Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

‘พม.’ สั่งพ่อแม่เด็กเชื่อมจิต ห้ามนำลูกไปแสวงหากำไร พร้อมย้ำให้คำนึงถึงสิทธิ - เสรีภาพของเด็กเป็นหลัก

(4 มิ.ย.67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่อ้างว่าตัวเองสอนธรรมะด้วยวิธีการเชื่อมจิตได้ พร้อมพ่อ-แม่ และทนายความ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอให้ พม.มีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กชายวัย 8 ขวบคนดังกล่าวจากการถูกใส่ร้าย

ต่อมา เวลา 09.40 น. ครอบครัวของเด็กพร้อมด้วยนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ได้นำเอกสาร 1 ชุด เข้าพบเจ้าหน้าที่ พม.โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

ต่อมา นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม. เปิดเผยภายหลังร่วมพูดคุยกับพ่อแม่และเด็กรวมทั้งทนายความ ว่า วันนี้พ่อและแม่ของเด็กได้นำหนังสือมายื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม.จ.สุราษฎร์ธานี สืบเนื่องจากที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้านของเด็ก 8 ขวบ และเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ส่วนรายละเอียดอยู่ในเอกสาร จากการพูดคุยกับพ่อแม่เด็ก ได้มีคำสั่งให้พ่อแม่ยุติการนำลูกไปแสวงหากำไร ให้คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของเด็กเป็นหลัก ซึ่งทางพ่อแม่รับปากว่าจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี

นางอภิญญา กล่าวว่า จากการพูดคุยกับพ่อแม่และเด็ก 8 ขวบดูปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร บรรยากาศเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ส่วนกรณีที่พ่อแม่เด็กยื่นขอให้ไต่สวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม.จ.สุราษฎร์ธานี เป็นกรณีฉุกเฉินนั้น ปรากฏว่าศาลได้ตอบกลับมาว่าจะไต่สวนเป็นกรณีปกติ ขณะนี้ทาง พม.อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร เพื่อไปยื่นต่อศาลในวันไต่สวนวันที่ 17 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางอภิญญาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนอยู่นั้น พ่อแม่พร้อม 8 ขวบและทนายความได้ขึ้นรถตู้ออกไปจาก พม.ทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าจะออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน โดยอ้างว่าเด็ก 8 ขวบและครอบครัวถูกใส่ร้ายจากสื่อและกลุ่มผู้ไม่หวังดี ใส่ร้ายว่าเป็นลัทธิทำให้ได้รับความเสียหาย อับอาย ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ ทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีการโพสต์ข้อความว่า “กำลังเดินทางไปกองปราบปราม เพื่อมอบหลักฐานข้อเท็จจริง ให้กับ บก.ปอท.”

‘ไบร์ท’ ขอโทษกลางคอนเสิร์ต ปมร้องเพลงผิดพลาด ฮึดสู้!! จะร้องเพลงต่อไป พร้อมขอกำลังใจจากทุกคน

เมื่อวานนี้ (3 มิ.ย. 67) แม้จบไปแล้วสำหรับ ‘The Kingdoms Concert’ เมื่อวันที่ 1-2 มิ.ย.ที่ผ่านมา คอนเสิร์ตที่รวมศิลปินชายแห่งยุค กับที่สุดของ 4 คิงส์ ในวงการเพลง อย่าง นนท์ - ธนนท์, ไบร์ท - วชิรวิชญ์, The Toys (ทอย - ธันวา) และ เจฟ ซาเตอร์

อย่างไรก็ตาม คอนเสิร์ตได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากแฟน ๆ ตั้งแต่วันที่เปิดขาย บัตรหมดเกลี้ยงทั้ง 2 รอบการแสดง ภายในระยะเวลาไม่กี่นาที

สุดท้ายเกิดดรามาขึ้นกับนักแสดง และนักร้องหนุ่มอย่าง ‘ไบร์ท - วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ หลังมีคลิปวิดีโอการแสดงถูกปล่อยออกมา โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ‘ร้องเพลงไม่ตรงคีย์’ อีกทั้ง ‘จำเนื้อเพลงไม่ได้’

ทั้งนี้ ประเด็นนี้ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตที่ให้นักร้องทั้ง 4 คนออกมาเผยความรู้สึก ไบร์ท วชิรวิชญ์ เปิดใจว่า

“อยากขอบคุณหลายคน เริ่มจากขอบคุณพี่ ๆ ทีมงานที่ให้โอกาสมายืนร่วมเวทีกับพี่ ๆ ทั้ง 3 คนตรงนี้ ผมมีความสุขในทุกโมเมนต์ที่ได้ทำงานด้วยกัน ซาบซึ้งกับสิ่งนี้มาก ๆ ขอบคุณพี่ ๆ ทั้ง 3 คนที่ทำให้อะไรที่ควรจะยากให้ยากน้อยลง ขอบคุณมาก ๆ”

“อย่างที่พี่นนท์ บอกคอนเสิร์ตจะไม่สมบูรณ์ ถ้าไม่มีคนดูที่มาเติมเต็มทุกโชว์ ขอบคุณทุกเสียงร้อง ทุกการโบกมือ ทุกอย่างที่ทำให้เรามีกำลังใจ และมีความสุขในการโชว์ ขอบคุณจริง ๆ ร้องผิดร้องพลาดบ้างขอโทษจริง ๆ ผมเต็มที่มากจริง ๆ ขอโทษที่ทำให้เสียความรู้สึก แต่ผมจะร้องเพลงต่อไป เป็นกำลังใจให้ผมด้วย”

‘วราวุธ’ ย้ำ!! จุดยืน 'ชทพ.' ถึงร่าง 'พ.ร.บ. นิรโทษกรรม' ต้องไม่มีเรื่อง 'ม.112-อาญาร้ายแรง-คอร์รัปชัน'

(4 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึง การศึกษาแนวทาง ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้ส่งนายนิกร จำนงค์ เป็นตัวแทน และตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติม ซึ่งตามนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา ในร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมจะต้องไม่มี 3 เรื่อง คือ...

1.ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญามาตรา 112 
2. ไม่เกี่ยวข้องกับอาญาที่ร้ายแรง
และ 3. ไม่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน

ส่วนกรณี ที่มีความเห็นจากหลายพรรคการเมืองต้องการให้บรรจุ คดีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมอยู่ด้วยนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปและเป็นเรื่องปกติ ที่หลายฝ่ายจะมีความคิดและข้อเสนอที่หลากหลาย แต่ยังไม่มีการลงมติหรือบทสรุปใด

‘นายกฯ’ สั่งเดินหน้า ‘กาสิโน’ ในไทยให้เป็นรูปธรรม คาด!! เก็บภาษีปีแรกไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

(4 มิ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมครม.เรื่องการติดตามการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยสั่งการกระทรวงการคลัง ให้นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒ์ รมช.คลัง ไปดำเนินการศึกษา เร่งรัดการดำเนินการเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร โดยนำร่างพ.ร.บ.ฉบับที่กรรมาธิการได้พิจารณามาประกอบความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติครม.ที่เคยมีไว้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 พร้อมทั้งจัดทำแผนการออกกฎหมายลำดับรองลงไปที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอครม.ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

“เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือ สถานบันเทิงครบวงจร มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เพราะถ้าพูดถึงมูลค่าของธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทั่วโลก เมื่อปี 2565 มีมูลค่าสูงถึง 1.5.ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยตก 54 ล้านล้านบาท และคาดว่าปี 2571 มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเติบโตเป็น 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 79 ล้านล้านบาท ปัจจุบันประเทศ หรือเขตปกครองพิเศษที่ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรใหญ่ที่สุดคือมาเก๊าซึ่งประชากร 6.9 แสนคน แต่ทำธุรกิจได้ 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงมาก ลำดับรองลงมาคือลาสเวกัส 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สิงคโปร์ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้าน ฟิลิปปินส์  2.1 แสนล้าน เวียดนาม 1.8 แสนล้าน อินโดนีเซีย 1.8 แสนล้าน ประเทศไทย 0 บาท จะเห็นว่าประเทศในเอเชีย ในรอบบ้านเราไปไกลกว่าเราเยอะ นอกเหนือจากนี้ประเทศญี่ปุ่นมีแผนจะผุดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขึ้นมาอีก 3 แห่ง ในเร็ว ๆ นี้ ทั้งโอซาก้า นางาซากิ และฟุกุโอกะ ประเทศไทยต้องเร่งหน่อยถ้าหากจะมีรายได้ทางนี้” นายชัย กล่าว

นายชัย กล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้คำนวณเบื้องต้นว่าถ้าเรามีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ลงทุนในเมืองไทย จะมีรายได้ไหลเข้ามามากมายมหาศาล และปีแรกจะสามารถเก็บภาษีได้ไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

'เครือสหพัฒน์' ผนึกกำลัง 'fufu' ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น ผุด 100 สาขา เจาะตลาดทำสีผมแฟชั่น และกลุ่มสูงวัยปิดผมขาว

(4 มิ.ย. 67) คุณธีรดา อำพันวงษ์ คณะกรรมการในเครือสหพัฒน์ เผยถึงความร่วมมือกับพันธมิตร ‘ฟาสต์ บิวตี้’ จากประเทศญี่ปุ่น ขยายธุรกิจร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย ว่า เพราะคนไทยมีความสนใจเรื่องความงามคล้ายกับคนญี่ปุ่น ปัจจุบันประเทศไทยมีกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นอีกโอกาสของตลาดทำสีผมทั้งปิดผมขาวและสีแฟชั่น

ร้านทำสีผม ‘fufu’ ที่จะเข้ามาเปิดตลาดในไทย เป็นการทำสีผมที่แตกต่างจากเดิม คือตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงวัย โดยการนำเทคโนโลยีและระบบ CRM มาให้บริการ เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า และใช้ AI เสนอทางเลือกที่เหมาะกับให้ลูกค้า ตั้งเป้าเปิดให้บริการในประเทศไทย 100 สาขา สำหรับสาขาแรกเปิดในทำเลทองหล่อ

มร.ยูกิฮิโระ ฮิกาชิคุโบะ ประธานบริษัทและผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟาสต์บิวตี้ จำกัด กล่าวว่า 'ฟาสต์ บิวตี้' ดำเนินธุรกิจร้านทำสีผม fufu ที่มีกว่า 130 สาขา และเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจร้านทำสีผมในประเทศญี่ปุ่น โดยให้บริการเฉพาะการทําสีผม ในราคาคุ้มค่าและรวดเร็ว ปัจจุบันมีลูกค้ามาใช้บริการกว่า 4.15 ล้านคนต่อปี

นอกจากให้บริการทำสีผมแล้ว ฟาสต์ บิวตี้ ยังเป็นผู้จําหน่ายผลิตภัณฑ์ความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผ่านทางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซด้วย

สำหรับร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย ให้บริการลูกค้าครบวงจร ทั้งบริการทําสีผมแฟชั่น สําหรับกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และบริการทำสีผมเพื่อปกปิดผมขาว สำหรับกลุ่มคนสูงวัย โดยจะลงนามความร่วมมือขยายธุรกิจร่วมกันในงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2567

เชียงราย-ททท. สำนักงานเชียงราย เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวช่วง Green Season  

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย จับมือกับพันธมิตรภาคเอกชน และทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย พะเยา เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวช่วง Green Season เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวและพักค้าง จังหวัดเชียงราย และพะเยา รับส่วนลดค่าที่พัก, E-coupon และสิทธิพิเศษมากมาย จากผู้ประกอบการร้านอาหาร คาเฟ่ สปา กิจกรรมท่องเที่ยวในชุมชน รวมกว่า 100 แห่ง ในช่วงมิถุนายน-สิงหาคม ศกนี้    

นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ซึ่งรับผิดชอบการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในด้านการส่งเสริมการตลาดเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว 2 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงรายและพะเยา กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนหรือช่วง Green Season เป็นอีกช่วงหนึ่งที่จังหวัดเชียงราย และพะเยา เป็นเมืองน่าเที่ยวที่มีความสวยงามของธรรมชาติ ป่าเขา ทุ่งนาเขียวขจี ในบรรยากาศที่เงียบสงบ สดชื่น ชุ่มฉ่ำ สบายตา อากาศดีเย็นสบาย มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อน มาค้นหาความสุขกับการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าท่ามกลางทะเลหมอกหลังฝน ซึ่งทั้งสองเมืองนี้งดงามไม่แพ้ที่ใดๆ 

และนอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรม และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้ทุกท่านได้มาเรียนรู้ในวิถีชุมชน ดื่มด่ำกับความสุขการจิบชา-กาแฟยามเช้าท่ามกลางธรรมชาติ และสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชน การนวด-สปา และชิมเมนูอาหารพื้นเมืองแสนอร่อยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นในจังหวัดเชียงราย และพะเยา

เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว และเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพะเยา ให้ท่องเที่ยวได้ทั้ง 365 วันตามนโยบายของรัฐบาล และ ภูมิภาคภาคเหนือ ททท. ได้กระตุ้นการท่องเที่ยวในภาคเหนือ 17 จังหวัด ภายใต้แคมเปญ “แอ่วเหนือให้ฉ่ำ” โดย ททท.สำนักงานเชียงราย ได้ร่วมกับภาคเอกชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งในจังหวัดเชียงราย และพะเยา จัดโครงการท่องเที่ยวทั้ง 2 จังหวัด ภายใต้แคมเปญ “เที่ยวฉ่ำยามหน้าฝนที่เชียงราย” หรือ Amazing Chiang Rai in Green Season และแคมเปญ “สุขทันทีที่เที่ยวพะเยา In Green Season ในห้วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2567 นี้

เที่ยวฉ่ำยามหน้าฝนที่เชียงราย ททท. สำนักงานเชียงราย ร่วมกับ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญ“เที่ยวฉ่ำยามหน้าฝนที่เชียงราย” โดยนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยว

เชิญชวนมาท่องเที่ยวสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวในเส้นทางความสุขที่หลากหลายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อาทิเช่น เส้นทางท่องเที่ยวสายธรรมชาติ เส้นทางเยี่ยมบ้านศิลปิน เส้นทางจิบชาและกาแฟ เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน ในช่วง Green Season โดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างจังหวัด ที่พักค้างในโรงแรมที่ร่วมกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายกว่า 40 แห่ง รับ “ฟรี” คูปองเป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในสถานประกอบการที่ร่วมกิจกรรม ได้แก่ ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร สปา กิจกรรมท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน รวมจำนวนกว่า 80 แห่ง ให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมที่พักในจังหวัดเชียงราย จำนวน 3,000 สิทธิ์ ตามเงื่อนไขที่ ททท. กำหนด ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 31 สิงหาคม 2567

สุขทันที...ที่เที่ยวพะเยา ททท. สำนักงานเชียงราย ร่วมกับ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดพะเยา, หอการค้าจังหวัดพะเยา, YEC จังหวัดพะเยา, ชมรมอาหารและเครื่องดื่มพะเยา, ชมรมการท่องเที่ยว ภูลังกา-ผาช้างน้อย พะเยา และผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดพะเยา จัดกิจกรรมกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดพะเยาในห้วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2567 ภายใต้แคมเปญ “สุขทันที...ที่เที่ยวพะเยา In Green Season” โดยนำเสนอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสกับประสบการณ์ ใน เส้นทางแห่งความสุข 4 เส้นทาง : สุขกาย (Nature), สุขใจ (Faith), สุขในวิถี (Local), สุขในอาหารที่อร่อย (Tasty) ในช่วงกรีนซีชั่น (Green Season) โดยจัดกิจกรรม “ลดทันที...ที่เช็คอินพะเยา” มอบสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างจังหวัด 1,000 ท่านแรกที่พักค้าง เพียงจองที่พัก เช็คอิน แล้วสแกน QR Code ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน รับส่วนลดค่าที่พักทันที 100 บาท/ห้อง เมื่อเข้าพักโรงแรมที่ร่วมกิจกรรมในจังหวัดพะเยากว่า 10 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 และนักท่องเที่ยวต่างจังหวัด 500 ท่านแรกที่พักค้างในที่พักโรงแรมที่ร่วมกิจกรรมกว่า 15 แห่ง ในช่วงระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2567 รับเลย E-Voucher มูลค่า 200 บาท/ห้อง สำหรับใช้เป็นส่วนลดเมนูอาหารพื้นเมืองจานเด็ดรสชาดอร่อย ที่ร้านอาหารขึ้นชื่อในพื้นที่จังหวัดพะเยาที่เข้าร่วมโครงการ ในส่วนจังหวัดพะเยาในช่วงกรีนซีซั่นนี้ ททท.สำนักงานเชียงรายแนะนำให้มาสัมผัสบรรยากาศความสวยงามของวิวผาช้างน้อย ภูลังกา อ.ปง จ.พะเยา ที่เขียวขจี อากาศเย็นสบายช่วงหน้าฝนที่ชุ่มฉ่ำ สัมผัสกับความงดงามพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกยามเช้า ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2567 มีส่วนลดค่าที่พักกว่า 30-50 % จากราคาปกติ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 12 แห่ง

ททท. สำนักงานเชียงราย จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว เดินทางมาสัมผัสการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายและพะเยา ในช่วง Green Season และรับส่วนลด สิทธิพิเศษมากมาย สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข่าวสารได้ที่ ททท. สำนักงานเชียงราย โทร 0 5371 7433, 0 5374 4674-5 ค้นหาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดพะเยาได้ที่เว็บไซต์ www.tourismchiangrai-phayao.com, www.checkinphayao.com , เพจ Facebook : ททท.สำนักงานเชียงราย

อัปเดต '2 นศ.' ถูกไฟชอร์ตบนเครื่องเล่น 'ทากาด้า' ปลอดภัย 1 สาหัส 1 ด้านสวนสนุกรับผิดชอบเต็มที่

เมื่อวันที่ (2 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้หญิง 2 ราย คือ น.ส.เอ และ น.ส.บี (นามสมมุติ) ได้ไปเล่นเครื่องเล่น TAGADA (ทากาด้า) ในสวนสนุกเคลื่อนที่ งานมหกรรมสวนสนุกนานาชาติ ที่มาตั้งให้บริการเช่าพื้นที่ที่ลานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 มิถุนายน 2567 ขณะที่เครื่องเล่นหยุดแล้ว น.ส.เอกำลังจะลง แต่ทางลงมีช่องว่างระหว่างเครื่องเล่นกับบันไดทางลง

น.ส.เอจึงจับราวบันไดแล้วกำลังจะก้าวลง แต่เกิดไฟชอร์ตขึ้น จึงพยายามสะบัดมือออก แต่ไม่หลุด จึงหมดสติแล้วร่วงลงมาจากเครื่องเล่น หน้ากระแทกกับเหล็กด้านล่าง ทำให้ตอนนี้มีกระดูกหน้าผากแตก เลือดกำเดาไหล ปวดคอ มีแผลถลอกที่หน้าตรงปลายคาง ความสูงประมาณ 2 เมตร ตรวจแล้วพบว่ากะโหลกร้าว ส่วน น.ส.บีโดนไฟชอร์ตตอนจับราวสลบ ไม่ได้ร่วงลงมา

ทั้งนี้ น.ส.เอเรียนครูอยู่ราชภัฏแห่งหนึ่ง จ.ลพบุรี ปี 2 เป็นความหวังของครอบครัว แต่ตอนนี้มาเกิดอุบัติเหตุ คนในครอบครัวเสียใจกันมาก คืบหน้าล่าสุดวันนี้ 4 มิถุนายน 2567 น.ส.บีที่ถูกไฟชอร์ตปลอดภัยแล้ว ส่วน น.ส.เอที่ร่วงหล่นลงมานั้นหน้ากระแทกกับเหล็กข้างล่าง

น.ส.ณัฐณิชา ชูวงษ์ อายุ 23 ปี พี่สาวของ น.ส.เอ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า แพทย์แจ้งอาการของ น.ส.เอ มีกะโหลกร้าวที่บริเวณหัวคิ้วด้านขวา และปวดบริเวณใบหน้า คอขยับไม่ได้ กระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่ ต้องทำการผ่าตัด และดวงตาอาจเกิดผลกระทบทำให้สายตาเอียง ตอนนี้ทำการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ได้สอบถามพนักงานสอบสวนแล้วทราบว่า “คืนเกิดเหตุ ได้ไปตรวจบริเวณที่เกิดเหตุเรียบร้อย ได้สอบปากคำผู้จัดการสวนสนุกแล้ว และจะนัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจาค่าเยียวยากันต่อไป”

ด้านผู้จัดการสวนสนุกเล่าว่า ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้เลย ไฟที่ชอร์ตนั้น เกิดจากไฟรั่วจากไฟประดับ ที่มาพาดผ่านเครื่องเล่น เมื่อเพื่อน น.ส.บีที่กำลังจะก้าวลง เกิดจับราวของเครื่องเล่นที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าก็เกิดอาการชอร์ต ยืนนิ่งไป ส่วน น.ส.เอกับพนักงานที่มาช่วยได้ไปดึงมือช่วยลงมาได้ เหลือ น.ส.เอที่ถูกไฟชอร์ตร่วงลงไปข้างล่าง ในส่วนของเครื่องเล่นทุกชนิด จะมีผู้ช่วยเหลือและผู้ควบคุมเครื่องจุดละ 3 คน อีกคนก็รีบไปสับเบรกเกอร์ ส่วนอีกคนก็ลงไปช่วย น.ส.เอที่ร่วงลงไปข้างล่าง และโทรแจ้งเหตุ

จนอาสาสมัครสมาคมร่วมกตัญญูได้มาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำส่งโรงพยาบาลทันที ในส่วนของทางสวนสนุกนั้นได้ยืนยันกับพนักงานสอบสวนแล้วว่าจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี ส่วนเครื่องเล่น ทากาด้า มีการแก้ไขระยะทางเดินขึ้นไปหาเครื่องเล่นให้มีระยะชิดขึ้น และได้จัดเจ้าหน้าที่คอยรับผู้ที่มาใช้บริการ ลงจากเครื่องเล่นบริเวณทางลง อีกทั้งได้มีการตรวจเช็กจุดที่รั่วของกระแสไฟที่รั่วไหล และได้ดำเนินการแก้ไขไม่ให้มีการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าอีก และได้เพิ่มเสาดินเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหล รวมถึงการตรวจเช็กความปลอดภัยของเครื่องเล่น และกระแสไฟฟ้าของทุกเครื่องเล่น ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานทุกเครื่องเล่น

“ตำรวจ ปส. สกัดจับกุมไอซ์ 605 กก. ที่ท่าเรือริมแม่น้ำท่าจีน ขณะเตรียมลำเลียงส่งไปต่างประเทศ”

กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๓๑ พ.ค.๖๗ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.4 และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. ได้ทำการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายยาเสพติดจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.หนองคาย และจะนำลงเรือที่บริเวณท่าเทียบเรือไม่มีเลขที่ริมแม่น้ำท่าจีน  ถ.วัดบางหญ้าแพรก-อัน นาลัย ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร  เพื่อส่งออกไปต่างประเทศประเทศ  ต่อมาเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. พบรถยนต์เป้าหมาย เป็นรถตู้ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฮว ๓๙๘๐ กรุงเทพ ฯ กำลังเคลื่อนที่มาที่ท่าเรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์รอบบริเวณท่าเรือ จนกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๑๐ น. พบรถตู้ดังกล่าววิ่งเข้ามาที่ท่าเรือดังกล่าว และพบเห็นผู้ชาย จำนวน ๒ คน ลงจากรถมาเปิดท้ายรถตู้ และยกกระสอบสีดำออกจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ  สอบถามชื่อกับผู้ชายทั้งสองทราบชื่อว่านายประยงค์ฯหรือยงค์และนายรณชัยฯ หรือแกม และขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบถุงพลาสติกสีดำพันด้วยพลาสติกใส ภายในพบกระสอบสีขาว ด้านในกระสอบ พบยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ไอซ์) ลักษณะเป็นเกล็ดผลึกใส บรรจุอยู่ในถุงชาสีทอง ยี่ห้อ GUANYINWANG ถุงชาสีทองห่อหุ้มด้วยซองพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง จำนวนทั้งหมด ๑๔ กระสอบ น้ำหนักประมาณ 605 กก.  จึงร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

สอบถามผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ โดยนายประยงค์ ฯ ให้การว่า ได้รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากนายอาปา คนจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นชาวเผ่าอาข่า ซึ่งรู้จักกันตอนที่ถูกจำคุกที่เรือนจำเขาบิน หลังจากพ้นโทษก็ได้ติดต่อกับนายอาปา ฯ และนายอาปา ฯ ชักชวนให้มาขนยาเสพติด โดยให้ค่าจ้าง ๑ ล้านบาท และตนได้ชวนนายรณชัย เพื่อนของตนมาช่วยขับรถให้ เพราะขับรถไม่ชำนาญ  ต่อมาได้รับคำสั่งให้ไปรับรถตู้ดังกล่าวที่ถูกจอดทิ้งไว้ที่โลตัสมหาชัย และวันที่ 30 พ.ค.67 เวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. ตนและนายรณชัยจึงพากันไปนำรถตู้ดังกล่าวที่โลตัสมหาชัย แล้วขับไปจอดเก็บไว้ที่โกดังเลขที่ ๘๗/๑๕๕ ม.๗ ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร  ต่อมาวันที่ ๓๑ พ.ศ.๖๗ เวลา ๐๗.๐๐ น. ได้รับคำสั่งให้นำรถไปส่งที่ท่าเรือที่นัดหมาย จึงพากันนำรถตู้มาที่จุดนัดหมายและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าว และต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พาผู้ต้องหาทั้งสองไปตรวจค้นที่โกดังดังกล่าว แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายเพิ่มเติมแต่อย่างใด

พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 มอบทุนการศึกษาบุตรกำลังพลที่สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 67 เหล่ากองทัพบก

วันที่ 4 มิถุนายน 2567 เวลา 13.30 นาฬิกา ที่ ห้องรับรอง 1 กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานพิธีมอบทุนการศึกษาสำหรับบุตรกำลังพลที่สอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 67 เหล่ากองทัพบก จำนวน 8 ทุน ทุนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 80,000 บาท โดยแบ่งเป็นโควตาบุตรกำลังพล จำนวน 7 ทุน และโควตาจังหวัดอุตรดิตถ์ 1 ทุน เพื่อเป็นการให้กำลังใจและสนับสนุนครอบครัวกำลังพล ที่สร้างแรงจูงใจและส่งเสริมบุตรเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนทหาร ซึ่งถือเป็นครอบครัวตัวอย่าง ในการผลิตกำลังพลให้กับกองทัพ โดยได้มอบเงินให้กับบุตรกำลังพลดังกล่าว เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจให้กับกำลังพล ตลอดจนเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา ให้กับครอบครัวของกำลังพล ให้บุตรของกำลังพลได้มีกำลังใจ มีความมุมานะในการที่ศึกษาเล่าเรียน มีความรู้ ความสามารถ เป็นกำลังสำคัญ และอนาคตที่ดีของประเทศชาติต่อไป

ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก 

‘ไชน่า อีสเทิร์นฯ’ ลุยสร้าง ‘โรงเก็บเครื่องบิน’ ใหญ่สุดในเอเชีย รองรับการซ่อมบำรุงได้ถึง 9 ลำ คาด!! แล้วเสร็จ-ส่งมอบปี 2026

(4 มิ.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ ของจีน เริ่มต้นการก่อสร้างฐานการบริการซ่อมบำรุงทางการบินระหว่างประเทศของสายการบินฯ ในเขตสินค้าทัณฑ์บนครบวงจรพิเศษหยางซาน เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน

ทั้งนี้ ฐานดังกล่าวใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านหยวน (ราว 7.5 พันล้านบาท) และพื้นที่รวมกว่า 110,000 ตารางเมตร จะประกอบด้วยโรงเก็บเครื่องบิน 3 หลัง รวมถึงห้องปฏิบัติงานและสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนการซ่อมแซมและปรับแต่งอุปกรณ์เสริม

ด้าน ฟางจ้าวย่า ประธานบริษัทเทคโนโลยีของไชน่า อีสเทิร์น กล่าวว่า โรงเก็บเครื่องบินหมายเลข 1 จะเป็นโรงเก็บเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีความยาว 316 เมตร ความลึก 146 เมตร และสามารถรับรองการซ่อมบำรุงเครื่องบินลำตัวกว้างพร้อมกัน 9 ลำ

อย่างไรก็ตาม โครงการฐานการบริการซ่อมบำรุงทางการบินระหว่างประเทศนี้ มีกำหนดเสร็จสิ้นและส่งมอบภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 1.8 ล้านชั่วโมงต่อปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top