Saturday, 17 May 2025
TheStatesTimes

'โค้ชหนุ่ม' ยกเคสหญิงมีปัญหาการเงินรุม แต่พอแนะวิธีไหนไปก็บอกว่า 'ทำไม่ได้'  แต่สุดท้ายฉีกตำรา 'แก้ทุกข์' ด้วยการมีสามีต่างชาติที่รายได้สูงและยังไม่ตาย

(19 มิ.ย.67) จากเพจ 'Money Coach' โดย 'โค้ชหนุ่ม' จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ได้แชร์เรื่องราวของเคสผู้หญิงรายหนึ่งที่ประสบปัญหาการเงิน แต่ไม่ยอมทำตามคำแนะนำ แต่เธอคนนั้นแก้ปัญหาด้วยการมีสามีชาวต่างชาติที่รายได้สูงและยังมีชีวิตอยู่ ว่า...

เรื่องจริง...ยิ่งกว่านิยาย 

ทำหน้าที่เป็นมันนีโค้ชมาหลายปี ต้องบอกเลยว่าเจอเรื่องการเงินที่ไม่น่าเชื่อและไม่คิดว่าจะเป็นไปได้มากมาย หลายเรื่องฟังดูคล้ายนิยาย พูดไปใครก็คงคิดว่าโค้ชแต่งเรื่องขึ้นมา แต่พอทำหน้าที่นี้นานเข้า คุยกับคนมากเข้า ก็ยิ่งมั่นใจว่า “ถ้าเป็นเรื่องการเงิน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

ตอนเริ่มต้นทำงานให้คำปรึกษาใหม่ ๆ ผมได้เจอสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เธอมาขอคำปรึกษาเรื่องหนี้ เราเจอกันในงานสัมมนาของพรรคการเมืองหนึ่งที่มีโครงการช่วยคนปลดหนี้ 

ครั้งแรกที่ได้เห็นงบการเงินของเธอแล้วบอกได้คำเดียว “มันหนักมาก” รายได้ของเธอมีส่วนต่างจากรายจ่ายร่วม ๆ เท่าตัว ทรัพย์สินมีบ้านอยู่ 1 หลัง ที่ปลอดภาระ 

เธอเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนเธอสบาย รายได้ส่วนตัวน้อยก็อยู่ได้ เพราะสามีเป็นคนหารายได้หลัก แต่พอสามีเสียชีวิตไป การเงินเธอก็พลอยแย่ไปด้วย

ผมเองพยายามให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหา แต่ดูเหมือนเธอจะติดขัดไปหมด โน่นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ไม่ถนัด 

สิ่งเดียวที่เธอพูดตลอดเวลาเจอกันคือ โค้ชต้องช่วยพี่นะ! ห้ามทิ้งพี่นะ! แต่ก็ไม่ทำอะไร แนะนำให้ขายบ้านเอาเงินส่วนหนึ่งมาชำระหนี้ แล้วเอาส่วนหนึ่งไปตั้งหลักใหม่ เธอก็ไม่ทำ อ้างว่าไม่อยากขายความหลังเก่า ๆ กับสามี (เธออยู่คนเดียว ไม่มีลูก) แนะนำให้หาธุรกิจ หารายได้เพิ่ม เธอก็อ้างว่าอายุเยอะแล้วเริ่มต้นใหม่คงไม่ง่าย ทั้งที่อายุแค่ 40 กว่า

คุยทุกอย่างให้คำแนะนำทุกทาง เธอก็ไม่ยอมทำตามเลยจนช่วงหนึ่งเธอเริ่มหายไปจากชีวิตผม (กลายเป็นผมโดนทิ้งซะเอง 555)

ผ่านไปได้ร่วมครึ่งปี เธอติดต่อกลับมาครับ พร้อมกับเล่าว่า เธอเคลียร์ปัญหาทางการเงินทั้งหมดได้แล้ว

งงสิครับ!! หนี้ตั้งเยอะตั้งแยะ รายได้ก็ไม่มี ทรัพย์สินก็ไม่มี หลุดจากปัญหาได้ยังไง (ตอนนั้นแอบคิดว่า ... ถูกหวยแหง ๆ)

ซึ่งก็จริงครับ พี่เค้าถูกหวยจริง แต่ไม่ได้ถูกหวยกองสลาก แต่เป็นหวยมนุษย์ครับ พี่แกได้แฟนเป็นชาวต่างชาติที่มาทำงานเมืองไทย ... เรียกว่าเจอกันปุ๊บ อยู่กินด้วยกันปั๊บ สบายไปเลยครับ

อย่างไรก็ดี เธอขอบคุณผมที่อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนคอยให้ปรับทุกข์ในช่วงที่มีปัญหา แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะช่วยอะไรพี่เขาไม่ได้เลยก็ตาม (เจ็บจี๊ด 555)

นาฬิกาหมุนไป ชีวิตคนเราก็หมุนตาม ...

ผ่านไปร่วม 2 ปี เรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น สามีต่างชาติที่เป็น EXPAT เสียชีวิต คุณพี่ของผมท่านนี้จึงกลับมาพร้อมกับน้ำตาและคำว่าเสียใจ 

ไม่ใช่! กลับมาพร้อมกับความลำบากทางการเงินอีกครั้ง เพราะรายรับประจำจากสามีหายไป ข้าวของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม รถยนต์ของสามี ล้วนแล้วแต่เป็นของประจำตำแหน่ง เงินทองที่สามีเคยให้ก็ไม่เคยเก็บ และแทบจะหมดไปทันทีที่ได้มา

และเหมือนเดิมครับ ถ้าปัญหาหนี้ไม่หนักหน่วงจะไม่มีทางนึกถึงผม ครั้งนี้ก็เช่นกัน

คุณพี่กลับมาพร้อมกับปัญหาใหญ่ไม่แพ้กับครั้งก่อน พอสามีจากไป เธอก็เริ่มใช้ชีวิตหยิบยืม และต้องรอจนบ่มได้ที่ เป็นหนี้จนหันหน้าพึ่งใครไม่ได้ 

แล้วก็เหมือนเดิม โจทย์ยากโคตร ไม่มีรายได้ หนี้เต็มตัว ทรัพย์สินใด ๆ ไม่มี บ้านหลังเก่าเธอขายไปตั้งแต่เจอสามีใหม่ได้ไม่นาน ... (ไหนบอกอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี) และสุดท้ายก็ใช้เงินจนหมด

แล้วที่ยังเหมือนเดิมอีกเรื่องก็คือ ให้แนะนำอะไรไปก็มีข้ออ้าง พี่แก่เกินไปที่จะเริ่มต้น ทำกิจการอะไรก็ไม่ได้มันเสี่ยง ฯลฯ 

เมื่ออะไร ๆ ยังเหมือนเดิม ผลลัพธ์จึงเหมือนเดิม ผมช่วยอะไรเธอไม่ได้ตามคาด และบอกตรง ๆ ว่าแอบเบื่อนิด ๆ เวลาเห็นคำถามทางอีเมล์จากพี่เขา เพราะรู้สึกว่าให้คำปรึกษาไปแล้วดูดพลังผมอย่างมาก เพราะสำหรับพี่เขา “อะไร ๆ ก็ไม่ได้”

สุดท้ายเหมือนละคร Remake เธอหายไปจากชีวิตผมพักใหญ่ ๆ ด้วยเห็นว่าไอ้โค้ชการเงินแห่งสารขัณฑ์คงช่วยอะไรฉันไม่ได้อีกตามเคย

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้รับอีเมล์จากเธอ พร้อมด้วยภาพสวย ๆ ของชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกัน ด้านหลังเป็นวิวภูเขาในต่างประเทศ ลุคดูดีมีสกุลมาก ๆ

ใช่ครับ! มันเป็นหนัง Remake โดยสมบูรณ์ เธอแต่งงานใหม่อีกครั้งกับชาวต่างประเทศ และคราวนี้ย้ายไปอยู่กับเค้าเสียเลย และแน่นอน ชีวิตเธอผ่านพ้นปัญหาหนี้และกลับมาสุขสบายอีกครั้ง

และก็เหมือนเคย นิยายเรื่องนี้ จบด้วยความไร้ความสามารถของ THE MONEY COACH อีกครั้งหนึ่ง

- จบบริบูรณ์ -

‘ชาวบ้านแม่น้ำคู้’ ผวา!! ‘โจ๋เขมร’ ตั้งแก๊งไล่ทำร้ายคนไทย-เพื่อนร่วมชาติ ต้องวิ่งหนีเข้าป่าเอาชีวิตรอด ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีใครกำราบ

เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 67) ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งที่แม่น้ำคู้ซอย 3 ในพื้นที่ ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หลังทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่ามีคนไทยและกัมพูชา ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชาไล่ทำร้ายร่างกายจนต้องวิ่งหนีเข้าป่าเพื่อเอาชีวิตรอด

ทั้งนี้ ที่บริเวณห้องเช่าดังกล่าว มีห้องพักอยู่ติดกันกว่า 20 ห้อง พบชาวบ้านกว่า 20 คนอยู่ในอาการผวา พร้อมจับกลุ่มคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพบรถจักรยานยนต์ 1 คันยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีบรอนซ์-ดำ มีรอยคล้ายถูกมีดฟันที่ตัวรถ ตะกร้าหน้ารถบิดเบี้ยวและชิ้นส่วนแตกหลุดออกมา

ด้าน น.ส.ศิริพร (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปีให้ข้อมูลว่า ตนและแฟนออกไปทำธุระกับเพื่อน พอแยกกันตนกับแฟนถึงห้องแล้วแต่เพื่อนแฟนยังไม่ถึง ภายหลังทราบว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชาไล่ทำร้ายและหนีเอาชีวิตรอดมาได้ ตอนนี้ชาวบ้านแม่น้ำคู้ต้องอยู่แบบหวาดผวา วัยรุ่นกัมพูชากลุ่มนี้มีอยู่กว่า 10 คน เกเรมาก พวกเขาก่อเหตุไล่ทำร้ายคนไทยและไล่ทำร้ายคนชาติเดียวกันด้วยมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครมาจัดการได้

นายสุริยะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปีผู้เสียหาย เล่าว่า ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปหาน้อง พอถึงกลางซอยแม่น้ำคู้ 3 แถวร้านสะดวกซื้อ มีวัยรุ่นกัมพูชาขี่รถตามมาและตบที่ต้นคอจนตนตกใจ เมื่อหันไปก็เห็นคล้ายกับมีอาวุธด้วย ตนจึงรีบขี่รถหนี แต่คิดว่าคงหนีไม่พ้นจึงทิ้งรถ หนีเข้าไปซ่อนตัวในป่าจนรอดมาได้

ผู้เสียหายอีก 1 รายชื่อนายวิทย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี เป็นแรงงานชาวกัมพูชา ซึ่งขี่รถผ่านมาพอดีก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาติเดียวกันขี่ตามไล่ทำร้ายร่างกายเช่นกัน จนต้องทิ้งรถ จยย.วิ่งหนีเข้าป่าจึงรอดมาได้ ส่วนรถถูกมีดฟันได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้งคนไทยและชาวกัมพูชาที่พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าดังกล่าวต่างใช้ชีวิตกันอย่างหวาดผวา และได้เตรียมแจ้งความที่ สภ.ปลวกแดง เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมอยากฝากให้ สภ.ปลวกแดง เร่งจัดการกับกลุ่มกัมพูชากลุ่มนี้เพราะเป็นอันตรายต่อชุมชนอย่างมาก 

‘อนุทิน’ แท็กทีมลูกพรรค สวมใส่เสื้อ ‘สีเหลือง’ ร่วมใจแสดงความจงรักภักดี ขณะประชุมสภาฯ

(19 มิ.ย.67) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ โดยมีนาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธาน สภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งหายจากอาการป่วยโควิด-19 เป็นวันแรก ได้นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง 

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำทีมรัฐมนตรี และสส.พรรคภูมิใจไทย ส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมประชุม ซึ่งจะใส่ในวันพิจารณางบประมาณ 2 วันคือวันที่ 19 และวันที่ 21 มิ.ย.นี้ 

'สุริยะ' มั่นใจ 'โปรเจกต์แลนด์บริดจ์' เกิดแน่ หลังประธานดูไบเวิลด์ จ่อพบนายกฯ 1 ก.ค.นี้

(19 มิ.ย.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย - อันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ โดยระบุว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับผู้บริหารบริษัท Dubai Port World (DP World) เพื่อเชิญชวนให้มาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ ล่าสุดสุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกลุ่มบริษัท และผู้บริหารของ DP World ประสานจะเดินทางมาหารือกับนายกฯ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้

โดยกระทรวงฯ เตรียมความพร้อมนำคณะผู้บริหารของ DP World ลงพื้นที่จริงเพื่อสำรวจศักยภาพของการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งการประสานงานของทาง DP World ในครั้งนี้ ตอกย้ำได้ว่าโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่ต่างชาติแสดงความสนใจร่วมทุน และจะเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจริง 100% ภายในรัฐบาลนี้ โดยหากมีการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ จะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนลงระบบเศรษฐกิจมากถึง 1 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ดี DP World ถือเป็นบริษัทชั้นนำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเชี่ยวชาญโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า การดำเนินงานท่าเรือ การขนส่งสินค้าทางทะเลและเขตการค้าเสรี ก่อตั้งปี 2548 ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 70 ล้านตู้ โดยมีเรือนำเข้า 70,000 ลำต่อปี คิดเป็น 10% ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก และมีพื้นที่ให้บริการในท่าเรือ 82 แห่งใน 40 ประเทศ

ขณะที่ DP World เคยมีความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2551 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอร่างบันทึกความเข้าใจในการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าเพื่อศึกษาความเหมาะสมแนวทางการพัฒนาท่าเรือฝั่งทะเลอันดามันและสะพานเศรษฐกิจเชื่อมท่าเรือฝั่งอ่าวไทย

ทั้งนี้ มีการลงนามระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และ DP World เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2551 ซึ่งอยู่ช่วงนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่ต่อมาถูกยุบพรรค และกลายมาเป็นพรรคเพื่อไทย โดยการลงนามครั้งนั้น สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม DP World มาลงนามด้วยตัวเอง

สำหรับ โครงการแลนด์บริดจ์ มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1.001 ล้านล้านบาท จะแบ่งเป็น ท่าเรือฝั่งระนอง 330,810 ล้านบาท ท่าเรือฝั่งชุมพร 305,666 ล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟ 358,517 ล้านบาท โดย สนข.ศึกษาพบว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่มีความคุ้มค่าในการลงทุน มีผลตอบแทนการลงทุนโครงการวัดจาก Internal Rate of Return (IRR) สูงกว่า 10% ต่อปี อีกทั้งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในพื้นที่ภาคใต้จาก 2% เป็น 10% ต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี

ขณะที่สถานะปัจจุบันโครงการผ่านการศึกษาและเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน รวมทั้งกระทรวงคมนาคมได้จัดโรดโชว์นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเร่งผลักดัน พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ. SEC) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ และเป็นปัจจัยบวกสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนทั้งด้านกฎหมาย สิทธิประโยชน์ ตลอดจนการจัดเก็บอัตราภาษีเงินได้

ทั้งนี้ สนข.ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมาที่กระทรวงคมนาคมแล้ว เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาเห็นชอบภายในเดือน ก.ย.นี้ ก่อนเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 หลังจากนั้นมีเป้าหมายออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนภายในไตรมาส 4 ปี 2568 พร้อมเปิดประมูลได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2569 ก่อนจะเริ่มเวนคืนที่ดินในไตรมาส 4 ปี 2569 และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2569 เพื่อเปิดให้บริการในปี 2573

‘ค้ำคูณ-KHamKoon’ สามล้ออีวี ฝีมือคนไทย ตอบโจทย์ขับเคลื่อนศก. ควบคู่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม

‘สามล้อ’ เป็นหนึ่งในยานพาหนะขนส่งซึ่งผูกพันอยู่กับวิถีชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด หนึ่งในขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายก็คือ ‘สกายแล็บ (Skylab)’ รถสามล้อเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่เมื่อโลกเผชิญกับคลื่นความร้อน การพัฒนารถอีวีเข้ามาทดแทนระบบสันดาป ประเทศไทยก็มีการพัฒนาสามล้ออีวีรูปลักษณ์ทันสมัย สวย เก๋ เท่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชื่อว่า ‘KHamKoon’ หรือ ค้ำคูณ

สามล้ออีวี KHamKoon พัฒนาโดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ (RMT) ร่วมกับ บริษัท เทคโนโลยีอีสานเหนือ จำกัด โดย วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ จังหวัดอุดรธานี ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตอบรับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ เอ็มเทค สวทช. เล่าถึงที่มาของโครงการว่า สามล้อ ‘KHamKoon’ ถูกพัฒนาด้วยแนวคิดให้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการขนส่งสาธารณะในจังหวัดอุดรธานี ที่กำลังเติบโตรองรับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ในอนาคต แต่การทำอะไรต้องแตกต่างจากคนอื่น ถ้าทำเหมือนคนอื่นเราก็ไม่ก้าวหน้า บุคคลหนึ่งซึ่งมีบทบาทสำคัญของโครงการนี้คือ คุณวิกรม วัชระคุปต์ รองประธานสภาธุรกิจไทย-ลาว ซึ่งเดินทางไปทำงานที่อุดรธานีบ่อยครั้ง และรู้จักกลุ่มอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ปรึกษาว่าจะทำอะไรร่วมกับอุตสาหกรรมในอุดรธานีดี ผมเสนอว่าลองทำรถสามล้อดีไหม เนื่องจากคนที่นั่นนิยมใช้รถสามล้อสกายแล็บ แต่ยังติดขัดเรื่องความปลอดภัย ความทันสมัย อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ และในมุมของวิศวกรรมก็มีจุดที่ต้องปรับปรุงหลายจุด ประกอบกับอุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ เป็นหัวเมืองสำคัญที่จะเชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว เป็นหนึ่งสถานีที่รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จอดรับ-ส่งผู้โดยสาร ก่อนเข้าหนองคาย เชื่อมต่อไป สปป.ลาว ถ้ารถไฟความเร็วสูงมา เมืองต้องปรับเปลี่ยน จึงเป็นที่มาของโครงการนี้

“ในมุมของคนอุดรธานี มีกลยุทธ์ในการพัฒนาเมืองด้วยคีย์เวิร์ดคือ ‘เมืองเดินได้’ หมายถึงคนไม่จำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง แต่หันมาใช้รถสาธารณะแทน แล้วรถสาธารณะอะไรที่ตอบโจทย์ความเป็นเมืองที่มีขนาดกะทัดรัดเช่นอุดรธานี นั่นก็คือ micro mobility ผนวกกับเรามีโอกาสคุยกับผู้ประกอบการที่ผลิตรถสกายแล็บในอุดรธานี คุยกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และ วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาองค์ความรู้ และเห็นว่าการพัฒนารถสามล้ออีวี KHamKoon จะทำให้นักศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ ได้เรียนรู้นวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ เมื่อได้ภาคเอกชนมาร่วม เราก็ดีไซน์สามล้ออีวี ตั้งแต่การออกแบบ พัฒนาแบบ พัฒนาเทคโนโลยี ทำโปรโตไทป์ จากนั้นจึงเขียนโครงการขอรับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพข. และได้รับการอนุมัติ โดยเอกชนคือวิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ ร่วมสนับสนุนทุนวิจัย 10 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับให้ใช้สถานที่ของวิทยาลัยพัฒนาต้นแบบรถสามล้อ KHamKoon” ดร.เอกรัตน์ กล่าว

โครงการรถต้นแบบ ‘สามล้อ KHamKoon’ เริ่มดำเนินการช่วงเดือนกันยายน 2565 สิ้นสุดโครงการเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งสำเร็จได้ด้วยงานวิจัยยุคใหม่ ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้จริง เชื่อมโยงเครือข่ายการทำงานตั้งแต่ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และ สมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการขนส่งแห่งอนาคต มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวทางการพัฒนาธุรกิจ  ภายใต้บริบทเศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การขนส่งสาธารณะยุคใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบรับกับเมืองแห่งอนาคต

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของโครงการนี้ ไม่ได้อยู่แค่การผลิตรถยนต์สามล้ออีวีออกมาขายเท่านั้น แต่ต้องการให้รถสามล้อ KHamKoon ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมฐานราก ให้คนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมทั้งการผลิต การท่องเที่ยว การบริการ ขับเคลื่อนจีดีพีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

“ต้องขอบคุณ บพข. ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่ดี สนับสนุนงานวิจัยที่สามารถเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมให้เกิดการนำไปใช้ได้จริง ซึ่งการขนส่งแห่งอนาคต เป็นหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยใช้ยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบาย 30@30 และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในด้านการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ” ดร.เอกรัตน์ กล่าว

ดร.วัลลภ รัตนถาวร นักวิจัยทีมวิจัยเทคโนโลยีการผลิตและซ่อมบำรุง ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ เอ็มเทค สวทช. เล่าถึงการวิจัยและพัฒนาว่า รถสามล้อทั่วไปจะมีจุดศูนย์ถ่วงอยู่ใกล้กับล้อหน้า เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วจะเกิดการสไลด์ ล้อยก หรือพลิกคว่ำได้ง่าย ทีมวิจัยจึงได้นำความเชี่ยวชาญด้านระบบขับเคลื่อนและระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ออกแบบ ‘การเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งให้แก่รถ’ โดยเทคโนโลยีเฉพาะที่พัฒนาขึ้น คือ ‘มอเตอร์ควบคุมการขับเคลื่อนที่ควบคุมล้อแต่ละล้อได้อย่างอิสระตามสถานการณ์การขับขี่แบบอัตโนมัติ’ ซึ่งจากการทดสอบประสิทธิภาพความปลอดภัยในการใช้งานพบว่า ผู้ขับขี่สามารถขับรถต้นแบบ KHamKoon แล้วกลับรถหรือเปลี่ยนทิศทางรถอย่างรวดเร็ว (J-turn) ที่ความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างปลอดภัย ตรงตาม มอก. 3264-2564 ที่เป็นมาตรฐานสากล

“เทคนิคสำคัญการออกแบบสามล้อ KHamKoon มี 3 ส่วนหลักๆ คือ 1. ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ซึ่งเป็นตามเทรนด์ใหม่ เปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปเป็นระบบไฟฟ้า 2. ด้านวิศวกรรม ต้องออกแบบตัวรถให้มีความมั่นคง แข็งแรง น้ำหนักเบา และส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในพื้นที่ และ 3. ต้องวิ่งได้ดี มีความปลอดภัย เนื่องจากธรรมชาติของรถสามล้อ ต้องเลี้ยวในพื้นที่แคบ อาจเกิดการพลิกคว่ำ การสไลด์ หรือรถยกตัวได้ง่าย เราจึงใช้องค์ความรู้ด้านวิศวกรรม มาแก้ปัญหาเชิงโครงสสร้าง จนผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากล” ดร.วัลลภ กล่าว

สำหรับโครงสร้างรถ ทีมวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์โครงสร้าง ซึ่งอยู่ในกลุ่มวิจัยเดียวกัน ได้ดำเนินการออกแบบใหม่ โดยปรับแต่งให้เป็นรถที่คงไว้ซึ่งลักษณะเค้าโครงเดิมของสกายแล็บ แต่มีความทันสมัย แข็งแรงและปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยทีมวิจัยได้ใช้หลักการ finite element analysis หรือการคำนวณเพื่อวิเคราะห์ความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับการสร้างแบบจำลองยานยนต์ด้วยเทคโนโลยี simulation จนได้เป็นผลงานการออกแบบ ‘โครงสร้างรถที่มีศักยภาพในการเป็นเกราะเสริมความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร’

ส่วนประเด็นด้านการเพิ่มความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทีมวิจัยได้ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จากระบบสันดาปภายใน ให้เป็นระบบไฟฟ้า (อีวี) โดย KHamKoon ผ่านการออกแบบให้ใช้แบตเตอรี่ความจุ 12 kWh เป็นแหล่งพลังงาน ทำให้วิ่งได้ระยะทาง 120-150 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ด้วยแท่นชาร์จ AC type 2 ที่มีให้บริการทั่วไปในปัจจุบัน และสามารถปรับการผลิตรถให้ใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้น และใช้รูปแบบการชาร์จแบบเร็ว (fast charge) ได้ หากมีความต้องการในอนาคต

ปัจจุบันทีมวิจัยได้ส่งมอบรถต้นแบบ KHamKoon คันแรกให้สภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานีแล้ว ในเบื้องต้น สภาอุตสาหกรรมฯ ตั้งเป้าหมายนำต้นแบบรถ KHamKoon มาใช้ในการทำแซนด์บ็อกซ์  ให้บริการรับส่งผู้โดยสารภายในโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และรับส่งระหว่างโรงพยาบาลกับที่จอดรถซึ่งอยู่ห่างออกไป 1-2 กิโลเมตร เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดภายในสถานพยาบาลและพื้นที่โดยรอบ  พร้อมกับพัฒนาความพร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ พื้นที่จุดจอดให้บริการรถ สถานีชาร์จ แอปพลิเคชันสำหรับเรียกรถ เพื่อให้การใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะภายในจังหวัดเป็นเรื่องง่าย

ขณะเดียวกัน ก็มีการพัฒนากำลังคนร่วมกับวิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ รวมถึงการอัปสกิล-รีสกิล บุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและซ่อมบำรุงรถอีวี ภายใต้แนวคิดคนในจังหวัดจะต้องผลิตและซ่อมบำรุงได้ด้วยตัวเอง เมื่อผ่านการพัฒนาถึงระดับพาณิชย์ สามล้อ KHamKoon จะมีราคาที่จับต้องได้ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแบบยั่งยืนระยะยาว ตามแผนส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต (Next-gen Automotive) ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero Emission) ในปี 2065

สมุทรปราการ-มอบมงกุฎพร้อมสายสะพายให้แก่ 'หนูน้อยผ้าไทย' ในการประกวด Miss Modern Phathai 2024

(19 มิ.ย.67) เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษา โดยท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรปราการ (สมัยที่ 25) และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา 

พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาลฯ หัวหน้าส่วนราชการเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมแสดงความยินดีและร่วมมอบมงกุฎพร้อมด้วยสายสะพายกับ หนูน้อยผ้าไทย ในการประกวด Miss Modern Phathai 2024 

เนื่องด้วยที่ผ่านมา ทางเทศบาลตำบลแพรกษา โดย นางอรัญญา  สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้อำนวยความสะดวกเอื้อเฟื้อสถานที่ในการจัดการประกวด MISS MODERN PHATHAI 2024 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา 

และในวันนี้ท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรปราการ (สมัยที่ 25) และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้ให้เกียรติมอบมงกุฎพร้อมด้วยสายสะพายแก่ “หนูน้อยผ้าไทย” ในการประกวด Miss Modern Phathai 2024 ทั้ง 2 รุ่น จำนวน 3 รางวัล ได้แก่

- รุ่น Junior  คือ ด.ญ. เจสสิก้า  พรมด้วง และ ด.ญ. ชิชา  เสียงใหญ่ และรุ่น Teenage คือ ด.ญ. พิชญาภา  อินทกุล โดยได้จัดพิธีมอบภายในสำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

'รอยเตอร์' แฉ!! สหรัฐฯ ฮั้วชาติพันธมิตร ส่งชื่อ รง.ผลิตชิปจีนลง ‘บัญชีดำ’ พร้อมเพิ่มแรงกดดันคู่ค้าจีน หยุดส่งออกเครื่องมือผลิตชิปก้าวหน้าให้ด้วย

เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐฯ ส่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งเดินทางไปญี่ปุ่น หลังจากที่เข้าพบกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ในความพยายามโน้มน้าวชาติพันธมิตรทั้งสองให้ช่วยกัน ‘เตะสกัด’ จีนไม่ให้เข้าถึงศักยภาพในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง 

อลัน เอสเตเวซ (Alan Estevez) หัวหน้าฝ่ายนโยบายส่งออกของสหรัฐฯ พยายามสานต่อข้อตกลงในปี 2023 ระหว่างทั้ง 3 ชาติเพื่อจำกัดการส่งออกเครื่องมือผลิตชิปไปยังจีน ซึ่งสหรัฐฯ อ้างว่าอาจถูกนำไปใช้เพื่อยกระดับศักยภาพกองทัพแดนมังกร

สหรัฐฯ เริ่มใช้มาตรการจำกัดการส่งออกชิปและเครื่องมือผลิตชิปขั้นสูงของผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันอย่าง Nvidia และ Lam Research ไปยังจีนมาตั้งแต่ปี 2022

เมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว ญี่ปุ่นซึ่งมีผู้ผลิตชิปรายสำคัญอย่าง Nikon Corp และ Tokyo Electron เริ่มปรับตัวขานรับนโยบายของสหรัฐฯ ด้วยการจำกัดส่งออกเครื่องมือ 23 ประเภท ตั้งแต่เครื่องจักรที่ใช้สำหรับติดฟิล์มลงบนซิลิคอนเวเฟอร์ เรื่อยไปจนถึงอุปกรณ์ที่ใช้กัดลายแผงวงจรไฟฟ้าขนาดจิ๋ว

หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็เริ่มควบคุมการส่งออกเครื่องมือผลิตชิปแบบ Deep Ultraviolet Lithography (DUV) ของบริษัท ASML ไปยังจีน ในขณะที่สหรัฐฯ ก็จำกัดการขายเครื่องมือ DUV ให้โรงงานของจีนบางแห่งด้วย โดยอ้างว่าเป็นเพราะระบบของ ASML นั้นใช้ชิ้นส่วนและองค์ประกอบบางอย่างจากสหรัฐฯ

ปัจจุบัน ASML ถือเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทำชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก

นอกจากนี้ แหล่งข่าวของรอยเตอร์ยังเปิดเผยว่า วอชิงตันกำลังเจรจากับชาติพันธมิตรเพื่อเพิ่มรายชื่อโรงงานผลิตชิปจีนอีก 11 แห่งลงใน ‘บัญชีจำกัดการค้า’ จากปัจจุบันที่มีอยู่เพียง 5 แห่ง ซึ่งก็รวมถึงบริษัท SMIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีนด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น สหรัฐฯ ยังต้องการที่จะควบคุมอุปกรณ์ผลิตชิปเพิ่มเติมอีก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว

ล่าสุด โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานนี้

สหรัฐฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเยือนเนเธอร์แลนด์เมื่อเดือน เม.ย. ในความพยายามกดดันให้ ASML หยุดให้บริการเครื่องไม้เครื่องมือบางอย่างแก่จีน และสหรัฐฯ เองก็มีกฎห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันมอบบริการด้านเครื่องไม้เครื่องมือแก่โรงงานระดับก้าวหน้าของจีนด้วย

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวชี้ว่า ASML ยังคงมีสัญญามอบบริการแก่จีนอยู่ และรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็ไม่สามารถใช้อำนาจนอกอาณาเขต (extraterritorial scope) ที่จะไปสั่งยุติสัญญาด้วย

สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้เช่นกัน

ปีที่แล้วบริษัท หัวเว่ย (Huawei) ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีนที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Huawei Mate 60 Pro ที่ใช้ชิป 7 นาโนเมตรุ่นก้าวหน้าที่สุดของ SMIC จนกลายเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของจีนที่จะเติบโตก้าวหน้าในทางเทคโนโลยีให้ได้ แม้จะถูกสหรัฐฯ กีดกันทุกทางก็ตาม

'SCB EIC' เผยผลสำรวจ!! Gen Y ไทย สถานะการเงินไม่สู้ดี ลูกจ้างยันฟรีแลนซ์มีรายได้ต่ำ 30,000 แถมไม่มีเงินเก็บสำรอง

(19 มิ.ย.67) BTimes รายงานว่า นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเผชิญความเปราะบางมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ มีดังนี้...

ในด้านภาคครัวเรือน ปรากฏว่า ผลการสำรวจ SCB EIC Consumer survey เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 พบว่า ผู้บริโภคคนไทยราว 70% มีเงินสำรองฉุกเฉินไม่ถึง 3 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือนที่สำคัญ เกือบทั้งหมดของคนกลุ่มนี้ ไม่มีเงินสำรอง ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานอายุ 31 ถึง 40 ปี (เจนวาย) มีอาชีพเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชน และประกอบอาชีพอิสระ

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีมากกว่า 1 ใน 3 หรือกว่า 33% ไม่มีประกันชนิดใดเลย จึงเป็นความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดสะท้อนความเปราะบางสูงของผู้บริโภคกลุ่มนี้

สำหรับภาคธุรกิจนั้น โดยรวมมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่บางกลุ่มธุรกิจยังคงมีสถานะเปราะบางค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Small Business ที่มีภาระหนี้สูงมากขึ้น ท่ามกลางปัญหาโครงสร้างของภาคการผลิตไทย 

ทั้งนี้ SCB EIC คาดการณ์ว่า แม้รัฐบาลจะมีมาตรการการเงินเน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจมากขึ้น แต่ยังต้องใช้เวลากว่ามาตรการจะมีผลช่วยเหลือในภาพกว้าง 

คนกรุง เฮ ! ใช้บัตร 30 บาทได้แล้ว รัฐบาลจัดให้ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ‘สมศักดิ์’ ปลื้มผลงานรัฐบาลนโยบาย 30 บาท

รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวขยายเป็น 46 จังหวัด  พร้อมให้บริการประชาชนกว้างขวางกว่าครึ่งประเทศแล้ว น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า จากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี มาเป็น30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว วันนี้มีความก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 นายจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้ออกประกาศ สปสช. ลงราชกิจจานุเบกษา เรื่องจังหวัดที่ดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว พ.ศ. 2567 ให้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ เป็นความภูมิใจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศ ทำทันที ผ่านมา10 เดือน รัฐบาลห่วงใยสุขภาพของประชาชน พี่น้องคนไทยสามารถรักษาพยาบาลฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้ถึง 46 จังหวัดแล้ว และภายหลังที่นายสมศักดิ์  เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาทำหน้าที่จากเดิมการใช้บัตร 30 บาทรักษาทุกที่ดัวยบัตรประชาชนใบเดียว จาก 45 จังหวัดประกาศเพิ่มอีก 1 มีกรุงเทพมหานครรวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกันกับเฟสแรก 4 จังหวัด เฟสสอง 8 จังหวัด เฟสสามอีก 33 จังหวัด รวมเป็น 45 จังหวัด เพิ่มกรุงเทพฯ 1 จังหวัด เท่ากับ 46 จังหวัด ถือว่า การให้บริการขยายเกินกว่าครึ่งประเทศแล้ว จากประกาศนำร่องเฟสแรก จังหวัดร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส  และเพิ่มเเฟสสองแงะสามตามมา รวมวันนี้ประกาศเพิ่มอีก 42 จังหวัดประกอบด้วย นครราชสีมา, นครสวรรค์, พังงา, เพชรบูรณ์, สระแก้ว, สิงห์บุรี,  หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ, เชียงใหม่,  เชียงราย, น่าน, พะเยา, ลำปาง, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, กำแพงเพชร, พิจิตร, ชัยนาท, อุทัยธานี, สระบุรี, นนทบุรี, ลพบุรี, อ่างทอง, นครนายก, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, อุดรธานี, สกลนคร,  นครพนม, เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, สงขลา, สตูล, ตรัง, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา และกรุงเทพฯ น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า  สำหรับกรุงเทพฯซึ่งเป็นเมืองหลวง มีประชากรจำนวนมาก เป็นพื้นที่ที่ยาก แต่วันนี้กระทรวงสาธารณสุขทำได้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ ให้ไปใช้บริการในคลินิกนวัตกรรมทั้ง 7 วิชาชีพได้เช่นเดียวกับต่างจังหวัดที่ประกาศไปก่นหน้านี้ เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็เข้ารับบริการทั้ง 7 วิชาชีพ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว  7 วิชาชีพได้แก่ คลินิก7 วิชาชีพ ได้แก่ คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น, คลินิกทันตแพทย์ชุมชนอบอุ่น, คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น, คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น, คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น, คลินิกกายภาพชุมชนอบอุ่น และร้านยาที่มีสัญลักษณ์นอกจากนี้ สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวสามารถทำฟันฟรีปีละ 3 ครั้ง ที่คลินิกทันตกรรมอบอุ่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ได้รับบริการ 5 รายการ คือ ขูดหินปูน, อุดฟัน, ถอนฟัน,เคลือบหลุมร่องฟันและเคลือบฟลูออไรด์ การเข้ารับบริการขอให้สังเกตุโลโก้ รูปบ้านและสัญลักษณ์ สื่อถึงแต่ละวิชาชีพในรูปหัวใจติดอยู่ที่หน้าคลินิก โฆษกกระทรวง สธ. ฝ่ายการเมืองกล่าวว่า นายสมศักดิ์ ปลื้มมากที่การทำงานของกระทรวงสาธารณสุขทำได้อย่างรวดเร็วเพื่อประชาชน ขอบคุณบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ที่ตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเเพื่อประชาชน ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่ไหน ยื่นบัตรประชาชนใบเดียวก็เข้าไปรับบริการได้ทันที ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใช้บริการได้ทั่วประเทศตามคลินิก 7 ประเภท ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเข้าไลน์ ID ของสปสช. โทร 1330 และช่องทางอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการก็เข้ารับบริการฟรีที่ร้านยาใกล้บ้าน ให้สังเกตุป้าย  ส่วนอีก 30 จังหวัดอดใจรออีกนิดเดียว ภายในสิ้นปีนี้ คนไทยได้ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวทั้งประเทศ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว” นางสาวตรีชฎากล่าว 

มองเกม!! 'ฝ่ายอนุรักษ์-ทักษิณ' ดีลอำนาจลากยาว สกัด 'ก้าวไกล' และหากวันใดยุบพรรคส้ม 'เศรษฐา' อาจชิงยุบสภา ให้ตั้งตัวไม่ติด

ผ่านไปแล้ว 18 มิ.ย.2567...เรื่องที่เป็นไฮไลต์ที่สุดคือคดีทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นไปตามที่ 'เล็ก เลียบด่วน' และใครต่อใครว่าเอาไว้...คือไปศาลและได้รับการประกันตัว...ที่พิเศษหน่อยคือ ไม่ต้องไปที่อัยการเพราะให้ทนายประสานงาน กับอีกประการหนึ่งคือขึ้นศาลโดยประตูด้านข้าง...ไม่อกผายไหล่ผึ่งเข้าทางด้านหน้า...

ทักษิณได้รับการประตัวโดยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท และศาลวางเงื่อนไขห้ามเดินทางไปต่างประเทศ (เว้นแต่ศาลอนุญาต) ในการนี้ให้ยึดหนังสือเดินทางพาสปอร์ตเอาไว้...แต่ปัญหาเกิดขึ้นทันที เพราะทักษิณไม่มีพาสปอร์ต เหตุถูกรัฐบาล คสช.ยกเลิก เพราะคดีข้อหา 112 นี่แหละ...เป็นบุคคลต้องห้าม...

ตอนนี้เลยว้าวุ่น...จะไปทำพาสปอร์ตได้หรือไม่ เพราะมีคดี 112?

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวหรือให้ประกันตัว ก็เพราะ ทางโจทก์ คืออัยการไม่คัดค้านการประกันตัว ซึ่งอาจทำให้กองเชียร์ฝ่าย 'ทักษิณต้องติดคุก' ไม่สบอารมณ์อยู่ไม่น้อย ในขณะที่อีกฝ่ายที่เป็นกลาง ๆ ก็บอกว่า...การที่ยกระดับทักษิณจาก 'ผู้ต้องหา' เป็น 'จำเลย' ได้ก็พอประมาณแล้ว...

ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน นัดพร้อมอีกทีวันที่ 19 ส.ค. และหากไม่มีอะไรผิดพลาด วันรุ่งขึ้น 20 ส.ค. จะเป็นวันที่ทักษิณพ้นโทษจาก 3 คดีทุจริตที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี...ได้รับใบบริสุทธิ์จากคดีเก่า มาถูกล่ามโซ่คดี 112 เชื่อกันว่าอิทธิฤทธิ์ทักษิณคงหาทางออกจากโซ่ได้ในที่สุด...

รวมความแล้ว ทักษิณยังเป็นตัวละครหลักของการเมืองไทย...หลัง 20 ส.ค.เขาจะยิ่งเดินสายทางการเมืองพบบ้านเล็ก บ้านใหญ่เพื่อรวบรวมไพร่พล สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและหมิ่นเหม่จะเหยียบเปลือกกล้วย มาตรา 28, 29 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ล้มหงายท้องเข้าสักวัน...

ส่วนคดี เศรษฐา ทวีสิน และ คดียุบพรรคก้าวไกลนั้น อ่านตามหน้าเสื่อหน้าไพ่ที่ศาลรัฐธรรมนูญแถลงเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.แล้ว พอจะเห็นแนวทางไทม์ไลน์ว่า น่าจะตัดสินได้อย่างเร็วก็เดือน ส.ค. โดยคดีถอดถอนนายกฯ น่าจะมาก่อน แม้กรณีคดีพรรคก้าวไกลศาลจะนัดพิจารณาครั้งต่อไปวันที่ 3 ก.ค. แต่พิจารณาดูเอกสาร-พยานหลักฐานที่ศาลเรียกแล้วของพรรคก้าวไกลมีจำนวนมาก ส่วนคดีถอดถอนนายกฯ น่าจะยังเป็นวันที่ 10 ก.ค.

ว่าแล้วก็เป็นที่น่าสังเกต ว่ากรณีคดีก้าวไกล ศาล รธน.สั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยที่ 3/2567 (คดีล้มล้างฯ) ไปรวมไว้ในสำนวนคดีเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย

ถ้าในท้ายที่สุด...ศาลวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล...ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นการติดเทอร์โบให้พรรคก้าวไกลอย่างที่พิธาวาดฝันเอาไว้เสมอไป...

และต้องไม่ลืมว่าพรรคสีแดง สีน้ำเงิน กวักมือเรียกสส.ที่รังแตกอยู่แล้ว...อย่างที่พูด ๆ กันทีเล่นทีจริงนั่นล่ะว่า ก้าวไกลวงแตกวันไหน 'เศรษฐา' (ที่น่าจะรอด) อาจจะชิงยุบสภาวันนั้น...ให้ก้าวไกลตั้งตัวไม่ทัน...

นี่ก็ทราบว่า...ทักษิณมีนัดหมายไปบ้านใหญ่นครปฐมอีกแล้ว...วันที่ได้ประกันตัวตกค่ำก็บึ่งไปงานศพคุณพ่อของ 'เมย์ อียู' หรือ มนัญชยา เกตุแก้ว แดงตัวจี๊ดที่ อ.พนัสนิคม ชลบุรี  

ว่ากันว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม...ยังต้องใช้ 'ทักษิณ' เป็นตัวคานกับพรรคส้ม ถึงแม้วันนี้มีคดีม.112 ติดตัว แต่ทักษิณก็มีโซ่ ล่ามไว้แล้ว ดีกรีที่จะเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันนั้นไม่เลยเถิดเท่ากับก้าวไกลที่ยังกู่ไม่กลับ...

นี่คือ สมดุลอำนาจการเมืองไทยที่ยังจะต้องเดินหน้ากันแบบยักแย่ยักยัน และนับวันก็จะยิ่งเห็นทักษิณใหญ่คับบ้านคับเมือง...จนชินตา...อาเมน !!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top