Friday, 16 May 2025
TheStatesTimes

'ครูต่างชาติผู้รักเมืองไทย' โพสต์ขอโทษ หลังเขียนคำอ่านภาษาไทยผิด ด้านชาวเน็ตให้กำลังใจ คนไทยจริงๆ ยังมีเขียนผิดเช่นกัน

เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘Teacher Elvis / Professeur Elvis / Tutor’ ซึ่งเป็นเพจของคุณครูชาวต่างชาติท่านหนึ่ง ที่สอนภาษาอังกฤษ โดยมีผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน ได้โพสต์คลิปวิดีโอขอโทษที่บางครั้งตนเขียนคำอ่านภาษาไทยผิดไปบ้าง ซึ่งไม่ได้มีความตั้งใจจริง ๆ โดยระบุว่า…

ขอขอบคุณนักเรียน คนไทย และทั่วโลก ที่ดูคลิปวิดีโอของตน ซึ่งตนไม่ใช่คนไทย ดังนั้นทุกวิดีโอ ทุกโพสต์ ที่นักเรียนจะเห็นในเฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก หรือในยูทูบนั้น ตนเป็นคนคิดเองทําเอง และเป็นคนเขียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ซึ่งไม่ได้ทํางานกับใคร ไม่มีใครช่วย ฉะนั้นบางครั้งนักเรียนอาจจะเห็นว่ามีสระอาหรือสระอำมันหายไป ซึ่งต้องขอโทษก่อน เพราะว่าในโทรศัพท์ของตนนั้น ไม่มีภาษาไทย มันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งตนก็พยายามเขียนคําอ่านให้กับนักเรียน เพื่อที่จะได้อ่านภาษาอังกฤษออก โดยบางคำอาจจะมีผิดบ้างนิดหน่อย ตนต้องขอโทษ

พร้อมบอกอีกว่า เมื่อก่อนมันหนักกว่านี้ ช่วงนี้ก็ดีขึ้น เพราะมีการอัปเดตตัวเอง และรักเมืองไทย รักเด็ก ๆ รักการสอน ซึ่งตนเป็นคนที่ทุ่มเท ไม่ขี้เกียจ และชอบทํางาน 

นอกจากนี้ ได้เล่าเพิ่มเติมว่า มีเพื่อนของตนที่เข้ามาเมืองไทย ยังพูดภาษาไทยเท่าตนไม่ได้ อ่านภาษาไทยไม่ออกเลย ซึ่งก็มีนักเรียนมาถามว่า ตนเรียนภาษาไทยจากที่ไหน.. ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปเรียนพิเศษ ไม่ได้เข้าไปที่โรงเรียน แต่เรียนด้วยตัวเอง กับเรียนจากเฟซบุ๊ก และยูทูบ โดยไม่ใช้แค่ภาษาไทยที่พูดได้ แต่พูดได้ 5 ภาษา เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เวียดนาม และไทย ซึ่งเขียนได้ด้วย เป็นต้น

ดังนั้นถ้าในโพสต์เห็นว่าตนเขียนคําอ่านอาจจะผิดไปบ้าง ต้องขอโทษล่วงหน้า โดยเมื่อก่อนก็เคยพูดเรื่องนี้เช่นกัน เพราะว่าบางครั้งอาจจะรีบ แล้วก็มันสะกดเองขึ้นมา หรือบางครั้งอาจจะไม่รู้ ซึ่งตนไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นอย่ามาจับผิดและดูถูกตนเลย เพราะว่าตนไม่ใช่คนไทย เหมือนที่บอกว่าเขียนภาษาไทยแบบนี้มันยากมากจริง ๆ 

ซึ่งตนอยากให้นักเรียนมาให้กําลังใจและช่วยกัน เพราะตนนั้นรักเมืองไทยและรักคนไทยมาก ๆ เลย คนไทยใจดีน่ารักมาก มีเสน่ห์ และรอยยิ้มสวย พร้อมขอบคุณที่ให้โอกาสได้อยู่เมืองไทย

ทั้งนี้ หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้กำลังใจคุณครูชาวต่างชาติท่านนี้ ดังนี้…

- ขอให้กำลังใจค่ะคุณครู อย่าท้อทำดีแล้วค่ะ ชาวไทยขอบคุณ ๆ ครูที่เผยแผ่ภาษาไทยได้ดีเยี่ยม ขอบคุณ ๆ ครูอีกครั้งที่รักประเทศไทยค่ะ สู้ ๆ ค่ะ
- รู้สึกขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้แก่คนไทย ผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ คนไทยจริง ๆ ยังเขียนผิดเลยค่ะ
- คุณครูเก่งมากค่ะ ที่เขียนภาษาไทย พูดภาษาไทยได้ ด้วยตนเอง ยอมรับค่ะว่าเก่งมากค่ะ
- ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้ทุกคนนะคะ ผิดบ้างไม่เป็นไรแก้ไขได้ค่ะ ไม่ใช่คนไทยทำได้ขนาดนี้ถือว่าดีมาก ๆ ค่ะ

27 มิถุนายน พ.ศ. 2510  ถือกำเนิด ‘ตู้ถอนเงิน' (ATM) เครื่องแรกของโลก ติดตั้ง ณ หน้าธนาคารบาร์เคลย์ส ประเทศอังกฤษ

เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) กำเนิดขึ้นในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ซึ่งถือเป็นการให้บริการเครื่องถอนเงินครั้งแรกของโลก โดยตั้งอยู่ด้านนอกของธนาคารบาร์เคลย์ส (Barclays) สาขาเอ็นฟิลด์ ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

โดยนายจอห์น เชพเพิร์ด บาร์รอน (John Shepherd-Barron) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอ ลา รู ของอังกฤษ เป็นผู้ประดิษฐ์ ซึ่งเขาได้แนวคิดจากเครื่องขายช็อกโกแลตแบบหยอดเหรียญ แต่ในขณะนั้นเรียกเครื่องถอนเงินนี้ว่า ‘Hole in The Wall’ ลูกค้าจะต้องสอดบัตรกระดาษเข้าไปแทนบัตรพลาสติกในปัจจุบัน และต้องกดเลขรหัส 4 ตัวเหมือนกัน ซึ่งจะถอนเงินได้ครั้งละ 10 ปอนด์ แต่ปัจจุบันเรารู้จักเครื่องถอนเงินในชื่อ Automated Teller Machine (ATM)

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทย ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นเจ้าแรกที่นำเครื่องฝากและถอนเงินอัตโนมัติ หรือเอทีเอ็ม มาใช้เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2526 เรียกว่า ‘บริการเงินด่วน’ ให้บริการนำฝาก ถอน โอนเงิน และสอบถามยอดบัญชี โดยยุคแรกเบิกใช้ได้เฉพาะบัญชีธนาคารนั้น ๆ จนกระทั่งมีระบบเอทีเอ็มพูล เพียงมีบัตรเอทีเอ็มก็สามารถถอนเงินหรือฝากเงินจากตู้ของธนาคารใดก็ได้

‘กลุ่มภาคีฯ’ จี้ ‘ปดิพัทธ์’ ขอโทษ โบ้ยคนคว่ำนิรโทษเป็นไอโอ ด้าน 'หมออ๋อง' โชว์พริ้ว!! ไม่เคยพูดว่าประชาชนเป็นไอโอ

(18 มิ.ย.67) ที่รัฐสภา กลุ่มภาคีราชภักดี เดินทางมายื่นหนังสือ ต่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เพื่อยืนยันตนเองว่า ในการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. … ซึ่งเป็นที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อเสนอกฎหมายต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2564 โดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 36,723 คน ที่มีเสียงโหวตไม่เห็นด้วยถึง 64.66 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ไอโอ

นายอัครวุธ บุรณพนธ์ กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน กล่าวว่า พวกตนมายืนยัน ให้นายปดิพัทธ์เห็นโดยตรงว่ากลุ่มไอโอ ที่พูดมานั้นมีตัวตน ได้ใช้ชื่อและเลขบัตรประชาชนในการแสดงความคิดเห็นใน พ.ร.บ.ดังกล่าว ฉะนั้นรองประธานสภาฯ ที่เป็นคนของประชาชนอย่างแท้จริงต้องวางตัวเป็นกลาง รวมถึงอยากให้ตรวจสอบว่าตรงไหนเป็นไอโอ ใครเป็นคนทำ ขอให้ตรวจสอบมาเพราะตนก็อยากทราบเหมือนกัน ตนใช้สิทธิในฐานะราษฎรให้นายปดิพัทธ์ขอโทษประชาชน ที่พูดว่าพวกเขาเป็นไอโอ แต่หากตรวจสอบแล้วพวกเราผิดจริง มีเหตุที่ทำให้มองว่าเป็นไอโอก็สามารถดำเนินการได้เต็มที่ เพราะถือว่าเป็นภัยความมั่นคงที่ต้องทลายทิ้ง หากทำได้จะสนับสนุนเต็มที่ แต่หากพูดโดยไม่คิด หรือคิดว่าพวกตนเป็นฝ่ายขวา และมองว่าพวกของตัวเองเป็นฝ่ายซ้ายจะไม่มีทางบรรจบกันได้ ยืนยันว่าพวกเราไม่ใช่ไอโอ

ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในวันที่ 11 และ 12 มิ.ย. ว่ามีความผิดปกติในเว็บไซต์หลายประการด้วยกัน เช่น การใช้ การใช้งานถึง 5,000 ครั้ง ใน ip address คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง เราได้ตรวจสอบทั้งระบบเพราะเกรงว่าประชาชนไม่เชื่อใจเว็บไซต์นี้ และจะส่งผลต่อการใช้งานในครั้งต่อ ๆ ไป ทั้งนี้เราไม่ได้กล่าวหาว่าประชาชนที่มาแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นไอโอ 

ซึ่งทางรัฐสภาจะเก็บทุกความคิดเห็นอย่างยุติธรรมที่สุดโดย ไม่ตัดสินว่าเป็นใครเป็นพวกไหน หรือเข้ามาด้วยจุดประสงค์อะไร ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ว่าเราไม่มีการเลือกปฏิบัติ เรารายงานไปตามจริง แต่ต้องยอมรับว่าเว็บไซต์ของรัฐสภามีข้อผิดพลาดมากมายที่ทำให้ไม่เชื่อมั่น ต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชนในสิ่งที่เกิดขึ้น คำแนะนำของประชาชนนำไปสู่การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดี

“ผมขอโทษที่เว็บไซต์ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ขอโทษ เพราะไม่เคยพูดว่าพวกท่านเป็นไอโอ”

‘ผู้แสวงบุญ’ ประกอบพิธีฮัจญ์ เฮ!! ได้ ‘ฝนตก’ ช่วยคลายร้อน หลังซาอุฯ เผชิญอุณหภูมิพุ่งสูง จนคนดับเพราะโรคลมแดด

(18 มิ.ย.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่ผู้แสวงบุญมากกว่า 1,800,000 คน กำลังประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมอย่างพิธีฮัจญ์ ที่ซาอุดีอาระเบีย และเป็นพิธีที่มีชาวมุสลิมรวมตัวกันครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานออกมาว่า พบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจอร์แดน โดยรัฐบาลจอร์แดนได้ออกแถลงการณ์แล้วว่า สาเหตุของผู้เสียชีวิตนั้นมาจาก 'โรคลมแดด' ซึ่งอุณหภูมิพุ่งถึง 47 องศาเซลเซียส

ซึ่งล่าสุดมีฝนตกลงมาและมีลมแรงช่วยให้สภาพอากาศที่ร้อนระอุตลอดหลายวันที่ผ่านมาคลายความร้อนลงไปได้มาก เป็นผลดีต่อผู้แสวงบุญนับล้านคนที่เผชิญกับอากาศร้อนจัดติดต่อกันหลายวัน โดยทางการซาอุดีอาระเบียได้ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำเพื่อบรรเทาความร้อน และจัดหาน้ำดื่มเอาไว้บริการ แต่ส่วนมากผู้แสวงบุญก็ต้องหาวิธีคลายร้อนให้ตนเอง ทางการได้เตือนว่าให้ผู้แสวงบุญจิบน้ำเพื่อป้องกันสภาวะร่ายกายขาดน้ำ 

สุดเอือม!! ‘นทท.’ รุกพื้นที่ดินโป่งเขาใหญ่ เข้าไปถ่ายพรีเวดดิ้ง หวั่น!! อันตรายโดยรอบมีมาก หากเกิดปัญหาจะโทษเจ้าหน้าที่อีก

(18 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา บริเวณทุ่งหญ้าทางเข้าหอดูสัตว์หนองผักชี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ‘ผืนป่ามรดกโลกแห่งที่ 5’ พบนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนไทยช่วงอายุ 20-35 ปี รวมทั้งทีมงานถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง มาสัมผัสธรรมชาติชมทุ่งดอกหญ้าที่กำลังออกดอกสีขาวโพลนทั่วทุ่ง หลายรายละเมิดเดินบุกรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม โดยไม่สนใจป้ายที่ปักเตือนแจ้งไว้หลายจุด ที่ระบุข้อความว่า ‘ห้ามเดินลงโป่ง Do ont walk into salt lick’ เนื่องจากเป็นพื้นที่ดินโป่ง ที่สัตว์ป่าจะพากันลงมากินแร่ธาตุตามธรรมชาติ เกรงจะเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘ที่นี่เขาใหญ่’ โพสต์ข้อความพร้อมภาพถ่าย ระบุว่า…

“อะไรครับ!! #ทำให้ช้างงาหัก หรือจะติดป้ายเล็กไป ติดป้ายเตี้ยไป แอดมิน ทำป้ายให้ใหญ่ขึ้นแล้วชัดเจนดีนะครับ กระผมจะอธิบายยังไงดี ยาวหน่อย จุดนี้คือโป่งชมรมเพื่อน แนะนำไปเดินถ่ายรูปทางเข้าหอส่องสัตว์หนองผักชีใกล้กัน สวยด้วย จะได้ไม่ต้องมี ดาราม่า 55+”

“เริ่มจากป้ายแจ้งเตือน ห้ามลงไปที่ดินโป่ง ไม่ว่าจะห้ามลงสาเหตุอะไร มีป้ายแจ้งว่าห้ามก็ควรปฎิบัติกฎของสถานที่นั้น ๆ จุดดินโป่งที่เป็นแอ่งดินสีน้ำตาลนั้นแหละ รวมไปถึงพื้นที่ทุ่งหญ้าบริเวณโดยรอบ ยิ่งจุดที่ไกลโป่งไปอีก เดินลงไปไกลมาก นอกจากกลิ่นของมนุษย์ ไหนจะกลิ่นน้ำหอม กลิ่นครีมทาผิว ที่มนุษย์ใช้ทาตัว ใช้ฉีดตัวทั่วร่างกาย ที่สัตว์ป่ารับรู้ได้ และสัตว์จะไม่ลงมา”

“จุดที่เรียกว่าดินโป่งเป็นแร่ธาตุ แคลเซียม และสารอาหารอย่างดีของสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นช้างป่า กระทิงป่า สัตว์น้อยใหญ่ มีนกเงือกลงมากินด้วยนะจะบอกให้ อีกหนึ่งสิ่งคือ อันตรายจะมาเยือนตัวท่านเอง ใกล้ถนนก็ไม่เท่าไร นี่เดินไปไกลเกือบชายป่า ในระหว่างเดินไป ไม่กลัวงูกันเหรอ งูจงอาง ดุนะจะบอกให้ ไม่คิดว่าจะมีสัตว์ป่าออกมากันเหรอ เกิดไรขึ้นมารับผิดชอบตัวเองกันด้วยเด้อ แบบว่าไม่โทษเจ้าหน้าที่ไรงี้ สุดท้ายก็ไม่พ้นเจ้าหน้าที่โดนตำหนิ ทั้ง ๆ ที่ปัญหานิดเดียว ไม่ลงไปก็จบ จุดอื่น มีให้ถ่ายเยอะแยะ หรือแค่ขอบ ๆ ริมถนนเเล้วหันกล้องถ่ายไปหญ้าขาว ๆ เยอะ ๆ ก็สวยได้”

“ในช่วงนี้จะเห็นหญ้าสีขาวขึ้นเต็มไปหมดนักท่องเที่ยวก็ต่างพากันมาถ่ายรูป ซึ่งคงหาที่ไหนไม่ได้นอกจาก อุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ ที่มีหญ้าสีขาวให้เห็นกว้างใหญ่เหมาะกับการลงไปเก็บภาพความทรงจำ เข้าใจนะครับ กระผมเคยลงไปทำโป่งนี้ เดินอย่างไกล นี่เดินลงไปไกลกว่าโป่ง เเล้วเป็นเนินสูงด้วย เว้นระยะห่าง จากสัตว์ป่า ทำตามอย่างเคร่งเครัด เช่น ไม่ให้อาหารสัตว์ป่า ไม่ทิ้งขยะ ควรเคารพระยะห่างจากสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า การสังเกตการณ์สัตว์ป่า รักษารัศมีที่จะไม่ทำให้สัตว์ป่าคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย เขาจะมาทำร้ายเราได้ ตัวเราเอาก็ไม่ปลอดภัย ยุคนี้ธรรมชาติเปลี่ยนไปเยอะมาก คนทำให้ธรรมชาติเปลี่ยน”

“อุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ ขึ้นตรงกับกรมอุทยานเเห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์พืช ช่วยกันแชร์ให้กรมเห็น ออกกฎเปรียบเทียบปรับอย่างเด็ดขาด ช่วยกันรักษาคงไว้เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด”

ทั้งนี้ เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เกินเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บุคคล ที่มีพฤติกรรมละเมิดล่วงล้ำพื้นที่ป่า แสวงหาประโยชน์ส่วนตน ไม่สนใจผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง

ด้าน น.ส.พันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ เปิดเผยว่า ‘ฝากถึงนักท่องเที่ยวทุกคำแนะนำและคำเตือนประกาศห้ามต่าง ๆ ล้วนคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่าในอุทยาน ดังนั้น นักท่องเที่ยวทุกคนควรปฏิบัติตามคำเตือนไม่ควรฝ่าฝืน ทำเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติและระบบนิเวศ ควรร่วมกันสร้างจิตสำนึกเพื่อแบ่งปันความสวยงามของธรรมชาติให้แก่นักท่องเที่ยวอื่นได้สัมผัสต่อไปอย่างยั่งยืน’

28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วันเปิดประชุม ‘สภาผู้แทนราษฎร' ชุดแรก-ครั้งแรกของไทย ใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปีพ.ศ. 2475 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ประเทศไทย (สยาม) ได้เปลี่ยนผ่านจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ นับแต่นั้นมาประเทศไทยก็ขับเคลื่อนไปด้วยกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่เรียกว่า ‘ผู้แทนราษฎร’ ทำหน้าที่ใช้สิทธิออกเสียงในการบริหารปกครองบ้านเมืองแทนประชาชน

ทั้งนี้ เวลา 14 นาฬิกา ของวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 สภาผู้แทนราษฎรได้มีการประชุมเป็นครั้งแรก ณ ห้องโถงชั้นบนของพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยจัดห้องประชุมเป็นลักษณะครึ่งวงกลมตามระนาบพื้นห้อง การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) อ่านรายนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง จำนวน 70 คน และเป็นผู้กล่าวนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปฏิญาณตนในที่ประชุม จากนั้น เจ้าพระยามหิธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมาอ่านเปิดประชุม เสร็จแล้วจึงได้ดำเนินการประชุมต่อไป จึงถือว่าวันนั้นเป็นวันก่อกำเนิดของ ‘รัฐสภาไทย’ มาจนถึงทุกวันนี้

ทั้งนี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนั้น ที่ประชุมมีมติเลือกเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก และเห็นชอบให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนแรก รวมทั้งมีมติเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานกรรมการราษฎร (นายกรัฐมนตรี) คนแรก จึงถือว่าคณะรัฐมนตรีได้ถือกำเนิดขึ้นในวันเดียวกันด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะล่วงเลยผ่านตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา รัฐสภาชุดต่าง ๆ ยังคงทำหน้าที่ในฐานะองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยฝ่ายนิติบัญญัติแทนประชาชน โดยออกกฎหมายมาใช้บังคับในสังคม ควบคุมและตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร และให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ๆ ของประเทศ รวมทั้งแสดงบทบาทในฐานะผู้แทนประชาชนในกิจการต่าง ๆ และเป็นสิทธิเป็นเสียงแทนประชาชนทั้งประเทศต่อเนื่องตลอดมา

‘เด็ก 15 ยอดกตัญญู’ ยอมหยุดเรียน ‘หาเลี้ยงน้อง-ดูแลย่า’ เร่เข็นรถเก็บขยะกลางแดดขาย ‘ไป-กลับ 14 กิโลเมตร’

(18 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเด็กชายอายุประมาณ 14-15 ปี เดินเท้าเปล่าเข็นรถหาเก็บขยะริมถนนแถว ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย บางครั้งพาน้องชายและน้องสาวตัวน้อย อายุ 2-3 ขวบ มาตากแดดตากฝนเดินหาเก็บขยะด้วยกัน

ด้านชาวบ้านเห็นก็รู้สึกสงสาร อยากให้มีหน่วยงานมาช่วยเหลือ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบและพบเด็กดังกล่าวชื่อ นายอภินันท์ หรือน้องเอ อายุ 15 ปี กำลังเดินเข็นรถเก็บขยะอยู่ข้างทางกลางแดดเปรี้ยง

น้องเอ เล่าให้ฟังว่า พ่อแม่แยกทางกันและไม่มีที่อยู่ของตัวเอง ปัจจุบันอาศัยนอนในบ้านกลางนาของญาติ อยู่ร่วมกันทั้งหมด 7 คน มีย่าอายุ 63 ปี กับอา-อาสะใภ้ ลูกของอาอีก 3 คน อายุ 11 ปี 9 ปี และ 2 ขวบครึ่ง ตอนนี้หยุดเรียนหนังสือเพราะต้องคอยดูแลย่าที่เจ็บป่วยหลายโรค ทั้งความดัน เบาหวาน กรดไหลย้อน ข้อเข่าเสื่อม และยังต้องหาเก็บขยะขายทุกวัน เพื่อจะได้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว

น้องเอ บอกอีกว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปเรียน แต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้า รองเท้า หนังสือ แล้วก็เป็นห่วงย่า เลยหยุดความคิดไว้ก่อน ส่วนที่ว่าทำไมต้องพาน้องสาวตัวน้อยวัย 2 ขวบ (ลูกของอา) ไปเก็บขยะด้วยกัน ก็เพราะว่าอาไม่อยู่บ้าน ต้องออกไปทำงานรับจ้าง ตนจึงช่วยดูแลน้องแทน

นางกิ่ม (ย่าน้องเอ) บอกว่า หลานชายเป็นเด็กขยัน ช่วยงานบ้านทุกอย่าง ตั้งแต่หยุดเรียนเมื่อปีที่แล้ว ก็ออกจากบ้านเดินหาเก็บขยะทุกวัน โดยมีชาวบ้านใจดีให้ยืมรถเข็น ขายขยะได้เงินวันละ 50-150 บาท ก็เอามาให้ย่าหมด เก็บไว้ซื้อยาซื้อกับข้าวกินในครอบครัว

ชาวบ้าน อ.เมืองสุโขทัย บอกว่า เห็นน้องเอเดินเท้าเปล่าเข็นรถเก็บขยะแทบทุกวัน เดินไป-กลับก็ประมาณ 14 กิโลเมตร บางวันก็พาน้องๆ มาด้วย เดินตากแดดตากฝน ชาวบ้านสงสารก็เลยให้น้ำ ให้ขนม ให้เสื้อผ้า และเก็บขวดน้ำ ลังกระดาษไว้ให้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้ใจบุญสามารถส่งสิ่งของจำเป็นมาช่วยเหลือได้ที่ นางกิ่ม (ย่า) หรือนายอภินันท์ (น้องเอ-เด็กกตัญญู) บ้านเลขที่ 44 หมู่ 2 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย 64210

สงขลา-ผบช.สตม.แถลง 2 คดีสำคัญ ทั้งรวบหัวหน้าแก๊งโคลอมเบียที่ก่อเหตุลักทรัพย์บ้านของนักธุรกิจที่มาเลเซีย ได้ทรัพย์สินไปรวมกว่า 70 ล้านบาท

อีกคดีจับหนุ่มอิตาลีลักลอบค้าโคเคนให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติสายปาร์ตี้บนเกาะสมุย และยังเปิดธุรกิจให้เช่ารถจักรยานยนต์บังหน้าโดยใช้นอมินีชาวไทย เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ 18 มิ.ย. 67 ที่โรงแรมคริสตัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผู้แทน ผกก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลกรปฏิบัติงานของสำนักงานตรวจเข้าเมือง 2 คดีสำคัญในรอบเดือนนี้ โดยคดีแรกทาง ตม.6 และ บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายโลเปซ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาวกัวเตมาลา ได้ที่บริเวณหน้าล็อบบี้ทางเข้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ซึ่งหลบหนีเขาเมืองโดยผิดกฎหมาย

และยังได้รับการประสานจากตำรวจมาเลเซียว่า ชายคนนี้เป็นหัวหน้าแก๊งคนร้ายอเมริกาใต้ที่ก่อเหตุร่วมกันลักทรัพย์ที่บ้านพักนักธุรกิจคนหนึ่งกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อช่วงวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ทรัพย์สินของมีค่าไปรวมมูลค่าหลายรายการรวมกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งทั้งแก๊งมี 8 คน และตำรวจมาเลเซียคชติดตามจับกุมไปได้แล้ว 7 คน เหลือแค่เพียงหัวโจกรายนี้ และคาดว่า น่าจะหลบหนีมาตามช่องทางธรรมชาติผ่านข้ามแดนมายังประเทศไทย เพื่อที่จะหลบหนีไปยังเพื่อนบ้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวน และเฝ้าติดตามจนกระทั่งทราบว่า ได้หลบหนีเข้ามายังอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และหารถเช่าเดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯ จึงเข้ารวบตัวได้ในที่สุด
ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่า แท้จริงแล้ว นายโลเปซ เป็นชื่อปลอม โดยชื่อจริงคือ นายมิเกล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี เป็นชาวโคลอมเบีย และจากการตรวจค้นในห้องพักโรงแรมหรูพบของกลางทั้งสร้อยคอ กำไล แหวน และเครื่องประดับรวม 6 ชิ้น ซึ่งคาดว่า เป็นของที่ได้ขโมยมา จึงยึดเอาไว้ และแจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยสอบสวนเบื้องต้น นายมิเกล ไม่ได้ให้การอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดี รวมทั้งขยายผลไปยังเครือข่ายผู้นำพาข้ามแดน และเมื่อคดีสิ้นสุดจะกักตัวไว้ เพื่อรอดำเนินการตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า นายมิเกล เคยร่วมกับพวกสัญชาติเดียวกันก่อเหตุเช่ารถตระเวนลักทรัพย์ที่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2553 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกข้อมูลประวัติไว้ในบัญชีบุคคลเฝ้าระวังของ สตม. ด้วย ส่วนอีกคดีเป็นปฏิบัติการสยบนักค้ายาต่างชาติในพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งมีการลักลอบค้าโคเคน และตั้งนอมินีธุรกิจเช่ารถบังหน้ามาหลายปี โดยเจ้าหน้าที่ ตม.สุราษฏร์ธานี ได้จับกุมตัวชายชายต่างชาติคือ นายแมตติโอ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวอิตาลี ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน)

หลังได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดีว่า มีชาวต่างชาติลักลอบขายยาเสพติดให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยกัน โดยเฉพาะสายปาร์ตี้ ที่เดินทางมรท่องเที่ยวที่เกาะสมุย จึงส่งสายลับชาวต่างชาติสืบหาข้อมูลจนรู้ตัว และวางแผนล่อซื้อ โดยให้สายลับทำทีสั่งโคเคนจำนวน 25 กรัม ราคากรัมละ 2,500 บาท เป็นเงินจำนวน 62,500 บาท ก่อนที่ นายแมตติโอ จะขับรถจักรยานยนต์มาส่งยาให้ที่บริเวณบาร์แห่งหนึ่ง ถนนเลียบหาดละไม ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่จึงรวบตัวเอาไว้ได้และคุมตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักที่บ้านพักเลขที่ 105/23 ม.3 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย ซึ่งพบว่า ได้เปิดเป็นร้านธุรกิจให้เช่ารถมอเตอไซด์ ชื่อ บริษัท วาสนา มอเตอร์ไบท์ จำกัด เป็นของ นายแมตติโอ โดยไม่พบยาเสพติดเพิ่มเติม แต่พบรถจักรยานยนต์สำหรับให้เช่าจำนวนมากว่า 70 คัน รวมทั้งสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ 8 เล่ม วงเงินหมุนเวียนรวมกว่า 8 ล้านบาท และพบเงินสดเกือบ 1.1 ล้านบาท จึงได้ทำการยึด และอายัดทรัพย์สินนำส่ง สำนักงาน ป.ป.ส.ภ.8 เพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ธุรกิจให้เช่ารถมอเตอไซด์ ชื่อ บริษัท วาสนา มอเตอร์ไบท์ จำกัด เป็นของ นายแมตติโอ และมีรถให้เช่ากว่า 70 คัน แท้จริงแล้วมีนอมินีเป็นสาวชาวไทย คือ น.ส.วาสนา (ขอสงวนนามสกุล) โดยสาวชาวไทยถือหุ้นในสัดส่วน 51 เปอร์เซ็น ส่วน นายแมตติโอ ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ โดยทั้งคู่เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นเช่นเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายให้สามารถประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งเงินที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมด และผลกำไร เป็นของ นายแมตติโอ แต่เพียงผู้เดียว เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.วาสนา ในฐานความผิดเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และให้ดำเนินคดีกับนายแมตติโอ เพิ่มเติมในฐานความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อให้ตนประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ตามมาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ สตม. ให้ข้อมูลว่า จากพฤติการณ์ดังกล่าว นายแมตติโอ ได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร และเปิดกิจการเช่ารถมอเตอร์ไซด์บังหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ และแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่า ตนเองมีกิจการเป็นที่มั่นคง เพื่อปิดบังอำพรางการได้มาซึ่งทรัพย์สินจากการขายยาเสพติด ซึ่งจากการสอบถาม นายแมตติโอ ให้ข้อมูลว่า ได้ติดต่อขอซื้อยาเสพติดมาจากกลุ่มคนต่างชาติด้วยกัน แล้วนำมาแบ่งขาย หรือที่ภาษาในหมู่นักขายยาใช้คำว่า “จอยส์” โดยขายให้กับคนต่างชาติตามสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน และได้ให้ข้อมูลกลุ่มคนต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปสู่ต้นทางของยาเสพติดที่ระบาดในหมู่นักท่องเที่ยวต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ชลบุรี-ตม.พัทยา บุกทลายแหล่งแรงงานต่างด้าวจับชาว เมียนมาและอินเดีย 68 ราย

วันนี้ 18 มิ.ย. 67 พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีกลุ่มบุคคลต่างด้าวเข้ามาอาศัยภายใน บริเวณชุมชน ภายในซอยสำนักงานที่ดิน หมู่ 10 ต.หนองปรื อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กวิณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง.ผกก.ตม.จว.ชลบุรี และ พ.ต.ท.วีระชัย ถิ่นกมุท สว.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมชุดสืบสวนตม.จว.ชลบุรี ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบกลุ่มชาวต่างชาติ จำนวน 68 ราย ชาย 60 ราย หญิง 8 ราย เบื้องต้นไม่พบเอกสารประจำตัว จึงได้นำตัวมาที่ ตม.จว.ชลบุรี เพื่อดำเนินการตรวจสอบเอกสารการเดินทาง หนึ่งในกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา เผยว่า ส่วนใหญ่จะเป็นลูกจ้างร้านอาหารในพัทยา และรับจ้างทั่วไปตามร้านบริการอื่นๆ โดยจะเดินทางผ่านเส้นทางธรรมชาติ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และไม่มีใครช่วยเหลือ จากนั้น นั่งรถบัสเดินทางเข้ามายังพัทยา เหตุผลที่อยากเข้ามาในไทย เนื่องจากอยากหาเงินให้กับครอบครัว ประกอบกับประเทศของตนมีสงคราม จึงตัดสินใจเข้ามาทำงานในประเทศไทย ผู้ประกอบการเผยว่า ตนก็ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเสมอ แต่มีเอเจนซี่รายหนึ่ง ที่รับต่อวีซ่าและทำใบอนุญาตการทำงาน เป็นจำนวน 48,100 บาท/คน ตนได้จ่ายเงินไปแล้ว แต่เอเจนซี่ดำเนินการช้าเป็นเดือน เป็นเหตุทำให้วีซ่าแรงงานของตนขาดอายุ และถูก ตม.จว.ชลบุรีจับ ตนรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็บริสุทธิ์ใจในสิ่งที่ตนทำว่าทำถูกต้องตามกฎหมายจริงๆ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ให้แรงงานต่างด้าว ทราบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และเตรียมส่งตัวไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งเตรียมผลักดันส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

‘มิน ออง หล่าย’ ให้คำมั่น ‘จัดการเลือกตั้งทั่วไป’ ปี 2025 ยัน!! มอบอำนาจให้ ‘พรรคที่ชนะ’ ท่ามกลางกระแสเลื่อนถี่

(18 มิ.ย.67) สำนักข่าวอิรวดีรายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ ระหว่างการเยี่ยมเจ้าหน้าที่และตัวแทนชุมชนในเมืองเมะทีลา (Meiktila) เขตมัณฑะเลย์ ‘มิน ออง หล่าย’ ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้กล่าวให้คำมั่นว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเมียนมาในปีหน้า

ก่อนหน้านี้เขากล่าวว่าการเลือกตั้งจะจัดขึ้นหลังจากการสำรวจสำมะโนประชากรในเดือน ต.ค. ปีนี้เสร็จสิ้น โดยยืนยันว่าจะจัดการเลือกตั้งเพื่อมอบอำนาจให้กับพรรคที่ชนะ แต่ที่ผ่านมา มิน ออง หล่าย ได้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยอ้างเรื่องความไม่มั่นคงในเมียนมา

ขณะที่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว มิน อ่อง หล่าย ได้รับคำแนะนำให้มีการลงคะแนนเสียงในดินแดนที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล แต่เขาปฏิเสธแนวคิดนี้ และกล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นหลังจากสันติภาพและเสถียรภาพกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วเท่านั้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้นำรัฐบาลทหารยอมรับว่า กองกำลังของเขาสูญเสียพื้นที่ในความควบคุม หลังจากเมืองหลายแห่งทางตอนเหนือของรัฐฉานถูกยึดไปในปฏิบัติการ 1027 ของกลุ่มภราดรภาพ และเสีย 10 เมืองในรัฐยะไข่และรัฐชินให้กับกองทัพอาระกัน

รัฐบาลเมียนมาได้สูญเสียรัฐยะไข่ไปแล้วครึ่งหนึ่ง และความตึงเครียดก็กลับมาสูงอีกครั้งทางตอนเหนือของรัฐฉาน แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวหลังจีนเป็นคนกลางเจรจาก็ตาม
ความพ่ายแพ้ของฝ่ายรัฐบาลที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เกิดคำถามว่า เมียนมาจะดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือจัดให้มีการเลือกตั้ง ได้จริงหรือ?

นอกจากนี้ หลังจากยุบพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของ องงซาน ซูจี และปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้งปี 2020 รัฐบาลทหารยังได้แก้ไขกฎหมายการจดทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อสนับสนุนพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ที่เป็นตัวแทนของกองทัพด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top