทียมให้แก่ผู้พิการยากไร้ทั่วประเทศ ในการจัดทําขาเทียมพระราชทานให้แก่คนพิการขาขาด เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ร่วมกับคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาลวุฒิสภา ทั้งนี้จะมีกิจกรรมการออกหน่วยขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 169 ณ จังหวัดนครปฐม ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-19 กรกฎาคม 2567 ณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารนี้

ทั้งนี้ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ขอขอบคุณผู้บริหารบริษัทไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัดเป็นอย่างสูงและขอร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการส่งต่อน้ำใจที่จะช่วยดูแลและตอบแทนสังคมไทย ให้ผู้พิการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามปณิธานของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมีพระเมตตาคุณอันล้นพ้นต่อพสกนิกรคนพิการที่ยากไร้ โดยมิได้คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ มอบขาเทียมฟรีให้ผู้พิการทุกคนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

สำหรับบริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ผู้บริจาคเงินสนับสนุนในครั้งนี้ เป็นสถานประกอบกิจการประเภทนำเข้าและจำหน่ายหลอดไฟและอุปกรณ์ให้แสงสว่างสำหรับยานพาหนะ ทั้งนี้ บริษัท ฯ ได้มีกิจกรรมในการช่วยเหลือผู้ยากไร้หรือประสบภัยในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อสาธารณะประโยชน์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังร่วมมือกับมูลนิธิการกุศลต่างๆ ในการบริจาคของ อุปโภคบริโภค รวมถึงสิ่งของที่จำเป็น ให้กับประชาชนในพื้นที่และนอกพื้นที่ เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นตามเจตนารมณ์ของบริษัท

ฮือฮา!! ‘เสือดาววัยรุ่น’ โผล่กลางถนนอุทยานแก่งกระจาน  สะท้อน!! ป่ามรดกโลกอุดมสมบูรณ์-เจ้าหน้าที่ดูแลเข้มงวด

(9 ก.ค.67) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.55 น. ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเดินทางลงจากหน่วย กจ.4 บ้านกร่าง ระยะทางประมาณ 1 ก.ม. ได้พบเสือดาว บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14 เมื่อประเมินจากลักษณะคาดว่าอยู่ในช่วงวัยรุ่น จากการสังเกตพบว่า เสือดาวตัวดังกล่าวมีลักษณะสมบูรณ์ ขนาดโตเต็มวัย ไม่มีอาการบาดเจ็บ ปรากฏตัวเดินอยู่บริเวณข้างทาง โดยไม่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นรถยนต์ จากนั้นได้เดินเข้าป่าลึกไป สร้างความตื่นเต้นแก่นักท่องเที่ยวที่พบเป็นอย่างมาก

เสือดาวที่พบเป็นเสือดาวที่มีขนาดโตเต็มวัย มักออกมาหากินในช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีรถนักท่องเที่ยววิ่งผ่านไปมา ซึ่งช่วงนี้เริ่มออกมาปรากฏตัวให้เห็นมากขึ้น เนื่องจากมีแหล่งน้ำแหล่งอาหารสมบูรณ์ ซึ่งการบันทึกภาพในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำวิจัยเป็นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่เสือดาวจะวิ่งและกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ทัน

และยังเป็นการตอกย้ำความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่ามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน ว่ายังมีสัตว์ป่าหายาก​ที่เราสามารถพบเจอได้หลายชนิด​ ทั้งนี้ สำหรับภาพดังกล่าวที่ถูกนำมาเผยแพร่ เพียงเพื่อต้องการให้ทราบถึงการทำงานปกป้องดูแลป่า และลาดตระเวนเชิงคุณภาพอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ ที่ป้องกันภัยคุกคามในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ ซึ่งการพบเสือดาวเป็นสัญญาณที่ดีที่จะช่วยอนุรักษ์​ และเป็นเหตุที่จะวางแนวทางอย่างไรให้คนจะอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน​ ต่อไป

ขอบคุณภาพ : คุณกิตติพงษ์​ งานจริง
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - Kaeng Krachan National Park

‘อภิศักดิ์’ ลั่น!! ไม่ได้เพิกถอนที่ดินป่าชั้นใน แต่เฉือนแค่รอบนอก เหตุเขตอุทยานไปทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน เรื้อรังกว่า 40 ปี

(9 ก.ค.67) จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดรับฟังความเห็นในการเพิกถอนพื้นทีอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งจะต้องเฉือนพื้นที่ป่า จำนวน 265,286.58 ไร่ ออกจากการเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งกรมอุทยานฯ เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม สามารถแสดงความคิดเห็นได้ผ่านเว็บไซต์ของอุทยาน ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ซึ่งกระแสโซเชียลต่างเคลื่อนไหวอย่างหนัก แห่ #saveทับลาน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุด ในโลกออนไลน์เฟซบุ๊กชื่อว่า Apisak Sukkasem หรือ นายอภิศักดิ์ สุขเกษม ตำแหน่งที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรรมการบริหารสัดส่วนภาคกลาง ที่สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย สนนท.ได้โพสต์ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวอีกแง่มุมหนึ่ง ระบุว่า…

'เรื่องป่าทับลานนั้น ไม่ได้เพิกถอนสภาพที่ดินอุทยานในป่าชั้นในที่เป็นแหล่งต้นน้ำหรือป่าที่สัตว์อาศัยอยู่นะครับ แต่เป็นการเพิกถอนแนวเขตที่อุทยานทับลานไปประกาศทับซ้อนกับที่ดินชาวบ้าน และที่ดินราชพัสดุครับ 260,000 กว่าไร่คือแนว ‘รอบนอก’ ที่เป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 2524'

'เรื่องเพิกถอนป่าทับลานที่เป็นดรามาอยู่ตอนนี้ หาข้อมูลที่มาที่ไปดี ๆ ก่อนไปลงชื่อคัดค้านนะครับ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปค่อนข้างมาก เป็นปัญหาเรื่องการประกาศที่อุทยานทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้านมาตั้งแต่ปี 2524'

‘ผู้โดยสารแอร์ไชนา’ ขึ้นเครื่องครั้งแรก พลาดเปิดประตูฉุกเฉิน  เข้าใจผิดว่าเป็นประตูห้องน้ำ คาด!! จ่ายค่าเสียหายเหยียบล้าน

ถือเป็นเหตุการณ์น่าระทึกใจอย่างยิ่ง เมื่อผู้โดยสารรายหนึ่งซึ่งขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก พลาดไปเปิดประตูฉุกเฉินโดยไม่ตั้งใจ ขณะตามหาห้องน้ำ ส่งผลให้เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ไชนา ต้องวุ่นวายทั้งลำ แต่เคราะห์ดีที่มันเกิดบนภาคพื้น มิเช่นนั้นมันอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ยากจะจินตนาการ

เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนที่เที่ยวบิน 2745 ของสายการบินแอร์ไชนา กำลังอยู่บนลานจอด ณ สนามบินฉือโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา

รายงานข่าวระบุว่า ผู้โดยสารหน้าใหม่เดินไปบริเวณท้ายเครื่องบินและเปิดประตูฉุกเฉินโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ทำให้ทางลาดฉุกเฉินสำหรับอพยพถูกเปิดใช้งาน

"ตอนที่ทางลาดฉุกเฉินกระเด้งออกมา แม้แต่พวกพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินก็ยังตกอกตกใจ" ผู้โดยสารรายหนึ่งชื่อว่า เฉิง เล่าถึงเหตุการณ์ ในขณะที่ภาพถ่ายบนสื่อสังคมออนไลน์จีน พบเห็นเครื่องบินจอดอยู่ตรงกลางลานบิน ในสภาพที่ทางลาดฉุกเฉินถูกปล่อยออกมาแล้ว

สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องพาผู้โดยสารทั้งหมดลงจากเครื่องบิน และเที่ยวบินก็ถูกยกเลิกไปในท้ายที่สุด 

"ผู้โดยสารหญิงรายนี้ถึงกับร่ำไห้ ตอนที่ได้ทราบว่าเธอจำเป็นต้องจ่ายเงินชดใช้ความเสียหาย" เฉิงบอก 

ขณะที่เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ คาดหมายว่าค่าใช้จ่ายสำหรับเปิดใช้งานประตูฉุกเฉินของเครื่องบิน อยู่ที่ราว 28,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านบาท) โดยผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายนี้ถูกตำรวจเข้าสอบปากคำหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม ในรายงานข่าวไม่มีการระบุตัวตนสตรีรายนี้แต่อย่างใด

เรื่องนี้ก่อความวิตกบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางส่วนตั้งคำถามและแสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อบกพร่องในการออกแบบประตูฉุกเฉิน ที่เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารหนึ่ง ๆ สามารถเปิดประตูฉุกเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจได้อย่างง่ายดาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติประชุมเตรียมความพร้อมรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร งานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

เมื่อวานนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร งานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานอนุกรรมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมด้วยผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้แทนกระทรวงคมนาคม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม กรมประชาสัมพันธ์ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมการแพทย์กรมสุขภาพจิต กรมเจ้าท่า กรมขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ การไฟฟ้าวัดเลียบ การประปานครหลวง สำนักเทศกิจ  สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย ร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลได้จัดมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีถวายเป็นราชสักการะ ธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม ในวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2567 เวลา 12.00 – 22.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย 26 ริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติ , การแสดงศิลปะวัฒนธรรม ดนตรีไทย ดนตรีสากลเฉลิมพระเกียรติ , นิทรรศการสวนแสง และชิม ช้อปอาหาร-ผลิตภัณฑ์ตลาดวัฒนธรรม 

สำหรับพิธีเปิดงานมีขึ้นในวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 เวลา 19.30 น. ณ ท้องสนามหลวง โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธี และก่อนพิธีเปิด เวลา 17.30-19.00 น. มีกิจกรรมการเดินริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ ประกอบด้วย ริ้วขบวน 26 ขบวน ที่มีทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ ข้าราชการ ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชนทั้งในกรุงเทพมหานครและภูมิภาคต่างๆ เข้าร่วมกว่า 2,800 คน โดยใช้เส้นทางถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่บริเวณแยก จ.ป.ร. เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งจะมีการใช้ช่องการจราจรบางส่วนในการเดินขบวน อาจส่งผลให้การจราจรมีความหนาแน่น ขอให้พี่น้องประชาชนหลีกเลี่ยงในห้วงเวลาและเส้นทางดังกล่าว

ส่วนการจัดการจราจรเส้นทางรอบท้องสนามหลวง ระหว่างการจัดงานมหรสพสมโภช 11 – 15 กรกฎาคม 2567 ประชาชนสามารถใช้เส้นทางเดิมได้ปกติ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน หรือขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง โดยขอให้ใช้เส้นทางอื่นเพื่อความสะดวกในการบริการจัดการจราจร 

การให้บริการประชาชนที่นำรถส่วนตัวมาในงาน ได้มีการจัดพื้นที่จอดรถไว้ที่ลานจอดรถท้องสนามหลวงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 12-15 กรกฎาคม 2567 รองรับได้ 400 คัน และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ยังได้จัดรถให้บริการรับ-ส่งประชาชนฟรี ตลอดงาน ตั้งแต่เวลา 12.00 - 22.00 น. จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่ อนุสาวรีย์ชัย-สนามหลวง , วงเวียนใหญ่-สนามหลวง , สายใต้ใหม่-สนามหลวง , หมอชิต-สนามหลวง และสนามหลวง -ท่าเตียน-ท่าช้าง  

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ทศมินทรราชา 72 พรรษา มหาวชิราลงกรณ” ตลาดวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ชมการแสดงเวทีย่อย (การแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้าน) และชมการสาธิต อาหารย้อนยุคและมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม วิจิตรตระการตาและตื่นตาตื่นใจกับสวนแสงเฉลิมพระเกียรติ “มหาทศมินทรราชา” ระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2567 ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ภายในงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

สมาคมแม่บ้านตำรวจมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ประสบภัยจากเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ เยาวราช

เมื่อวานนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 15.00 น. คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยคุณดรุณวรรณ พึ่งทรัพย์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจนครบาล และคณะแม่บ้านตำรวจนครบาล ลงพื้นที่วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร (วัดเกาะ) เพื่อนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยจากเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธ์วงศ์ เขตสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับเสียหายจำนวนมากไม่มีที่พักอาศัย และต้องการความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน 

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวว่า สมาคมแม่บ้านตำรวจขอเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ในการจัดหาสิ่งของที่จำเป็นพื้นฐานต่างๆ และสิ่งของที่ผู้ประสบภัยต้องการ มามอบให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้ และในอนาคต หากสมาคมแม่บ้านตำรวจสามารถช่วยเหลือในส่วนใดได้มากขึ้น ยินดีสนับสนุน และวันนี้สมาคมแม่บ้านตำรวจขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ท่าน ให้มีกำลังกาย กำลังใจ และขอเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจทุกนายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ อาจจะเหนื่อยแต่ทำเพื่อชุมชนของตำรวจท้องที่ และประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top