Friday, 16 May 2025
TheStatesTimes

เสียงสะท้อนประชาชน ในวันที่ 4 คดีดังการเมืองไทยเฉิดฉาย ส่วน 'ปากท้อง-เศรษฐกิจ' ไม่คลี่คลาย มิวายให้หวนคิดถึง 'ลุงตู่'

จับตาทิศทางประเทศไทย หลังวันนี้ (18 มิ.ย.) 4 คดีร้อนการเมือง ... อัยการสูงสุด นัดส่งฟ้อง 'ทักษิณ ชินวัตร' คดีมาตรา 112 หาก 'ทักษิณ' เดินทางไปพบอัยการตามกำหนดนัด โดยไม่เลื่อน ก็คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับ 'การประกันตัว'

ในวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล หลังศาลมีคำสั่งให้ กกต. ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานเพิ่มเติมในวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็จะทราบว่าวันนี้ศาลจะเปิดบัลลังก์ไต่สวนพยานหรือไม่?

ว่ากันติด ๆ ด้วยเรื่องการถอดถอน 'เศรษฐา' กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ 40 สว. ขอให้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกนิดฯ 'เศรษฐา ทวีสิน' นายกรัฐมนตรี และ 'นายพิชิต ชื่นบาน' รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่?

และปิดท้ายกับนัดชี้ขาด 4 มาตรา กฎหมายเลือก สว.ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่? ซึ่งสำหรับคดีหลังสุดนี้ ศาลจะลงมติเลย เนื่องจากเป็นปัญหาด้านข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยแล้ว

ว่ากันว่า ทั้ง 4 คดีใหญ่นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่แรงสั่นสะเทือนระดับสูงต่อทิศทางและอนาคตการเมืองไทยในระดับชาติเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตอันใกล้ หากคดีใดคดีหนึ่งใน 4 คดีนี้ ขยายวงจนก่อให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมแบบภาคต่อ

โดยในมุมมองของภาคประชาชน ผู้ประกอบวิชาชีพในสายต่าง ๆ ต่างก็มีความกังวลใจต่อทิศทางคำตัดสินใน 4 คดีวันนี้ และมองว่าบางคดีล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้นจาก 'คำสัญญาที่ขาดหาย' ของนักการเมืองที่ละเลยต่อปัญหาปากท้องที่เคยยาหอมทิ้งไว้ให้กับประชาชน ดั่งเช่นกรณี นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ และกลุ่มสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ ที่กล่าวถึง คดีศาลรัฐธรรมนูญนำเรื่องการถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่? กับ THE STATES TIMES ว่า...

"เรื่องนี้สะท้อนว่านายเศรษฐา ไม่ได้จริงใจที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาความลำบากของประชาชนรากหญ้าจริง ๆ ผมไม่อยากจะพูดถึงว่า ท่านทำงานไม่เป็น แต่ผมมองว่าท่านยังไม่ได้ครึ่งของสมัยท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลย"

เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีถอดถอน 'นายกฯ เศรษฐา' จะสร้างผลบวกหรือลบต่อปากท้องผู้คนอย่างไร? นายวรพล กล่าวว่า...

"ผมเคยเป็นคนเสื้อแดง สู้เพื่อประชาธิปไตย โดนคดีมาหลายคดี แต่ก็ผิดหวังเหมือนเดิม เพราะไม่มีใครเหลียวดูคนรากหญ้าและจริงใจที่จะแก้ปัญหาอย่างแท้จริง...

"ดังนั้น ต่อให้ผลการพิจารณาคดีวันนี้จะเป็นอย่างไร ผมก็อยากขอพูดแทนพี่น้องชาวแท็กซี่ของผมว่า พวกเราต้องการความเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ-รัฐบาลใหม่ หรือไม่ก็ตาม ผมก็อยากจะขอฝากข้อเสนอนี้ไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยต่อไป ดังนี้...

1. ขอให้มีการจัดสภา 108 อาชีพ ให้คนอาชีพต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมในการดูแลพี่น้องประชาชน และนำพาประเทศ ให้ก้าวผ่านความยากจนไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

2. แก้ไขการโกง ทุกระบบ ทุกภาคส่วน ปัญหา Callcenter ปัญหาการโกงในระดับกรม-กอง-กระทรวง ด้วยกลโกงจากกฎระเบียบต่าง ๆ เป็นต้น 

3. สำคัญที่สุด นายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนที่พร้อมจะแบกรับคนไทยกว่า 65 ล้านคน หรือคนทั่วโลกที่ มากิน เที่ยว พัก ให้ได้รับความสุข ความปลอดภัย

"นายกฯ ต้องเป็นคนที่แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที และตั้งทีมงาน 108 อาชีพเป็นแกนนำ เป็นที่ปรึกษา ให้นายกรัฐมนตรี ที่จะได้เข้าใจปัญหาของทุกสาขาวิชาชีพอย่างตรงจุด เพียงเท่านี้ ประเทศไทยก็มีความสุขทั่วหน้ากัน" นายวรพล กล่าว

อีกคดีที่น่าระทึกกับการ 'ยุบพรรคก้าวไกล' นั้น เสียงสะท้อนหนึ่งจากผู้ประกอบการ ร้านข้าวแกงร้อยหม้อ นายสุชาติ-อธิวัฒน์ อมรวีระวัฒน์ หรือ 'ชาติร้อยหม้อ' ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า "หากพรรคก้าวไกล ถูกยุบพรรค ในจังหวะที่สภาพคล่องทางเศรษฐกิจ อยู่ในจุดที่ค่อนข้างเป็นขาลง น่าจะสร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมืองเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งในภาพของการเมือง ผมคงตอบไม่ได้ แต่ถ้าให้ผมตอบในนามคนทำมาหากิน... รัฐบาลควรจะต้องมีการบริหารจัดการที่คิดคำนึงถึงปากท้องประชาชนเป็นหลัก อย่าให้เกิดความแตกแยกในช่วงเวลานี้ ต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นภายในชาติ"

ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ทิศทางการเมืองหลัง 4 คดีสำคัญในวันนี้ถูกตัดสิน จะส่งผลต่อภาพการเมืองไทยอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ ๆ ในวันนี้ ประชาชนคนทำมาหากิน เอือมระอาการเมือง หากปากท้องของพวกเขาต้องฝืดเคือง เพราะคำสัญญาที่ขาดหาย...

ศาลอาญาให้ประกันตัว 'ทักษิณ' คดี 'ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ' หลังทนายยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 500,000 บาท

(18 มิ.ย. 67) ศาลอาญาพิจารณาหมายเลขคดีดำที่ อ.1860/2567 ตามคำร้องของสำนักงานอัยการสูงสุด สั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2519 ข้อ 1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8

ล่าสุดเวลา 10.42 น.มีรายงานว่าศาลอาญาให้ประกันตัวนายทักษิณ หลังทนายยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 500,000 บาท  

ขณะที่นายวรชัย เหมะ เดินทางมาที่ศาลอาญาเพื่อร่วมรับฟังคดีของนายทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยว่า เบื้องต้นนายทักษิณ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนนายทักษิณ ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด และโบกมือให้กับตนเองกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมาให้กำลังใจในวันนี้

‘ครูแหม่ม รร.เลิศคณิต’ ปลื้ม หลังศิษย์สอบติดแพทย์ ‘มหิดล’ อวยพร ‘ขอให้เป็นกำลังหลักของชาติ เป็นที่พึ่งของปชช.’

(18 มิ.ย.67) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก Lertkanit Uraiwan หรือ ‘ครูแหม่ม อุไรวรรณ เอกพันธ์’ ได้มีการโพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ที่สอบติด 'คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล' ได้ โดยมีเนื้อความว่า…

‘#ปกป้องแพทย์ศิริราช

นอกจากคุณแม่แล้วคุณครูโดยเฉพาะครูแหม่มและเลิศคณิตภูมิใจดีใจที่สุดที่เห็นความสำเร็จของศิษย์ จำภาพการคร่ำเคร่งการสอนนักเรียนเองก็กระตือรือร้นคุณแม่ก็ให้ความร่วมมือทุกอย่างสำคัญสำคัญที่สุดคือเป้าหมาย ที่เป็นความสำเร็จแพทย์ศิริราชมิใช่ได้มาง่ายง่ายขอบคุณที่สุดที่เห็นความสำคัญของ เลิศคณิตเพราะครูแหม่มเองมิได้สอนปกป้องเพียงแค่กันเก่งปกป้องอย่างได้ความเชื่อมั่นในการกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง และถูกปลูกฝังในเรื่องความกตัญญูดีใจที่สุดกับคุณแม่เหนื่อยมานานคงเหมือนยกภูเขาออกจากอกคงมีแต่รอยยิ้มรอยยิ้มและรอยยิ้มขอให้ปกป้องเป็นคุณหมอที่เป็นที่พึ่งของประชาชนเป็นคุณหมอคุณภาพเป็นคุณหมอที่เป็นกำลังหลักของชาติตลอดชีวิต ของอาชีพที่ไม่ได้มาง่ายดายดีใจด้วยที่สุดกับปกป้องและคุณแม่นะครับ

รักเสมอ’

‘mu Space’ ผนึก ‘ITEL’ ลงนามบันทึกความร่วมมือ ขับเคลื่อนนวัตกรรม-บริการผ่านเครือข่ายดาวเทียมในไทย

(18 มิ.ย. 67) mu Space and Advanced Technology Co., Ltd. (mu Space) และ Interlink Telecom Public Company Limited (ITEL) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ในเครือข่ายและบริการโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 บันทึกข้อตกลงนี้กำหนดเวทีสำหรับการรวมความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของทั้งสองผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและขยายการให้บริการในประเทศไทยและที่อื่น ๆ

mu Space ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการออกแบบ การผลิต การดำเนินงาน และการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศขั้นสูงของดาวเทียม บริษัทใช้ความสามารถของตนในการให้บริการดาวเทียมที่ล้ำสมัย 

ส่วน Interlink Telecom Public Company Limited (ITEL) เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำในประเทศไทยที่มีความเชี่ยวชาญในบริการเครือข่ายไฟเบอร์และโซลูชันศูนย์ข้อมูล ด้วยใบอนุญาตครบวงจรจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ITEL พร้อมที่จะให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมที่ครอบคลุม ทำให้เป็นพันธมิตรที่สำคัญในโครงการนี้

ความร่วมมือระหว่าง mu Space และ ITEL ถูกขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ร่วมในการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม LEO และขยายการเข้าถึงเครือข่ายโทรคมนาคม โดยการรวมความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดาวเทียมของ mu Space เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งของ ITEL พันธมิตรนี้มุ่งหวังที่จะสร้างผลลัพธ์ที่เสริมกันซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองบริษัทและลูกค้าของพวกเขา

“ที่ mu Space เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนขอบเขตของเทคโนโลยีอวกาศและดาวเทียม ความร่วมมือนี้กับ ITEL เป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อดาวเทียม LEO ในประเทศไทยและที่อื่น ๆ ด้วยการรวมความเชี่ยวชาญของเรากับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งของ ITEL เราตั้งตารอที่จะนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมที่จะปฏิวัติการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในพื้นที่ที่ห่างไกลที่สุด ร่วมกันเรากำลังสร้างอนาคตที่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่ในความสามารถของทุกคน” เจมส์ เยนบำรุง, CEO ของ mu Space

“บันทึกข้อตกลงนี้กำหนดพื้นฐานสำหรับการรวมบริการดาวเทียม LEO เข้ากับลูกค้าเดิมของ ITEL ที่ต้องการใช้ดาวเทียมเพื่อตอบสนองความต้องการในพื้นที่ห่างไกลและชนบท”

“บันทึกข้อตกลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่เชื่อมต่อมากขึ้น โดยการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญร่วมกัน mu Space และ ITEL มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมที่เพิ่มความเชื่อมโยงและการเข้าถึง รวมถึงเป็นเวทีสำหรับข้อตกลงและโครงการอื่น ๆ ในอนาคตที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า” แถลงการณ์จาก CEO ของ Interlink

สำหรับ mu Space เป็นผู้ผลิตอวกาศและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดยเจมส์ เยนบำรุง ภารกิจของบริษัทคือการแก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลงบนโลก โดยค้นหาทรัพยากรทางเลือกในอวกาศ mu Space ผลิตแพลตฟอร์มดาวเทียมที่มุ่งเน้นไปที่ดาวเทียมขนาดเล็ก ซึ่งเราได้พัฒนาและผลิตด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เราให้บริการแบบครบวงจรรวมถึงบริการดาวเทียมประสิทธิภาพสูงและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่เชื่อถือได้ mu Space เป็นบริษัทอวกาศที่มีการบูรณาการในแนวดิ่งอย่างเต็มที่ด้วยโรงงานขั้นสูงเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการในขณะที่ลดต้นทุนเพิ่มเติมจากห่วงโซ่อุปทานที่กว้างขวาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม: www.muspacecorp.com และติดตามเราบน Facebook: mu Space Corp.

ในส่วนของ Interlink Telecom Public Company Limited (ITEL) เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมในประเทศไทย โดยมีใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทที่ 3 จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ITEL ให้บริการโทรคมนาคมผ่านเครือข่ายใยแก้วนำแสงทั่วประเทศไทย บริษัทให้บริการต่าง ๆ เช่น interlink dark fiber, interlink wavelength, interlink international private leased circuits และเทคโนโลยี interlink multi-protocol label switching รวมถึงการติดตั้งเครือข่ายโทรคมนาคมและบริการกระจายเสียง

ITEL ยังให้บริการพื้นที่ศูนย์ข้อมูลรวมถึงการให้บริการ co-location, cloud computing และบริการกู้คืนจากภัยพิบัติ ITEL ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 และมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

‘ดร.อักษรศรี’ เผย 'จีน' สั่งตรวจสอบเนื้อหมูยุโรปทุ่มตลาดจีนหรือไม่?

(18 มิ.ย.67) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เนื้อหากรณี 'จีนสั่งสอบเนื้อหมูยุโรปทุ่มตลาดในจีน'  จีนใช้พลังซื้อเป็นอาวุธ และโอกาสจะเกิดสงครามการค้าระหว่างจีน-สหภาพยุโรปหรือไม่ โดยระบุว่า...

เรื่องหมู ๆ แต่ไม่หมูสำหรับยุโรปแล้ว จีนสั่งสอบเนื้อหมูยุโรปทุ่มตลาดในจีน โดยใช้พลังซื้อจีนเป็นอาวุธ  ปีที่แล้ว 2023 จีนนำเข้าเนื้อหมูกว่า 2.2 แสนล้านบาท!! จีนเป็นประเทศที่กินหมูมากที่สุดในโลก และนำเข้าจำนวนมาก

(https://www.reuters.com/markets/commodities/china-opens-anti-dumping-probe-into-imported-pork-by-products-eu-2024-06-17/)

ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปประกาศเก็บภาษี จะเล่นงานรถยนต์ EV จีน ก็เลยต้องโดนเอาคืนบ้างนะ โอกาสจะเกิดสงครามการค้าหรือไม่

ทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรปเก็บภาษีรถยนต์ EV จีน แต่สหภาพยุโรปจะโดนจีนเอาคืนก่อน เพราะสหภาพยุโรปจะเก็บภาษี EV จีนในเดือนกรกฎาคมนี้ (ส่วนสหรัฐฯ แม้ประกาศก่อน แต่ยังไม่ขึ้นภาษีกับรถยนต์ EV ของจีนในทันที) 

เดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ สหภาพยุโรปจะเรียกเก็บภาษีรถยนต์ EV จีนเพิ่มเติมจากอัตราเดิมสูงถึงร้อยละ 38.1

คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศเมื่อวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2024 ว่าอัตราภาษีชั่วคราวใหม่จะถูกนำมาใช้เพิ่มเติมจากภาษีปัจจุบันที่ร้อยละ 10

คณะกรรมาธิการกล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนได้รับประโยชน์จากการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรม "ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ" ของผู้ผลิตในสหภาพยุโรป

นอกจากนั้นยังระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม เว้นแต่การหารือกับจีนจะนำไปสู่ ‘แนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิผล’

ภาษีเพิ่มเติมยังครอบคลุมถึงผู้ผลิตจากชาติตะวันตกในจีนด้วย

‘คปภ.’ ชนะคดี ‘สินมั่นคงฯ’ ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 4 หมื่นล.  กรณีสั่งห้ามยกเลิกกรมธรรม์ประกันโควิด ‘เจอ-จ่าย-จบ’

(18 มิ.ย.67) ศาลปกครองกลาง ได้นัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 752/2565 กรณีบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เพื่อเรียกค่าเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้สำนักงาน คปภ. เป็นฝ่ายชนะคดี ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวไม่เกินความคาดหมายของสำนักงาน คปภ. เนื่องจาก สำนักงาน คปภ. ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ห้ามการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยโควิด เว้นแต่ปรากฏหลักฐานชัดเจนต่อบริษัทว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัย เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันภัย

โดยมูลเหตุสำคัญในการออกคำสั่งดังกล่าวมาจากในช่วงกลางปี 2564 สถานการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก บริษัท สินมั่นคงประกันภัยฯ ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่ขายประกันภัยโควิดแบบเจอ-จ่าย-จบ หรือ COVID 2 in 1 นับ 1,000,000 ฉบับ ได้ส่งหนังสือถึงลูกค้าของบริษัทฯ โดยกล่าวอ้างเหตุของการบอกเลิกสัญญาสรุปได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ผู้เอาประกันภัยของบริษัทฯ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายในช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาดอย่างรุนแรง เกิดความตื่นตระหนกแก่ผู้เอาประกันภัยของบริษัทอื่นและกรมธรรม์อื่นว่าจะถูกบอกเลิกกรมธรรม์หรือไม่ และทำให้เกิดกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจประกันภัยในแง่ลบ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้ลุกลาม เพราะถ้าหากบริษัท สินมั่นคงประกันภัยฯ สามารถบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิดได้เป็นผลสำเร็จ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกนำไปเป็นโมเดลให้กับบริษัทประกันภัยรายอื่น ๆ สามารถบอกเลิกกรมธรรม์ในลักษณะเดียวกันนี้ได้เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับประชาชนที่ถือกรมธรรม์ประกันภัยโควิดรายอื่นทั้งหมดด้วย

สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย รวมทั้งมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยให้กับประชาชนผู้เอาประกันภัย จึงได้อาศัยฐานอำนาจที่มีอยู่ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ห้ามการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยโควิด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนที่ถือกรมธรรม์ประกันภัยโควิด 19 ทั้งระบบจำนวน 16 ล้านฉบับ มูลค่าสินไหมทดแทนเกือบ 100,000 ล้านบาท ให้ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปจนกว่าจะหมดอายุกรมธรรม์ 

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. เล็งเห็นว่าหากปล่อยให้มีการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ในขณะที่สถานการณ์โควิดรุนแรงและประชาชนหาซื้อประกันภัยโควิด-19 ไม่ได้ ก็จะเป็นการปล่อยปละละเลยให้บริษัทผู้รับประกันภัยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเอาเปรียบประชาชนจนถึงขั้นอาจถูกมองได้ว่าเป็นการลอยแพประชาชนไปตามยถากรรม เนื่องจากหากประชาชนรู้ว่าจะถูกยกเลิกกรมธรรม์เมื่อเกิดภัย ก็คงไม่มีใครซื้อประกันภัยอย่างแน่นอน 

ดังนั้น คำพิพากษาในคดีนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากสำนักงาน คปภ. เป็นฝ่ายแพ้คดี ก็อาจถูกนำไปใช้เป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับบริษัทผู้รับประกันภัยใช้เป็นแนวทางบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่น ๆ หากเห็นว่ารับประกันภัยไปแล้ว แต่มีแนวโน้มที่บริษัทผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนมาก บริษัทผู้รับประกันภัยอาจใช้เป็นเหตุในการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้แบบเหมาเข่งในทุกกรณี ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในสารบบของธุรกิจประกันภัยทั่วโลกมาก่อน และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบประกันภัยในภาพรวมทั้งหมด

สำนักงาน คปภ. ขอกราบขอบพระคุณศาลปกครองกลางที่ให้ความเป็นธรรมกับหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย รวมถึงคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย ให้ปฏิบัติตาม กฎ กติกา มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ และพร้อมที่จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะและรักษาความเชื่อมั่นของระบบประกันภัยไทยไว้อย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อให้ระบบประกันภัยไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง

‘ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์’ เผย!! ‘10 Quick Win’ เพื่อประชาคมธรรมศาสตร์ ลั่น!! พร้อมขับเคลื่อนทันทีใน ‘100 วันแรกของการบริหารงาน’

(18 มิ.ย. 67) ‘ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์’ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ - Supasawad Chardchawarn’ ในหัวข้อ ‘เปิด 10 โครงการ Quick Win ขับเคลื่อนทันทีใน 100 วันแรกของการบริหารงาน’ ระบุว่า...

“ผมได้ประชุมร่วมกับทีมบริหารธรรมศาสตร์ชุดใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อแปลงทุกนโยบายที่ได้นำเสนอต่อประชาคมไปสู่การปฏิบัติจริง”

“เราได้ข้อสรุปกันแล้วว่า นี่คือ 10 Quick Win Projects ที่เราอยากจะส่งมอบต่อประชาคมธรรมศาสตร์ใน 100 วันแรกของการบริหารงาน มีตั้งแต่เรื่องเล็กที่เกี่ยวโยงกับชีวิตประจำวันของประชาคม อย่างอาหารราคาถูกที่จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า ไปจนถึงภาพใหญ่ของการพัฒนามหาวิทยาลัย”

ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับ 10 โครงการ Quick Win ใน 100 วันแรกของการบริหารงาน จะประกอบไปด้วย...

1.โรงอาหารราคาถูกที่รังสิต
- นำร่องที่แรก! เตรียมเปิดตัวโรงอาหารราคาถูกที่รังสิต
- อาหารอร่อย มีให้เลือกหลากหลาย สะอาด ถูกสุขลักษณะอนามัย

2.พัฒนาพื้นที่ให้คำปรึกษา เสริมสร้างสุขภาพกายและใจที่ดี
- ปรับปรุงระบบเข้ารับคำปรึกษานักศึกษาไม่ต้องรอคิวนาน
- เข้าถึงกลุ่มนักศึกษาที่ต้องการความช่วยเหลือได้ทันท่วงที

3 บรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
- ขุดลอกคูคลองและท่อระบายน้ำ
- เตรียมความพร้อมรับมือน้ำฝน

4.ที่จอดรถฟรีสำหรับบุคลากรศูนย์รังสิต
- เพื่ออำนวยความสะดวกต่อชีวิตการทำงาน ในรั้วธรรมศาสตร์

5.พัฒนาระบบ E-learning สำหรับการเรียนและสะสมหน่วยกิต ในธนาคารหน่วยกิต
- สะดวกต่อการเทียบโอนหน่วยกิต และการเรียนข้ามศาสตร์ของนักศึกษา

6 พัฒนาศูนย์สหกิจศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อม และการพัฒนาสมรรถนะให้นักศึกษา สำหรับการทำงาน
- สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เพื่ออำนวยความสะดวกการจัดนักศึกษาฝึกงาน

7.สนับสนุนและสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ให้ตอบโจทย์สังคม สร้างความเข้มแข็งให้นักวิจัยรุ่นใหม่
- ผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพเพื่อขอตำแหน่ง ทางวิชาการและตอบโจทย์ปัญหา ความท้าทายของสังคม

8.เพิ่มขีดความสามารถ ในการพัฒนาข้อเสนอ โครงการวิจัย (Proposal Bank)
- โครงการสำหรับนักวิจัยรุ่นกลาง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขอรับการสนับสนุนทุนวิจัย จากแหล่งทุนภายนอก

9.ปรับนโยบายรับอาจารย์ใหม่ 
- จัดทำแผนพัฒนาอาจารย์ อย่างมีส่วนร่วมกับคณะ

10.ปรับปรุงแนวทาง การต่อสัญญาจ้าง ของสายวิชาการ
- พัฒนาให้มีความเหมาะสมและทันสมัย

“หลังจากนี้จะทยอยเล่ารายละเอียดของแต่ละโครงการ พร้อมด้วยวิธีการประเมินผล ซึ่งผมได้ย้ำกับทีมว่า ต้องทำให้ประชาคมมีส่วนร่วมด้วยมากที่สุด เพราะหัวใจของการส่งมอบโครงการ คือความพึงพอใจของประชาคมครับ ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์” กล่าวทิ้งท้าย

วุฒิสภามีมติ 130 ต่อ 4 ไฟเขียว 'สมรสเท่าเทียม' มีผล 120 วันหลังประกาศราชกิจจานุเบกษา

(18 มิ.ย.67) การประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ มีวาระสำคัญ นั่นคือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือ ‘กฎหมายสมรสเท่าเทียม’ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
.
ผลปรากฏว่า มติที่ประชุม 130ต่อ 4เสียง ให้ความ “เห็นชอบ” เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยมีผู้งดออกเสียง18เสียง โดยกฎหมายฉบับดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน หรือประมาณช่วงปลายปีนี้ ทำให้ประเทศไทยจะถือเป็น ‘ประเทศแรก’ ในอาเซียนที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม และเป็นประเทศที่สามของเอเชีย ต่อจากไต้หวัน และเนปาล 

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะถูกส่งไปยัง คณะรัฐมนตรี(ครม.) จากนั้นนายกฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยความเห็นของสมาชิก อาทิ สว.คำนูณ สิทธิสมาน ในฐานะโฆษกคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นมิติใหม่ของสังคมไทย โดยเป็นกฎหมายที่มีความเป็นมาที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 10 ปีจากกลุ่มบุคคลที่เราอาจไม่ได้สัมผัสกับเขาโดยตรง 

“ที่ผ่านมามีความพยายามจากสื่อมวลชนที่จะมาถามถึงความเห็นของวุฒิสภาว่ามีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ตนได้ตอบไปว่า ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

“ขณะเดียวกันร่างกฎหมายที่เสนอเข้าสภา มีร่างหนึ่งที่เสนอจากภาคประชาชนโดยตรง ขณะที่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีเสียงคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว ทั้งนี้แม้กระบวนการตามกฎหมายจะระบุให้วุฒิสภาแปรญัตติได้อย่างกว้างขวาง แต่ที่ผ่านมาวุฒิสภาก็ให้เกียรติในประเด็นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเป็นสำคัญ

“ในวาระแรกวุฒิสภา ก็ได้รับหลักการร่างที่ผ่านความเห็นจากสภาผู้แทนราษฎร ฉะนั้นการจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งทำให้หลักการของสภาผู้แทนราษฎรมีหลักการที่ถูกแก้ไขก็อาจจะกระทบกระเทือนกฎหมายทั้งฉบับ และอาจมีผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายในอนาคตหลังจากนี้ต่อไปวินาทีนี้เป็นวินาทีประวัติศาสตร์ว่าเขาจะบันทึกการทำงานของเราไว้อย่างไร การลงมติครั้งนี้แม้จะเป็นการลงมติกฎหมายฉบับหนึ่งแต่จะถือเป็นการลงมติในวินาทีประวัติศาสตร์จึงขอให้สมาชิกทุกท่านใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ”

สำหรับประเด็นสำคัญในกฎหมายฉบับดังกล่าว ระบุให้ ‘บุคคลสองคน’ (ทุกเพศ) สมรสกันได้ รวมทั้งได้รับสิทธิ อาทิ...

>> สิทธิรับรองการหมั้น/สมรสทุกเพศ เมื่ออายุ 18 ปี

การหมั้น จะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว และการหมั้นจะสมบูรณ์ได้ เมื่อฝ่ายผู้หมั้นได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่ผู้รับหมั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับผู้รับหมั้นนั้น

อนึ่งเมื่อหมั้นแล้วให้ของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้รับหมั้น

สำหรับ สินสอด เป็นทรัพย์สินซึ่งฝ่ายผู้หมั้นให้แก่ บิดา มารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ปกครองฝ่ายผู้รับหมั้น แล้วแต่กรณี เพื่อตอบแทนการที่ผู้รับหมั้นยอมสมรส

ส่วนกรณี การสมรส จะกระทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้วเช่นเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก แต่ในกรณีมีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้

เว้นแต่การสมรสกับบุคคลวิกลจริต คนที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือบุคคลสองคนซึ่งเป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมาก็ดี และบุคคลที่ทำการสมรสขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่

>> คู่สมรสจัดการทรัพย์สินสมรสร่วมกัน
สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินใดที่คู่สมรสได้ทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นคู่สมรสกันนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกล้างเสียในเวลาใดที่เป็นคู่สมรสกันอยู่หรือภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่ขาดจากการเป็นคู่สมรสกันก็ได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอก ผู้ทำการโดยสุจริต โดยทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส นอกจากที่ได้แยกไว้เป็นสินส่วนตัว ย่อมเป็นสินสมรส

สินสมรส ใดที่มีเอกสารเป็นสำคัญ คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นก็ได้

>> คู่สมรสต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน

(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัวเพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(6) ประนีประนอมยอมความ
(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จัดการได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง

ทั้งนี้คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกสินสมรสที่เกินกว่าส่วนของตนให้แก่บุคคลใดได้

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสิทธิในการ ‘หย่า’ เมื่อได้จดทะเบียนสมรสแล้ว การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์ได้ เมื่อคู่สมรสได้จดทะเบียนหย่า โดยเหตุฟ้องหย่า 10 กรณีอีกด้วย

‘รมว.ปุ้ย’ หนุน ‘อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ’ สร้างรายได้เข้าชาติ นำร่อง 4 กลุ่ม ‘พาหนะรบ-ต่อเรือ-อากาศยานไร้คนขับ-ปืน’

(18 มิ.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ทั้ง First S-curve และ New S-curve ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ได้มีการหารือกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา และมีความเห็นตรงกันในการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมป้องกันประเทศในอันดับต้น ๆ ของอาเซียน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยกำหนดผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่มีศักยภาพเบื้องต้นนำร่อง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.) กลุ่มยานพาหนะรบ 2.) กลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือ 3.) กลุ่มอากาศยานไร้คนขับ และ 4.) กลุ่มอาวุธและกระสุนปืนสำหรับการป้องกันประเทศและกีฬา 

การยกระดับอุตสาหกรรมดังกล่าว จำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการมาตรฐาน เช่น ห้องแล็บสำหรับทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของสากล รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักกติกาสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

ล่าสุด สมอ. ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการรับรองห้องแล็บระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ได้ให้การรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบ ตามมาตรฐาน มอก. 17025-2561 หรือ ISO/IEC 17025 : 2017 แก่หน่วยงานใน 3 อุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ 1.) อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ คือ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ 2.) อุตสาหกรรมปิโตรเลียม คือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ 3.) อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ คือ บริษัท วชิรแล็บเพื่อสังคม จำกัด จึงทำให้ห้องแล็บที่ได้รับการรับรองจาก สมอ. ได้รับความเชื่อมั่นและเชื่อถือในระดับสากลด้วยเช่นกัน 

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ สมอ. ได้มอบใบรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบ ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 ให้แก่ 3 หน่วยงาน ได้แก่ 1.) สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็นองค์การมหาชนสังกัดกระทรวงกลาโหม ที่มีภารกิจด้านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ได้รับการรับรองในสาขาโยธาและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ  โดยนำผลทดสอบไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธปืน กระสุน แผ่นเกราะ กระจกกันกระสุน โล่นิรภัย รถกันกระสุน เส้นใยป้องกันการติดไฟ อากาศยานไร้คนขับ เป็นต้น     

2.) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ได้รับการรับรองในสาขาปิโตรเลียม โดยนำผลทดสอบไปใช้ประกอบในการสำรวจแหล่งปิโตรเลียม และการวิจัยเพื่อเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมัน    

และ 3.) บริษัท วชิรแล็บเพื่อสังคม จำกัด เป็นบริษัทที่ร่วมทุนระหว่างมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ให้บริการวิเคราะห์ สุ่มตรวจ และรับรองอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้รับการรับรองในสาขาวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับการทดสอบหน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว และหน้ากากใช้ครั้งเดียวชนิด N95 โดยนำผลทดสอบไปใช้เพื่อการผลิตหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์การแพทย์ที่มีคุณภาพ 

ทั้งนี้ การได้รับการรับรองจะช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถลดต้นทุนและลดระยะเวลาในการทดสอบ เพราะไม่ต้องส่งสินค้าไปทดสอบซ้ำอีกในต่างประเทศ เนื่องจาก สมอ. ได้ลงนามในข้อตกลงการยอมรับร่วม (Mutual Recognition Arrangement : MRA) กับองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการรับรองห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีประเทศสมาชิกที่ลงนามในข้อตกลงการยอมรับร่วม จำนวน 118 ประเทศ จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเจรจาต่อรองทางการค้าของผู้ประกอบการไทยด้วย เลขาธิการ สมอ. กล่าว

‘รพ.ดัง’ แจงยิบ!! กรณีลืมผ้าก๊อซในช่องคลอดคนไข้ เหตุ!! ไม่ได้วัดความยาวผ้า ยัน!! จะไม่เกิดเหตุซ้ำอีก

(18 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ออกแถลงการณ์ เรื่อง กรณีข่าวผู้ป่วยของโรงพยาบาลพบผ้าก๊อซตกค้างในช่องคลอด 

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติม ดังนี้ ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ได้รับการรักษาโดยการฉายรังสีและใส่เครื่องมือสำหรับใส่แร่ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567

ซึ่งทางทีมแพทย์ ได้ใส่เครื่องมือสำหรับใส่แร่เข้าไปในช่องคลอด พร้อมใส่ผ้าซับโลหิต ชนิดก๊อซแบบม้วน เพื่อให้เครื่องใส่แร่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และลดปริมาณรังสีที่มีผลต่ออวัยวะข้างเคียง หลังจากนั้นผู้ป่วยมีปัญหาในการติดเชื้อ ทางโรงพยาบาลได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน พร้อมหาแนวทางดูแลผู้ป่วยและญาติในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีข้อสรุปดังต่อไปนี้ 

1.การใส่เครื่องใส่แร่พร้อมผ้าก๊อซแบบม้วนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ได้มีการนำอุปกรณ์และผ้าก๊อซออก แต่ขาดการตรวจสอบความยาวของผ้าก๊อซ ซึ่งโรงพยาบาลได้เน้นย้ำมาตรการให้เข้มงวดขึ้นดังนี้

1.1 ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด บันทึกอุปกรณ์ทุกชิ้นก่อนและหลังทำหัตถการ การตรวจภายในซ้ำเพื่อตรวจสอบสิ่งตกค้าง รวมไปถึงการตรวจสอบซ้ำ (Double check) จากเจ้าหน้าที่อีกคนก่อนเสร็จสิ้นหัตถการ

1.2 ตรวจสอบและบันทึกความยาวของผ้าก๊อซทุกครั้งก่อนและหลังการทำหัตถการ

1.3 เปลี่ยนผ้าก๊อซแบบม้วนปกติเป็นชนิดพิเศษที่มีแถบรังสี เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้จากการถ่ายภาพรังสี กรณีที่ความยาวของผ้าก๊อซไม่ครบ

2.การไม่ได้รับการอนุมัติสิทธิการรักษาอื่นนอกเหนือจากสิทธิการรักษามะเร็งที่ผู้ป่วยได้รับ เกิดจากการประเมินที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งทางโรงพยาบาลได้มีมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ทบทวนให้ความรู้เจ้าหน้าที่และเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับแพทย์ผู้ให้การรักษา

ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ให้ข้อมูลกับผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริงดังกล่าว โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเสียใจและพร้อมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้การรักษาพยาบาลเพื่อให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติ พร้อมเร่งดำเนินการเยียวยาและให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเน้นย้ำมาตรการเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top