Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

‘อ.เทพมนตรี’ พ้อ!! หลังผู้คนแห่ ‘#Saveทับลาน’ เต็มโซเชียล แต่ ‘อุทยานฯ เขาพระวิหาร’ ถูกบุกรุกทำลาย ไร้คนเหลียว

(10 ก.ค.67) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Thepmontri Limpaphayorm’ โดยระบุว่า…

‘ทับลาน’ มีคนออกมาต่อต้านเพื่อสงวนรักษาป่า สัตว์และพันธุ์พืชแล้ว แต่ ‘อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร’ ถูกเขมรเข้ามาบุกรุกทำลายไม่มีใครออกมาช่วยอีกเลย

'รวมไทยสร้างชาติ' ยัน!! ไม่รับร่าง ‘สื่อลามกเสรี’ พร้อมจี้หน่วยงานเกี่ยวข้อง กวดขันสื่อลามกผิด กม.

(10 ก.ค. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ในฐานะรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ในการประชุมในวันนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ได้ร่วมประชุม 

ทั้งนี้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้จะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติหลายฉบับ โดยที่ประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ ดังนี้...

ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการห้ามทำร้ายร่างกายบุตรหลานและห้ามกลั่นแกล้งที่แสดงผ่านคำพูด (Bully) กับบุตรหลานในการเลี้ยงดูและสั่งสอนนั้น ที่ประชุมพรรคฯ มีความเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายหลายฉบับ อีกทั้งเกรงว่าจะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพในครัวเรือนของผู้ปกครองที่มีความเป็นส่วนตัวในครัวเรือน ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติม

นายพงศ์พล กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่สำคัญในการประชุม คือ การเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่มีสาระสำคัญคือการให้สื่อลามกที่มีนักแสดงอายุมากกว่า 20 ปีให้ถูกกฎหมาย ในที่ประชุม สส.พรรครวมไทยสร้างชาติล้วนแสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันคือไม่เห็นด้วย โดยทางพรรคฯ มีความเห็นว่า กรณีสื่อลามกในประเทศไทยถือว่าเป็นปัญหามาอย่างยาวนาน การทําให้สื่อลามกถูกกฎหมายจะเป็นจุดที่ยิ่งทำให้มีสื่อลามกผลิตเยอะมากขึ้น ทางพรรครวมไทย มีข้อเสนอแนะว่า ต้องเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้เอาจริงเอาจังกับการกวดขันสื่อลามกซึ่งผิดกฎหมาย เพื่อรักษาไว้ซึ่งศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีของประเทศ 

นอกจากนี้ทางพรรคจะมีการเสนอญัตติด่วน เกี่ยวกับการหาแนวทางการบริหารจัดการการดับเพลิงจากกรณีศึกษาเยาวราช เพื่อให้เกิดแผนปฏิบัติการในตลาด ชุมชนเก่าแก่ที่มีกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศเป็นการวางแผนแก้ไขปัญหาเชิงรุก เพื่อสร้างความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนถึงความมั่นคงปลอดภัยในครัวเรือน

ทั้งนี้ ในที่ประชุมของทางพรรคยังได้มีการแสดงความเห็นถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอื่น ๆ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ,ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ค้างจากการพิจารณาในสัปดาห์ที่ผ่านมา 

‘รัดเกล้า’ เผย ‘ดีอี-สธ.’ ลุยเดินหน้าระบบ ‘Health Link-MOPH Cloud’ ยกระดับ ‘ข้อมูลสุขภาพ’ คนไทย ให้เชื่อมโยงทั่วประเทศแบบไร้รอยต่อ

(10 ก.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบไร้รอยต่อ และอำนวยความสะดวกในการให้และใช้บริการภาครัฐให้กับประชาชน ถือเป็นหนึ่งนโยบายสำคัญของรัฐบาล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จึงได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผลักดันให้เกิดระบบเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ (Health Information Exchange -HIE) ระดับประเทศ โดยการพัฒนาระบบ Health Link และคลาวด์กลางด้านสาธารณสุข (MOPH Cloud) ขึ้นมา มีการกำหนดมาตรฐานกลางร่วมกับโรงพยาบาลในภาคี พร้อมผลักดันให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานสำคัญในแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อขับเคลื่อนการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระดับชาติ

รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ระบบ HIE เป็นระบบที่จะเชื่อมโยงและใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลประวัติสุขภาพและการรักษาระหว่างสถานพยาบาลทั่วประเทศ ให้ช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าถึงข้อมูล โดยต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ป่วยเท่านั้น รวมถึงในกรณีการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน (หมดสติ) ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและการส่งต่อ นอกจากนี้สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) (Big Data Institute: BDI) ดีอี และ สธ. ยังได้ร่วมกันวางแผนขับเคลื่อนการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระดับชาติ รวมทั้งกำหนดแผนปฏิบัติการ และกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพที่สามารถนำไปใช้พัฒนาระบบบริการสุขภาพทั่วประเทศ โดย ดีอี เริ่มจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร

นางรัดเกล้า กล่าวอีกว่า เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพที่สามารถนำไปใช้พัฒนาระบบบริการสุขภาพทั่วประเทศ โดยได้เริ่มดำเนินการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต่อด้วยจังหวัดนครราชสีมาในหน่วยบริการปฐมภูมิ และโรงพยาบาลนอกสังกัด สธ. จากนั้น ดีอี จะจับมือกับ สธ. ผ่านโครงการคลาวด์กลางด้านสาธารณสุข (MOPH Cloud) ขยายผลให้ครอบคลุมทุกหน่วยบริการ และจะผลักดันจังหวัดนครราชสีมาสู่การเป็นต้นแบบในการบูรณาการข้อมูลสุขภาพอย่างเป็นระบบ รวมถึงจัดทำแผนงบประมาณระยะยาว ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ยกระดับระบบสาธารณสุขไทยได้อย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน Health Link มีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ ประชาชนที่สนใจสมัคร Health Link ฟรีผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ หรือ ‘ThaID’ สามารถศึกษารายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ : https://healthlink.go.th/ ทั้งนี้ ขอเชิญร่วมรับฟังรายละเอียดแบบครบถ้วนจาก ดีอี ในการแถลงข่าววันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00 น.

'รมว.ปุ้ย' เร่งหารือ 'สภาอุตฯ' หลังไทยเผชิญ 'กติกาใหม่โลก-FTA' ลดขีดความสามารถการแข่งขัน 22 อุตสาหกรรมดั้งเดิม

(10 ก.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางเข้าหารือกับประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะ ร่วมหารือ ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถนนนางลิ้นจี่ กรุงเทพ 

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า "ตนได้ให้นโยบายตั้งแต่วันแรกของการรับตำแหน่งว่า อยากเห็นกระทรวงอุตสาหกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการ และนักลงทุนให้เกิดความคล่องตัว อะไรที่เป็นปัญหาก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งในกระบวนการออกใบอนุญาตที่เร็วขึ้น ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ทำให้ธุรกิจแข็งแรงขึ้น และสิ่งที่เน้นย้ำ คือ เรื่องของนโยบาย Green Productivity เพื่อตอบโจทย์กติกาโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายที่กระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องจับมือกับ ส.อ.ท. เพื่อฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน"

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึง นโยบายบริหารงาน ส.อ.ท. ในช่วงปี 2567 – 2569  ว่า ต้องยอมรับว่า จากกติกาใหม่ของโลก ตลอดจนข้อตกลงทางการค้า FTA และการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมดั้งเดิมมาสู่อุตสาหกรรมใหม่ของ 22 อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนี้ยังรวมถึงอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหามาตรการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหา โดยเบื้องต้นเราได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม โดยมี 4 คณะทำงาน ประกอบด้วย...

1) คณะทำงานยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต (S-Curve & Industry Transformation) เพื่อสร้างกลไกและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรม สู่ยานยนต์ไฟฟ้าและเครื่องมือแพทย์ ตลอดจนพัฒนาเอสเอ็มอีให้เข้าถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่เหมาะกับกิจการและประเภทอุตสาหกรรม 

2) คณะทำงานการพัฒนาอุตสาหกรรม (Circular Economy และ Climate Change) เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียว ร่วมขับเคลื่อนภารกิจ End of Waste พัฒนาระบบและกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม ผลักดันและขับเคลื่อน Circular Material Hub, Circular Economy Model Sandbox ส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยมุ่งสู่ Carbon Neutrality & Climate Change      

3) คณะทำงานอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการประกอบกิจการและมาตรฐานของภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการกำกับดูแลการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้กับภาคอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนปรับปรุงผังเมืองทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ส่งเสริมและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 

และ 4) คณะทำงานพัฒนาอุตสาหกรรม SME เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

ประมวลเหตุการณ์ ส่งผลปลายทางสงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ปิดฉากด้วย ‘ยูเครน’ ยอมแพ้ ไม่ใช่การเจรจาข้อตกลงร่วมกัน

“Ukraine war will end in surrender”
By STEPHEN BRYEN
02/07/2024

นี่ความคิดเห็นจาก ‘สตีเฟน ไบรเอน’ ผู้สื่อข่าวอาวุโสแห่งเอเชียไทมส์ ผู้ซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตะวันออกใกล้ แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งเคยเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบายของสหรัฐฯ

โดย ‘สตีเฟน ไบรเอน’ ยังระบุเพิ่มอีกว่า “แล้วมันก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ กับเซเลนสกี เมื่อกองทัพยูเครนพังครืนลงมา และมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เข้าแทนที่”

นอกจากนี้ ‘สตีเฟน ไบรเอน’ ยังได้วิเคราะห์จุดจบแห่งสงครามในครั้งนี้ด้วยว่า สงครามยูเครนจะยุติลงด้วยการยอมจำนน ไม่ใช่ด้วยการทำข้อตกลงภายหลังการเจรจาต่อรองกัน นี่เป็นความรู้สึกของผมในเรื่องที่ว่าสงครามคราวนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางไหน และเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมฝ่ายต่าง ๆ จึงไม่สามารถที่จะเจรจาเพื่อทำความตกลงกัน

การตั้งแง่เล่นเล่ห์เหลี่ยมเพื่อมุ่งชิงความได้เปรียบกันในช่วงหลัง ๆ มานี้ ที่ทำให้การเจรจากันยังเกิดขึ้นไม่ได้จนแล้วจนรอด ปรากฏตัวอย่างให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ในคำประกาศซึ่งอยู่ในคำสัมภาษณ์ที่ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน บอกกับสื่อฟิลาเดลเฟีย อินไควเรอร์ (Philadelphia Inquirer) [1] ในสหรัฐฯ

ในคำสัมภาษณ์นี้ เซเลนสกีกล่าวว่า มันไม่สามารถที่จะมีการเจรจาโดยตรง [2] ระหว่างยูเครนกับรัสเซีย แต่อาจจะมีการเจรจากันทางอ้อมโดยผ่านฝ่ายที่สาม ในฉากทัศน์ซึ่งเสนอขึ้นมาโดยเซเลนสกีนี้ ฝ่ายที่สามจะทำหน้าที่เป็นคนกลาง และการทำความตกลงใด ๆ จะต้องเป็นการตกลงกับคนกลางนี้เท่านั้น ไม่ใช่การตกลงระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทั้งนี้เซเลนสกีเสนอแนะด้วยว่ายูเอ็นสามารถแสดงบทบาทเช่นนี้ได้

อย่างไรก็ดี ข้อเสนอนี้ของเซเลนสกีไม่สามารถที่จะเป็นจุดเริ่มต้นอะไรขึ้นมาได้หรอกด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ แต่ข้อใหญ่ที่สุดก็คือความเป็นจริงที่ว่าประดารัฐซึ่งกำลังทำสงครามกันอยู่ จำเป็นที่จะต้องตกลงกันโดยตรงในเรื่องการยุติการสู้รบขัดแย้ง

การอาศัยฝ่ายที่สามเป็นผู้นำเอาข้อตกลงใด ๆ มาปฏิบัติให้เป็นจริงขึ้นมานั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีหวังจะประสบความสำเร็จเอาเลย อย่างที่ข้อตกลงมินสก์ (Minsk agreement) ซึ่งล้มเหลวไม่เป็นท่า (ไม่ว่าฉบับปี 2014 หรือปี 2015) ได้แสดงให้เห็นกันอยู่แล้ว ข้อตกลงมินสก์ทั้งสองฉบับ ถือเป็นกรณีลูกผสมซึ่งมีการลงนามรับรองโดยรัสเซีย, ยูเครน, และองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Cooperation in Europe หรือ OSCE)

แต่แล้วยูเครนปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้ และ OSCE ก็ถูกพิสูจน์ให้เห็นว่าไร้ทั้งเขี้ยวเล็บและไร้ทั้งเจตนารมณ์ ที่จะพยายามและบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง การตกลงกันในคราวนั้นยังได้รับการหนุนหลังจากเยอรมนีและฝรั่งเศส ถึงแม้ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้ร่วมลงนามหรือมีพันธะผูกพันทางกฎหมายไม่ว่าในลักษณะใดก็ตามทีที่จะต้องสนับสนุนข้อตกลงซึ่งออกมา

‘ข้อเสนอ’ เช่นนี้ของเซเลนสกี แท้ที่จริงแล้วจึงเป็นเพียงม่านควันอีกอันหนึ่งซึ่งเขาปล่อยออกมาเพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้ยูเครนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ต้องการทำความตกลงกับรัสเซีย ทั้งนี้มีพลังที่เข้มแข็ง 3 พลังด้วยกันที่ยังคงคอยดึงรั้งเซเลนสกีเอาไว้ไม่ให้เข้าสู่โต๊ะเจรจา

พลังหรือเหตุผลข้อสำคัญที่สุดก็คือ การที่เพลเยอร์ชาวแองโกล-แซกซอนตัวหลักในนาโต้ ซึ่งก็คือ ‘สหรัฐฯ’ และ ‘สหราชอาณาจักร’ มีท่าทีคัดค้านอย่างแข็งขันไม่ต้องการให้มีการเจรจาใด ๆ กับรัสเซีย สหรัฐฯ นั้นกำลังกระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ โดยรวมไปถึงการใช้การแซงก์ชั่นและมาตรการทางการทูตต่าง ๆ เพื่อขัดขวางไม่ให้เกิดการสนทนาใด ๆ กับรัสเซียไม่ว่าในหัวข้อใด ๆ (นอกเหนือจากเรื่องการแลกเปลี่ยนเชลยศึก)

เหตุผลประการที่สองคือกฎหมายของยูเครน ที่อุปถัมภ์โดยเซเลนสกี ซึ่งมีเนื้อหาระบุห้ามไม่ให้มีการเจรจาใด ๆ กับรัสเซีย รัฐสภาของยูเครนที่มีชื่อว่า เวอร์คอฟนา ราดา (Verkhovna Rada) สามารถที่จะยกเลิกกฎหมายดังกล่าวได้ภายเวลา 1 นาโนวินาที ถ้าเซเลนสกีร้องขอให้พวกเขากระทำเช่นนั้น ทว่าเขาไม่น่าจะอยากให้ทำหรอก

เซเลนสกีคือผู้ที่ควบคุมรัฐสภายูเครนเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ รวมทั้งได้จับกุมหรือเนรเทศพวกนักการเมืองฝ่ายค้านให้ออกไปอยู่นอกประเทศ ตลอดจนควบคุมหนังสือพิมพ์และสื่ออื่น ๆ การใช้กำปั้นเหล็กของเซเลนสกีเช่นนี้หมายความว่า ตัวเขาเองจะไม่ยอมเป็นผู้เปิดทางให้มีการเจรจาโดยตรงอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นแล้ว เซเลนสกียังได้ลงนามประกาศใช้กฤษฎีกาประธานาธิบดีฉบับหนึ่ง ที่ห้ามไม่ให้มีการเจรจาใด ๆ [3] กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย

สำหรับเหตุผลประการที่สาม เกี่ยวข้องกับแรงกดดันต่อเซเลนสกีจากพวกนักชาตินิยมฝ่ายขวาสายแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็รวมไปถึงกองกำลังอาวุธอาซอฟ (Azov brigade) ที่เป็นพวกนาซีใหม่ (neo-Nazi) ซึ่งเวลานี้ถูกนำมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพยูเครนแล้ว หลักฐานโดยตรงที่แสดงให้เห็นถึงแรงบีบคั้นนี้ก็คือการปลด พลโท ยูริ โซดอล (Lieutenant General Yuri Sodol) ผู้บังคับบัญชาระดับท็อปของกองกำลังฝ่ายเคียฟที่อยู่พื้นที่แคว้นคาร์คอฟ (Kharkov)

**(คาร์คอฟ Kharkov ในภาษารัสเซีย หรือ คาร์คิฟ Kharkiv ในภาษายูเครน เป็นชื่อแคว้นและเมืองเอกของแคว้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน และประชิดติดกับชายแดนรัสเซีย โดยที่เมืองคาร์คอฟยังเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนอีกด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Kharkiv_Oblast และ https://en.wikipedia.org/wiki/Kharkiv)

โซดอล โดนข้อกล่าวหาจากพวกผู้นำกองกำลังอาซอฟ [4] ว่ากำลังสังหารชาวยูเครนมากยิ่งกว่าชาวรัสเซียอีกในการสู้รบทำศึกที่คาร์คอฟ อาซอฟส่งข้อความนี้ของตนไปยังรัฐสภา และเซเลนสกีก็กระทำตามด้วยการปลดโซดอล

ตั้งแต่ที่โซดอลถูกปลด สถานการณ์ของยูเครนตามแนวเส้นปะทะระหว่างยูเครนกับรัสเซียตลอดทั้งแนวรบทีเดียวก็อยู่ในสภาพเลวร้ายลงไปอีก ความสูญเสียจากการสู้รบของฝ่ายยูเครนอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยในบางวันมีผู้ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บมากถึง 2,000 คนทีเดียว

ฝ่ายรัสเซียได้ยกระดับการโจมตีของพวกเขาด้วยการใช้ลูกระเบิดนำวิถี FAB (FAB glide bombs) ขนาดต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าอสุรกาย FAB-3000 [5] ที่อัดวัตถุระเบิดแรงสูงเข้าไป 3,000 กิโลกรัม ซึ่งลูกหนึ่งเพิ่งถูกทิ้งลงใส่ศูนย์บัญชาการกองทัพบกยูเครนแห่งหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ ของภูมิภาคดอนบาส (Donbas) ที่ถูกขนานนามว่า นิวยอร์ก (New York) [6] และมีรายงานว่าสังหารบุคลากรทางทหารของยูเครนไปไม่น้อยกว่า 60 คน

**(ดอนบาส Donbas เป็นภูมิภาคในยูเครนตะวันออกที่ประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์ Donetsk กับแคว้นลูฮันสก์ Luhansk หรือ ลูกันสก์ Lugansk ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Donbas)**

ทางรัสเซียยังบอกด้วยว่า เซเลนสกีนั้นไม่สามารถที่จะเป็นคู่เจรจาของฝ่ายตนได้ เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งของเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม อันที่จริงก็มีความสับสนอยู่เหมือนกันเกี่ยวกับฐานะตามกฎหมายของเซเลนสกีในเรื่องนี้ แต่พวกผู้เชี่ยวชาญทั้งในและนอกยูเครนต่างคิดว่า ตำแหน่งผู้นำของประเทศนี้ควรที่จะถูกส่งต่อให้แก่ประธานรัฐสภายูเครน [7] นับแต่ที่วาระของเซเลนสกีหมดสิ้นลง

ประธานรัฐสภายูเครนคนปัจจุบันคือ ‘รัสลัน สเตฟานชุค’ (Ruslan Stefanchuk) เวลานี้เขามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองคึกคักยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน ถึงแม้เขายังไม่เคยแสดงการคัดค้านที่เซเลนสกียังคงปกครองประเทศต่อไปก็ตามที

ขณะเดียวกันนั้น เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในสมรภูมิแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ายรัสเซียกำลังเล็งดูแล้วว่า เวลากำลังใกล้จะสุกงอมเต็มทีแล้วที่กองทัพยูเครนถ้าหากไม่พังครืนลงไปก็จะต้องขอยอมแพ้ หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง

แต่ไม่ว่าจะเป็นในกรณีไหน ก็จำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลยูเครนในบางลักษณะ บางทีอาจจะกระทำโดยคณะผู้นำทางทหารชั่วคราวที่คัดเลือกขึ้นมาโดยรัสเซีย นี่จะเปิดทางให้ฝ่ายรัสเซียสามารถกำหนดข้อตกลงในการยอมจำนน เอากับรัฐบาลชุดที่จะขึ้นมาแทนที่

การยอมแพ้ของกองทัพยูเครน และข้อตกลงที่ทำกับรัฐบาลซึ่งรัสเซียแต่งตั้งขึ้นมา ย่อมจะทำให้นาโต้เข้าเกี่ยวข้องพัวพันอยู่ในยูเครนต่อไปไม่ได้แล้ว

นี่อาจเป็นการเปิดประตูไปสู่การสนทนาด้านความมั่นคงระหว่างนาโต้กับรัสเซียขึ้นมาในท้ายที่สุด ในทันทีที่นาโต้บดย่อยและกลืนกินสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเหตุผลที่ทำไมมันจึงเกิดขึ้นมา ทั้งนี้ ต้องถือเป็นเรื่องโชคร้าย การนำเอาพวกผู้นำทางการเมืองอย่าง มาร์ค รึตเตอ (Marc Rutte) เข้าสู่นาโต้ ย่อมไม่ใช่ลางดีสำหรับอนาคตของกลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคงกลุ่มนี้

**(รึตเตอร์ อำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2024 เพื่อเข้าเป็นเลขาธิการองค์การนาโต้คนถัดไปต่อจาก เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก Jens Stoltenberg โดยมีกำหนดเริ่มดำรงตำแหน่งใหม่นี้ในวันที่ 1 ตุลาคม ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Mark_Rutte)**

ถ้าหากฝ่ายรัสเซียเป็นผู้ชนะในยูเครน ซึ่งดูน่าจะเป็นเช่นนั้นมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ สารสำคัญที่สุดจากเรื่องนี้สำหรับนาโต้ ก็คือว่า กลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคงกลุ่มนี้ต้องยุติการขยายตัวของตนเองเสียที และมองหาหนทางในการทำความตกลงเพื่อดำเนินการกับรัสเซียในยุโรป ซึ่งมีเสถียรภาพยิ่งกว่าที่เป็นมา

สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสอยู่ที่เอเชียไทมส์ เขาเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตะวันออกใกล้ แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งเคยเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบายของสหรัฐฯ

ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ใน Weapons and Strategy ที่เป็นบล็อกบนแพลตฟอร์ม Substack ของผู้เขียน

เชิงอรรถ
[1] https://www.inquirer.com/opinion/zelensky-ukraine-war-interview-trudy-rubin-20240630.html
[2] https://www.rt.com/russia/600232-zelensky-model-talks-russia/
[3] https://www.livemint.com/news/world/ukraine-zelensky-signs-decree-rule-out-negotiation-russia-vladimir-putin-impossible-11664876727245.html
[4] https://unn.ua/en/news/details-of-the-complaint-that-krotevych-wrote-against-general-sodol-became-known
[5] https://x.com/NewRulesGeo/status/1807719236216746085
[6] https://sputnikglobe.com/20240701/watch-russian-forces-pound-new-york-in-donbass-with-fab-3000-guided-bomb-1119203142.html
[7] https://carnegieendowment.org/russia-eurasia/politika/2024/03/is-zelenskys-legitimacy-really-at-risk?lang=en

‘ดร.วสุ’ ชี้ เรื่อง ‘ป่าทับลาน’ กระทบต่อสถานะมรดกโลก เหตุขอบเขตผืน ‘ป่าเขาใหญ่’ ได้รวมพื้นที่ 'ทับลาน' ไว้ด้วย

(10 ก.ค. 67) ดร.วสุ โปษยะนันทน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม กรมศิลปากร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า…

จากข่าวเรื่องทับลาน อยากขอแลกเปลี่ยนข้อมูลว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นที่จะมีผลกระทบกับเรื่องมรดกโลกด้วย เพราะในขอบเขตของแหล่งมรดกโลกผืนป่าเขาใหญ่ ได้รวมเอาส่วนของป่าทับลานไว้ด้วย เท่ากับว่าเป็นที่ยอมรับโดยสากลแล้วว่าพื้นที่นี้ มีคุณค่าตามเกณฑ์มรดกโลกเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ และยังถือว่าเป็นองค์ประกอบที่บ่งชี้ถึงความเป็นมรดกโลกที่เรียกว่าคือ Attribute หนึ่งของแหล่งมรดกโลกเขาใหญ่ หากต้องการตัดพื้นที่ส่วนนี้ออกไปก็ต้องมีคำอธิบายว่าพื้นที่ส่วนนี้ไม่มีคุณค่าตามเกณฑ์เหมือนกับส่วนอื่น ๆ ของเขาใหญ่แล้ว และต้องพิสูจน์ให้กรรมการมรดกโลกเห็นด้วยว่าหากตัดส่วนนี้ออกไปแล้วพื้นที่ที่เหลือของเขาใหญ่จะยังคงรักษาคุณค่าที่โดดเด่นเป็นสากล หรือ OUV ไว้ได้ หากอธิบายไม่ได้ย่อมส่งผลกระทบกับเสถียรภาพความเป็นมรดกโลกของป่าเขาใหญ่แน่นอน โดยอาจมีผลมาจากความครบถ้วนสมบูรณ์หรือ Integrity ของแหล่งที่ขาดหายไป

สรุปว่าในเรื่องนี้ขอให้พิจารณากันให้ดี ๆ ถ้าจะสอบถามความเห็นก็ควรเพิ่มอีกคำถามว่ายังเห็นด้วยกับการมีผืนป่าเขาใหญ่เป็นมรดกโลกหรือไม่ ถ้าไม่ก็แล้วไป #saveทับลาน

ความจริงตั้งแต่ครั้งที่เขาใหญ่ได้เป็นมรดกโลกเมื่อนานมาแล้ว คณะกรรมการฯ ก็มีข้อร้องขอให้ปรับปรุงเพิ่มพื้นที่ป่าให้เหมาะสมแล้วตั้งแต่ตอนนั้น เราเคยแจ้งเขาไปว่าอยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะตัดส่วนชุมชนและป่าเสื่อมโทรมออก 4 หมื่นกว่าเฮกตาร์ และเพิ่มในพื้นที่ป่าที่มีคุณค่าสูงเข้ามาแทน ประมาณหนึ่งหมื่นเจ็ดพันเฮกตาร์ เป็นการตัดและเพิ่มในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยระบุว่าการปรับปรุงขอบเขตพื้นที่นี้จะแล้วเสร็จในปี 2007 ... นี่มันปี 2024 แล้วนะครับ จนเพิ่งมีข่าวใหญ่จะลดพื้นที่ในช่วงนี้นี่แหละ แต่ไม่เห็นมีข้อมูลว่าจะเพิ่มพื้นที่ป่าเข้ามาเลย

'ตม.สมุทรสาคร' บุกตรวจหอพักย่านอ้อมน้อย  พบเจ้าของหอแอบซุกแรงงานต่างด้าวร่วม 100 ชีวิต

(10 ก.ค.67) ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 เพื่อเป็นการกวดขันจับกุมผู้กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สมุทรสาคร จึงได้ออกตรวจสอบการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว รวมทั้งผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ โดยได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณหอพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ตามที่ได้รับแจ้งผลจากการตรวจค้น พบแรงงานต่างด้าวแอบพักอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมากนับ 100 คน

และได้มีการตรวจสอบกับทางหอพัก ปรากฏว่าผู้ดูแลหอพักไม่ยอมแจ้งว่ามีต่างด้าวมาพักอาศัยอยู่ให้กับทางเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ตามมาตรา 37 (2) และมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ จึงได้มีการดำเนินการ และดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร ได้ฝากประชาสัมพันธ์ถึงเจ้าของหอพักผู้ประกอบการและนายจ้างในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ในการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ต หอพัก หรือสถานประกอบการ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตาม ตรวจสอบ รวมทั้งช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นได้ทันท่วงที

‘นายกฯ’ รับมอบรางวัล ‘The President’s Award of Service’ ปฏิญาณตน “จะตั้งใจทำงานในหน้าที่นายกฯ ให้ดีที่สุด”

เมื่อวานนี้ (9 ก.ค. 67) ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้พบคณะผู้บริหารและผู้แทนจากมหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (Claremont Graduate University) และรับมอบรางวัล The President’s Award of Service ในฐานะศิษย์เก่าที่ทำคุณประโยชน์แก่สาธารณะ ส่งเสริมการพัฒนาของมนุษยชาติ และสนับสนุนสิทธิมนุษยชน

โดยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เป็นศิษย์เก่าคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งในวันนี้มีคณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัย เข้าร่วมหารือรวม 14ท่าน และมีศิษย์เก่าชาวไทยที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากมายหลากหลายวงการเข้าร่วม

นายกฯ เปิดเผยความรู้สึกหลังจากได้รับรางวัลว่า รู้สึกแปลกใจ และแน่นอนว่ารู้สึกดีใจด้วย เนื่องจากไม่เคยได้รับรางวัลเหล่านี้มาก่อน ซึ่งการที่มาเป็นนายกฯ และได้รางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลที่มีคุณค่ามากอย่างหนึ่ง แต่ส่วนตัวมองว่าการที่จะได้รับการยอมรับ เราจะต้องได้ทำอะไรมาบ้างพอสมควรแล้ว ซึ่งผมเองก็ต้องมีความซื่อตรงต่อตัวเองว่าภารกิจเรายังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เนื่องจากเราเพิ่งเป็นรัฐบาลได้เพียงแค่ปีเดียว ก็หวังว่า หลังจากช่วงที่จบเทอมแล้ว ในเรื่องของความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้คงจะมีความภูมิใจ มากกว่านี้

นายเศรษฐา เล่าย้อนความหลังสมัยที่ศึกษาที่ Claremont Graduate University ว่าช่วงนั้นหากใครที่จบปริญญาตรีแล้ว หลาย ๆ ท่านจะพยายามที่จะออกไปหาประสบการณ์ไปทำงานก่อน เพื่อจะได้มาสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่ดี ๆ ต่อ เนื่องจากอยู่ในข้อกำหนดของมหาวิทยาลัยว่าต้องมีประสบการณ์การทำงาน แต่ตัวผมเองในตอนนั้นผมอยู่ที่ต่างประเทศมานานมากแล้ว แล้วผมก็ไม่อยากที่จะทำงาน แล้วค่อยกลับไปเรียนต่อ ผมอยากกลับบ้าน กลับประเทศไทยทีเดียว

ผมเลยเลือกที่จะศึกษาต่อให้จบ ผมก็สมัครมาที่ Claremont Graduate University ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ดี และในข้อกำหนดของทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องทำงานมาก่อน ก็ถือว่าเป็นโชคที่ดีในตอนนั้นที่เขารับและให้เข้าศึกษาได้

สำหรับบรรยากาศตอนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และถือว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ดี อยู่นอกเมืองอยู่ห่างไกลจากย่านความเจริญแถบลอสแอนเจลิสถึงประมาณ 45 นาที ทำให้เราซึมซับบรรยากาศการใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างเต็มที่ ได้ใช้ชีวิตนักเรียนที่เหมาะสม ไม่ต้องอยู่กับแสงสีเสียง 

ที่สำคัญในย่านดังกล่าวเป็นจุดที่มีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง 5 แห่งอยู่ในย่านใกล้ ๆ กัน ซึ่งแต่ละแห่งมีนักเรียนประมาณ 2-3 พันคน ซึ่งเป็นจำนวนที่กำลังเหมาะสม และถือว่าเป็น Ivy League of the west หรือกลุ่มของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา ในย่านดังกล่าวอีกด้วย

ผมจำได้ว่าการตั้งชื่อถนนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อถนนอาทิ Cornell, Harvard, Yale เป็นต้น โดยถือว่าเป็นโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่น่ารักและอบอุ่น ซึ่งในช่วงนั้นที่ผมได้เข้าไปศึกษาถือว่ายังเป็นเด็กอยู่ อายุประมาณ 22 ปี รู้สึกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่ดีอบอุ่น รู้สึกถึงความเป็นครอบครัว ที่เราสามารถเข้าถึงศาสตราจารย์ คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ได้เต็มที่ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และความอบอุ่นนี้ทำให้เราปรับตัวได้ในตอนเรียนอย่างดีมาก ๆ

จากการหารือกับคณาจารย์ที่มาพบในวันนี้ก็เล็งเห็นว่า อยากให้มีการส่งเสริมนักเรียน-นักศึกษาไทยไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมากขึ้น ผมเชื่อว่า ชื่อเสียงของ Claremont Graduateโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน MBA ที่มีสำนักของ Peter F Drucker ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านการจัดการบริหารองค์กรธุรกิจสมัยใหม่ ที่มีชื่อเสียงมาก ผมเชื่อว่าที่สถาบันแห่งนี้จะผลักดันนักเรียนได้อย่างดียิ่ง

ด้าน นาง Michelle Bligh ตำแหน่ง Executive Vice President Claremont Graduate University ระบุว่าเรามีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมายทั่วโลก ประมาณ 24,000 คน แต่เห็นได้ชัดว่าการทำงานของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) เป็นการทำงานที่ยอดเยี่ยม เขากำลังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ที่เราต้องการให้บัณฑิตของเราทุกคนมีในจุดนี้ คือในเรื่องของการตอบแทนสังคม และนั่นคือความสำคัญของรางวัล the president’s award of service

ซึ่งพวกเรารู้สึกภาคภูมิใจในนายกฯ เศรษฐา ที่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลงสังคม และถือเป็นผู้นำระดับโลก ในการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราภาคภูมิใจมาก และเราภูมิใจกับนักเรียนไทยที่ได้ศึกษาที่ Claremont Graduate University ทุกท่าน

จากนั้น นายเศรษฐา เปิดเผยอีกครั้งว่า ดีใจและเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้รับรางวัล President’s Award of Service จาก Claremont Graduate University และตนจะตั้งใจทำงานในหน้าที่นายกฯ ให้ดีที่สุด ให้ควรค่าแก่รางวัลที่ได้รับจากมหาวิทยาลัย และคู่ควรกับโอกาสที่ได้มาทำงานเพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมปลูกป่าและต้นไม้เฉลิมพระเกียรติฯ ตามโครงการปลูกป่าและต้นไม้ 72,904 ต้น 

กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมปลูกป่าและต้นไม้เฉลิมพระเกียรติฯ ตามโครงการปลูกป่าและต้นไม้ 72,904 ต้น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณหอประชุมช้างธรรมชาติ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด

โดยมี นาวาเอก กฤษดา จิระไตรพร รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี และมีหน่วยงานราชการ โรงเรียน และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ  จำนวนทั้งสิ้น 150 คน ประกอบด้วย หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลแหลมงอบ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองใหญ่ โรงเรียนวัดบางปิดล่าง โรงเรียนบ้านคลองใหญ่ และชุมชนหมู่ 6 เข้าร่วมกิจกรรม

นิราช ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

#ทัพเรือภาคที่1
#เทิดทูนสถาบัน_ยึดมั่นระเบียบวินัย_ประชาชนภูมิใจ_ทะเลไทยมั่นคง
#Fit_for_the_Future

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดแถลงข่าว  “การจัดงานวันแม่แห่งชาติ  ประจำปี  2567”

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าว  “การจัดงานวันแม่แห่งชาติ  ประจำปี  2567”  โดยมี ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส   โนนุช  ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  เป็นประธานการแถลงข่าว  ในวันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2567  เวลา 14.00 น. ณ  ห้องประชุมชั้น  3  ตึกนวมหาราช  สภาสังคมสงเคราะห์ฯ  แยกตึกชัย  ถนนราชวิถี  เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

ในการแถลงข่าว  ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดของงานวันแม่แห่งชาติ  ปี 2567 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่  12  สิงหาคม  2567 ณ เจ้าพระยาแกรนด์ฮอลล์  ชั้น 3  อาคารบางกอก ดินเนอร์เธียเตอร์ สยามอะเมซิ่งพาร์ค ถนนสวนสยาม เขตคันนายาว กรุงเทพฯ โดยร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  กล่าวถึง  ความเป็นมาของการจัดงานวันแม่แห่งชาติ  ประจำปี 2567 ผลการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ และผลการคัดเลือกลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่คุณเพ็ญพักตร์ ศรีทอง  ประธานคณะกรรมการฝ่ายผลิตและจำหน่ายดอกมะลิงานวันแม่แห่งชาติประจำปี 2567 กล่าวถึง การจัดทำผลิตภัณฑ์ดอกมะลิ  และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดอกมะลิวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567   คุณธิดารักษ์  สัจจพงษ์  ประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567   กล่าวถึง การประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับงานวันแม่แห่งชาติประจำปี  2567 คณอรรถชัย เหลืองอมรเลิศ กรรมการผู้จัดการโครงการบางกอกเวิลด์ กล่าวถึง สถานที่การจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567

โดยสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  ได้เชิญแม่ดีเด่นแห่งชาติ  และลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่  ที่ได้รับการคัดเลือก ประจำปี  2567 และปีที่ผ่านมารวมทั้งพรีเซ็นเตอร์ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากดอกมะลิ  ประจำปี  2567 มาร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top