'แม่ฆาตกรชิงทองที่เชียงใหม่' ยอมรับ!! เลี้ยงลูกผิด 'ให้เล่นเกมแต่เด็ก-ดูหนังฆาตกรรม' เคยเตือนให้ลด แต่ลูกไม่ฟัง
(9 ก.ค.67) บรรยากาศที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว นายนิพิฐพนธ์ ผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุชิงทอง โดยเจ้าหน้าที่ยังคงควบคุมตัวนายนิพิฐพนธ์ อยู่ในห้องคุมขังและอยู่ระหว่างการนำตัวออกมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของ สภ.แม่ปิง (เหตุชิงทอง) ก่อนจะส่งตัวผู้ต้องหาต่อไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในกรณีฆ่าคนตาย
โดยเช้าวันนี้พ่อและแม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาที่ สภ.แม่ปิง เพื่อมาเยี่ยมลูกชาย ที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องคุมขัง ซึ่งทีมข่าวได้พูดคุยกับแม่ผู้ก่อเหตุให้ผู้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมากกับการกระทำของลูก เพราะลูกเป็นคนที่ดีสำหรับตน และในสายตาของตนลูกนั้นยังเด็กและลูกนั้นไม่เคยดื้อ
ยอมรับว่าตนเลี้ยงลูกผิด ตรงที่ให้ลูกเล่นเกมตั้งแต่เด็กและลูกติดเกมมาก รวมถึงลูกชอบดูหนังที่เป็นลักษณะของการวางแผนฆาตกรรม และหนังที่มีเนื้อหาที่รุนแรง ซึ่งเรื่องนี้ตนก็เคยคุยกับลูกแล้ว ว่าให้ลดพฤติกรรมแบบนี้ แต่ลูกก็ไม่เชื่อ
ส่วนการวางแผนการก่อเหตุของลูกนั้น คาดว่าลูกน่าจะเห็นจากในเกมและวางแผนการก่อเหตุตามรูปแบบของเกม แต่ตนยืนยันว่าลูกไม่เคยมีพฤติกรรมลักษณะรุนแรงหรือก้าวร้าวแสดงให้เห็นมาก่อน เพราะลูกจะเป็นคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด
ในฐานะที่ตนเป็นแม่อยากขอโทษฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยใจจริง และตนเองจะประสานครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อเข้าไปขอขมาผู้ตาย และญาติ ที่งานศพได้ด้วย ส่วนจะไปเมื่อไหร่ยังไงนั้น ต้องทาง จนท.ตำรวจประสานให้อีกครั้ง
ด้านพ่อของผู้ก่อเหตุวันนี้ได้นำข้าวมาให้กับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเมนูข้าวเหนียวไก่ย่าง ของโปรดของลูกชาย เมื่อเดินมาถึงที่หน้าห้องควบคุมผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้าวจากพ่อและนำไปมอบให้กับผู้ก่อเหตุภายในห้องคุมขัง ก่อนพ่อของผู้ก่อเหตุจะเดินออกไป
โดยพ่อของผู้ก่อเหตุได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ปัญหาเรื่องเงินลูกชายทราบมาตลอด แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะทำแบบนี้ ซึ่งยอดที่ตนและภรรยาโดนโกงคือประมาณ 300,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (10 ล้านบาท) และก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ก็เคยโดนโกงคดีฟอเร็กซ์ไปประมาณ 2 ล้าน
ซึ่งเมื่อวานก่อนเกิดเหตุยังเจอลูกชาย ซึ่งลูกชายก็มีท่าทีปกติขับรถออกจากบ้านไป ตนคิดว่าไปหาเพื่อน และลูกก็กลับมาช่วงบ่าย ไม่ได้มีท่าทีเครียดหรือกังวลอะไร แต่ตนมาทราบภายหลังจากข่าวออกว่าลูกไปชิงทอง จึงได้ไปถามลูก ซึ่งลูกมีท่าทีนิ่งเฉยไม่ตอบอะไร และตนมารู้ภายหลังตอนเย็นว่าลูกไปฆ่าคนตายมาก่อน ยิ่งทำให้ตนรู้สึกหดหู่ใจ และเสียใจมาก
ไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุรุนแรงแบบนี้ เพราะปกติตนจะให้ลูกชายมานั่งสมาธิสวดมนต์ด้วยกันทุกวัน แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลูกชายไม่มานั่งสมาธิด้วยกัน บอกว่าเดี๋ยวนั่งเองในห้อง ตนไม่รู้ว่าลูกชายจะคิดวางแผนก่อเหตุแบบนี้
ตนจึงอยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย เพราะเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะตนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ และไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นด้วย
ที่มา: ThairathTV